เคยทำตามฝันตัวเองได้ไหมคะ?แบบที่ว่าไม่มีใครสนับสนุนเลย(มาเล่าประสบการ์ณก็ได้ค่ะ)

ตอนนี้เราอยากจะทำตามฝันแต่อุปสรรคเยอะมาก ถึงขึ้นว่ามากที่สุดเลยก็ได้ กลายเป็นว่าฝันที่เราอยากเป็นไม่มีใครสนับสนุนและเห็นด้วยเลย มีแต่คนเหยียบให้ลงดิน ลองหาอย่างอื่นที่ตัวเองชอบแล้วเป็นมันได้ง่ายกว่านี้แต่ไม่มีเลย เวลามีคนถามว่าโตมาอยากเป็นอะไรจะไม่กล้าตอบว่าอยากเป็น'ไอดอลแร็ปเปอร์'แต่จะตอบว่าไม่มีแทน มีช่วงนึงที่เริ่มเต้น(ใส่หูฟัง)พี่แอบเปิดประตูมาดู แล้วหัวเราะ จากนั้นความมั่นใจที่มีมาทั้งหมดพังหมดเลย แล้วกลายเป็นว่าเราไม่มีแรงบันดาลใจอีกต่อไปจะทำยังไงให้มีแรงฮึดสู้ต่อดีคะ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
เคยครับ ความฝันของคือ อยากเป็นสถาปนิก แต่คนในครอบครัวอยากให้รับราชการ
ผมเอง ต้องเรียนตามความต้องการของคนในครอบครัวมาตลอด สอบเข้าเรียน รร.เตรียมทหาร แต่มาพลิกและขัดใจทุกๆคน ตอนที่ตัดสอนใจลาออกตอนขึ้นเหล่าไปแล้วได้ 2 อาทิตย์ เพื่อมาเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัย โดยที่ไม่บอกใครในบ้านเลย
เลือกอันดับที่ 1. สถาปัตยกรรมศาสตร์ 2. วิศวกรรมศาสตร์ เลือกแค่ 2 คณะครับ แต่ติดอันดับที่ 2 คือ วิศวกรรมศาสตร์ มช.
แต่ก็ไปสมัครเรียนอีกที่ เพื่อเข้าคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ราชภัฏ เรียนควบ 2 สถาบันเลยครับ หนักหน่อยเรียนชนกันก็ดรอปไปลงเสาร์อาทิตย์ ก็พยายามจนเรียนจบทั้งสองที่ พร้อมกัน 4 ปี แล้วก็เรียนปริญญาโทด้านวิศวกรรมต่อระหว่างเรียนก็ทำงานไปด้วยเพื่อส่งตัวเองเรียน (ทำงานกับบริษัทรับเหมาก่อสร้างใน กทม. ดราฟแมน) จนเรียนจบ ป.โท หลังจากนั้นก็วาดฝันไว้ว่า อยากมีบ้านสวยๆในสวน ปลูกนั่น นี่ นั่นทำงานแบบชิวๆ จิบกาแฟ ดูน้ำ ดูปลา ดูผลผลิตในสวนของเรา ถึงขนาดนั่งวาดแบบบ้าน แบบแปลนในสวนเก็บไว้ แต่ด้วยอาชีพที่ทำตอนนั้น (ดราฟแมน) คงจะยาก เงินเดือน 11000 บาท ก็เลยตัดสินใจเอาวุฒิ วิศวกรรมมาลองสมัครงาน ก็เริ่มต้นสูงกว่า และมีโอกาสก้าวหน้า และก็ทำงานด้านระบบเน็ตเวิร์คมาถึง 10 ปี จนวันนึง จะย้ายเข้า กทม อีกรอบและเก็บของบังเอิญไปเจอแบบแปลนใบนั้น ก็ทำให้คิดที่จะทำมันอีกครั้งและต้องทำมันจริงจังซะที สุดท้ายแล้วตัดสินใจลาออกจากงานประจำที่ กำลังรับตำแหน่งใหม่ได้เพียง 6 เดือน พอลาออกได้เงินมาก้อนหนึ่งก็มากพอที่จะตั้งตัวได้ จึงกลับบ้าน
แรกๆ โดนด่า มีแต่คนดูถูก อยู่บ้านเฉยๆมา 1 ปี อยู่กับย่า 2 คน จนเราตัดสินใจพูดกับย่าเรื่องความฝันของเรา
