ถ่ายทอดวิธีเตรียมลูกแต่เนิ่นๆ(ตั้งแต่ยังสบายดี)ให้เมื่อไม่สบายไปหาหมอแล้วง่ายๆ ยอมให้ตรวจโดยดี ไม่ร้องไห้ (หรือร้องน้อย)

วันนี้ขอมาถ่ายทอดวิธีเตรียมลูกแต่เนิ่นๆ(ตั้งแต่ยังสบายดี)ให้เมื่อไม่สบายไปหาหมอแล้วง่ายๆ ยอมให้ตรวจโดยดี ไม่ร้องไห้ (หรือร้องน้อย) รวมไปถึงยอมให้รักษาแต่โดยดี จ้า

อันนี้เราคิดเอง ไม่ได้เอามาจากไหน แต่ได้ผลดีเว่อร์ เพราะเมื่อวานลูกสาวป่วยไข้สูง ไปหาหมอ ยอมให้ตรวจแต่โดยดีตั้งแต่ขั้นแรก (วัดไข้ในหู ชั่งน้ำหนัก ส่วนสูง) ยาวไปถึง หมอฟังหัวใจ ดูในหู ดูในจมูก ในปาก ในขณะที่เด็กห้องตรวจอื่นร้องลั่นเลย... โคตรภูมิใจที่ลูกเราเตรียมพร้อมมา

อีกอย่าง เมื่อเค้าไม่เครียดกับขั้นตอนการตรวจ การรักษา โรคก็หายไวขึ้นเพราะเมื่อเครียดร่างกายจะหลั่งฮอโมนที่ไม่ดีออกมา ทำให้รักษาตัวช้าขึ้น หมอ แม่ พ่อ ก็สุขภาพจิตไม่เสีย วิน-วิน ทุกฝ่าย งั้นมาฝึกกันเถอะ

1. ตรวจหู (รวมไปถึงวัดไข้ในหู)+ชั่งน้ำหนักวัดส่วนสูง
ให้ซื้อที่วัดไข้แบบอินฟาเรดที่ใช้แหย่ในหู ร้านขายยาทั่วไปน่าจะมี หรือสั่งจากลาซาด้า ไม่แพง และคุ้มค่ามาก พอได้มา ให้นำเหนอน้องแบบตื่นเต้น ใช้คำว่า "โอ้ววว ลูกสาวจ๋า! ของเล่นใหม่แหน่ะลู้ก มาเล่นกันๆ" แล้วทำให้เค้าดู เอาแหย่หูเราก่อน แหย่แล้วทำเสียงติ๊ดๆแบบสนุกตื่นเต้น แล้วก็ยื่นให้เค้าจับกดเล่น เดี๋ยวสักพักเค้าจะเอาแหย่หูเค้าเองแหล่ะ (อย่าไปจับแหย่เค้า รอให้เค้าแหย่เอง) แล้วก็ค่อยๆกดปุ่มให้เค้าดูว่ามันจะดังติ๊ดๆๆนะ พอดังก็ทำเสียงดีใจปรบมือเย้ๆ เอาวางไว้ใกล้ๆของเล่นชิ้นอื่นๆให้เหมือนเป็นของเล่นชิ้นนึงและหยิบมาเล่นบ่อยๆ
ส่วนเรื่องชั่งน้ำหนักกับวัดส่วนสูงก็อย่าลืมทำตั้งแต่ที่บ้านตอนเค้าสุขภาพดี ทำให้เป็นเรื่องเล่นๆ สนุกๆค่ะ แค่นั้นเอ้ง

2. ฟังหัวใจ
ให้ซื้อชุดของเล่นหมอคุณภาพดีๆหน่อย ที่เราได้มาเป็นของขวัญจากลูกศิษย์ หาซื้อได้ใน Lazada เป็นหูฟังหัวใจแบบมีไฟมีเสียง(หัวใจเต้น)เวลากดลงไปกับผิว ลูกสาวชอบเล่นมาก เอามากดๆหน้าอกพ่อบ้าง กดหน้าแม่บ้าง 555 เราเล่นโดยใช้คำจริงๆ บอกว่า มาฟังหัวใจเร้ว! เค้าก็พูดตาม ฟังใจๆ เรียกว่า หมอ(ชื่อลูกสาว)มาฟังหัวใจแม่ที แม่สบายดีไหมค่ะ เล่นไปเรื่อยๆ พอหมอจะฟังจริงๆ เราก็ใช้คำพวกนี้แหล่ะ หมอฟังหัวใจนะคะ สบายเลย

