ที่มา หน้า 2 มติชนรายวัน
เผยแพร่ วันที่ 2 มีนาคม 2561
หมายเหตุ – ความคิดเห็นของนักการเมืองและนักวิชาการ ต่อกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกมาระบุถึงโรดแมปการจัดการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในกรอบเวลาไม่เกินเดือนกุมภาพันธ์ 2562
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
เรื่องการเลือกตั้งปี 2562 ผมเห็นว่ามีความชัดเจนมาหลายรอบแล้ว แต่ในรอบนี้ ผมว่าตอนนี้ก็เป็นที่เข้าใจกันดีอยู่แล้วว่าพอรัฐธรรมนูญประกาศออกมา ก็มีตารางเวลาที่กำหนดเป็นตัวที่ใช้คำว่า ล็อก ไว้เป็นขั้น เป็นตอน ซึ่งความไม่แน่นอนที่ผ่านมาในรอบหลังที่ทำให้คนเกิดความรู้สึกหวั่นไหว ไม่ค่อยมั่นใจกันนี้ เพราะว่าอยู่ๆ ก็มักมีการเพิ่มเงื่อนไขขึ้นมา อย่างเช่นครั้งสุดท้าย ก็คือ ที่พูดว่าร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. แทนที่จะประกาศใช้แล้วก็บังคับใช้เลย ก็บอกว่าจะขอให้บังคับใช้ 90 วัน หลังจากประกาศใช้
เลยเกิดศัพท์ขึ้นมาว่าอภินิหารทางกฎหมายอะไรทำนองนี้ เพราะฉะนั้นวันนี้ประเด็นหลักก็อยู่ที่ว่า เดือนกุมภาพันธ์ 2562 นี้ ก็คือการพูดตามขั้นตอนที่เขียนอยู่ในกฎหมาย หรือคำสั่งต่างๆ ณ ขณะนี้ ผมคิดว่าสังคมก็คงต้องติดตาม แล้วก็ต้องการดูก็คือว่า ยืนยันกันได้มั้ยว่าไม่มีอภินิหารอีก เท่านั้นเอง ส่วนอะไรที่จะเป็นปัจจัยที่ทำให้ต้องมีอภินิหารอีก ผมก็ไม่ทราบ บอกกันตรงๆ ก็คือไม่ทราบจริงๆ แต่ว่าถามว่าจะมีหรือไม่มีอภินิหารนั้น ต้องไม่ลืมว่าขณะนี้คนมองว่า คสช. สามารถที่จะควบคุมทิศทางหลักๆ ได้เกือบทั้งสิ้น เพราะว่าแม่น้ำ 5 สายที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการทำอะไรนี้ คสช.สามารถที่จะดูแลได้
เวลาที่ท่านหัวหน้า คสช.ให้ความมั่นใจ หรือประกาศออกมาชัดๆ อย่างเช่นเมื่อไม่นานมานี่ ท่านพูดเลยว่าไม่มีการจะคว่ำกฎหมาย ผมว่าอันนี้ก็ช่วยเรียกความเชื่อมั่นได้ ขณะเดียวกัน คสช.เองก็สามารถทำได้มากกว่านั้นด้วย คือว่า ถ้าเกิดมันทำท่าจะเบี่ยงเบนไปจากนี้ ท่านผู้นำก็ยังใช้มาตรา 44 ได้อีก ที่จะยืนยันให้อะไรก็ตามแต่ เป็นไปตามทิศทางตรงนี้ เพราะฉะนั้นผมว่าถ้าจะให้เกิดความมั่นใจต่างๆ ก็คงอยู่ที่ทิศทางของการให้สัญญาณของหัวหน้า คสช.เป็นหลัก
ส่วนที่จะมีการเชิญพรรคการเมืองไปคุยกันในเดือนมิถุนายนนั้น ก็เป็นเรื่องที่กำหนดอยู่แล้วในคำสั่ง คสช. อันนี้ตอนแรกก็รู้สึกเวลามีข่าวนี้ขึ้นมา บางคนก็ตื่นเต้นกันว่าจะมีการทำอะไรใหม่ จริงๆ อยากอธิบายว่าคงไม่ใช่ เพราะว่าตอนที่ คสช.ทำคำสั่งแก้กฎหมายพรรคการเมือง ที่บอกว่าให้พรรคใหม่เริ่ม 1 มีนาคม พรรคเก่าให้ทำเรื่องยืนยันสมาชิกช่วงเดือนเมษายน ในคำสั่งฉบับนั้น เขาก็เขียนชัดว่า เขายังไม่ปลดล็อกพรรคการเมือง แล้วก็บอกเลยว่ารอให้กฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.ประกาศใช้ ซึ่งเมื่อประกาศใช้แล้วเขาจะให้ คสช.ได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้อง ก็คือพรรคการเมือง องค์กรอิสระ หรือหน่วยงานต่างๆ มาหารือกันว่าจะทำโรดแมปย่อยว่าจะปลดล็อกทำกิจกรรมอะไร เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งนี้ให้ราบรื่นตามตารางเวลาที่กำหนดไว้ในโรดแมปใหญ่ได้อย่างไร
เพราะฉะนั้น ถ้าเราดูตอนนี้ก็คือ ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. จะต้องผ่านสภา แล้วก็จะมีการนำขึ้นทูลเกล้าฯ คงสรุปว่าคือเดือนมีนาคม ประมาณนี้ เมื่อทูลเกล้าฯ ไปแล้ว ตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญ การจะทรงลงพระปรมาภิไธยหรือไม่อย่างไร ก็จะมีเวลาอีก 90 วัน ก็นับไปจะลงที่เดือนมิถุนายน นี่คือที่มาของมัน คงไม่ได้เป็นเรื่องอะไรใหม่ คือหมายความว่าเขาก็ประมาณการว่ากฎหมายประกาศใช้ประมาณเดือนมิถุนายน ก็จะได้เชิญคนมาคุยกัน ก็เป็นเรื่องที่ดี และขอให้ คสช.ยืนตามนี้ เดินต่อไปอย่างนี้ให้ชัดเจน
พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์
รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.)
