เกย์เรียบร้อยแบบผม... ทำไมถึงไม่สมหวังสักที เรียบร้อยเกินไปไม่ดีตรงไหน?

ต้องยอมรับว่าเรื่องของเพศสภาพของมนุษย์โลกในปัจจุบันนี้นั้น มีเยอะแยะมากมายไปหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเพศที่สามในประเทศไทยของเรา ที่ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็พบเห็นได้เป็นเรื่องปกติไปแล้ว และในสังคมไทยในปัจจุบันกลุ่มเพศที่สามก็เป็นที่ยอมรับในสังคมอย่างกว้างขวางมากขึ้น ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งสำหรับพวกเรา

ผมก็เป็นบุคคลที่ถูกให้จัดอยู่ในเพศที่สามคนหนึ่ง ผมเรียกตัวเองว่าเป็นเกย์ บางคนอาจจะคิดว่าเกย์ก็คือผู้ชายที่ชอบผู้ชายด้วยกันเองที่จะต้องมีกล้าม มาดแมน สะอาด รูปร่างหน้าตาดูดีไปหมด  ผมไม่รู้นะครับว่าใครบัญญัติศัพท์คำว่าเกย์ไว้ว่ายังไงบ้าง แต่ลักษณะของผมไม่ได้เป็นแบบนั้น ผมตัวบางร่างเล็ก ไม่ได้มาดแมน มีอาการตุ้งติ้งหรือเรียกว่าออกสาวนั่นเอง ก็ตั้งแต่จำความได้ผมก็เป็นของผมแบบนี้มาตลอด ผมใช้ชีวิตในเพศสภาพของผมแบบนี้ด้วยความสุขเสมอมา ผมไม่ได้รู้สึกว่าสิ่งที่ผมอยู่ไม่ได้เป็นความผิดอะไร แค่ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใครไม่เป็นภัยต่อสังคมผมก็ว่าน่าจะดีแล้ว ผมจึงทำทุกอย่างให้ครอบครัวเห็นใจและยอมรับผม ผมตั้งใจเรียนจนผลการเรียนดีได้ทุนไปเรียนต่อจบจากเมืองนอก ปฏิบัติตัวเรียบร้อยไม่เคยออกนอกลู่นอกทางสักครั้ง จนเพื่อนผู้หญิงบางคนยังยอมรับว่าเราเรียบร้อยกว่าเขาที่เป็นผู้หญิงเสียด้วยซ้ำไป...

แต่มาเข้าเรื่องของผมกันเลยดีกว่า...
ชีวิตผมที่บอกว่ามีความสุขเสมอมา มันเริ่มไม่มีความสุขอีกแล้วเมื่อผมเติบโตขึ้นพอที่จะอยากมีใครสักคนเข้ามาในชีวิตแล้วได้มีโอกาสคุยกับผู้ชายหลายๆคน... ผมยอมรับว่าผมเป็นคนหน้าตาไม่ดีเท่าไหร่ แต่ก็มีคนเข้ามาคุยเรื่อยๆด้วยความที่ยุคนี้เป็นยุคของโลกออนไลน์ทำให้เรามีโอกาสได้พบเจอและพูดคุยกับผู้คนได้มากหน้าหลายตายิ่งขึ้น แต่ทุกคนที่เข้ามาคุยกับผม มาได้ไม่นานก็พากันหายจากไปกันหมดแบบไม่มีเหตุผล แต่บางคนก็ยังคงติดต่อกันอยู่ด้วยความสัมพันธ์ที่หยุดอยู่แค่พี่น้อง มานับได้อีกทีตอนนี้ผมมีพี่ชายในเฟสบุ๊กน่าจะมากกว่า 30 คนแล้ว แล้วคนที่เลิกคุยกับเราไปส่วนใหญ่ไม่นานก็ขึ้นสถานะคบกันกับคนอื่นที่ไม่ใช่เรา มันเป็นแบบนี้อยู่เสมอจนจำไม่ได้แล้วว่ามันรอบที่เท่าไหร่กัน ผมเคยสงสัยว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้แต่ก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้  และหลายๆครั้งหลายๆเหตุการณ์ก็ทำให้ผมน้อยใจ และอดคิดมากไม่ได้สักที...
