“ทำไมมาคนเดียว ?”
… No Plan …
… No one Know …
… Just only ME …
หลังจากเรียนจบและชีวิตเผชิญกับโลกการทำงานมาประมาณ 2 ปี หลายสิ่ง หลายอย่าง หลายเรื่องราวที่อาจทำให้ส่วนหนึ่งของความเป็นตัวเองหล่นหายไป... ด้วยความบังเอิญที่เราไปเจอสมุดโน้ตเล่มหนึ่งที่เราเขียนตอนไปเที่ยวคนเดียวสมัยเรียน หลายอย่างที่เราเองเกือบลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเคยเขียนลงไป
“ตอนนี้กูทำอะไรอยู่วะ ?”
คำถามมันดังขึ้นในหัวที่เราเองก็’ยัง’ตอบไม่ได้ ... เรามีทฤษฎีส่วนตัวเวลานึกอะไรไม่ออกให้ย้อนกลับไปคิดที่จุดเริ่มต้น ดังนั้นเมื่อเราหาคำตอบมาตอบคำถามไม่ได้ เราเลยลองย้อนกลับไปใช้ชีวิตแบบตอนเรียนก่อนที่คำถามนี้มันจะเกิดดูละกัน ! แต่... เวลามันไม่ได้อิสระแบบตอนเรียนแล้วนะ 2 วัน 1 คืนเท่านั้น ไหนอยากจะตื่นสาย ๆ อีก หรือจะนอนอยู่บ้านดีวะ ? เชื่อมั้ย... เราลังเลจนวินาทีสุดท้ายจริง ๆ เพราะถึงวันที่จะไปและเลยเวลาตื่นก็ยังถกกับตัวเองอยู่แต่สุดท้ายก็มีอะไรไม่รู้มาฉุดออกจากที่นอนให้ Go A Way !!!!
24.2.2018
เธอ ๆ จะบอกว่าบ้านเราอะอยู่แถวบางพลีซึ่งจริง ๆ มันก็มีวินรถตู้ใกล้ ๆ ให้ขึ้นไปหัวหินเลยก็ได้แต่เราไม่ขึ้น เราจะไป ”รถไฟ” ให้ลำบาก
6.45 น. จะบอกว่าเราตื่นสายว่ะ .. เธออออ !! รถไฟจะออกจากสถานีหัวลำโพงเวลา 9.20 น. ซึ่งตั้งปลุกไว่ที่ก่อน 6 โมงเช้านะแล้วไม่ตื่นไง ! ไป ไม่ไป ไป ไม่ไป เออ ไปก็ไปวะ ! ถีบตัวเองไปอาบน้ำ เขียนคิ้ว ไหว้พ่อแม่ แล้วแบกกระเป๋าวิ่งออกจากบ้าน ตื่นสายแค่ไหนยังไม่สำนึก...ก็ยังนั่งรถเมล์ออกจากบ้านเพราะความงกไม่อยากเสียค่า BTS เพิ่ม ผลคือ.....
9.31 น. วิ่ง !!! วิ่งออกจาก MRT มาตามทางอย่าเร่งรีบ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเลยเวลาแล้วนะ ตอนนั้นภาวนาขอให้รถไฟเลทเถอะ ! แวะไปถามพี่ยามพี่เขาก็ให้กำลังใจดีมากว่า “รถไฟกรุงเทพฯ – หัวหินออกไปแล้วครับตอน 9 โมง 20 ครับ” .... ขอบคุณความดื้นที่หลังจากกราบขอบคุณพี่เขาแล้วยังวิ่งไปดูที่ชานชาลา .. “รถไฟกรุงเทพฯ – หัวหิน” ยังอยู่ !!!!!
หันซ้าย – หันขวาทำหน้าตาน่าสงสารกับคุณลุงนายสถานี...
ฝฝ. : ขอโทษนะคะ... หนูซื้อตั๋วไม่ทัน หนูทำยังไงคะ ?
นายสถานี : โอ้ย ไม่ทันแล้วหนู.... อะ ๆ ขึ้นไปก่อนแล้วไปซื้อบนรถไฟก็ได้
ฝฝ. : ขอบคุณมากค่ะ !!