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกฯและหัวหน้า คสช.พูดว่าจะเลือกตั้งเมื่อนั้นเมื่อนี้มาหลายครั้งแล้ว ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าคำว่าภายในเท่านั้นเท่านี้ของท่านจะเป็นอย่างไร ทั้งนี้ ในฐานะนักการเมืองเห็นว่าท่านพูดมาหลายครั้งแล้ว แต่ผ่านมาจนวันนี้ยังไม่เห็นได้เลือกเลย ไม่รู้ว่าท่านพูดเพื่ออะไร อาจจะเป็นเพราะระยะนี้มีคนออกมาเรียกร้องกันมากในเรื่องของการเลือกตั้ง แต่ที่ท่านพูดก็ไม่รู้ว่าจะจริงเท็จอย่างไร ก็ไม่สามารถคาดเดาได้ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อท่านใช้คำว่าภายในปี 62 ก็อาจจะไม่ถึงก็ได้ แต่ผมก็เดาใจท่านไม่ถูก แต่ส่วนตัวผมเมื่อดูตามโรดแมป และรัฐธรรมนูญก็ไม่น่าจะเกินสิ้นปี 2561 นี้
ส่วนที่ถามว่า ตัวนายกฯเองเป็นคนกำหนดเงื่อนไขจนทำให้การเลือกตั้งเลื่อนออกไปหรือไม่นั้น อย่างที่ผมพูดไปว่า ท่านเองก็พูดมาหลายหนแล้ว แต่ก็ไม่เป็นไปอย่างที่ท่านพูดสักที ก็ไม่รู้ท่านคิดอะไร ทั้งนี้ คิดว่าหาก คสช. มีความจริงใจจริงๆ ในการที่อยากให้มีการเลือกตั้งจริงๆ หรือเร็วๆ ก็น่าจะทำได้ เพราะ สนช.ออกกฎหมายใช้คำว่า ภายในๆๆ คือจะทำเลยก็ได้ ผมคิดว่าอย่างนั้น และ สนช.เองจะผ่านอะไร 3 วาระรวดยังทำได้เลยบ่อยๆ พูดกันง่ายๆ คือก็แล้วแต่สั่งนั่นแหละ สั่งให้เร็วก็เร็วได้ สั่งให้ช้าก็ช้าได้ คสช.สั่งได้ทั้งนั้น เพราะแม่น้ำ 5 สายก็คนของท่าน ก็ขึ้นอยู่กับ คสช.ทั้งนั้น
สรุปคือ ส่วนตัวผมยังไม่เชื่อว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นได้ในปี 62 ได้จริงๆ เพราะท่านพูดมาหลายครั้งทั้งต่อหน้าสาธารณชน และต่อหน้าชาวต่างชาติ แต่ก็ไม่เป็นไปตามนั้น อยู่ที่ คสช.ทั้งนั้น
ฐิติพล ภักดีวานิช
คณบดีคณะรัฐศาสตร์ ม.อุบลราชธานี
ณ ตอนนี้จากการเลื่อนมาหลายๆ ครั้ง ผมคิดว่าไม่มีน้ำหนักมากพอที่จะเชื่อได้ เพราะมีหลายเหตุผลที่เป็นข้ออ้างของรัฐบาล ของท่านนายกฯ หรือ คสช.ในการเลื่อนการเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นสิ่งที่เป็นหลักประกันจริงๆ คือเมื่อไหร่ที่ประกาศวันชัดเจน เมื่อนั้นจึงเชื่อได้ว่าจะมีการเลือกตั้งจริงๆ การประกาศเลือกตั้งครั้งนี้ ถ้าฟังดูจริงๆ เหมือนจะชัดเจนว่าเป็นกุมภาพันธ์ปีหน้า หากมองจากปัจจัยภายในซึ่งมีกระแสการเรียกร้องการเลือกตั้งมากขึ้น เริ่มมีกลุ่มต่างๆ มากขึ้น สิ่งนี้น่าจะเป็นปัจจัยหนึ่งให้รัฐบาล รวมทั้งท่านนายกฯเองออกมาประกาศวันเลือกตั้ง เพื่อเป็นเหตุผลหนึ่งที่จะอธิบายได้ว่ามีการจัดการเลือกตั้งแล้ว แต่ผมมองว่าไม่ได้ดูจริงจังเท่าไหร่
ในฐานะที่เป็นผู้นำรัฐบาล การประกาศของนายกฯไม่ใช่การประกาศในประเทศไทย แต่ประกาศให้ประชาคมโลกรู้ด้วยว่าเราจะมีการเลือกตั้ง เพราะมีทั้งแรงกดดันจากภายในและนอกประเทศด้วย ทั้งสหภาพยุโรปที่มีเสียงสะท้อนมา แม้จะไม่กดดันอย่างเป็นทางการ แต่เสียงสะท้อนจากประเทศต่างๆ ก็เป็นสิ่งที่รัฐบาลมองว่าต้องประกาศออกมา ซึ่งก่อนหน้านี้ที่เขาให้สัมภาษณ์ว่า ถ้าเลือกตั้งแล้วกลับไปสู่แบบเดิม แล้วจะกลับไปทำไม ซึ่งอยู่ๆ มาประกาศแบบนี้ ผมว่ามันไม่ได้สะท้อนความมุ่งมั่นจริงๆ