...มีครั้งนึงที่ผมได้มีโอกาสรู้จักกับรุ่นพี่คนหนึ่ง พี่เขารูปร่างหน้าตาดีมาก นิสัยก็ค่อนข้างโอเคเลยแหล่ะ เรารู้จักกันตอนผมเรียนอยู่ต่างประเทศซึ่งตอนนั้นพี่เขาก็เรียนอยู่ต่างประเทศเหมือนกัน แต่คนละประเทศกับเรา เราคุยกันทุกวันอยู่นานจนถึงขั้นสนิทกันเลยแหล่ะ ถึงขั้นนี้ผมก็อยากรู้และอยากจะสานสัมพันธ์ต่อถ้ามันเป็นไปได้ ผมก็เลยลองบอกชอบเขาไป แต่นั่นมันกลับกลายเป็นเหตุที่ทำให้ความสัมพันธ์ของเรามันหยุดอยู่แค่นั้น เขาให้เหตุผลว่าพี่ยังชอบผู้หญิงอยู่ ถ้าวันไหนพี่ชอบผู้ชายขึ้นมาพี่อาจจะชอบน้องก็ได้นะ และอีกอย่างพี่ไม่ใช่คนดี หน้าตาก็ไม่ดี อายุก็เยอะแล้ว พี่ไม่เหมาะกับน้องหรอก น้องต้องได้เจอคนดีๆกว่าพี่อีกเยอะแยะ บลาๆๆๆสารพัด เพื่อจะปฏิเสธเราในวันนั้นก่อนที่พี่เขาจะกลับไทยไป ผมรู้สึกเสียใจเหมือนคนอกหัก แต่ใจนึงก็รู้สึกดีใจและมีความหวังกับคำพูดเหล่านั้น จนกระทั่งเวลาผ่านไปสักพักใหญ่ๆ หลังจากที่เราไม่ได้คุยกันเหมือนเดิมมานานพอสมควรแล้ว พี่เขาก็ทักมาบอกว่าจะไปเที่ยวประเทศที่เราอยู่จะพาแฟนมาเที่ยวด้วย ใช่ครับ "แฟน" ได้ยินไม่ผิด ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมากก็รับปากอาสาว่าจะพาเที่ยวจนได้มาเห็นกับตาว่าแฟนที่เขาพามาคือเป็น "ผู้ชาย" ที่หน้าตาผิวพรรณดี ดูมีตระกูลกว่าเรามาก ตอนนั้นคือรู้สึกหน้าชา ช็อค หรืออะไรไม่รู้บอกไม่ถูก แต่รู้แค่ว่ารู้สึกไม่โอเคมากๆกับวันนั้น แม้แต่กับแฟนเขาก็เช่นกัน เพราะตอนที่เราเดินเที่ยวกัน คือบางทีด้วยความที่ผมสนิทกันกับพี่เขา ก็เลยอาจเดินคุยกันแบบถึงเนื้อถึงตัวจนบางทีลืมไปว่ามีสายตาของแฟนเขาที่มองตาเขม็งอยู่แล้วก็ทำหน้างอนใส่พี่เขา หรือแม้กระทั่งตอนกินข้าวที่เขากระหนุงกระหนิงกัน ตัวกินไร เค้ากินไร กันอยู่นั่น แล้วเรามานั่งทำอะไรตรงนี้!!! แล้วเห็นสายตาของแฟนนางที่มองมาทางเรา คือสายตาแบบ"ฉันชนะ" ประมาณนี้เลย ความรู้สึกคือโครตแย่ๆๆๆๆๆ ไม่โอเคมากๆ จนต้องกลับบ้านไปร้องไห้อ่ะ ร้องแบบไม่เคยร้องขนาดนี้มาก่อนในชีวิต รู้สึกถึงความอ่อนแอของตัวเอง รู้สึกนอย นอยกับทุกสิ่งอย่าง นอยกับคำพูดหลอกลวงของผู้ชาย นอยกับความหน้าตาไม่ดีของตัวเองที่ไม่มีอะไรไปสู้เขาได้เลย นอยที่อยู่ดีๆก็รู้สึกแพ้ทั้งๆที่ยังไม่ได้ลงแข่ง หรือไม่ได้ใช้ความสามารถอะไรเลยด้วยซ้ำ เกิดมาหน้าไม่ดีก็งี้ ไม่ต้องแข่งก็แพ้แล้ว... ตอนนั้นก็ได้แต่นอนคร่ำครวญคิดได้แค่นั้นจริงๆ

