ห้องเพลง**คนรากหญ้า** พักยกการเมือง มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม...มีแต่เสียง 19/3/2018 (ลูกนิมิต)

กระทู้คำถาม


ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ

1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม

กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน  ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น





สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ห้องเพลงและเพื่อนสมาชิกทุกท่าน


วันนี้ชวนเข้าวัดค่ะ จะได้พบแต่สิ่งดีๆ

เพื่อนๆ คงจะเคยได้ยินงาน "ฝังลูกนิมิต" บ่อยๆ ตอนเด็กๆ ก็เคยได้ยินว่าทำบุญปิดทองฝังลูกนิมิตจะได้บุญมาก เพราะวัดหนึ่งส่วนมากจะมีแค่ 1 โบสถ์ มีการฝังลูกนิมิตแค่ 1 ครั้งเท่านั้น เดี๋ยวเราไปทำความรู้จักลูกนิมิตกันค่ะ



“ลูกนิมิต”

หมายถึง “ลูกที่ทำกลม ๆ ประมาณเท่าบาตร มักทำด้วยหินใช้ฝังเป็นเครื่องหมายเขตอุโบสถ” หรือ “ก้อนหินที่วางบอกเขตพัทธสีมาในการทำสังฆกรรม”

สรุปแล้ว “ลูกนิมิต” ก็คือ ลูกหินกลม ๆ มีขนาดเท่าบาตรของพระสงฆ์ ที่ใช้ฝังเพื่อเป็นเครื่องหมายบอกให้ทราบว่า ตรงไหนเป็นเขตของอุโบสถหรือโบสถ์เพื่อให้พระสงฆ์ได้ใช้เป็นที่ประกอบสังฆกรรมนั่นเอง เพราะคำว่า “นิมิต” แปลว่า “เครื่องหมาย”


ความเป็นมา

ในสมัยพุทธกาล เมื่อพระพุทธเจ้าทรงประกาศพระศาสนาและมีผู้มาขออุปสมบทบรรพชาเป็นพระสาวก พระพุทธองค์ทรงประทาน “เอหิภิกขุ” ให้ได้สำเร็จเป็นพระภิกษุสงฆ์ดังประสงค์ เมื่อมีพระภิกษุสงฆ์มากถึงจำนวน ๖๐ รูปเป็นพระสงฆ์สาวกในเวลาอันรวดเร็วนั้น พระพุทธองค์ทรงมีพระพุทธประสงค์ให้พระภิกษุสงฆ์สาวกเหล่านั้น กระจายกันออกจาริกไปยังทิศต่าง ๆ เพื่อเป็นการเผยแผ่พระพุทธศาสนาและพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์



จึงทำให้ผู้ที่ได้ฟังพระธรรมนั้นมีความเลื่อมใสศรัทธาประสงค์ที่จะขออุปสมบทบรรพชาเป็นพระสาวกมากขึ้น พระภิกษุสงฆ์สาวกเหล่านั้นก็จะนำผู้ที่จะขออุปสมบทบรรพชาในพระพุทธศาสนา มาเข้าเฝ้าสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าเพื่อทรงพระเมตตาประทานการอุปสมบทบรรพชาให้แด่ผู้มีจิตศรัทธาเหล่านั้น ซึ่งพระภิกษุสงฆ์สาวกที่ออกจาริกเผยแผ่พระธรรมคำสอนและพระพุทธศาสนาไปยังดินแดนต่าง ๆ นั้นต่างก็อยู่ห่างไกลจากที่พระพุทธองค์ทรงประทับอยู่ จึงทำให้การเดินทางกลับมาเข้าเฝ้าพระพุทธองค์เป็นไปด้วยความยากลำบาก

