“อดีตรมว.ต่างประเทศ” ชี้ยื่นตีความกฎหมายส.ว.ทำเกิดความไม่แน่นอนในการเลือกตั้ง ติงบรรดาเซียนกฎหมายไม่น่าปล่อยให้เกิดประเด็นการตีความ ยังห่วงร่างกฎหมายส.ส.สุ่มเสี่ยงขัดรธน.
เมื่อวันที่ 17 มี.ค. นายนพดล ปัทมะ อดีตรมว.ต่างประเทศและแกนนำพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)ยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.)ว่า รู้สึกแปลกใจที่จะมีการยื่นตีความทั้งที่ตอนแรกสนช.บอกว่าจะไม่มีการยื่นตีความทั้งร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว. และร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. แต่สุดท้ายก็ยื่นตีความร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว. ซึ่งก็เกิดความไม่แน่นอนว่าจะกระทบโรดแม็พหรือไม่ ที่บอกว่าเลือกตั้งจะเกิดช้าที่สุดไม่เกินก.พ. 62 ก็จะเกิดความไม่แน่นอน เพราะขึ้นกับการตีความกฎหมายว่าจะใช้เวลานานเพียงใด ซึ่งสนช.พยายามออกมาชี้แจงว่าไม่กระทบโรดแม็พ แต่เราก็ไม่รู้เพราะสนช.ไม่ใช่ผู้พิจารณา นอกจากนั้นก็ไม่ทราบว่าจะมีการยื่นตีความกฎหมายส.ส.หรือไม่เพราะมีเรื่องการตัดสิทธิข้าราชการการเมือง การช่วยกาบัตรให้ผู้พิการและผู้สูงอายุ โดยส่วนตัวมองว่าอาจเป็นประเด็นสุ่มเสี่ยงที่จะขัดรัฐธรรมนูญได้ เพราะการเลือกตั้งต้องทำโดยตรงและลับ การให้คนช่วยกาบัตรทำให้รู้ว่าผู้ใช้สิทธิคนนั้นเลือกใคร เลือกพรรคการเมืองใด ก็จะเป็นการเลือกตั้งที่ไม่ลับ
เมื่อถามว่าเห็นด้วยหรือไม่หากจะให้มีการยื่นตีความกฎหมายส.ส. ไปพร้อมกับการยื่นตีความกฎหมายส.ว.เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต หากมีคนมายื่นตีความภายหลังการเลือกตั้งอีก นายนพดล กล่าวว่า ตนมองว่าในขั้นตอนการพิจารณากฎหมายและขั้นตอนการตั้งกรรมาธิการ 3 ฝ่าย ซึ่งเต็มไปด้วยเซียนกฎหมายที่มีประสบการณ์ความรู้มากมายน่าจะจัดการหรือตกลงไม่ปล่อยให้มีประเด็นที่อาจจะถูกตีความว่าขัดรัฐธรรมนูญผ่านออกมา ไม่เช่นนั้นสังคมก็จะตั้งคำถามว่าในชั้นกมธ. 3 ฝ่าย ทำไมปล่อยเนื้อหากฎหมายลักษณะนี้ออกมา นอกจากนั้นทำให้คนตั้งคำถามได้ว่าการใช้กระบวนการยื่นตีความจะกระทบต่อโรดแม็พหรือไม่ ซึ่งก็เกิดความไม่แน่นอนในกรอบเวลาที่จะจัดการเลือกตั้ง จะกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนและนักธุรกิจที่จะวางแผนในอนาคต ส่วนการจะยื่นตีความร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ไปพร้อมกันด้วยหรือไม่นั้น ตนมองว่าอยู่ที่ผู้มีอำนาจจะดำเนินการหรือไม่ แต่ตนคิดว่ามีประเด็นที่น่ากังวลซึ่งได้กล่าวไปแล้ว แต่ก็ได้รับคำชี้แจงจากสนช.ว่าถ้าในอนาคตจะมีคนไปยื่นตีความ ถ้าเป็นโมฆะก็จะโมฆะบางมาตรา ไม่โมฆะทั้งฉบับ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีความไม่แน่นอนในทางเนื้อหาของกฎหมายอยู่