คุณย่าเองที่เคยคัดค้านมาตลอด กลับสนับสนุน ผมเองก็ยังงง ย่าจึงยกทรัพย์สมบัติให้ทุกอย่างและได้ให้ข้อคิดในการดำเนินชีวิตมาอีกด้วย คือ คือทำให้ได้อย่างที่ฝันและเอาชีวิตจริง เข้าไปผสมผสานด้วยนะ แล้วทุกอย่างมันจะดำเนินไปอย่างมั่นคง คือ ในเมื่อผมจะสร้างฝันผมก็ต้องทำงานเพื่อให้ฝันมันค่อยเป็นค่อยไปด้วย อย่าเอาเงินที่มีอยู่มาลงทั้งหมด ค่อยๆสร้าง ค่อยเป็นค่อยไป
ผมจึงตัดสินใจ ปรับที่ดิน 7 ไร่ของผม ขุดบ่อปลา ปลูกไม้ผล ไม้ดอก ไม้ยืนต้น เลี้ยงไก่ชน ไก่ไข่ เป็ด สุดท้ายเงินที่แบ่งมา2 ส่วนเริ่มหมด ก็เลยเริ่มรับงานสถาปนิกอยู่ 2 ปี ก็ได้เงินมาสร้างบ้านสวน และเสริมเข้าไปคือออฟฟิตเล็ก 2 ชั้น ติดบ่อปลา รับงานทั้งตกแต่งภายใน และรีโนเวทบ้านเก่า ตึกเก่า จนกระทั่งบริษัทเดิมที่เคยทำอยู่ มาขอให้รับงานในเขตภาคเหนือ ผมจึงตัดสินใจทำบริษัทของตัวเองแล้วรับงานจากบริษัทเดิม รายรับและภาระงานเริ่มมากขึ้น จึงตัดสินใจเบรคงานก่อน รับเฉพาะที่จำเป็นเพื่อกลับมาสร้างฝัน จัดบริเวณสวน และบ้านให้ดี รับพนักงานเพิ่ม คุณย่าผมดูมีความสุขมากขึ้น ย่าชอบนั่งอยู่ที่ระเบียงบ้าน นั่งมองดูน้ำ ดูปลา และนั่งดูผมทำงานอยู่อีกฝั่งหนึ่งของบ้าน ผมสามารถเก็บเงินได้มากกว่าที่ย่าให้มาถึง 10 เท่า ในเวลา 3 ปี และในปี 2554 ผมก็เสียคุณย่าไปในวัย 72 ปี ทุกวันนี้ ผมมาไกลเกินฝันแล้ว ผมมีบ้านสวน ผมมีบริษัทเป็นของตัวเอง ผมเป็นสถาปนิกและวิศวกรในเวลาเดียวกัน (ผมมีกิจการบ้านเช่าที่ได้รับมรดกจากคุณย่า) วันที่ผมสำเร็จ แต่ผมไม่มีคุณย่าอยู่ข้างแล้ว ทุกวันนี้เดิมไปในสวนไม่ว่าบริเวณไหน ผมมักจะเอารูปคุณย่าและคำสอนต่างๆไปติดอยู่ตามต้นไม้ในสวน เพื่อเตือนสติตัวเองอยู่เสมอ
ผมพึ่งแต่งงานไปตอนปี 2557 มีครอบครัว มีลูก ผมก็มักจะพาภรรยากับลูกเดินเล่นในสวน และเล่าให้พวกเค้าฟังว่าย่าเคยสอนอะไรบ้าง ชอบทำอะไรอยู่ตรงไหน แฟนผมบอกว่าเวลาผมพูดถึงย่า ผมจะยิ้มเสมอ
ผมโชคดีที่มีย่า และก็โชคดีที่มีแฟนที่ดีและเข้าใจผมทุกๆอย่าง
(ขอพูดถึงแฟนหน่อยนะ)
พูดถึงแฟนผม ชีวิตแฟนผมต่างกับผมมากนะเค้าไม่มีอะไรติดตัวเลยสักอย่าง พ่อแม่เลิกกันตั้งแต่ยังเล็ก แม่เสียตอนอายุ 3 ขวบ พี่ๆน้องๆก็ต้องพลักพรากจากกันถูกน้าๆอาๆ พาไปเลี้ยงกันคนละที่ ทำงานหนักมาเยอะ ฐานะยากจนต้องหาบน้ำในคลองมาอาบ ต้องไปปลูกมันสำปะหลัง ทำนา จนเค้าออกมาอยู่ด้วยตัวเองตอนอายุ 16 ปีมาเรียนหนังสืออยู่ โรงเรียนพาณิชย์ ต้องทำงานส่งตัวเองเรียน พอจบ ปวช. ก็ต้องหยุดเรียนและไปทำงานเป็นแคชเชียร์ และค้าขายวุ้นมะพร้าว จนสร้างเนื้อสร้างตัวได้ มีบ้าน มีรถ เค้ามาจากที่ไม่มีอะไรเลย เทียบกับตัวผม มีทุกอย่างแต่ไม่ค่อยสนใจ อยู่อย่างสบายมาตลอด มาลำบากก็แค่ตอนเข้ามหาวิทยาลัย