ผมว่าเราพร้อมเลือกตั้งแล้ว แต่การไม่พร้อมที่รัฐบาลบอก ไม่ใช่ว่าประเทศไทยไม่พร้อม จริงๆ ประชาธิปไตยหรือระบบการเลือกตั้งมันคือกระบวนการการเรียนรู้ในประเทศนี้ที่ค่อยๆ ปรับเปลี่ยน แต่ปัญหาที่รัฐบาลบอกว่า หากเกิดการเลือกตั้งจะเกิดความไม่สงบนั้น นั่นคือการที่คนส่วนหนึ่งของประเทศยังปฏิเสธความเท่าเทียมการมีสิทธิทางการเมือง ปฏิเสธที่จะยอมรับระบบการเลือกตั้ง กลัวจะได้พรรคที่ตัวเองไม่ได้เลือก แต่ไม่ยอมรับกระบวนการประชาธิปไตย ถ้าทุกคนยอมรับระบอบประชาธิปไตย คงไม่นำมาสู่การรัฐประหาร คือให้เป็นไปตามกระบวนการ ถ้าพรรคการเมืองหรือ ส.ส.ทุจริต ควรเป็นเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย แต่ไม่ใช่การเรียกร้องให้ทหารออกมารัฐประหาร อย่างที่เห็นแล้วว่าเกือบ 4 ปีที่ผ่านมามันไม่ได้แก้ปัญหาทุจริต ไม่ได้แก้ปัญหาการบังคับใช้กฎหมาย สิ่งที่เราต้องแก้คือการบังคับใช้กฎหมายที่เป็นธรรม ไม่ใช่เรื่องของการลดทอนสิทธิการเลือกตั้ง หรือลดทอนสิทธิทางการเมือง
ส่วน พ.ร.ป.ส.ส.กับ ส.ว.อันนี้พูดยาก แนวโน้มผ่านมีสูง ยิ่งท่านนายกฯประกาศออกมาแบบนี้ ถ้าคว่ำก็ยิ่งสะท้อนความไม่มั่นใจในวันเลือกตั้งเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ถ้าจะให้สอดคล้องกับสิ่งที่ท่านนายกฯพูด สนช.ก็ไม่น่ามีปัญหาตรงนี้ เพราะที่ผ่านมาก็เห็นอยู่ว่า แม้ สนช.จะบอกว่าไม่ได้ทำตามท่านนายกฯหรือ คสช. แต่การลงคะแนนต่างๆ ส่วนมากมักสอดคล้องกับ คสช.ต้องการ เพราะฉะนั้นเมื่อท่านนายกฯประกาศเลือกตั้ง ผมว่า พ.ร.ป.นี้ไม่น่ามีอะไรมากนัก เพราะสุดท้ายการเลือกตั้งก็เป็นอำนาจ คสช.อยู่ดี
แต่สิ่งสำคัญที่ผมมองในรัฐบาลนี้คือ เสถียรภาพของรัฐบาลที่มีแรงต้านเยอะ แม้โพลต่างๆ จะบอกว่าได้รับความนิยมสูง แต่ความเป็นจริง คสช.ย่อมรู้เอง ทั้งปัญหาการทุจริต เรื่องนาฬิกา หรือเรื่องต่างๆ สิ่งหนึ่งที่รัฐบาลพยายามทำตอนนี้การลดแรงกดดันทางการเมืองภายในประเทศด้วย
ยอดพล เทพสิทธา
คณะนิติศาสตร์ ม.นเรศวร
ผมคิดว่าโอกาสการเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ยังมีน้อย แต่ก็ยังมีอยู่ มันมีเหตุปัจจัยหลายอย่าง
1.คือตัว กกต.ก็ยังไม่มี
2.พ.ร.ป.ก็ยังร่างไม่เสร็จ ร่างเสร็จก็ต้องรอประกาศใช้อีก 90 วัน
เมื่อไล่ดูไทม์ไลน์ง่ายๆ พอประกาศใช้กฎหมาย ต้องบวกอีก 3 เดือน นั่นหมายความว่า ถ้าจะเลือกตั้งกุมภาพันธ์ 2562 กฎหมายจะต้องประกาศใช้อย่างช้าที่สุดเดือนกันยายนปีนี้ ซึ่งยังไม่รู้ว่ากฎหมายจะประกาศใช้หรือไม่ พอตัว กกต.ถูกคว่ำไปก็ต้องสรรหาใหม่ ซึ่งใช้เวลาหลายเดือน หรือดูจากทิศทางที่ผ่านมา จากการให้สัมภาษณ์ของผู้ใหญ่ที่บอกว่าให้เลื่อนออกไปหน่อย จะอะไรนักหนา มันสะท้อนให้เห็นหลายๆ อย่างว่ามันเป็นไปตามโรดแมปไม่ทัน ถ้าไม่ทันจะทำอย่างไร นี่เกิดคำถามแล้ว คือ ออกมาเบรกไว้ก่อนเลยว่าช้าหน่อยก็ไม่เป็นไร ถามว่ามีโอกาสไหม มี ถ้าเทียบกับ 100% ผมให้ 5% คือได้เลือกตั้งไม่ถึง 5%
ถามว่าเชื่อได้ไหม ผมไม่อยากใช้คำว่าเชื่อได้หรือไม่ได้ ที่เขาพูดว่ากาลเวลาพิสูจน์คน เราก็ได้เห็นหลายๆ อย่างมากว่า 4 ปีแล้ว ผมว่าประชาชนมีวิจารณญาณพอที่จะตอบได้ว่าเชื่อได้หรือไม่ได้ ส่วนการจัดเลือกตั้งนั้น ถ้าพูดในทางความเป็นจริงตอนนี้
