เรื่องราวครั้งนี้มันเกิดขึ้น จากที่ผมไปรับญาติคนหนึ่งที่ต่างจังหวัด
ญาติผมคนนี้ เป็นลูกน้า อายุอ่อนกว่าผมปีสองปี เราโตมาด้วยกัน เล่นหัวกันมาตั้งแต่เด็กๆ
ครั้งนี้ น้าขายรถให้กับคนรู้จักคนหนึ่ง เลยให้ ลูกชายน้าขับรถคันที่ขายไปส่ง ให้กับผู้ซื้อที่ต่างจังหวัด
ผมเลยดันต้องขับรถไปรับลูกน้าคนนี้กลับมา หลังจากที่ขับรถไปส่งแล้ว
ผมขับรถไปถึงต่างจังหวัด ตามที่นัดกันไว้กับลูกน้า ก็ราวๆ หัวค่ำ เกือบจะสองทุ่มแล้ว
เจ้าของบ้านคนที่ซื้อรถ เขาก็เลยชวน ให้ค้างที่บ้านก่อน พรุ่งนี้เช้าค่อยขับรถกลับกัน
ผมกับลูกน้าก็เลยได้นอนค้างกันที่บ้านคนรู้จัก คนนั้น หนึ่งคืน
พอตกลงว่าจะค้างคืนที่บ้านคนรู้จักคนนั้น เขาก็บอกว่า จะพาไปเดินตลาดนัด กลางคืน
มีของกินของขายเยอะ
พวกเราก็เลยพากันไป ตลาดนัดกลางคืน กับญาติๆของคนรู้จัก อีกสามถึงสี่คน
พอไปถึงตลาด ก็แวะหาของกิน ซื้อโน่นซื้อนี่ กันตามอัธยาศัย
จนเกือบๆ สี่ทุ่มก็ถึงชวนกันกลับ
พอมาถึงบ้าน ไม่รู้ว่าผมไปกินอะไร มา แล้วมันแพ้
อาการ แสบๆคันๆ ตามมือเท้า แล้วก็ ตรงต้นขา
ตอนแรกก็ไม่คันมาก คิดว่าไม่เป็นไร ก็เลยอาบน้ำเข้านอนเลย
จนดึกๆ นอนยังไง ก็นอนไม่หลับ รู้สึกมือแสบ เท้าแสบ แล้วก็คันรุนแรงมากขึ้น
ผมก็เลยลุกขึ้นมาเปิดไฟดู
ปรากฏว่า มือเท้าผมบวมแดง แล้วก็เป็นผื่นขึ้นเต็มไปหมด
เห็นแล้วตกใจเลย
เลยรีบปลุกลูกน้าขึ้นมาดู
พอลูกน้าตื่นมาดู เขาก็บอกว่า เฮ้ยแพ้อะไรหรือเปล่า ทำไมมันบวมแดงแบบนั้น
ผมก็ถามว่ามียาแก้แพ้อะไรติดตัวมาไหม
เขาก็อบกว่าไม่มี
ก็เลย เดินไปปลุกลุงเจ้าของบ้าน
พอลุงเจ้าของบ้านตื่นมาเห็น เขาก็เลยหายาแก้แพ้มาให้กิน
ผมกินยาเสร็จ ผมคิดว่าเดี๋ยวมันก็หาย ก็เลยเข้านอนต่อ
แต่มันก็ไม่ทุเลาเลย ผมนอนกระสับกระสายไปมา คันตามมือตามเท้า ตามเนื้อตามตัวไปหมด
เกาจน ผิวหนังมันเป็นเหมือน ผิวไม่เรียบ เป็นตุ่มๆขรุขระขึ้นมาเต็มไปหมด
สุดท้ายนอนไม่ได้ต้องลุกขึ้นมานั่ง ลูกน้าก็เลยตื่นมาเปิดไฟ ดูอาการผม
พอเขาเห็นแล้ว เขาก็ถามว่าไหวไหม
ตอนนั้นตีหนึ่งกว่าแล้ว ใจอยากจะรอให้ถึงเช้าค่อยไปหาหมอ แต่มันทนไม่ไหวจริงๆ
ก็เลย บอกลูกน้าว่า ไปโรงบาลดีกว่า ไม่ไหวแล้ว
พอพวกเราพากันจะเปิดประตูบ้านไปที่รถผม
ลุงเจ้าของบ้านกับลูกแกก็ตื่น เดินลงมาดูพวกเรา
แกก็ถามว่า เป็นอะไร
ลูกน้าก็เลยบอกว่า จะพาไปส่งโรงพยาบาล เพราะดูท่าทางจะแพ้หนักแล้ว
ลุง ก็เลยบอกว่า นี่ไปโรงบาลตรงนี้ซิ ไม่ไกล อยู่ตรงเส้น เลี่ยงเมือง
ตอนนั้น ผมเริ่มรู้สึกแสบตามเนื้อตามตัวไปหมด ใจเต้นแรง
ลูกน้ามาประคองผมขึ้นรถ ลูกลุงรีบไปเปิดรั้วบ้านให้
ไม่นานลูกน้าก็ขับรถ พาผมมุ่งหน้าไปส่งที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