เมื่อเป็นดังนี้ พระพุทธองค์ทรงคำนึงถึงความลำบากของเหล่าพระสงฆ์สาวกในการเดินทาง พระองค์จึงทรงมีพระกรุณาธิคุณ โดยมีพระบรมพุทธานุญาตให้พระภิกษุสงฆ์สาวกเหล่านั้นทำการอุปสมบทบรรพชาให้กับผู้มีความเลื่อมใสศรัทธา โดยมิต้องสร้างความยุ่งยากลำบากในการนำผู้ที่ประสงค์จะขออุปสมบทบรรพชามาเข้าเฝ้าขอบรมพุทธานุญาตจากพระพุทธองค์ เป็นการลดขั้นตอนที่ยุ่งยากลำบากแก่เหล่าพระสงฆ์สาวก

และการที่พระภิกษุสงฆ์สาวกออกไปอยู่ห่างไกลจากพระพุทธองค์นั้น ประการหนึ่งนั้นก็เท่ากับห่างจากการฟังพระธรรมคำสั่งสอนของพระองค์ ซึ่งในสมัยพุทธกาลนั้นพระธรรม พระวินัยต่าง ๆ ที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้ให้พระสงฆ์สาวกปฏิบัติตามนั้นยังไม่มีการจดบันทึกรวบรวมไว้เป็นคัมภีร์ หรือรวบรวมเป็นพระไตรปิฏกจัดแยกหมวดหมู่ดังเช่นปัจจุบัน

ดังนั้น พระธรรม พระวินัยต่าง ๆ นั้น จึงต้องอาศัยการจดจำท่องจำโดยการสวดสืบต่อ ๆ กัน เรียกว่าการสวดพระปาติโมกข์ อีกทั้ง เมื่อมีเหตุการณ์ใดที่พระสงฆ์สาวกจะต้องตัดสินใจร่วมกัน ให้พระสงฆ์ได้มีการปรึกษาหารือเพื่อแก้ปัญหา หรือทำกิจบางประการร่วมกัน ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงได้กำหนดให้พระสงฆ์ต้องประชุมร่วมกันหรือที่เรียกว่า ทำสังฆกรรม คือทำกิจของสงฆ์ให้สำเร็จลุล่วง เช่น การทบทวนพระธรรมวินัย ที่พระพุทธองค์ทรงกำหนดไว้ หรือเรียกว่า การสวดพระปาติโมกข์ การอุปสมบทบรรพชา หรือการบวชพระ การกรานกฐิน และการปวารณากรรม เป็นต้น โดยกำหนดให้ทำสังฆกรรม ในบริเวณที่กำหนดไว้เท่านั้น เพื่อมิให้ฆราวาสมายุ่งเกี่ยวกับกิจของสงฆ์ผู้ทรงศีลโดยเฉพาะ แต่เนื่องจากในสมัยต้นพุทธกาลนั้นพระภิกษุยังไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งแน่นอน

แม้ต่อมาพระเจ้าพิมพิสาร มหาราชแห่งแคว้นมคธจะมีศรัทธาถวายพื้นที่สวนไผ่ของราชวงศ์ ให้เป็นวัดแรกในพระพุทธศาสนา ชื่อ วัดเวฬุวัน ให้พระภิกษุสงฆ์โดยมีพระพุทธเจ้าเป็นประธานได้อยู่อาศัย แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นป่าตามธรรมชาติ ดังนั้น เมื่อพระสงฆ์ต้องจาริกไปยังที่ต่าง ๆ จึงทรงดำริให้หมายเอาวัตถุบางอย่าง เป็นเครื่องกำหนดเขตแดนขึ้น เรียกว่า การผูกสีมา ซึ่งคำว่า “สีมา” ที่แปลว่า “เขตแดน”

พระเจ้าพิมพิสารเลื่อมใส ทรงหลั่งน้ำถวายวัดเวฬุวันเป็นปฐมสังฆาราม


ซึ่งพระพุทธองค์ได้กำหนดไว้มี ๘ ประการ และเรียกเครื่องหมายบอกเขตแดนนี้ว่า “นิมิต”

พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้ใช้สิ่งต่อไปนี้เป็นนิมิต คือ

1. ภูเขา หมายถึง  ภูเขาสามชนิด ได้แก่ ภูเขาศิลาล้วน ภูเขาดินล้วน และภูเขาศิลาปนดิน เรียกว่า ปัพพตนิมิต