เราไปมีพันธกรณีระหว่างประเทศที่ไปรับปากทั้งอียู อเมริกา หรือญี่ปุ่น จึงทำให้ทุกอย่างบีบเข้ามา ถามว่าถ้าเราไม่เลือกตั้งตามที่บอกไว้ ต่อให้เขามาบีบยังไงก็บีบไม่ได้อยู่ดี ฉะนั้นตรงนี้จึงเป็นดุลพินิจโดยแท้ของหัวหน้า คสช.
ส่วนการได้มาซึ่ง ส.ส.กับ ส.ว.มีปัญหาทั้งเรื่องกลุ่มผลประโยชน์และกลุ่มองค์กรต่างๆ ของ ส.ว.เองถามว่ามีโอกาสที่จะไม่ผ่านไหม ก็มี แต่ ส.ส.ต้องดูเป็นประเด็นๆ ไปก่อนว่าตอนนี้มีประเด็นอะไรที่ขัดผลประโยชน์กับบางกลุ่มหรือไม่ เพราะต้องไม่ลืมว่ารัฐธรรมนูญกำหนดเงื่อนไขไว้ค่อนข้างเยอะ เพื่อให้ระบบการเลือกตั้งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ทั้งเรื่องการได้มาซึ่งรัฐบาล วิธีการเลือก ระบบการนับคะแนน ทุกอย่างเป็นของที่ค่อนข้างใหม่ ซึ่งดูไม่เป็นไปตามครรลองปกติของประชาธิปไตย มันอาจถูกคว่ำก็ได้ ซึ่งอาจมีโอกาส แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราไม่ได้พูดถึงประเด็นทางกฎหมายแล้ว เราพูดถึงทางการเมืองแท้ๆ ว่าตัวกฎหมายมันมีปัจจัยทางการเมืองเข้ามาแทรกแซงเสมอ เช่น ถ้ามีความไม่สงบเรียบร้อย ก็เลื่อนได้ คสช.จะใช้มาตรา 44 ก็ได้ แต่ผมคิดว่าไม่ใช้ อาจใช้วิธีคว่ำร่างกฎหมายแล้วร่างใหม่ก็ได้ เป็นการดึงเวลาที่ไม่น่าเกลียด แต่ผมว่ามันน่าเกลียด เหมือนกับการร่างรัฐธรรมนูญฉบับคุณบวรศักดิ์ อุวรรณโณ มันมีประเด็นที่คาบเกี่ยวกัน จึงโหวตให้ไม่ผ่านเพื่อร่างใหม่ สุดท้ายก็เป็นการยื้อจนกว่ารัฐธรรมนูญคุณมีชัย ฤชุพันธุ์ จะเสร็จ คสช.ก็อยู่ในอำนาจต่อไปเรื่อยๆ
ไม่มีวันไหนที่ผมนั่งฟังท่านนายกฯพูดแล้วรู้สึกว่าเขาจะไปแล้ว หรืออยากไปจริงๆ ตอนนี้เราไม่สามารถฟันธงได้ว่า คสช.จะลงเลือกตั้งหรือไม่ เพราะรัฐธรรมนูญเปิดช่องให้นายกรัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องเป็น ส.ส. ตรงนี้เป็นประเด็นที่ผมคิดว่า หาก สนช.มีจิตสำนึกสักเล็กน้อย จะทราบว่านายกฯที่ไม่ได้มาจาก ส.ส.มีปัญหา สุดท้ายก็นำปัญหาทางการเมืองเข้ามาสู่ระบบการเมืองของไทยมากกว่านายกฯที่มาจากการเลือกตั้ง ดังนั้น ตัวกฎหมาย พ.ร.ป.ส.ส.โอกาสถูกคว่ำจึงมีอยู่
JJNY : นักการเมือง-นักวิชาการ วิพากษ์เลือกตั้งก.พ.62 ความเชื่อมั่นโรดแมป ‘บิ๊กตู่’/นศ.เกษตรศาสตร์ไม่เชื่อมีเลือกตั้งปี62
เผยแพร่ วันที่ 2 มีนาคม 2561
หมายเหตุ – ความคิดเห็นของนักการเมืองและนักวิชาการ ต่อกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกมาระบุถึงโรดแมปการจัดการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในกรอบเวลาไม่เกินเดือนกุมภาพันธ์ 2562
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
เรื่องการเลือกตั้งปี 2562 ผมเห็นว่ามีความชัดเจนมาหลายรอบแล้ว แต่ในรอบนี้ ผมว่าตอนนี้ก็เป็นที่เข้าใจกันดีอยู่แล้วว่าพอรัฐธรรมนูญประกาศออกมา ก็มีตารางเวลาที่กำหนดเป็นตัวที่ใช้คำว่า ล็อก ไว้เป็นขั้น เป็นตอน ซึ่งความไม่แน่นอนที่ผ่านมาในรอบหลังที่ทำให้คนเกิดความรู้สึกหวั่นไหว ไม่ค่อยมั่นใจกันนี้ เพราะว่าอยู่ๆ ก็มักมีการเพิ่มเงื่อนไขขึ้นมา อย่างเช่นครั้งสุดท้าย ก็คือ ที่พูดว่าร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. แทนที่จะประกาศใช้แล้วก็บังคับใช้เลย ก็บอกว่าจะขอให้บังคับใช้ 90 วัน หลังจากประกาศใช้