ขับมาได้สัก พักใหญ่
ผมถามว่าถึงหรือยัง
ลูกน้าก็บอกว่า ตรงไหนวะ ยังไม่เห็นป้ายโรงพยาบาลอะไรเลย
ผมก็เลยบอกว่า เห็นคลีนิค ก็แวะคลีนิคก็ได้
ขับมาเรื่อยๆ ผมนั่งหลับตา ไม่ได้มองถนนหนทาง
แล้วรถก็ค่อยๆชะลอเหมือนจะเลี้ยวเข้าข้างทาง
ผมลืมตามองดู เห็นลูกน้า พาขับเข้าไป ผ่านประตูรั้ว โรงพยาบาล
พอเห็นโรงพยาบาลตอนนั้น เริ่มใจชื้นขึ้นมาหน่อย อาการคัน อาการแสบเริ่มทุเลาลง
แต่พอขับเข้าไปในรั้วโรงพยาบาลได้ไม่นาน ลูกน้าก็พาขับวนไปวนมา หาที่จอดรถ
จนสุดท้ายมาจอดอยู่ในมุม มุมหนึ่ง ที่มืดๆ
ผมก็ถามว่า เฮ้ย ไม่ไปจอด ตรงหน้าโรงบาลเลย โน้นตึกโน้น
ลูกน้าก็ตอบว่า มันเอาอะไรมากั้น ไม่ให้เข้าอะ ดูซิ มีเชือกกั้นเต็มไปหมด
ผมกับลูกน้าก็เลยพากันลงจากรถ
ตรงที่เรายืนอยู่ เป็นลานจอดรถ แต่มีป้ายห้าม มีเชือกกั้นไม่ให้ขับเข้าไปต่อ เหมือนจะบอกว่า เป็นจุดสิ้นสุดถนน
ก็เลยต้องจอดตรงนั้นแล้วลงเดิน
รอบๆข้างมีไฟส่องลานจอดไม่กี่ดวง ทำให้ดูสลัวสลัว
มองไปไกลๆ ราวๆร้อยสองร้อยเมตร เห็นตึกโรงพยาบาลตึกหนึ่งเปิดไฟสว่าง
เหมือนอยู่ด้านหลังตึกที่เรายึนอยู่
ตรงนั้นน่าจะเป็นอาคารใหญ่ของโรงพยาบาล
ตรงที่เราจอดรถ เป็นตึก มืดๆ เหมือนเขา ปิดทำการแล้ว
เราก็เลยพากันเดินลัดไปตามตัวตึกที่มืดๆ เพื่อจะไปตึกที่สว่างๆ
ตัวตายตัวแทน
ญาติผมคนนี้ เป็นลูกน้า อายุอ่อนกว่าผมปีสองปี เราโตมาด้วยกัน เล่นหัวกันมาตั้งแต่เด็กๆ
ครั้งนี้ น้าขายรถให้กับคนรู้จักคนหนึ่ง เลยให้ ลูกชายน้าขับรถคันที่ขายไปส่ง ให้กับผู้ซื้อที่ต่างจังหวัด
ผมเลยดันต้องขับรถไปรับลูกน้าคนนี้กลับมา หลังจากที่ขับรถไปส่งแล้ว
ผมขับรถไปถึงต่างจังหวัด ตามที่นัดกันไว้กับลูกน้า ก็ราวๆ หัวค่ำ เกือบจะสองทุ่มแล้ว
เจ้าของบ้านคนที่ซื้อรถ เขาก็เลยชวน ให้ค้างที่บ้านก่อน พรุ่งนี้เช้าค่อยขับรถกลับกัน
ผมกับลูกน้าก็เลยได้นอนค้างกันที่บ้านคนรู้จัก คนนั้น หนึ่งคืน
พอตกลงว่าจะค้างคืนที่บ้านคนรู้จักคนนั้น เขาก็บอกว่า จะพาไปเดินตลาดนัด กลางคืน
มีของกินของขายเยอะ
พวกเราก็เลยพากันไป ตลาดนัดกลางคืน กับญาติๆของคนรู้จัก อีกสามถึงสี่คน
พอไปถึงตลาด ก็แวะหาของกิน ซื้อโน่นซื้อนี่ กันตามอัธยาศัย
จนเกือบๆ สี่ทุ่มก็ถึงชวนกันกลับ
พอมาถึงบ้าน ไม่รู้ว่าผมไปกินอะไร มา แล้วมันแพ้
อาการ แสบๆคันๆ ตามมือเท้า แล้วก็ ตรงต้นขา
ตอนแรกก็ไม่คันมาก คิดว่าไม่เป็นไร ก็เลยอาบน้ำเข้านอนเลย
จนดึกๆ นอนยังไง ก็นอนไม่หลับ รู้สึกมือแสบ เท้าแสบ แล้วก็คันรุนแรงมากขึ้น
ผมก็เลยลุกขึ้นมาเปิดไฟดู
ปรากฏว่า มือเท้าผมบวมแดง แล้วก็เป็นผื่นขึ้นเต็มไปหมด