3. ดูจมูก ดูปาก
สองอย่างนี้ทำพร้อมกันได้ตอนจับหัดแปรงฟัน เรื่องนี้สำคัญมากเพราะจะมีประโยชน์ตอนไปหาหมอฟันด้วย ตอนจับเทรนแปรงฟัน ให้หาเพลงมาสักเพลง ใส่คำว่าแปรงฟันลงไป ให้น้องรู้ว่าพอร้องเพลงนี้จะชิว แรกๆเค้าจะแหกปากร้องเพราะเราจับกดแขนเค้าใต้ขาเรา แต่แม่ต้องเย็น ต้องชิว ร้องเพลงประสานเสียงแหกปากลูกไปแบบเย็นๆ เอาน้ำเย็นเข้าลูบ แล้วไม่นานเกินรอ เค้าจะเลิกร้อง ลูกสาวนี่พอบอกแปรงฟัน วิ่งมานอนเอาแขนสอดใต้ขาแม่รอเลย ตลกดี พอหมอจะตรวจปากตรวจคอ แม่ก็แค่บอกว่า แปรงฟันๆน้า ร้องเพลงคลอเบาๆ เค้าก็อ้าปากนิ่งให้ตรวจแล้วค่ะ ส่วนจมูก พอแปรงฟันเสร็จ ให้เอาก้านสำลีอันเล็กๆแหย่จมูกเหมือนจะเขี่ยขี้มูกออก ถึงจะไม่มีก็ทำไปเหอะเค้าจะได้คุ้นกะการมีอะไรแหย่จมูกค่ะ แต่ถ้ามีขี้มูกด้วยยิ่งดี พอเอาออกมาทำเสียงตลกๆ เอาให้เค้าดู โอ้ววขี้มู้กกกกก ขำๆไป

4. ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ
อันนี้ให้ฝึกตั้งแต่ยังไม่ป่วย เพราะป่วยแล้วจะฝึกไม่ได้เลย เอาแบบอารมณ์ดีๆ สุขภาพแข็งแรงๆนี่แหล่ะ เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม(หาดูรายละเอียดได้จากยูทูป เยอะมาก พิมพ์คำว่าล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ)แล้วฉีดปรี้ดๆเข้าจมูกเลย ซ้ายทะลุขวา แรกๆให้เค้าเล่นอุปกรณ์ก่อน แล้วเราก็เอามาจิ้มแก้ม จิ้มหน้าผาก ทำเสียง จี๊ดๆๆ เราเรียกว่ามาทำจี๊ดๆกันนะ ทำครั้งแรกต้องล๊อกคอหน่อย แต่สักพักจะง่าย นั่งนิ่งให้ทำแต่โดยดี วิธีนี้ถ้าทำได้ จะเลิศมาก เพราะเริ่มน้ำมูกไหลใสๆ ล้างเลย รับรองหายไวมาก

5. พ่นยา (อันนี้ก็ยังไม่ได้ฝึก รอหายป่วยรอบนี้จะทำล่ะ)
ถ้าหวัดลงปอด หนีไม่พ้นพ่นยา ซึ่งเด็กจะร้องคร่ำครวญแบบทรมานมากกกก (ได้ยินมาแล้ว) เลยคิดว่ายังไงก็ต้องฝึกไว้ก่อน
ที่เราจะทำคือ ไปซื้อที่ครอบปากแบบมีถุงห้อยลงมา ทำนองนี้ จากร้านขายยา น่าจะมี ไม่ก็จะประดิษเองโดยใช้หน้ากาก3M แบบแข็งๆหน่อย แล้วเอามาเล่นกับลูก ใช้คำว่าพ่นยาปู้ดๆ ทำหนุกๆ ทำเหมือนเป็นของเล่นเหมือนเดิมแหล่ะ

6. ฝึกกินยา
ซื้อไซริงขนาดใหญ่ กับน้ำหวานเฮลบลูบอยสักสองสี ผสมน้ำนิดหน่อยแล้วดูดใส่ไซริงค์ ทำสองเซ็ต เอามาบอกน้องว่า มากินยาอร่อยๆกันน้า แล้วแม่ก็นั่งดูดให้ดู ทำท่าทางอร่อยๆ แล้วให้เค้าลองจับเอามากินมาดูดเอง ค่อยๆสอนว่าให้กดปลายหลอดไซริงยังไง พอถึงเวลาต้องกินยาเองจริงๆ สบายเลย

7. ให้คุ้นเคยสถานที่และมีฟีลลิ่งด้านบวก
อันนี้ก็สำคัญมากค่ะ เราจะพาลูกสาวไปเที่ยวหาหมอ (และหมอฟัน) ช่วงธค.(หวัดดีปีใหม่) และ เมษา(ปีใหม่ไทย) ทุกปี พร้อมของฝากเล็กๆน้อยๆทั้งพยาบาลด้วย (มะม่วงน้ำปลาหวานนี่เวิร์คมากๆ อิอิ) ลูกก็มีความรู้สึกดีกับสถานที่และบุคคล คือไม่ใช่ไปหาทุกครั้งคือเจ็บตัว ไม่ชอบ ด้านลบๆๆทุกครั้ง และทุกครั้งที่ไปหาหมอตอนป่วย หลังจากหายแล้วอี่แม่ก็จะพาเข้าไปเอาของไปฝากเช่นกัน เพื่อกลบความรู้สึกด้านลบ เตรียมพร้อมครั้งต่อไป

หมดแล้วจ้าเทคนิคที่อี่แม่ใช้เตรียมความพร้อมให้ลูกสาว

แม่ๆท่านใดมีอะไรเสริมหรือแก้ไข มาแลกเปลี่ยนกันน้า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่