เลยเกิดศัพท์ขึ้นมาว่าอภินิหารทางกฎหมายอะไรทำนองนี้ เพราะฉะนั้นวันนี้ประเด็นหลักก็อยู่ที่ว่า เดือนกุมภาพันธ์ 2562 นี้ ก็คือการพูดตามขั้นตอนที่เขียนอยู่ในกฎหมาย หรือคำสั่งต่างๆ ณ ขณะนี้ ผมคิดว่าสังคมก็คงต้องติดตาม แล้วก็ต้องการดูก็คือว่า ยืนยันกันได้มั้ยว่าไม่มีอภินิหารอีก เท่านั้นเอง ส่วนอะไรที่จะเป็นปัจจัยที่ทำให้ต้องมีอภินิหารอีก ผมก็ไม่ทราบ บอกกันตรงๆ ก็คือไม่ทราบจริงๆ แต่ว่าถามว่าจะมีหรือไม่มีอภินิหารนั้น ต้องไม่ลืมว่าขณะนี้คนมองว่า คสช. สามารถที่จะควบคุมทิศทางหลักๆ ได้เกือบทั้งสิ้น เพราะว่าแม่น้ำ 5 สายที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการทำอะไรนี้ คสช.สามารถที่จะดูแลได้
เวลาที่ท่านหัวหน้า คสช.ให้ความมั่นใจ หรือประกาศออกมาชัดๆ อย่างเช่นเมื่อไม่นานมานี่ ท่านพูดเลยว่าไม่มีการจะคว่ำกฎหมาย ผมว่าอันนี้ก็ช่วยเรียกความเชื่อมั่นได้ ขณะเดียวกัน คสช.เองก็สามารถทำได้มากกว่านั้นด้วย คือว่า ถ้าเกิดมันทำท่าจะเบี่ยงเบนไปจากนี้ ท่านผู้นำก็ยังใช้มาตรา 44 ได้อีก ที่จะยืนยันให้อะไรก็ตามแต่ เป็นไปตามทิศทางตรงนี้ เพราะฉะนั้นผมว่าถ้าจะให้เกิดความมั่นใจต่างๆ ก็คงอยู่ที่ทิศทางของการให้สัญญาณของหัวหน้า คสช.เป็นหลัก
ส่วนที่จะมีการเชิญพรรคการเมืองไปคุยกันในเดือนมิถุนายนนั้น ก็เป็นเรื่องที่กำหนดอยู่แล้วในคำสั่ง คสช. อันนี้ตอนแรกก็รู้สึกเวลามีข่าวนี้ขึ้นมา บางคนก็ตื่นเต้นกันว่าจะมีการทำอะไรใหม่ จริงๆ อยากอธิบายว่าคงไม่ใช่ เพราะว่าตอนที่ คสช.ทำคำสั่งแก้กฎหมายพรรคการเมือง ที่บอกว่าให้พรรคใหม่เริ่ม 1 มีนาคม พรรคเก่าให้ทำเรื่องยืนยันสมาชิกช่วงเดือนเมษายน ในคำสั่งฉบับนั้น เขาก็เขียนชัดว่า เขายังไม่ปลดล็อกพรรคการเมือง แล้วก็บอกเลยว่ารอให้กฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.ประกาศใช้ ซึ่งเมื่อประกาศใช้แล้วเขาจะให้ คสช.ได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้อง ก็คือพรรคการเมือง องค์กรอิสระ หรือหน่วยงานต่างๆ มาหารือกันว่าจะทำโรดแมปย่อยว่าจะปลดล็อกทำกิจกรรมอะไร เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งนี้ให้ราบรื่นตามตารางเวลาที่กำหนดไว้ในโรดแมปใหญ่ได้อย่างไร
เพราะฉะนั้น ถ้าเราดูตอนนี้ก็คือ ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. จะต้องผ่านสภา แล้วก็จะมีการนำขึ้นทูลเกล้าฯ คงสรุปว่าคือเดือนมีนาคม ประมาณนี้ เมื่อทูลเกล้าฯ ไปแล้ว ตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญ การจะทรงลงพระปรมาภิไธยหรือไม่อย่างไร ก็จะมีเวลาอีก 90 วัน ก็นับไปจะลงที่เดือนมิถุนายน นี่คือที่มาของมัน คงไม่ได้เป็นเรื่องอะไรใหม่ คือหมายความว่าเขาก็ประมาณการว่ากฎหมายประกาศใช้ประมาณเดือนมิถุนายน ก็จะได้เชิญคนมาคุยกัน ก็เป็นเรื่องที่ดี และขอให้ คสช.ยืนตามนี้ เดินต่อไปอย่างนี้ให้ชัดเจน
พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์
รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.)
