ห้องเพลง**คนรากหญ้า** พักยกการเมือง มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม...มีแต่เสียง 20/3/2018 (กูลิโกะ 71.8-Second Life)

กระทู้คำถาม


ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ

1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม

กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน  ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น





สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ห้องเพลงและเพื่อนสมาชิกทุกท่าน


ช่วงนี้ MC มาริโอ้ และ MC นู๋สร้างชาติ ติดธุระมากมาย งานยุ่งมาก
MC ฮารุจังจึงต้องปฏิบัติการยึดบอร์ด เอ๊ย ต้องยึดหน้าที่ตั้งกระทู้ต่อเนื่องไปก่อนค่ะ เพื่อนๆ ก็อย่าเพิ่งเบื่อกัน

วันนี้มาเรื่องถนัดของฮารุจังดีกว่า คือ อาหารญี่ปุ่นชนิดนึงค่ะ อ๊ะๆ ไม่ใช่มาม่า แต่เป็น กูลิโกะ


กูลิโกะ (Glico) ขนมชื่อดัง ใครจะทราบว่าชื่อนี้มีความหมายหรือที่มาอย่างไร ไม่น่าเชื่อว่าที่มาคือ หอยนางรม !!!

ในปี พ.ศ. 2462 นายริอิชิ อีซากิ อ่านหนังสือพิมพ์ลงข่าวว่า ไกลโคเจ้น (Glycogen) ที่อยู่ในหอยนางรม เป็นสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย  
เขาจึงซื้อน้ำต้มหอยนางรมมาจากชาวประมงและเอา Glycogen ไปเข้าห้องทดลองของโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัย คิวชู อิมพีเรียล

  

แต่การทดลองยังไม่ทันได้ผลอะไรออกมา ลูกชายของนายอีซากิเกิดเป็นโรคไทฟอยด์ หมอยังไม่รู้จะรักษาอย่างไร

เมื่อสิ้นหวังดังนั้น ผู้เป็นพ่ออย่างนายอิซากิก็ขออนุญาตหมอขอให้ลูกชายลองกิน Glycogen ที่สกัดออกมาจากหอยนางรม
ปรากฏว่าลูกชายแกหายป่วยจริงๆ

นายอีซากิจึงเกิดความคิดว่า ถ้าเด็กของญี่ปุ่นได้มีโอกาสกิน Glycogen นี้แบบง่ายๆ เด็กญี่ปุ่นน่าจะแข็งแรง ไม่ป่วยง่าย
จึงได้นำสารไกลโครเจนมาใช้ทำขนมคาราเมลหรือน้ำตาลเหนียวๆ และทำออกมาขายเป็นตัวแรก ด้วยความที่ Glycogen
เป็นสิ่งที่ดีมาก แกจึงตั้งชื่อสินค้าว่า Glyco หรือ Glico ในภาษาญี่ปุ่นอ่านว่า กูลิโกะ (หรือ "กู ลิ โค เก้น" นั้นเอง)

ส่วนเรื่องโลโก้  นายอิซากิได้ไอเดียจากการที่เห็นเด็กวิ่งแข่งกัน และวิ่งเข้าเส้นชัย  ซึ่งคนที่ชนะจะชูแขนขึ้น  
นายอิซากิจึงนำมาเป็นสัญญลักษณ์ในการสื่อให้เห็นถึงคำว่า แข็งแรง


และบอกว่าเจ้าลูกอมเม็ดนึงเนี่ยสามารถให้พลังงานได้ถึง 15.4 กิโลแคลเลอรี่ ซึ่งจะเป็นพลังงานที่ใช้ในการวิ่งระยะ 300 เมตรเป๊ะ
(คำนวณจากนักวิ่งที่มีความสูง 165 เซนติมเตรและหนัก 55 กิโลกรัม) จึงเป็นที่มาของโลโก้นักวิ่งกำลังชูมือเข้าเส้นชัยมาจนถึงทุกวันนี้!!!!

เขามีปรัชญาธุรกิจว่า "ส่งเสริมสุขภาพประชาชน ด้วยอาหารที่มีคุณค่า" ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โรงงานเขาในโตเกียว
และโอซาก้าก็ถูกระเบิดไฟไหม้จนหมดสิ้น เขาต้องอดทนกอบกู้ขึ้นมาใหม่จนประสบความสำเร็จอีกครั้ง

จนกระทั่ง ในปี 2513 กูลิโกะเริ่มออกมาตั้งโรงงานนอกประเทศญี่ปุ่น โดยเลือกประเทศไทยเป็นประเทศแรก


กูลิโกะรักษาความเป็นผู้ผลิตขนมชั้นนำระดับโลกมายาวนาน นอกจากพัฒนาตัวสินค้าแล้ว ยังมีแผนการตลาดที่มีสีสันไม่หยุดนิ่ง
เช่น ทำ Giant Pocky เทียบแท่งกูลิโกะป๊อกกี้ยักษ์กับดาบ ไลต์ เซเบอร์ ใน Star Wars อย่างมีอารมณ์ขันและน่ากิน



ข่าวล่าสุด 19 มีนาคม 2018

กูลิโกะญี่ปุ่น ออกโฆษณาสุดฮือฮา!

