ขอคำแนะนำดูแลผู้ป่วยจิตเภท/ติดยาเสพย์ติด

กระทู้คำถาม
ผู้ป่วยเคยติดยาเสพย์ติดหนัก (ยาบ้า)
ทางบ้านจึงส่งตัวไปโรงเรียนประจำที่ดูแลเด็กๆกลุ่มนี้
และรับยาจากจิตแพทย์ไปทานตอนอยู่โรงเรียน

อยู่ที่นั่นผู้ป่วยห่างไกลสารเสพย์ติด 100%
เฉลี่ยแล้ว 1-2ปีครั้ง จะไปรับกลับมาบ้าน
และประเมินจิตใจว่าสามารถเลิกได้แล้วหรือยัง
แต่ก็ยังเลิกไม่ได้

กลับมาได้หลักสิบวันจึงส่งกลับไปอยู่ต่อ

แต่มีครั้งนึงที่รับผู้ป่วยกลับมาหาหมอตามนัด
ผู้ป่วยหนีไปใช้ยาเสพย์ติดและหยุดยารักษา
จนปัจจุบันหมอวินิจฉัยว่าพัฒนามาป่วยจิตเภทแล้ว

ช่วงที่กลับมาล่าสุดนี้ ทำลายข้าวของ
จุดไฟเผาข้างของ ทางบ้านควบคุมไม่ได้
จนทางบ้านต้องส่งกลับไปอยู่โรงเรียนประจำต่อ

ไปอยู่นู่น ทางออกคือ ล่ามโซ่ไว้
มีเด็กๆที่โดนล่ามโซ่ด้วยกันจากหลายสาเหตุเช่น
ทะเลาะวิวาท คุมตัวเองไม่ได้ ทำร้ายผู้อื่น เป็นต้น
แต่ส่วนมากแล้ว เด็กๆส่วนใหญ่ ดีขึ้น
ตั้งใจเรียนได้ พัฒนาตัวเองได้ ปรับปรุงตัวได้
บางคนกลับไปบ้านก็เลิกขาดเลย
บางคนก็ไม่อยากกลับบ้าน กลัวใจตัวเอง
อยู่เรียนต่อ อยู่ช่วยงานโรงเรียนไปเรื่อยๆ
ส่วนใหญ่แล้วก็จะอยู่อิสระปกติ เหมือนโรงเรียนทั่วไป
แบ่งงาน แบ่งรุ่นพี่รุ่นน้อง ช่วยดูแลเด็กใหม่ๆ หรืออาการหนัก เป็นต้น

ผมเองเลยคิดว่า
ถ้าเรานำผู้ป่วยกลับมาขังเองที่บ้าน จะดีมั้ย

สามารถทำได้ยังไงบ้าง อยากขอคำแนะนำ
มันจะดีกับผู้ป่วยมั้ย กับการที่โดนขังเดี่ยวๆ
ไม่ต้องพบเห็นพฤติกรรมรุนแรงจากเพื่อนๆที่โดนขังด้วยกัน

การขัง/ล่าม จะดีกว่าหรือร้ายกับผู้ป่วยมากกว่าในแง่การรักษา

การขัง/ล่าม ที่ดี มีประสิทธิภาพ มีวิธีการยังไงบ้าง
หรือโลกเรามีวิธีการที่ดีกว่านี้ยังไงบ้าง

อยากขอคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์ครับ

ผู้ป่วยอายุ20ต้นๆ
รักษาโดยวิธีการรับยาจากจิตแพทย์มาเรื่อยๆประมาน3-4ปี
เฉลี่ยแล้วรับกลับมาบ้านประมาน1-2ปีครั้ง
ตอนอยู่โรงเรียนประจำไม่ได้ใช้สารเสพย์ติด100%
แต่เมื่อกลับมาบ้านระยะเวลา10-20วัน
หลบหนีออกไปใช้สารเสพย์ติดเสมอ
แต่ครั้งล่าสุดที่กลับมาหาหมอสามารถป้องกันได้
และไม่ได้ใช่สารเสพย์ติด

เหตุผลที่สิ้นสุดที่การล่ามโซ่
เพราะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เมื่อต้องการยา
ทำลายข้าวของ ก้าวร้าว
จิตใจแม้ไม่ได้อยากยา แต่ก็ต้องการเสพย์ยา
การรับรู้ผิดเพี้ยน เหมือนชื่นชมในยาเสพย์ติด

และด้วยโรคที่ป่วย ต้องงดยาเสพย์ติดเด็ดขาด
การขังหรือป้องกันไม่ให้ได้เสพย์
จึงเป็นทางที่ต้องเลือก
เพื่อความปลอดภัยของตัวผู้ป่วยเองและคนรอบข้าง

ถ้าหากมีวิธีที่ดี เหมาะสมกว่า
ช่วยแนะนำด้วยนะครับ
จะเอาไปสมทบกับข้อมูลของพ่อแม่ผู้ป่วย
และไปปรึกษากับคุณหมอเจ้าของไข้เพิ่มเติม
เพื่อตัดสินใจหาทางออกที่ดีที่สุดให้ผู้ป่วยครับ

คือเราเองได้เจอผู้ป่วยและหมอแค่นานๆครั้ง
พบหมอแต่ละครั้งก็ไม่นาน ถ้าเราได้ข้อมูลไว้บ้าง
จะได้นำไปปรึกษาคุณหมอได้ชัดเจนมากขึ้น
ว่าวิธีไหนเหมาะจะใช้กับเค้าได้มากน้อยยังไง
ขอบคุณล่วงหน้าครับ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  สุขภาพจิต
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่