JJNY : "นพดล"ห่วงยื่นตีความก.ม.ทำเลือกตั้งเกิดความไม่แน่นอน
เมื่อวันที่ 17 มี.ค. นายนพดล ปัทมะ อดีตรมว.ต่างประเทศและแกนนำพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)ยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.)ว่า รู้สึกแปลกใจที่จะมีการยื่นตีความทั้งที่ตอนแรกสนช.บอกว่าจะไม่มีการยื่นตีความทั้งร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว. และร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. แต่สุดท้ายก็ยื่นตีความร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว. ซึ่งก็เกิดความไม่แน่นอนว่าจะกระทบโรดแม็พหรือไม่ ที่บอกว่าเลือกตั้งจะเกิดช้าที่สุดไม่เกินก.พ. 62 ก็จะเกิดความไม่แน่นอน เพราะขึ้นกับการตีความกฎหมายว่าจะใช้เวลานานเพียงใด ซึ่งสนช.พยายามออกมาชี้แจงว่าไม่กระทบโรดแม็พ แต่เราก็ไม่รู้เพราะสนช.ไม่ใช่ผู้พิจารณา นอกจากนั้นก็ไม่ทราบว่าจะมีการยื่นตีความกฎหมายส.ส.หรือไม่เพราะมีเรื่องการตัดสิทธิข้าราชการการเมือง การช่วยกาบัตรให้ผู้พิการและผู้สูงอายุ โดยส่วนตัวมองว่าอาจเป็นประเด็นสุ่มเสี่ยงที่จะขัดรัฐธรรมนูญได้ เพราะการเลือกตั้งต้องทำโดยตรงและลับ การให้คนช่วยกาบัตรทำให้รู้ว่าผู้ใช้สิทธิคนนั้นเลือกใคร เลือกพรรคการเมืองใด ก็จะเป็นการเลือกตั้งที่ไม่ลับ
เมื่อถามว่าเห็นด้วยหรือไม่หากจะให้มีการยื่นตีความกฎหมายส.ส. ไปพร้อมกับการยื่นตีความกฎหมายส.ว.เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต หากมีคนมายื่นตีความภายหลังการเลือกตั้งอีก นายนพดล กล่าวว่า ตนมองว่าในขั้นตอนการพิจารณากฎหมายและขั้นตอนการตั้งกรรมาธิการ 3 ฝ่าย ซึ่งเต็มไปด้วยเซียนกฎหมายที่มีประสบการณ์ความรู้มากมายน่าจะจัดการหรือตกลงไม่ปล่อยให้มีประเด็นที่อาจจะถูกตีความว่าขัดรัฐธรรมนูญผ่านออกมา ไม่เช่นนั้นสังคมก็จะตั้งคำถามว่าในชั้นกมธ. 3 ฝ่าย ทำไมปล่อยเนื้อหากฎหมายลักษณะนี้ออกมา นอกจากนั้นทำให้คนตั้งคำถามได้ว่าการใช้กระบวนการยื่นตีความจะกระทบต่อโรดแม็พหรือไม่ ซึ่งก็เกิดความไม่แน่นอนในกรอบเวลาที่จะจัดการเลือกตั้ง จะกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนและนักธุรกิจที่จะวางแผนในอนาคต ส่วนการจะยื่นตีความร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ไปพร้อมกันด้วยหรือไม่นั้น ตนมองว่าอยู่ที่ผู้มีอำนาจจะดำเนินการหรือไม่ แต่ตนคิดว่ามีประเด็นที่น่ากังวลซึ่งได้กล่าวไปแล้ว แต่ก็ได้รับคำชี้แจงจากสนช.ว่าถ้าในอนาคตจะมีคนไปยื่นตีความ ถ้าเป็นโมฆะก็จะโมฆะบางมาตรา ไม่โมฆะทั้งฉบับ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีความไม่แน่นอนในทางเนื้อหาของกฎหมายอยู่