สวัสดีครับ ทุกท่าน กระผม นาย ไข่ตั้ง ตังค์ไม่ค่อยมี วันนี้ก็ ขออนุญาติ มาโพสต์บ่น เล็ก ๆ น้อย ๆ ตามสไตล์ นะครับผมม
พอดี เจอ ผลงานเก่า ๆ ที่เคยวาดไว้ ตอนทำเพจเล็ก ๆ เพจแรก (ชื่อไปคล้ายคลึงกับ เพจคุณ จอนห์ ไรเดอร์ ด้วย )
เลยคิดว่า เออ มันพอจะเอามา ใช้งานได้อยู่ เลยเอามาประกอบด้วย นะครับ

จากครั้งที่แล้ว ที่เราคุยกันเรื่อง การอ่านโบรชัวร์ https://pantip.com/topic/37454583
มาครั้งนี้เลย มาดูกันต่อ เรื่องของ แรงม้า แรงบิด กันดีกว่า ครับ

อันนี้เป็นรูปสมัยที่วาดเล่น ๆ นะครับ ทำมาปีนึงได้แล้วมั้ง... แล้ว ไม่ได้วาดต่อเพราะ ไม่ค่อยมีเวลา ( แต่ตอนนี้ เวลาเพียบ ตรงข้ามกับรายได้ )





อะนะ ก็ เป็นเพจแนว ๆ พ่อลูกผูกพันธุ์ ลูกชายหาเรื่องซนแต่ชอบเรื่องรถ คนพ่อเปิดร้านทำรถ ( ความฝันผมเลยล่ะ แต่ไม่มีตังค์ทำ 5555 )







ครับ ก็ด้วยเป็น การ์ตูน แถม คนไม่ชอบอ่านอะไรเยอะ ๆ ด้วย เลยหยุดทำไป เพราะเพจเงียบมาก... ( บวกกับช่วงนั้นมีภาระบางเรื่อง เลยไม่มีเวลาพักมาทำเท่าไร )

เอาล่ะครับ เกริ่นนำ มาเยอะแล้ว คราวนี้ เรามาคุยกันแบบ ง่าย ๆ ดีกว่า
ผมเจอคำถามเรื่อง แรงม้า แรงบิด คืออะไร มาเยอะมาก และ นี่คือ สิ่งที่ผมได้มาจาก ระดับตำรา เลยนะครับ
เขาสรุปมาว่า

แรงบิด ( Torque )  = กำลังของเครื่องยนต์
แรงม้า ( Horse Power ) = กำลังที่เครื่องยนต์สร้างออกมาได้....  What The..... Fu... . ture ( เออ น่ะ )

ครับ ยืนงง ในดงแมว เลยครับ.... คืออะไรวะ !! เฮ้ยยย !! อันนึง เมิงก็ว่ากำลัง อีกอัน ก็ เป็น กำลังที่เครื่องสร้างมา.... เฮ้ยยย เดี๋ยวว มาเคลียร์กะตูก๊อนน
ซึ่งหลังจาก งง เบลอ มึน อยู่พักใหญ่
ก็ ลองทำความเข้าใจดู เลย สรุปแบบ ง่าย ๆ ออกมา ดังนี้ครับ

แรงบิด ( Torque ) ถ้าเปรียบ ก็คือ กำลังของเครื่องยนต์ จริง ๆ ครับ ตรงตัวเลย
ถ้าเป็นคน ก็ เปรียบเหมือน กล้ามเนื้อ ครับ เครื่องที่มีแรงบิด สูง ๆ ก็เหมือน คนที่กล้ามเนื้อแข็งแรง นั่นแหละ
ซึ่งแรงบิด จะ แปรผันตาม ความจุ ของเครื่องยนต์ หรือที่เรียกว่า cc นั่นเอง
ครับ ดังนั้น รถที่มี cc สูง ๆ ก็ เปรียบเหมือน มีกล้ามใหญ่ ๆ และ กล้ามมีความแข็งแรง นั่นแหละ

ส่วนแรงม้า ( Horse Power )
( หน่วยวัดกำลัง หรืออัตราของการทำงาน ๑ แรงม้า มีค่าเท่ากับ ๗๔๕.๗ วัตต์ คือ กำลัง ที่ใช้ในการยกน้ำหนัก ๕๕๐ ปอนด์ ขึ้นสูง ๑ ฟุตในเวลา 1 วินาที พิมพ์ กูเกิ้ล เจอเลย )
แต่นั่นแหละครับ เมื่อนำมาประกอบ กำลังม้าคือ สิ่งที่ เครื่องยนต์ลูกนั้น ๆ สร้างกำลังขึ้นมา เพื่อให้เกิดกำลัง
ถ้าเปรียบก็เหมือน การปั่นจักรยาน น่ะครับ
คนที่มีกำลังกล้ามเนื้อสูงมาก ก็ สามารถปั่นจักรยานออกไปได้ ไกล และ เร็ว