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกฯและหัวหน้า คสช.พูดว่าจะเลือกตั้งเมื่อนั้นเมื่อนี้มาหลายครั้งแล้ว ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าคำว่าภายในเท่านั้นเท่านี้ของท่านจะเป็นอย่างไร ทั้งนี้ ในฐานะนักการเมืองเห็นว่าท่านพูดมาหลายครั้งแล้ว แต่ผ่านมาจนวันนี้ยังไม่เห็นได้เลือกเลย ไม่รู้ว่าท่านพูดเพื่ออะไร อาจจะเป็นเพราะระยะนี้มีคนออกมาเรียกร้องกันมากในเรื่องของการเลือกตั้ง แต่ที่ท่านพูดก็ไม่รู้ว่าจะจริงเท็จอย่างไร ก็ไม่สามารถคาดเดาได้ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อท่านใช้คำว่าภายในปี 62 ก็อาจจะไม่ถึงก็ได้ แต่ผมก็เดาใจท่านไม่ถูก แต่ส่วนตัวผมเมื่อดูตามโรดแมป และรัฐธรรมนูญก็ไม่น่าจะเกินสิ้นปี 2561 นี้
ส่วนที่ถามว่า ตัวนายกฯเองเป็นคนกำหนดเงื่อนไขจนทำให้การเลือกตั้งเลื่อนออกไปหรือไม่นั้น อย่างที่ผมพูดไปว่า ท่านเองก็พูดมาหลายหนแล้ว แต่ก็ไม่เป็นไปอย่างที่ท่านพูดสักที ก็ไม่รู้ท่านคิดอะไร ทั้งนี้ คิดว่าหาก คสช. มีความจริงใจจริงๆ ในการที่อยากให้มีการเลือกตั้งจริงๆ หรือเร็วๆ ก็น่าจะทำได้ เพราะ สนช.ออกกฎหมายใช้คำว่า ภายในๆๆ คือจะทำเลยก็ได้ ผมคิดว่าอย่างนั้น และ สนช.เองจะผ่านอะไร 3 วาระรวดยังทำได้เลยบ่อยๆ พูดกันง่ายๆ คือก็แล้วแต่สั่งนั่นแหละ สั่งให้เร็วก็เร็วได้ สั่งให้ช้าก็ช้าได้ คสช.สั่งได้ทั้งนั้น เพราะแม่น้ำ 5 สายก็คนของท่าน ก็ขึ้นอยู่กับ คสช.ทั้งนั้น
สรุปคือ ส่วนตัวผมยังไม่เชื่อว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นได้ในปี 62 ได้จริงๆ เพราะท่านพูดมาหลายครั้งทั้งต่อหน้าสาธารณชน และต่อหน้าชาวต่างชาติ แต่ก็ไม่เป็นไปตามนั้น อยู่ที่ คสช.ทั้งนั้น
ฐิติพล ภักดีวานิช
คณบดีคณะรัฐศาสตร์ ม.อุบลราชธานี
ณ ตอนนี้จากการเลื่อนมาหลายๆ ครั้ง ผมคิดว่าไม่มีน้ำหนักมากพอที่จะเชื่อได้ เพราะมีหลายเหตุผลที่เป็นข้ออ้างของรัฐบาล ของท่านนายกฯ หรือ คสช.ในการเลื่อนการเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นสิ่งที่เป็นหลักประกันจริงๆ คือเมื่อไหร่ที่ประกาศวันชัดเจน เมื่อนั้นจึงเชื่อได้ว่าจะมีการเลือกตั้งจริงๆ การประกาศเลือกตั้งครั้งนี้ ถ้าฟังดูจริงๆ เหมือนจะชัดเจนว่าเป็นกุมภาพันธ์ปีหน้า หากมองจากปัจจัยภายในซึ่งมีกระแสการเรียกร้องการเลือกตั้งมากขึ้น เริ่มมีกลุ่มต่างๆ มากขึ้น สิ่งนี้น่าจะเป็นปัจจัยหนึ่งให้รัฐบาล รวมทั้งท่านนายกฯเองออกมาประกาศวันเลือกตั้ง เพื่อเป็นเหตุผลหนึ่งที่จะอธิบายได้ว่ามีการจัดการเลือกตั้งแล้ว แต่ผมมองว่าไม่ได้ดูจริงจังเท่าไหร่