มีอีกเหตุการณ์นึงที่ทำให้ผมรู้สึกนอยกับตัวเองและอดที่จะตั้งคำถามในใจไม่ได้
...ผมมีเพื่อนคนนึงที่ค่อนข้างสนิทเลยแหล่ะ เรารู้จักกันได้ไม่นานแต่ก็ไม่รู้ทำไมถึงสนิทกันได้ก็ไม่รู้ นางเป็นแบบเดียวกับผมนี่แหล่ะ(ขอแทนตัวว่านางละกัน) มีปัญหาชีวิต ปัญหาครอบครัว หรือปัญหาเรื่องความรักก็ปรึกษากันตลอด นางจะต่างกับผมตรงที่นางเป็นคนหน้าตาดี พูดเก่ง เป็นตัวของตัวเองดี ซึ่งจะตรงข้ามกับผมที่ไม่ค่อยพูด ดูเป็นคนเรียบร้อยขี้อาย ดูเก็บกด(555) นางจึงมีผู้ชายเข้ามาติดพัน แถมยังเปลี่ยนแฟนใหม่อยู่ตลอดๆ นางคงเห็นผมพร่ำเพ้อเรื่องผู้ชายบ่อยๆจนทนไม่ไหวจึงมาบอกกับผมว่าผม "เรียบร้อยเกินไป"  เธอดูสาวเกินไป ดูมีความเรียบร้อยเกือบจะเหมือนผู้หญิงขนาดนี้ ผู้ชายจะไม่ชอบเกย์ที่เป็นแบบเธอหรอกนะ นางบอกอีกว่า ผู้ชายที่เขามาเป็นเกย์เพราะเขาเบื่อผู้หญิงไงเขาถึงมาคบผู้ชายด้วยกันเอง แล้วเธอจะมาทำท่าทางแบบผู้หญิงอยู่อย่างนี้มันไม่ได้ มันขายไม่ออก ต้องแอ๊บแมนแบบนางถึงจะเป็นที่นิยม... นั่นคือสิ่งที่นางพูด มันก็ทำให้ผมอดคิดไม่ได้เหมือนกันนะ เพราะมันก็อาจจะจริงอย่างที่นางพูด แต่จะให้ผมทำยังไง จะให้ผมไปแอ๊บแมนแบบนั้นผมก็ทำไม่ได้ ถ้าเขาจะชอบสู้ให้เขามาชอบในแบบที่เราเป็นแบบนี้ไม่ดีกว่าหรอ แอ๊บไปก็เหนื่อยใจตัวเองเปล่าๆ นั่นคือความคิดของผมที่คิดขัดแย้งกับนางมาตลอด... จนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่ง... ผมสังเกตเห็นว่าผู้ชายที่คุยกับผมอยู่ตอนนั้นไปคอมเม้นในสเตตัสของเพื่อนผมคนนี้ด้วยถ้อยคำแปลกๆ แล้วเหมือนมีการขึ้นสเตตัสกันแปลกๆทั้งสองคน แล้วในสเตตัสของผู้ชายที่ผมคุยด้วยก็มีเพื่อนผมไปกดอีโมจิคอนเศร้าในนั้นด้วย ประหนึ่งว่ารับรู้เหตุการณ์เป็นอย่างดี นี่คือสิ่งที่ผมสังเกตเห็น มันทำให้ผมเริ่มเอะใจว่าสองคนนี้มีซัมติงอะไรกันรึเปล่า แล้วเขาไปรู้จักกันได้ไง ทั้งที่เขาอยู่กันคนละสายงานไม่น่าจะมาบรรจบพบเจออะไรกันได้ ผมก็นิ่งๆไม่ได้อะไร ก็ยังคงคุยกับผู้ชายคนนั้นกับเพื่อนของเราอย่างปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เหตุการณ์มันคงเริ่มบานปลายเมื่อนางทะเลาะกันหนักขึ้นจนนางต้องโทรมาปรึกษากับผมด้วยการเล่าความจริงให้ฟังทั้งหมด