เมื่อเราเปรียบ ออกมา ในลักษณะนี้ เราก็จะเข้าใจง่ายขึ้นแล้ว ใช่มั้ยครับ
นั่นก็คือ แรงบิด คือ กำลังของเครื่องยนต์ ที่แท้จริง นั่นเอง  ซึ่งเปรียบเหมือนกล้ามเนื้อ
ส่วนแรงม้า คือ ขีดความสามารถ ที่เครื่องยนต์ลูกนั้น จะปั่นพลังออกมาได้  

เอาล่ะ แล้วคราวนี้ มัน สำคัญยังไง
ก็มาว่ากันที่ กราฟ ในรูปนี้ครับ ที่วาดมา


ถ้าสังเกตุเราจะเห็น กราฟ 3 แบบ ที่มีรูปแบบ แตกต่างกัน
ซึ่งจะมีทั้ง กราฟแบบที่

- รอบกำลังมาเร็ว กำลังน้อย แรงบิดสูง แต่รอบมาเร็ว
- รอบกลาง กำลังสูงกว่าเล็กน้อย แต่ แรงบิดต่ำ รอบอยู่กลาง
- รอบสูง กำลังสูงที่สุด แรงบิดสูงที่สุด แต่มาสุดปลายกราฟ เลย

ซึ่ง ในส่วนนี้ เราจะได้เห็นใน " คู่มือประจำรถ " ครับ จะบอกข้อมูล แรงม้า แรงบิดให้เราทราบ ( แต่ไม่ได้บอกว่า กราฟจะมีลักษณะไหนนะ )

แต่แค่เพียงเราทราบ ตัวเลขของ แรงม้า แรงบิด สูงสุด ว่า จะมาในรอบกำลังใดบ้าง
" เราก็สามารถเดาลักษณะ นิสัย คร่าว ๆ ของรถของเรา ได้ในระดับนึง เลยนะ ครับ "

ซึ่ง ในรถที่มีการออกแบบ แรงม้า แรงบิด ในช่วงกำลัง แต่ละแบบ ก็จะมี ลักษณะนิสัย ในการใช้คันเร่ง ที่แตกต่างกัน
อย่างเช่น

- ในรถที่การออกแบบให้มีกำลัง ในช่วงรอบสูง ( พวก ตระกูล Sport , Naked )


รถเหล่านี้ ส่วนใหญ่ แรงบิด และ แรงม้า จะถูกออกแบบมาในรอบสูง ( ใน Naked จะ ดรอปกำลังลงเล็กน้อย แต่จะวาง แรงบิดให้มาเร็วขึ้น ) รถเหล่านี้ จะมีความสามารถในการปั่นกำลังทำ ท้อปสปีดได้ดี เพราะ ถูกวางกำลัง ให้มาในรอบที่สูง จากการออกแบบเครื่องยนต์ และ องศาการจุดระเบิด แต่ว่า ในการออกตัว รอบต่ำ ๆ นั้น จะมีกำลังที่ด้อยกว่า

แต่เพียงแค่ หลายคนส่วนใหญ่ ใช้รถใน ลักษณะ ทางพื้นราบ จึงไม่เห็นความต่างในส่วนนี้ แต่ หากเป็นการปีนทางชัน ๆ ผมรับรองว่า
" ถึงบางอ้อ ก็ ตอนนี้แหละ พวก เมิง... " เพราะ มันจะต้องลากรอบเครื่องให้สูงมาก ๆ ไม่สามารถจะเติมคันเร่ง แบบ ปุเลง ปุเลง ขึ้นไปได้ง่าย ๆ เลย
ดังนั้น
นี่ก็เป็นคำตอบให้กับ นักบิด บางท่านที่ไม่ค่อยชำนาญ ได้ว่า ทำไมเวลาขี่รถในเขา ทั้งที่เข้าก็ไม่เร็ว ทำไมไม่สามารถเข้าโค้งได้ รถจะบานออก ทุกที ทั้งที่ขี่ช้า หรือ บางที รถก็จะพับไปดื้อ ๆ ทั้งที่ขี่ช้าแล้ว
นั่นก็เพราะ ใช้อัตราทด เพื่อเรียกกำลัง ผิดช่วงกำลังของรถ นั่นเอง
ด้วยความที่ใช้กำลังต่ำเกินไป ทำให้รถ มีแรงไม่มากพอที่จะยกตัว และ ตะกุยออก
แต่ถ้าลอง เปิดคันเร่ง ลากรอบให้สูงขึ้นอีก จนเข้าในช่วงกำลัง
( แล้ว ทดเกียร์ให้ต่ำลงด้วยนะ ไม่ใช่บ้าเลือด กดเกียร์สูง ลากขึ้นไปอีก คราวนี้ล่ะ เอ็ง ทะลุ ลงไปตีนเขา แน่นอน )
แล้วลอง ขับขี่ดู ก็จะทำให้ รถมีกำลังยึดเกาะ มากขึ้น ครับผม

