นักการเมืองรุ่นใหม่ กับแนวคิด "รัฐไทยไม่ควรอุปถัมภ์ศาสนาพุทธ" เพราะการอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาคือต้นเหตุความไม่สงบใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้
"นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" แกนนำพรรคอนาคตใหม่ เจ้าของสโลแกนว่า “ก้าวพ้นทศวรรษที่สูญหาย สร้างประเทศไทยที่มีอนาคต”
ได้เคยให้สัมภาษณ์นิตยสารชื่อดัง (GM ฉบับเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๐) ซึ่งตอนหนึ่งของบทสัมภาษณ์ นายธนาธร ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับความเชื่อเรื่องศาสนาของเขา
GM : เราพูดถึงเรื่องหนังสือเยาวชนที่สังคมไทยมุ่งสอนเรื่องคุณธรรมมากกว่าจินตนาการ แล้วส่วนตัวคุณเชื่อในศาสนาไหม
ธนาธร : ผมคิดว่าทุกคนมีพระเจ้าของตัวเอง แล้วคุณก็คุยกับพระเจ้าของคุณเองได้โดยไม่ต้องผ่านวัด โบสถ์ หรือมัสยิด คุณคุยกับพระเจ้าของตัวคุณได้ แม้กระทั่งระหว่างการวิ่ง คุณก็คุยกับพระเจ้าได้ คุณไม่ต้องไปตักบาตร ไปมิสซา หรือละหมาดเพื่อจะคุยกับพระเจ้า สิ่งที่ผมเชื่อก็คือศรัทธาทางศาสนาควรจะเป็นศรัทธาที่เปิดกว้าง และไม่ควรมีวัดหรือศาสนา หรือองค์กรใดมาบังคับหรือเชิดชูความเชื่อใดความเชื่อหนึ่งให้มากกว่าความเชื่ออื่นๆ เช่น รัฐไทยไม่ควรจะอุปถัมภ์ศาสนาพุทธ เพราะมันทำให้ปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แก้กันไม่จบ ผู้คนที่อยู่ใน 3 จังหวัด แง่หนึ่งก็เหมือนเป็นพลเมืองชั้นสอง เพราะไม่มีที่ยืนที่เท่าเทียมกันกับคนที่นับถือศาสนาพุทธ ผมคิดว่ารัฐควรจะถอยตัวเองออกมาจากเรื่องศาสนา ไม่ควรจะอุปถัมภ์ศาสนาอะไรเลย ที่นี่คุณจะนับถือยูดาย คุณจะนับถือเต๋า นับถือเซนก็ได้ เหมือนอย่างธรรมกาย ต่อให้ไม่เห็นด้วยกับธรรมกาย รัฐก็ไม่ควรไปยุ่ง ปัญหาคือถ้ารัฐไปยุ่ง มันก็จะซับซ้อนวุ่นวายไปหมด
สามารถอ่านบทสัมภาษณ์ทั้งหมดได้ที่
http://gmlive.com/TheEdgeofLifeไปให้สุดขั้วสัมภาษณ์แบบดิ่งลึกกับธนาธรจึงรุ่งเรืองกิจ
ถ้ามีผู้นำความคิดแบบนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ สงสารอนาคตลูกหลานไทยจริงๆ
"นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" แกนนำพรรคอนาคตใหม่ เจ้าของสโลแกนว่า “ก้าวพ้นทศวรรษที่สูญหาย สร้างประเทศไทยที่มีอนาคต”
ได้เคยให้สัมภาษณ์นิตยสารชื่อดัง (GM ฉบับเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๐) ซึ่งตอนหนึ่งของบทสัมภาษณ์ นายธนาธร ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับความเชื่อเรื่องศาสนาของเขา
GM : เราพูดถึงเรื่องหนังสือเยาวชนที่สังคมไทยมุ่งสอนเรื่องคุณธรรมมากกว่าจินตนาการ แล้วส่วนตัวคุณเชื่อในศาสนาไหม
ธนาธร : ผมคิดว่าทุกคนมีพระเจ้าของตัวเอง แล้วคุณก็คุยกับพระเจ้าของคุณเองได้โดยไม่ต้องผ่านวัด โบสถ์ หรือมัสยิด คุณคุยกับพระเจ้าของตัวคุณได้ แม้กระทั่งระหว่างการวิ่ง คุณก็คุยกับพระเจ้าได้ คุณไม่ต้องไปตักบาตร ไปมิสซา หรือละหมาดเพื่อจะคุยกับพระเจ้า สิ่งที่ผมเชื่อก็คือศรัทธาทางศาสนาควรจะเป็นศรัทธาที่เปิดกว้าง และไม่ควรมีวัดหรือศาสนา หรือองค์กรใดมาบังคับหรือเชิดชูความเชื่อใดความเชื่อหนึ่งให้มากกว่าความเชื่ออื่นๆ เช่น รัฐไทยไม่ควรจะอุปถัมภ์ศาสนาพุทธ เพราะมันทำให้ปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แก้กันไม่จบ ผู้คนที่อยู่ใน 3 จังหวัด แง่หนึ่งก็เหมือนเป็นพลเมืองชั้นสอง เพราะไม่มีที่ยืนที่เท่าเทียมกันกับคนที่นับถือศาสนาพุทธ ผมคิดว่ารัฐควรจะถอยตัวเองออกมาจากเรื่องศาสนา ไม่ควรจะอุปถัมภ์ศาสนาอะไรเลย ที่นี่คุณจะนับถือยูดาย คุณจะนับถือเต๋า นับถือเซนก็ได้ เหมือนอย่างธรรมกาย ต่อให้ไม่เห็นด้วยกับธรรมกาย รัฐก็ไม่ควรไปยุ่ง ปัญหาคือถ้ารัฐไปยุ่ง มันก็จะซับซ้อนวุ่นวายไปหมด
สามารถอ่านบทสัมภาษณ์ทั้งหมดได้ที่
http://gmlive.com/TheEdgeofLifeไปให้สุดขั้วสัมภาษณ์แบบดิ่งลึกกับธนาธรจึงรุ่งเรืองกิจ