.... แต่ความระทึกยังไม่หมดแค่นั้นเพราะเพิ่งรู้ว่าการซื้อตั๋วบนรถไฟนั้นจะมีค่าธรรมเนียมบวกเพิ่ม 100 บาทจากราคา T_T แต่อีกครั้ง... คุณพี่คนตรวจตั๋วใจดี(แม้จะดุมาก่อนแล้วก็ตาม)บอกว่าพอถึงสถานีสามเสนก็รีบลงไปซื้อละกัน
อืม...อันที่จริงเราไม่ใช่คนเดียวแฮะที่สาย เพราะตอนวิ่งจาก MRT มีหนุ่มเสื้อฮาวายที่หิ้วถุงพิซซาคอมพานีที่วิ่งมาพร้อมกัน...นางก็มาต่อซื้อตั๋วที่สถานีสามเสนเหมือนกันว่ะ หลังจากมหกรรมระทึกผ่านไปก็นั่งยาว ... ยาวววววจริง ๆ ไปจนถึงสถานีหัวหินเลย
14.00 น. โดยประมาณ... ถึงแล้วหัวหินถิ่นโคตรร้อน เมื่อเช้ากลิ่นฝนที่กทม.ไม่ได้ส่งมาถึงหัวหินเลย เดินออกจากสถานีรถไฟห่างมานิดเพราะคิดว่าวินมอไซต์แถวหน้าสถานีน่าจะแพงกว่าตามถนน แต่อันที่จริงมันก็ราคาเดียวกันหมดละเมืองท่องเที่ยวนี่หว่า โชคดีของเราที่เจอคุณลุงวินมอไซต์นิสัยดีเพราะเราบอกลุงว่าไปซอยหัวหิน 51 แต่เราหาที่พักเราไม่เจอ คุณลุงก็ช่วยวนหาให้จนเจอแบบไม่ชาร์จเพิ่ม
Must Room Hua Hin 51 ที่พักที่เรากดจองจาก Booking.com ซึ่งเป็นแบบโฮสเทล หลังจากเดินเข้าไปพี่ที่ดูแลที่นี่ก็ทักเลยว่า “อ้าวทำไมมาคนเดียวล่ะ ?” เราก็เลยตอบติดตลกไปว่า “ไม่มีใครคบค่ะ 555” ... พี่ส้มพาเอากูญแจและพาเราไปที่เตียง 7A ในห้องนั้นมีทั้งหมด 4 เตียงเป็นเตียงแบบ 2 ชั้น แต่วันนั้นห้องเรามีแค่ 2 คนเป็นเราและสาวรัสเซียอีก 1 คนเท่านั้น
หลังจากเจอลม แดด ฝุ่นมาหลายชั่วโมง... ขออาบน้ำและพักตากแอร์แปปนะ เดี๋ยวจะออกไปเดินตากแดดใหม่อีกรอบ !
15.00 น. จริง ๆ เราไม่ได้เป็นคนชอบทะเลเลยนะ อากาศมันร้อน เหนียวตัว และก็รู้สึกเหนอะ ๆ ด้วยแต่ที่มาหัวหินเพราะอยากนั่งรถไฟและอยากออกเดินทาง... บางคนที่ชอบบอกว่าหนีร้อนไปทะเล...มาทะเลเนี่ยมันร้อนกว่าอีกมั้ยอะ ?? แต่มันก็แล้วแต่คนชอบอ่าเนอะ เรานั่งชมวิวอยู่สักพักแต่ไม่ไหวแล้ว...หิว ไปหาข้าวกินเหอะ !
ร้านเล้ง...นายป้อง เราก็เดินหาข้าวดินแถว ๆ ในซอยหัวหิน 51 นั่นล่ะ เพราะคิดว่าถ้าไปกินในร้านคอฟฟี่ช็อปจะตั้งแพงแน่ ๆ เลยกินข้าวข้างนอกแล้วไปนั่งตากแอร์สั่งกาแฟทีหลังก็ได้ เราสั่งข้าวหมูกรอบไป...โดยรวมก็ไม่ได้แย่นะแต่ก็ไม่ได้อร่อยมากมาย เมนูเล้งเขาอาจจะดีก็ได้มั้ง ?