ใช้นักแสดงหญิง 72 คน แสดงเป็นผู้หญิงญี่ปุ่นคนเดียวจาก 1 ขวบยัน 72 ขวบ ใน 71.8 วินาที!

ล่าสุด กูลิโกะ ญี่ปุ่น ปล่อยโฆษณาที่ทำให้ทุกคนอมยิ้ม ใช้นักแสดงหญิงถึง 72 คน
แสดงให้เห็นชีวิตแต่ละช่วงปีของผู้หญิงญี่ปุ่นจากอายุ 1-72 ปี ซึ่งเป็นอายุขัยเฉลี่ยของคนเราในปัจจุบัน คือ  71.8 ปี  
โฆษณาชุดนี้จึงมีชื่อว่า “71.8-Second Life” นั่นแสดงว่านักแสดงแต่ละคนมีเวลาปรากฏตัวคนละ 1 วินาทีเท่านั้น!



ตัวนักแสดงทั้ง 72 คน ใส่เสื้อผ้าแบบเดียวกัน ทรงผมเดียวกัน หน้าตาก็ยังละม้ายคล้ายกัน
และน่าทึ่งที่ทุกคนมีอายุตรงกับช่วงวัยที่รับบทบาททุกคน!
ตั้งแต่ทารก วัยอนุบาล ประถม มัธยม  วัยรุ่น จนมีแฟน แต่งงาน มีลูก เป็นแม่บ้าน เป็นคุณยาย
จนถึงวันที่จากไปอยู่บนสวรรค์

ซึ่งกูลิโกะก็อยู่กับทุกวัย ทั้งป๊อกกี้โคลอน ไอศกรีม และอีกมากมาย ใช้เพลงประกอบน่ารักๆ
และจังหวะการตัดต่อที่แนบเนียนจนแทบจะจับไมไ่ด้ว่าแต่ละวินาทีได้เปลี่ยนนักแสดงแล้ว

โฆษณากูลิโกะชุดนี้ สะท้อนถึงชีวิตของมนุษย์ว่าแท้จริงแล้วก็แค่นี้ มีเกิด แก่ เจ็บ ตาย
…ทุกเวลาวินาทีคือการจากไปของอายุช่วงหนึ่ง จงใช้มันอย่างดีที่สุด  มีความสุขกับทุกโมเม้นต์เมื่อยังมีชีวิตอยู่
  

นอกจากนี้ ยังสะท้อนถึงวิถีชีวิตของผู้หญิงญี่ปุ่นที่ถูกความคาดหวังของสังคมกำหนดให้รับบทบาทเพียงสองอย่าง
คือ แม่และภรรยา

แม้คนอื่นอาจจะดูแล้วไม่น่าจะมีความสุข แต่ผู้หญิงญี่ปุ่นส่วนใหญ่ก็ยังคงยึดถือคุณค่าเดิมอย่างไม่เสื่อมคลาย
และพวกเธอก็มีความสุขด้วยการทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด และทำให้ครอบครัวมีความสุข

เราจึงเห็นผู้หญิงญี่ปุ่นยิ้มง่ายมีความสุขไม่ว่าจะวัยไหนๆ

ลองคลิกชมดูค่ะ น่ารักมากๆ

smile.Glico 「 71.8秒の LIFE / 71.8 SECOND LIFE

https://www.youtube.com/watch?v=BE1B7PiYwx0
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

ขอบคุณแหล่งข้อมูลและภาพประกอบ
http://board.postjung.com/710045.html
http://www.marumura.com/tips/?id=3284
http://teen.mthai.com/variety/77687.html
http://laughingsquid.com/star-wars-lightsaber-giant-pocky/
https://www.brandbuffet.in.th/2018/03/glico-japan-72-models-to-be-1/
ขอบคุณพี่ส้มที่แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

....................................................................


ริอิจิ เอซากิ เป็นตัวอย่างของคนที่ช่างสังเกต มีความคิดสร้างสรรค์ กล้าทดลองสิ่งแปลกใหม่ มีวิสัยทัศน์ อดทน
และไม่ยอมแพ้แม้จะเจออุปสรรค ทั้งเรื่องลูกชายป่วย และโรงงานเสียหายหมดสิ้นจากสงครามโลก

แนวคิดที่เอซากิ ยึดถือเป็นแนวทางทำธุรกิจมาตลอดคือ

"ธุรกิจไม่ได้ทำเพื่อตนเองเท่านั้น แต่ต้องทำเพื่อสังคมด้วย"
หากคนขายได้กำไรจากการขายของและคนซื้อได้กำไรจากคุณค่าของสินค้า การใช้เงินจึงคุ้มค่า

ชอบอีกแนวคิดของโฆษณาล่าสุดด้วยค่ะ คือ "ชีวิตคนเราก็เท่านี้ ทุกวินาทีที่ผ่านไปจงใช้มันอย่างคุ้มค่าที่สุด"


เพลงเพราะ เนื้อหาซึ้ง นางเอกสวย ขนมอร่อย ลองเปิดชมกันดูนะคะ ได้เห็นบรรยากาศเก่าๆ น่ารักดี

คิมิงะ อาเรบะ โซเรเดอิ (君がいればそれでいい) - ชิเครุ มัตซูซากิ - เนื้อร้องและบรรยายไทย

https://www.youtube.com/watch?v=047K_c802LU
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่