ในฐานะที่เป็นผู้นำรัฐบาล การประกาศของนายกฯไม่ใช่การประกาศในประเทศไทย แต่ประกาศให้ประชาคมโลกรู้ด้วยว่าเราจะมีการเลือกตั้ง เพราะมีทั้งแรงกดดันจากภายในและนอกประเทศด้วย ทั้งสหภาพยุโรปที่มีเสียงสะท้อนมา แม้จะไม่กดดันอย่างเป็นทางการ แต่เสียงสะท้อนจากประเทศต่างๆ ก็เป็นสิ่งที่รัฐบาลมองว่าต้องประกาศออกมา ซึ่งก่อนหน้านี้ที่เขาให้สัมภาษณ์ว่า ถ้าเลือกตั้งแล้วกลับไปสู่แบบเดิม แล้วจะกลับไปทำไม ซึ่งอยู่ๆ มาประกาศแบบนี้ ผมว่ามันไม่ได้สะท้อนความมุ่งมั่นจริงๆ
ผมว่าเราพร้อมเลือกตั้งแล้ว แต่การไม่พร้อมที่รัฐบาลบอก ไม่ใช่ว่าประเทศไทยไม่พร้อม จริงๆ ประชาธิปไตยหรือระบบการเลือกตั้งมันคือกระบวนการการเรียนรู้ในประเทศนี้ที่ค่อยๆ ปรับเปลี่ยน แต่ปัญหาที่รัฐบาลบอกว่า หากเกิดการเลือกตั้งจะเกิดความไม่สงบนั้น นั่นคือการที่คนส่วนหนึ่งของประเทศยังปฏิเสธความเท่าเทียมการมีสิทธิทางการเมือง ปฏิเสธที่จะยอมรับระบบการเลือกตั้ง กลัวจะได้พรรคที่ตัวเองไม่ได้เลือก แต่ไม่ยอมรับกระบวนการประชาธิปไตย ถ้าทุกคนยอมรับระบอบประชาธิปไตย คงไม่นำมาสู่การรัฐประหาร คือให้เป็นไปตามกระบวนการ ถ้าพรรคการเมืองหรือ ส.ส.ทุจริต ควรเป็นเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย แต่ไม่ใช่การเรียกร้องให้ทหารออกมารัฐประหาร อย่างที่เห็นแล้วว่าเกือบ 4 ปีที่ผ่านมามันไม่ได้แก้ปัญหาทุจริต ไม่ได้แก้ปัญหาการบังคับใช้กฎหมาย สิ่งที่เราต้องแก้คือการบังคับใช้กฎหมายที่เป็นธรรม ไม่ใช่เรื่องของการลดทอนสิทธิการเลือกตั้ง หรือลดทอนสิทธิทางการเมือง
ส่วน พ.ร.ป.ส.ส.กับ ส.ว.อันนี้พูดยาก แนวโน้มผ่านมีสูง ยิ่งท่านนายกฯประกาศออกมาแบบนี้ ถ้าคว่ำก็ยิ่งสะท้อนความไม่มั่นใจในวันเลือกตั้งเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ถ้าจะให้สอดคล้องกับสิ่งที่ท่านนายกฯพูด สนช.ก็ไม่น่ามีปัญหาตรงนี้ เพราะที่ผ่านมาก็เห็นอยู่ว่า แม้ สนช.จะบอกว่าไม่ได้ทำตามท่านนายกฯหรือ คสช. แต่การลงคะแนนต่างๆ ส่วนมากมักสอดคล้องกับ คสช.ต้องการ เพราะฉะนั้นเมื่อท่านนายกฯประกาศเลือกตั้ง ผมว่า พ.ร.ป.นี้ไม่น่ามีอะไรมากนัก เพราะสุดท้ายการเลือกตั้งก็เป็นอำนาจ คสช.อยู่ดี
แต่สิ่งสำคัญที่ผมมองในรัฐบาลนี้คือ เสถียรภาพของรัฐบาลที่มีแรงต้านเยอะ แม้โพลต่างๆ จะบอกว่าได้รับความนิยมสูง แต่ความเป็นจริง คสช.ย่อมรู้เอง ทั้งปัญหาการทุจริต เรื่องนาฬิกา หรือเรื่องต่างๆ สิ่งหนึ่งที่รัฐบาลพยายามทำตอนนี้การลดแรงกดดันทางการเมืองภายในประเทศด้วย
ยอดพล เทพสิทธา
คณะนิติศาสตร์ ม.นเรศวร
ผมคิดว่าโอกาสการเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ยังมีน้อย แต่ก็ยังมีอยู่ มันมีเหตุปัจจัยหลายอย่าง
1.คือตัว กกต.ก็ยังไม่มี
2.พ.ร.ป.ก็ยังร่างไม่เสร็จ ร่างเสร็จก็ต้องรอประกาศใช้อีก 90 วัน