2. ศิลา หมายถึง ก้อนหิน หรือแท่งหิน  ขนาดโตเท่าหัววัวขึ้นไป แต่ไม่โตเท่าช้าง ปัจจุบันนิยมใช้ก้อนศิลา หรือแท่งศิลา นี้เป็นนิมิต และเนื่องจากนิยมทำเป็นลูกกลม ๆ จึงเรียกว่า ลูกนิมิต นิมิตชนิดนี้เรียกว่า ปาสาณนิมิต

3. ป่าไม้  หมายถึง ไม้ประเภทมีแก่น หรือมีเนื้อแน่น เรียกว่า วนนิมิต

4. ต้นไม้ หมายถึง  ต้นไม้ประเภทมีแก่น หรือมีเนื้อแน่น เพียงต้นเดียว และยังเป็นอยู่ สูงตั้งแต่ 8 นิ้ว ขึ้นไป แต่ต้องเป็นต้นไม้ที่งอกขึ้นในที่นั้น เรียก่า รุกขนิมิต

5. หนทาง  หมายถึง ทางคนเดิน หรือทางเกวียน ก็ได้ แต่ต้องเป็นทางที่ยังใช้อยู่ ยาวตั้งแต่ชั่วระยะ 1 - 3 บ้าน ขึ้นไป เรียกว่า มัคคนิมิต

6. จอมปลวก หมายถึง จอมปลวก ที่มีขนาดตั้งแต่เท่าเขาวัว และสูง 8 นิ้วขึ้นไป เรียกว่า วัมมิกนิมิต

7. แม่น้ำ หมายถึง แม่น้ำที่มีกระแสน้ำไหลอยู่อย่างน้อย เวลาสี่เดือนแห่งฤดูฝน มีความลึกประมาณพอเปียกผ้าอันตรวาสก (ผ้านุ่ง) ของภิกษุณีผู้นุ่งห่มเป็นปริมณฑล ที่เดินข้ามแม่น้ำนั้น ณ บริเวณใดบริเวรหนึ่ง เรียกว่า นทีนิมิต

8. น้ำ หมายถึง หมายถึงน้ำนิ่ง จะเป็นน้ำในบ่อ หนอง บึง หรือ สระ ก็ได้ เรียก อุทกนิมิต

แต่นิมิตเหล่านี้ ล้วนเป็นสิ่งที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ทำให้การกำหนดเขตแดนที่จะทำสังฆกรรมกำหนดสถานที่ประชุมสงฆ์ทำได้ยากและมักคลาดเคลื่อน เช่น หากใช้ต้นไม้เป็นสิ่งบอกเขต แต่เมื่อต้นไม้นั้นล้มตายลง หรือหักโค่นจนตายไป ก็ทำให้เขตที่อาศัยต้นไม้นั้นเป็นสัญลักษณ์ก็จะคลาดเคลื่อนไป

ต่อมาจึงได้มีการพัฒนากำหนดนิมิตขึ้นใหม่อีกประเภทหนึ่งขึ้นแทน คือ เป็นนิมิตที่จัดสร้างหรือทำขึ้นเฉพาะ เช่น ขุดบ่อน้ำ คูน้ำ สระน้ำ และก้อนหิน โดยเฉพาะก้อนหินเป็นที่นิยมกันมากเพราะทนทานและเคลื่อนย้ายได้ยาก

ครั้นเมื่อเทคโนโลยีมีความก้าวหน้ามากขึ้นจึงได้มีการประดิษฐ์ก้อนหินให้เป็นลูกกลม ๆ ประมาณเท่าบาตรของพระสงฆ์เป็นอย่างน้อย เป็นเครื่องหมายที่ค่อนข้างถาวรขึ้นแทนและเรียกกันว่า “ลูกนิมิต” ดังที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบันรวมถึงมีการเรียกเขตแดนที่ใช้ทำสังฆกรรมนี้ว่า “อุโบสถ หรือ โบสถ์” ซึ่งสมัยก่อนโบสถ์คงมีลักษณะตามธรรมชาติมากกว่าจะเป็นถาวรวัตถุเช่นปัจจุบัน และเมื่อมี “ลูกนิมิต” เป็นเครื่องหมายบอกเขต ต่อมาก็มีพิธีที่เรียกว่าการ “ฝังลูกนิมิต” ขึ้นด้วย