Remix’s Café ร้านกาแฟเล็ก ๆ อยู่ตรงหน้าซอยทางลงชายหาดในซอยหัวหิน 51 ร้านตกแตงด้วยโทนสีดำให้ความสุขุมและอบอุ่นจากเฟอร์นิเจอร์ไม้ เราสั่งวานิลลาลาเต้เย็นไปแค่แก้วเดียว...เพราะเราแค่อยากมาหลบร้อนจากแดดตอนบ่ายของหัวหินมากกว่า ไหน ๆ ก็ต้องรอเวลาแดดร่มลมตกแล้วก็อ่านหนังสือฆ่าเวลาเพลิน ๆ ไปเลยล่ะกัน ...
ชายหาดหัวหิน ... เราต้องยอมรับเลยว่าทะเลหัวหินน้ำใสกว่าทะเลบางแสนและพัทยามาก แม้จะเป็นเมืองท่องเที่ยวเหมือนกันก็ตาม การนั่งมองทะเลเรื่อย ๆ ตอนแดดร่ม ๆ มันก็เป็นช่วงเวลาที่ดีนะ ไม่ต้องคิดอะไรแค่มองไปให้ไกลสุดสายตาก็พอ... ประกายสีฟ้าที่สะท้อนเข้าตาจากแสงอาทิตย์ยามเย็นที่ส่องลงไปในทะเลคงช่วยในสายตาที่เจอแต่แสงสีฟ้าหน้าจอได้พักผ่อนจริง ๆ บ้างล่ะนะ
เราเคยมาหัวหินนะเมื่อตอนเรียนปี 2 แต่เราไม่เจอไฮท์ไลท์หัวหินสำหรับเราอย่าง “ม้า” ที่เวลาใคร ๆ มาหัวหินจะต้องถ่ายรูปม้า เราเลยติดตาว่าหัวหินต้องมีม้ามากกว่า...หัวหินเป็นถิ่นมีหอย แต่คราวนี้เราเจอแล้วนะม้าทะเลพระเอกของหัวหินสำหรับเรา
18.00 น. เราแอบแวบเข้าโฮสเทลอีกครั้งเพราะจะรอเวลาไปเดินเล่นที่ตลาดโต่รุ่ง อ๊ะ...สาวรัสเซียรูมเมทของเราก็อยู่ในห้องพอดีเลย Hi… แต่เหมือนการว่าการสื่อสารระหว่างเราจะไม่ค่อยโอเคนัก ไม่ใช่ว่าเราหรือเธอทำตัวไม่น่ารักต่อกันนะแต่เพราะอุปสรรคทางภาษาต่างหาก สาวรัสเซ๊ยจ้าวสามารถพูดอังกฤษได้เล็กน้อยส่วนภาษารัสเซียของเรา...ก็สารภาพเลยล่ะกันว่าไม่รู้เลยสักคำจริง ๆ และก็ดูเธอจะโลกส่วนตัวสูงด้วย เราก็เลย Let’s her alone ไปล่ะกันน่าจะดีที่สุด
19.00 น. เดินลงมาชั้นล่างก็เจอกับพี่ส้มที่ดูแลโฮสเทลพอดี พี่ส้มถามว่าจะไปไหน... ตลาดโต้รุ่งค่ะ... เราตอบ พี่ส้มพาเราไปดูแผนที่หัวหินพร้อมกับแนะนำว่าให้นั่งรถสองแถวกลับมาลงที่หน้าซอยหัวหิน 51 ได้ แต่ขาไปเดินไปชิล ๆ ดูร้านตอนกลางคืนดีกว่า เม้าท์มอยหอยสังข์กันเกือบครึ่งชั่วโมงก็ขอตัวไปเดินท่อม ๆ ตามเส้นถนนเลียบหาดหัวหิน ...
ร้านตอนกลางคืนที่นี่เริ่มเปิดไฟและเพลงบรรเลงเคล้าบรรยากาศชายทะเลให้บรรยากาศสบาย ๆ มากกว่าสนุกสนาน เราเดินลัดเลาะไปเรื่อย ๆ จนถึงตลาดโต้รุ่ง นักท่องเที่ยวค่อข้างคึกคักกว่าแถบที่เราพักคงอาจเพราะนักท่องเที่ยวนิยมพักแถวที่ใกล้ ๆ สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมมั้ง ซึ่งสำหรับเรา...เดินไปไม่ถึงครึ่งตลาดก็คิดว่ากลับเหอะ เราแค่รู้สึกว่าไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ก็เลยไม่ฝืนใจเดินแม้ใคร ๆ จะบอกว่าน่าสนใจก็เถอะ เราขอเลือกกลับโฮสเทลนอนดีกว่า....