ผมกับแฟนเจอกันที่ไหนเหรอ !! ในร้านคาราโอเกะ เค้าทำงานเป็นแคชเชียร์ แต่ผมไม่รู้ว่าเค้าเป็นน้องสาวเจ้าของร้าน ผมเข้าใจว่าเป็นเด็กนั่นดริ้งด้วยซ้ำ ผมนั่งมองเค้าในมุมมืดๆ ผู้หญิงตัวเล็กๆ ขาวๆ หน้าตาสวย คม เด่นที่สุดในร้านเลยล่ะครับ นั่งเล่นโทรศัพท์หลังเคาร์เตอร์ ผมทำทีเดินไปสั่งเบียร์ เพื่อไปมองใกล้ๆ เพราะไฟมันสลัวๆ มองไม่ค่อยชัด พอสั่งเสร็จจึงนั่งหน้าเคาร์เตอร์เลย ผมก็ถามว่าไม่ไปนั่งกับลูกค้าเหรอ เค้าก็ตอบว่า ไม่ไปเป็นน้องเจ้าของร้าน ผมนี่แทบลุกหนีไม่ทัน รีบกลับมาที่โต๊ะเลย 555 สักพักอยู่ เค้ามาขอนั่งด้วยแล้วบอกว่า มีเด็กในร้านชอบนะ แล้วก็พาเด็กมานั่งด้วย ผมเลยบอกไปว่า ผมชอบแคชเชียร์มากกว่า ทีนี้ อึ้งกันเลย แล้วอยู่ ข้อความในไลน์โทรศัพท์ของเด็กในร้านมันดังถี่แปลกๆ ผมเลยขอเค้ามานั่งด้วยแทน สุดท้ายคืนนั้นก็รู้ความจริง ว่าเค้าชอบผมตั้งแต่เดินเข้ามาในร้านแล้ว เพราะตัวสูง ขาว คิ้วเข้ม และแต่งตัวแนวๆดี แล้วเอาไปพูดกันในไลน์กลุ่ม ผมก็เลยสานต่อ 555 ครั้งแรกที่จับมือ ผมรู้สึกได้ว่ามือเค้าสากมาก รู้เลยว่าทำงานหนัก เค้าก็บอกว่ามือผมนี่ ลูกคุณหนู เด็กไม่รู้จักโต ทำอะไรไม่เป็น ว่าผมอีกเยอะ ผมเลยตัดบทคุยเรื่องอื่น คบกัน 1 ปีแต่งงานเลย และเค้าพึ่งเข้าบ้านผมครั้งแรก ในวันที่แต่งงานกัน เค้าบอกว่า อึ้งนะจากที่เคยด่า เคยว่าผม ยอมรับในตัวผมมากขึ้น เค้าเชื่อแล้วล่ะว่าไม่จำเป็นต้องใช้แรงหรือต้องทำงานให้หนักก็ประสบความสำเร็จได้ ถ้ามีสมองที่ดี เค้าก็กอดผมและร้องไห้และขอโทษที่เคยด่า
พอเรามีเวลาอยู่ด้วยกันที่บ้าน เค้ามักจะให้ผมเล่าเสมอว่าผมมีวันนี้ได้ยังไง ย่าผมเป็นยังไง และจะร้องไห้คิดถึงครอบครัวเค้าตลอด ผมขอให้เค้าขายบ้าน ขายรถเค้าให้หมดแล้วลืมเรื่องราวในอดีตซะ เก็บเงินไว้แล้วมาอยู่ด้วยกันที่บ้านนี้ เค้าก็ทำตามที่ผมขอทุกอย่าง ทุกวันนี้แฟนผมก็ยังทำวุ้นมะพร้าวส่งขายอยู่นะ อันนี้เค้าขอทำเพราะสงสารแม่ค้าที่รับประจำ และลูกค้าประจำของเค้า ผมก็ต้องสร้างห้องครัวให้เค้าเพิ่มอีกครับ ผมเองก็ให้โฉนดที่ดินที่บ้านเช่า เนื้อที่ 5 ไร่ติดถนน ให้เค้าเป็นกรรมสิทธิ เป็นเหมือนสินสอดทองหมั้น เพราะเค้าไม่เหลือใครแล้ว เราเองก็เหลือแต่แม่ ดูแลกันต่อไป จากแบบแปลนชีวิตที่เขียนไว้ ตอนนี้มีทั้งโรงงานวุ้น ออฟฟิตทำงานผม คุณย่าของผมนี่มองการณ์ไกลมากจริงๆครับ ตอนนี้ 4 ปีละ มีลูก 2 คน ชีวิตมีความสุขมากๆล่ะครับ (บ้านสวนกำลังจะก้าวเข้าสู่ปีที่ 10 )

ยาวหน่อยนะครับ อ่านจบ ผมก็ภูมิใจครับ อิอิ สู้ๆทุกคนนะครับ
พิมพ์ตอนนี้ อายุ 36 ปี อีก 10 ปี ถ้ากลับมาเจอจะอัพเดทอีกครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่