ความหมายของลูกนิมิต 9 ลูก ที่ฝังแต่ละทิศ

ทิศตะวันออก หมายถึง พระอัญญาโกณฑัญญะ ผู้รู้ราตรีกาลนานมีความรู้มาก มีสติ ผ่านโลกมามาก

ทิศตะวันออกเฉียงใต้ หมายถึงพระมหากัสสปะ ผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ทรงธุดงค์คุณ

ทิศใต้ หมายถึง พระสารีบุตร ผู้ทรงเลิศในทางปัญญา

ทิศตะวันตกเฉียงใต้ หมายถึง พระอุบาลี ผู้เลิศในทางวินัย

ทิศตะวันตก  หมายถึงพระอานนท์ ผู้เลิศในทางพหูสูต

ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ  หมายถึงพระควัมปติ ผู้เลิศในทางลาภและรูปงาม

ทิศเหนือ หมายถึง พระโมคัลลานะ ผู้เลิศทางฤทธิ์

ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หมายถึง พระราหุล ผู้เลิศทางการศึกษา

ลูกนิมิตกลางโบสถ์ หมายถึง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


อานิสงส์ผลบุญใหญ่ การปิดทองฝังลูกนิมิต

1. จะไม่มีโรคภัยไข้เจ็บทุกชาติ ปราศจากอุปัททวะ (อุ-ปัด-ทะ-วะ สิ่งอัปมงคล) ทั้งหลาย

2. จะไม่เกิดในตระกูลต่ำ ไม่ยากจนมีความอุดมสมบูรณ์

3. หากเกิดในมนุษย์โลกก็จะเกิดเป็นท้าวพระยามหากษัตริย์ หรือเกิดในตระกูลที่ดี

4. หากเกิดในเทวโลกก็จะเกิดเป็นท้าวสักกเทวราช

5. จะสมบูรณ์ด้วยทรัพย์สินเงินทอง มีฐานะ มีคนให้เกียรติ มีผิวพรรณผ่องใส

6. จะมีอายุยืนนาน มีสุขภาพที่แข็งแรง

ในการฝังลูกนิมิตมักจะใส่สมุด ดินสอ เข็ม และด้าย ลงไปในหลุมที่ฝังลูกนิมิตด้วย เพราะเชื่อว่าจะช่วยให้มีความจำดี มีปัญญาเฉียบแหลมเหมือนเข็ม และมีความเจริญก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องเหมือนความยาวของด้าย


ขอบคุณที่มาข้อมูลและภาพประกอบ
https://www.horolive.com/741.html
https://www.phuttha.com/%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B9%84%E0%B8%9B/%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%95-%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A1%E0%B8%B2
http://khongcheep.blogspot.com/2016/01/9-2559_0.html
http://dr-nontayan.blogspot.com/2012/02/082.html
http://www.84000.org/tipitaka/picture/f42.html

....................................................................


วันก่อนโน้น ผ่านวัดแห่งหนึ่งพอดี เลยแวะเข้าไปทำบุญ  

โชคดีได้ทำบุญร่วมสร้างลูกนิมิตรอบพระอุโบสถ ก็ขอนำบุญมาฝากเพื่อนๆ ที่เป็นกัลยาณมิตรทุกท่าน
ขอให้เพื่อนๆ และครอบครัว สุขภาพแข็งแรง อายุขัยยืนยาว ได้มีโอกาสสร้างบุญบารมียิ่งๆ ขึ้นไป
แคล้วคลาดปลอดภัย ไม่ตั้งตนอยู่บนความประมาท มีแต่ความสุข ความเจริญ
ชนะศัตรูหมู่มาร สมหวังสิ่งดีตลอดไปค่ะ




แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่