[CR] Hua Hin เป็นถิ่นมีม้า !!
… No one Know …
… Just only ME …
หลังจากเรียนจบและชีวิตเผชิญกับโลกการทำงานมาประมาณ 2 ปี หลายสิ่ง หลายอย่าง หลายเรื่องราวที่อาจทำให้ส่วนหนึ่งของความเป็นตัวเองหล่นหายไป... ด้วยความบังเอิญที่เราไปเจอสมุดโน้ตเล่มหนึ่งที่เราเขียนตอนไปเที่ยวคนเดียวสมัยเรียน หลายอย่างที่เราเองเกือบลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเคยเขียนลงไป
คำถามมันดังขึ้นในหัวที่เราเองก็’ยัง’ตอบไม่ได้ ... เรามีทฤษฎีส่วนตัวเวลานึกอะไรไม่ออกให้ย้อนกลับไปคิดที่จุดเริ่มต้น ดังนั้นเมื่อเราหาคำตอบมาตอบคำถามไม่ได้ เราเลยลองย้อนกลับไปใช้ชีวิตแบบตอนเรียนก่อนที่คำถามนี้มันจะเกิดดูละกัน ! แต่... เวลามันไม่ได้อิสระแบบตอนเรียนแล้วนะ 2 วัน 1 คืนเท่านั้น ไหนอยากจะตื่นสาย ๆ อีก หรือจะนอนอยู่บ้านดีวะ ? เชื่อมั้ย... เราลังเลจนวินาทีสุดท้ายจริง ๆ เพราะถึงวันที่จะไปและเลยเวลาตื่นก็ยังถกกับตัวเองอยู่แต่สุดท้ายก็มีอะไรไม่รู้มาฉุดออกจากที่นอนให้ Go A Way !!!!
24.2.2018
เธอ ๆ จะบอกว่าบ้านเราอะอยู่แถวบางพลีซึ่งจริง ๆ มันก็มีวินรถตู้ใกล้ ๆ ให้ขึ้นไปหัวหินเลยก็ได้แต่เราไม่ขึ้น เราจะไป ”รถไฟ” ให้ลำบาก
6.45 น. จะบอกว่าเราตื่นสายว่ะ .. เธออออ !! รถไฟจะออกจากสถานีหัวลำโพงเวลา 9.20 น. ซึ่งตั้งปลุกไว่ที่ก่อน 6 โมงเช้านะแล้วไม่ตื่นไง ! ไป ไม่ไป ไป ไม่ไป เออ ไปก็ไปวะ ! ถีบตัวเองไปอาบน้ำ เขียนคิ้ว ไหว้พ่อแม่ แล้วแบกกระเป๋าวิ่งออกจากบ้าน ตื่นสายแค่ไหนยังไม่สำนึก...ก็ยังนั่งรถเมล์ออกจากบ้านเพราะความงกไม่อยากเสียค่า BTS เพิ่ม ผลคือ.....
9.31 น. วิ่ง !!! วิ่งออกจาก MRT มาตามทางอย่าเร่งรีบ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเลยเวลาแล้วนะ ตอนนั้นภาวนาขอให้รถไฟเลทเถอะ ! แวะไปถามพี่ยามพี่เขาก็ให้กำลังใจดีมากว่า “รถไฟกรุงเทพฯ – หัวหินออกไปแล้วครับตอน 9 โมง 20 ครับ” .... ขอบคุณความดื้นที่หลังจากกราบขอบคุณพี่เขาแล้วยังวิ่งไปดูที่ชานชาลา .. “รถไฟกรุงเทพฯ – หัวหิน” ยังอยู่ !!!!!
หันซ้าย – หันขวาทำหน้าตาน่าสงสารกับคุณลุงนายสถานี...
ฝฝ. : ขอโทษนะคะ... หนูซื้อตั๋วไม่ทัน หนูทำยังไงคะ ?
นายสถานี : โอ้ย ไม่ทันแล้วหนู.... อะ ๆ ขึ้นไปก่อนแล้วไปซื้อบนรถไฟก็ได้
ฝฝ. : ขอบคุณมากค่ะ !!