เห็นแล้วตกใจเลย
เลยรีบปลุกลูกน้าขึ้นมาดู
พอลูกน้าตื่นมาดู เขาก็บอกว่า เฮ้ยแพ้อะไรหรือเปล่า ทำไมมันบวมแดงแบบนั้น
ผมก็ถามว่ามียาแก้แพ้อะไรติดตัวมาไหม
เขาก็อบกว่าไม่มี
ก็เลย เดินไปปลุกลุงเจ้าของบ้าน
พอลุงเจ้าของบ้านตื่นมาเห็น เขาก็เลยหายาแก้แพ้มาให้กิน
ผมกินยาเสร็จ ผมคิดว่าเดี๋ยวมันก็หาย ก็เลยเข้านอนต่อ
แต่มันก็ไม่ทุเลาเลย ผมนอนกระสับกระสายไปมา คันตามมือตามเท้า ตามเนื้อตามตัวไปหมด
เกาจน ผิวหนังมันเป็นเหมือน ผิวไม่เรียบ เป็นตุ่มๆขรุขระขึ้นมาเต็มไปหมด
สุดท้ายนอนไม่ได้ต้องลุกขึ้นมานั่ง ลูกน้าก็เลยตื่นมาเปิดไฟ ดูอาการผม
พอเขาเห็นแล้ว เขาก็ถามว่าไหวไหม
ตอนนั้นตีหนึ่งกว่าแล้ว ใจอยากจะรอให้ถึงเช้าค่อยไปหาหมอ แต่มันทนไม่ไหวจริงๆ
ก็เลย บอกลูกน้าว่า ไปโรงบาลดีกว่า ไม่ไหวแล้ว
พอพวกเราพากันจะเปิดประตูบ้านไปที่รถผม
ลุงเจ้าของบ้านกับลูกแกก็ตื่น เดินลงมาดูพวกเรา
แกก็ถามว่า เป็นอะไร
ลูกน้าก็เลยบอกว่า จะพาไปส่งโรงพยาบาล เพราะดูท่าทางจะแพ้หนักแล้ว
ลุง ก็เลยบอกว่า นี่ไปโรงบาลตรงนี้ซิ ไม่ไกล อยู่ตรงเส้น เลี่ยงเมือง
ตอนนั้น ผมเริ่มรู้สึกแสบตามเนื้อตามตัวไปหมด ใจเต้นแรง
ลูกน้ามาประคองผมขึ้นรถ ลูกลุงรีบไปเปิดรั้วบ้านให้
ไม่นานลูกน้าก็ขับรถ พาผมมุ่งหน้าไปส่งที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
ขับมาได้สัก พักใหญ่
ผมถามว่าถึงหรือยัง
ลูกน้าก็บอกว่า ตรงไหนวะ ยังไม่เห็นป้ายโรงพยาบาลอะไรเลย
ผมก็เลยบอกว่า เห็นคลีนิค ก็แวะคลีนิคก็ได้
ขับมาเรื่อยๆ ผมนั่งหลับตา ไม่ได้มองถนนหนทาง
แล้วรถก็ค่อยๆชะลอเหมือนจะเลี้ยวเข้าข้างทาง
ผมลืมตามองดู เห็นลูกน้า พาขับเข้าไป ผ่านประตูรั้ว โรงพยาบาล
พอเห็นโรงพยาบาลตอนนั้น เริ่มใจชื้นขึ้นมาหน่อย อาการคัน อาการแสบเริ่มทุเลาลง
แต่พอขับเข้าไปในรั้วโรงพยาบาลได้ไม่นาน ลูกน้าก็พาขับวนไปวนมา หาที่จอดรถ
จนสุดท้ายมาจอดอยู่ในมุม มุมหนึ่ง ที่มืดๆ
ผมก็ถามว่า เฮ้ย ไม่ไปจอด ตรงหน้าโรงบาลเลย โน้นตึกโน้น
ลูกน้าก็ตอบว่า มันเอาอะไรมากั้น ไม่ให้เข้าอะ ดูซิ มีเชือกกั้นเต็มไปหมด
ผมกับลูกน้าก็เลยพากันลงจากรถ
ตรงที่เรายืนอยู่ เป็นลานจอดรถ แต่มีป้ายห้าม มีเชือกกั้นไม่ให้ขับเข้าไปต่อ เหมือนจะบอกว่า เป็นจุดสิ้นสุดถนน
ก็เลยต้องจอดตรงนั้นแล้วลงเดิน
รอบๆข้างมีไฟส่องลานจอดไม่กี่ดวง ทำให้ดูสลัวสลัว
มองไปไกลๆ ราวๆร้อยสองร้อยเมตร เห็นตึกโรงพยาบาลตึกหนึ่งเปิดไฟสว่าง
เหมือนอยู่ด้านหลังตึกที่เรายึนอยู่
ตรงนั้นน่าจะเป็นอาคารใหญ่ของโรงพยาบาล
ตรงที่เราจอดรถ เป็นตึก มืดๆ เหมือนเขา ปิดทำการแล้ว
เราก็เลยพากันเดินลัดไปตามตัวตึกที่มืดๆ เพื่อจะไปตึกที่สว่างๆ