- รถที่ออกแบบให้มีรอบกำลังต่ำ หรือ กลาง

ส่วนมากจะพบเจอในรถ ตระกูล ครุยเซอร์ ทัวร์ริ่ง ดูอัล เพอร์โพส  ( อย่าเพิ่ง สับสนนะ หลายคน ชอบไปเรียก รถ Dual Purpose เป็น รถ ทัวริ่ง ไม่ใช่นะเว้ย ) รวมถึง สแครมเบอร์ แทร๊คเกอร์


ซึ่งรถเหล่านี้  ส่วนมาก จะถูกออกแบบมา ให้ มีช่วงกำลัง ในรอบ ต้น หรือ กลาง
" เพื่อความง่าย ในการขับขี่ "
เพราะ รถพวกนี้ สามารถเรียกกำลังออกมา ได้ ตลอดเวลา และ " สามารถใช้รอบต่ำ ได้ ในหลายสถานการณ์ "
เช่น ในการขึ้นทางชัน การเดินทางไกล รถเหล่านี้ จะมีความได้เปรียบ จากการออกแบบ ให้ มีกำลังในรอบต่ำ และ กลาง ทำให้ สามารถเร่งแซงได้ทันใจ และไม่ต้องใช้รอบสูง ในการขับขี่ แต่ก็ ต้องแลกกับ ท้อปสปีด ที่ อาจทำได้ไม่ดี เท่า พวกรถ รอบสูง
แต่ก็แลกมากับการใช้คันเร่งไม่เยอะ สามารถขับขี่ได้ง่าย โดยไม่ต้องใช้รอบที่สูง เกินไป เช่น ในการขับขี่ ทางชัน สามารถขับขี่เข้าและออกได้ง่าย ไม่ต้องเร่งคันเร่งมาก ทำให้ มีความปลอดภัย นั่นเอง
หรือในการเร่งแซง ที่ แทบไม่ต้องคลิกดาวน์เกียร์ อย่างใน รถที่ CC สูง ๆ มากๆ สามารถ เปิดคันเร่ง ที่เกียร์สูง ๆ ได้เลย โดยที่ไม่เสียกำลัง เลย

ดังนั้นแล้ว หาก ซื้อรถมาแล้ว หนึ่งคัน การเรียนรู้ ถึง ลักษณะนิสัยของรถ ในส่วนของ ย่านกำลัง ก็ทำให้เรา สามารถ ขับขี่รถของเราได้ง่ายขึ้น
และใช้งานได้ เต็มประสิทธิภาพ มากขึ้นครับผม

ส่วนการออกแบบ ช่วงกำลังนั้น มีหลายรูปแบบครับ
ทั้งองศาเพลาข้อเหวี่ยง องศาการจุดระเบิด ลักษณะรูปแบบเครื่อง หรือ อัตราทดเกียร์ และ อัตราทดขั้นสูดท้าย ( สเตอร์ หรือ ชุดเฟืองท้าย )
อันนี้ เรื่องของ วิศวกร ออกแบบล่ะครับ ผมคงไม่ไปรู้ ลึกขนาดนั้น เพราะถ้ารู้ ขนาดนั้นคงทำรถขี่เองแล้วล่ะ 5555

แต่การที่เราจะรู้ในสิ่งที่ควรรู้ กับ รถที่ทำมาสำเร็จแล้ว ก็ เป็น อีกสิ่งหนึ่ง ที่ดี และ ช่วยให้เรา ขับขี่ได้เป็นอย่างดี ครับผม ^^

เอาล่ะครับ มาถึงตรงนี้ ก็ คง ตาลายกันไปแล้ว
เอาไว้ กระผม จะหาเรื่องอะไร มาปั่นประสาทอีก ก็ คอยติดตามกันนะครับ เพราะ มีอีกเพียบเป็นตัน ๆ ตีกันวุ่นวาย ใน กบาล นี่แหละครับ
แล้ว มานั่ง มึน ตาลายกันไหม่นะครับผม

นาย ไข่ตั้ง ตังค์ไม่ค่อยมี ( บุรุษผู้มีเวลาล้นฟ้า สวนทางกับรายได้... )