.... แต่ความระทึกยังไม่หมดแค่นั้นเพราะเพิ่งรู้ว่าการซื้อตั๋วบนรถไฟนั้นจะมีค่าธรรมเนียมบวกเพิ่ม 100 บาทจากราคา T_T แต่อีกครั้ง... คุณพี่คนตรวจตั๋วใจดี(แม้จะดุมาก่อนแล้วก็ตาม)บอกว่าพอถึงสถานีสามเสนก็รีบลงไปซื้อละกัน
อืม...อันที่จริงเราไม่ใช่คนเดียวแฮะที่สาย เพราะตอนวิ่งจาก MRT มีหนุ่มเสื้อฮาวายที่หิ้วถุงพิซซาคอมพานีที่วิ่งมาพร้อมกัน...นางก็มาต่อซื้อตั๋วที่สถานีสามเสนเหมือนกันว่ะ หลังจากมหกรรมระทึกผ่านไปก็นั่งยาว ... ยาวววววจริง ๆ ไปจนถึงสถานีหัวหินเลย
14.00 น. โดยประมาณ... ถึงแล้วหัวหินถิ่นโคตรร้อน เมื่อเช้ากลิ่นฝนที่กทม.ไม่ได้ส่งมาถึงหัวหินเลย เดินออกจากสถานีรถไฟห่างมานิดเพราะคิดว่าวินมอไซต์แถวหน้าสถานีน่าจะแพงกว่าตามถนน แต่อันที่จริงมันก็ราคาเดียวกันหมดละเมืองท่องเที่ยวนี่หว่า โชคดีของเราที่เจอคุณลุงวินมอไซต์นิสัยดีเพราะเราบอกลุงว่าไปซอยหัวหิน 51 แต่เราหาที่พักเราไม่เจอ คุณลุงก็ช่วยวนหาให้จนเจอแบบไม่ชาร์จเพิ่ม
Must Room Hua Hin 51 ที่พักที่เรากดจองจาก Booking.com ซึ่งเป็นแบบโฮสเทล หลังจากเดินเข้าไปพี่ที่ดูแลที่นี่ก็ทักเลยว่า “อ้าวทำไมมาคนเดียวล่ะ ?” เราก็เลยตอบติดตลกไปว่า “ไม่มีใครคบค่ะ 555” ... พี่ส้มพาเอากูญแจและพาเราไปที่เตียง 7A ในห้องนั้นมีทั้งหมด 4 เตียงเป็นเตียงแบบ 2 ชั้น แต่วันนั้นห้องเรามีแค่ 2 คนเป็นเราและสาวรัสเซียอีก 1 คนเท่านั้น
หลังจากเจอลม แดด ฝุ่นมาหลายชั่วโมง... ขออาบน้ำและพักตากแอร์แปปนะ เดี๋ยวจะออกไปเดินตากแดดใหม่อีกรอบ !
15.00 น. จริง ๆ เราไม่ได้เป็นคนชอบทะเลเลยนะ อากาศมันร้อน เหนียวตัว และก็รู้สึกเหนอะ ๆ ด้วยแต่ที่มาหัวหินเพราะอยากนั่งรถไฟและอยากออกเดินทาง... บางคนที่ชอบบอกว่าหนีร้อนไปทะเล...มาทะเลเนี่ยมันร้อนกว่าอีกมั้ยอะ ?? แต่มันก็แล้วแต่คนชอบอ่าเนอะ เรานั่งชมวิวอยู่สักพักแต่ไม่ไหวแล้ว...หิว ไปหาข้าวกินเหอะ !
ร้านเล้ง...นายป้อง เราก็เดินหาข้าวดินแถว ๆ ในซอยหัวหิน 51 นั่นล่ะ เพราะคิดว่าถ้าไปกินในร้านคอฟฟี่ช็อปจะตั้งแพงแน่ ๆ เลยกินข้าวข้างนอกแล้วไปนั่งตากแอร์สั่งกาแฟทีหลังก็ได้ เราสั่งข้าวหมูกรอบไป...โดยรวมก็ไม่ได้แย่นะแต่ก็ไม่ได้อร่อยมากมาย เมนูเล้งเขาอาจจะดีก็ได้มั้ง ?
Remix’s Café ร้านกาแฟเล็ก ๆ อยู่ตรงหน้าซอยทางลงชายหาดในซอยหัวหิน 51 ร้านตกแตงด้วยโทนสีดำให้ความสุขุมและอบอุ่นจากเฟอร์นิเจอร์ไม้ เราสั่งวานิลลาลาเต้เย็นไปแค่แก้วเดียว...เพราะเราแค่อยากมาหลบร้อนจากแดดตอนบ่ายของหัวหินมากกว่า ไหน ๆ ก็ต้องรอเวลาแดดร่มลมตกแล้วก็อ่านหนังสือฆ่าเวลาเพลิน ๆ ไปเลยล่ะกัน ...