เมื่อไล่ดูไทม์ไลน์ง่ายๆ พอประกาศใช้กฎหมาย ต้องบวกอีก 3 เดือน นั่นหมายความว่า ถ้าจะเลือกตั้งกุมภาพันธ์ 2562 กฎหมายจะต้องประกาศใช้อย่างช้าที่สุดเดือนกันยายนปีนี้ ซึ่งยังไม่รู้ว่ากฎหมายจะประกาศใช้หรือไม่ พอตัว กกต.ถูกคว่ำไปก็ต้องสรรหาใหม่ ซึ่งใช้เวลาหลายเดือน หรือดูจากทิศทางที่ผ่านมา จากการให้สัมภาษณ์ของผู้ใหญ่ที่บอกว่าให้เลื่อนออกไปหน่อย จะอะไรนักหนา มันสะท้อนให้เห็นหลายๆ อย่างว่ามันเป็นไปตามโรดแมปไม่ทัน ถ้าไม่ทันจะทำอย่างไร นี่เกิดคำถามแล้ว คือ ออกมาเบรกไว้ก่อนเลยว่าช้าหน่อยก็ไม่เป็นไร ถามว่ามีโอกาสไหม มี ถ้าเทียบกับ 100% ผมให้ 5% คือได้เลือกตั้งไม่ถึง 5%
ถามว่าเชื่อได้ไหม ผมไม่อยากใช้คำว่าเชื่อได้หรือไม่ได้ ที่เขาพูดว่ากาลเวลาพิสูจน์คน เราก็ได้เห็นหลายๆ อย่างมากว่า 4 ปีแล้ว ผมว่าประชาชนมีวิจารณญาณพอที่จะตอบได้ว่าเชื่อได้หรือไม่ได้ ส่วนการจัดเลือกตั้งนั้น ถ้าพูดในทางความเป็นจริงตอนนี้
เราไปมีพันธกรณีระหว่างประเทศที่ไปรับปากทั้งอียู อเมริกา หรือญี่ปุ่น จึงทำให้ทุกอย่างบีบเข้ามา ถามว่าถ้าเราไม่เลือกตั้งตามที่บอกไว้ ต่อให้เขามาบีบยังไงก็บีบไม่ได้อยู่ดี ฉะนั้นตรงนี้จึงเป็นดุลพินิจโดยแท้ของหัวหน้า คสช.
ส่วนการได้มาซึ่ง ส.ส.กับ ส.ว.มีปัญหาทั้งเรื่องกลุ่มผลประโยชน์และกลุ่มองค์กรต่างๆ ของ ส.ว.เองถามว่ามีโอกาสที่จะไม่ผ่านไหม ก็มี แต่ ส.ส.ต้องดูเป็นประเด็นๆ ไปก่อนว่าตอนนี้มีประเด็นอะไรที่ขัดผลประโยชน์กับบางกลุ่มหรือไม่ เพราะต้องไม่ลืมว่ารัฐธรรมนูญกำหนดเงื่อนไขไว้ค่อนข้างเยอะ เพื่อให้ระบบการเลือกตั้งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ทั้งเรื่องการได้มาซึ่งรัฐบาล วิธีการเลือก ระบบการนับคะแนน ทุกอย่างเป็นของที่ค่อนข้างใหม่ ซึ่งดูไม่เป็นไปตามครรลองปกติของประชาธิปไตย มันอาจถูกคว่ำก็ได้ ซึ่งอาจมีโอกาส แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราไม่ได้พูดถึงประเด็นทางกฎหมายแล้ว เราพูดถึงทางการเมืองแท้ๆ ว่าตัวกฎหมายมันมีปัจจัยทางการเมืองเข้ามาแทรกแซงเสมอ เช่น ถ้ามีความไม่สงบเรียบร้อย ก็เลื่อนได้ คสช.จะใช้มาตรา 44 ก็ได้ แต่ผมคิดว่าไม่ใช้ อาจใช้วิธีคว่ำร่างกฎหมายแล้วร่างใหม่ก็ได้ เป็นการดึงเวลาที่ไม่น่าเกลียด แต่ผมว่ามันน่าเกลียด เหมือนกับการร่างรัฐธรรมนูญฉบับคุณบวรศักดิ์ อุวรรณโณ มันมีประเด็นที่คาบเกี่ยวกัน จึงโหวตให้ไม่ผ่านเพื่อร่างใหม่ สุดท้ายก็เป็นการยื้อจนกว่ารัฐธรรมนูญคุณมีชัย ฤชุพันธุ์ จะเสร็จ คสช.ก็อยู่ในอำนาจต่อไปเรื่อยๆ
ไม่มีวันไหนที่ผมนั่งฟังท่านนายกฯพูดแล้วรู้สึกว่าเขาจะไปแล้ว หรืออยากไปจริงๆ ตอนนี้เราไม่สามารถฟันธงได้ว่า คสช.จะลงเลือกตั้งหรือไม่ เพราะรัฐธรรมนูญเปิดช่องให้นายกรัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องเป็น ส.ส. ตรงนี้เป็นประเด็นที่ผมคิดว่า หาก สนช.มีจิตสำนึกสักเล็กน้อย จะทราบว่านายกฯที่ไม่ได้มาจาก ส.ส.มีปัญหา สุดท้ายก็นำปัญหาทางการเมืองเข้ามาสู่ระบบการเมืองของไทยมากกว่านายกฯที่มาจากการเลือกตั้ง ดังนั้น ตัวกฎหมาย พ.ร.ป.ส.ส.โอกาสถูกคว่ำจึงมีอยู่