นางบอกนางคุยกันได้สักพักแล้ว ผู้ชายเป็นคนเข้าหานางเพราะเห็นจากรูปที่เรากับเพื่อนถ่ายด้วยกันแล้วแท็กกัน ก็เลยแอดเพื่อนไปคุยจากตรงนั้น แล้วพอดีมีปัญหา(อะไรกันสักอย่างนี่แหล่ะ จำไม่ได้ละ) ก็เลยมาปรึกษาว่าจะยังไงดี เราก็ให้คำปรึกษาตามหน้าที่ไป และนางก็ขอโทษที่ไม่ได้บอกกลัวเราจะเสียใจ... ตัดภาพมาที่เราหลังจากวางสาย ก็ไม่ได้ช็อคอะไรเพราะเห็นมานานและทำใจมาสักพักแล้วล่ะ ถามว่าตอนนั้นรู้สึกโกรธอะไรไหม ก็คงโกรธในระดับหนึ่งที่ได้ยินแบบนั้น แต่อีกใจนึงก็ยังดีกว่าที่เขาไม่บอกเรา ก็จะทำไงได้ล่ะคนเขาจะรักกัน ก็ควรจะยินดีกับเขาไปยังไงก็เพื่อนเรา ส่วนผู้ชายก็อย่างมากก็ยิ้มให้ถ้าได้เจอหน้าเพราะคงไม่มีอะไรที่จะต้องคุยกันอีกแล้ว... แต่ถึงจะสตรองแค่ไหนเราก็ยังคงนอนร้องไห้นอยไปตามระเบียบ คิดแล้วคิดอีกว่าเราผิดอะไร เราไม่ดีตรงไหน จนมาคิดทบทวนอีกทีว่าสิ่งที่เพื่อนพูดมันอาจจะจริง ว่าจริงๆแล้วเกย์แบบเราคงจะไม่เหมาะที่จะมีใครแบบที่นางพูดจริงๆแหล่ะมั้ง...

และอีกหลายๆเหตุการณ์ที่ให้เอ่ยอ้างมาตอนนี้คงจะไม่พอ เหตุการณ์ที่ทำให้ผมรู้สึกดั่งตอนนี้... รู้สึกว่าตัวเองไม่มีอะไรดี รู้สึกว่าตัวเองด้อยค่ากว่าเพื่อนของผมและใครอีกหลายๆคน ผมไม่รู้ว่าคนดีเป็นยังไง แต่การที่ผมพยายามเรียบร้อยไม่เคยเกเร เข้าผับเข้าบาร์ไปกินเหล้าเมายาก็ไม่เคยเลยด้วยซ้ำ ผมตั้งใจทำใส่ใจกับทุกสิ่งอย่าง คุยกับใครผมก็คุยคนเดียว คนแบบผมนี่ไม่เหมาะกับการมีคู่เพียงเพราะว่าผมหน้าไม่ดีแล้วก็แอ๊บแมนไม่เก่งแค่นี้เองหรอ ภาพเหตุการณ์เหล่านี้มันคอยซ้ำเติมผมอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนผมไม่รู้จะเอามันออกไปยังไง ภาพของตัวเองที่ต้องแพ้แล้วแพ้อีกจากสนามประลองที่ไม่ได้ตัดสินจากความสามารถของผู้เข้าแข่งขัน ทั้งๆที่ผมก็มั่นใจว่าสิ่งที่ผมทำอยู่มันดีมากแล้ว ผมรู้สึกเหนื่อยกับอะไรเหล่านี้เหลือเกิน ผมไม่รู้จะทำยังไงแต่เพียงแค่ต้องการขอกำลังใจว่าสิ่งที่ผมทำมันถูกต้องแล้วใช่ไหม และอยากขอคำตอบจากใครสักคนว่าผมควรจะทำยังไงต่อไปเพื่อให้ประสบความสำเร็จในเรื่องความรักแบบคนอื่นเขาบ้างนอกจากการศัลยกรรมหน้าให้ดีขึ้น...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่