ชายหาดหัวหิน ... เราต้องยอมรับเลยว่าทะเลหัวหินน้ำใสกว่าทะเลบางแสนและพัทยามาก แม้จะเป็นเมืองท่องเที่ยวเหมือนกันก็ตาม การนั่งมองทะเลเรื่อย ๆ ตอนแดดร่ม ๆ มันก็เป็นช่วงเวลาที่ดีนะ ไม่ต้องคิดอะไรแค่มองไปให้ไกลสุดสายตาก็พอ... ประกายสีฟ้าที่สะท้อนเข้าตาจากแสงอาทิตย์ยามเย็นที่ส่องลงไปในทะเลคงช่วยในสายตาที่เจอแต่แสงสีฟ้าหน้าจอได้พักผ่อนจริง ๆ บ้างล่ะนะ
เราเคยมาหัวหินนะเมื่อตอนเรียนปี 2 แต่เราไม่เจอไฮท์ไลท์หัวหินสำหรับเราอย่าง “ม้า” ที่เวลาใคร ๆ มาหัวหินจะต้องถ่ายรูปม้า เราเลยติดตาว่าหัวหินต้องมีม้ามากกว่า...หัวหินเป็นถิ่นมีหอย แต่คราวนี้เราเจอแล้วนะม้าทะเลพระเอกของหัวหินสำหรับเรา
18.00 น. เราแอบแวบเข้าโฮสเทลอีกครั้งเพราะจะรอเวลาไปเดินเล่นที่ตลาดโต่รุ่ง อ๊ะ...สาวรัสเซียรูมเมทของเราก็อยู่ในห้องพอดีเลย Hi… แต่เหมือนการว่าการสื่อสารระหว่างเราจะไม่ค่อยโอเคนัก ไม่ใช่ว่าเราหรือเธอทำตัวไม่น่ารักต่อกันนะแต่เพราะอุปสรรคทางภาษาต่างหาก สาวรัสเซ๊ยจ้าวสามารถพูดอังกฤษได้เล็กน้อยส่วนภาษารัสเซียของเรา...ก็สารภาพเลยล่ะกันว่าไม่รู้เลยสักคำจริง ๆ และก็ดูเธอจะโลกส่วนตัวสูงด้วย เราก็เลย Let’s her alone ไปล่ะกันน่าจะดีที่สุด
19.00 น. เดินลงมาชั้นล่างก็เจอกับพี่ส้มที่ดูแลโฮสเทลพอดี พี่ส้มถามว่าจะไปไหน... ตลาดโต้รุ่งค่ะ... เราตอบ พี่ส้มพาเราไปดูแผนที่หัวหินพร้อมกับแนะนำว่าให้นั่งรถสองแถวกลับมาลงที่หน้าซอยหัวหิน 51 ได้ แต่ขาไปเดินไปชิล ๆ ดูร้านตอนกลางคืนดีกว่า เม้าท์มอยหอยสังข์กันเกือบครึ่งชั่วโมงก็ขอตัวไปเดินท่อม ๆ ตามเส้นถนนเลียบหาดหัวหิน ...
ร้านตอนกลางคืนที่นี่เริ่มเปิดไฟและเพลงบรรเลงเคล้าบรรยากาศชายทะเลให้บรรยากาศสบาย ๆ มากกว่าสนุกสนาน เราเดินลัดเลาะไปเรื่อย ๆ จนถึงตลาดโต้รุ่ง นักท่องเที่ยวค่อข้างคึกคักกว่าแถบที่เราพักคงอาจเพราะนักท่องเที่ยวนิยมพักแถวที่ใกล้ ๆ สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมมั้ง ซึ่งสำหรับเรา...เดินไปไม่ถึงครึ่งตลาดก็คิดว่ากลับเหอะ เราแค่รู้สึกว่าไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ก็เลยไม่ฝืนใจเดินแม้ใคร ๆ จะบอกว่าน่าสนใจก็เถอะ เราขอเลือกกลับโฮสเทลนอนดีกว่า....