

สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านทุกท่าน จากวันนั้นถึงวันนี้เราขาดตอนในการเขียนไปหลายเดือนเลย ซึ่งแน่นนอนค่ะคราวนี้มาแบบเนื้อหาแน่นๆ เลยค่ะ ช่วงที่ผ่านมานั้นเลยเจออะไรมามากมาย และที่สำคัญเลยค่ะ เป็นช่วงที่เราทำงานสวน และร้านควบกันขอบอกเลยค่ะ ว่าเหนื่อยแทบขาดใจ @@ ต้องให้กำลังใจตัวเองเยอะๆค่ะที่ผ่านมา ที่สำคัญเลยเราต้องให้เวลากับครอบครัวด้วยค่ะ
มาเล่าถึงตอนที่เราทำเองสะทุกอย่าง ดีเทลต่างๆ ของร้านให้ตามความคิดของเรา รวบๆๆกันมาจนถึงวันเปิดร้านค่ะ
การต้องถอดไม้ดามออก ไม่ต้องบอกก็รู้ค่ะ พลาดมานิ ซี๊ดกันถึงใจ 55555

วันนี้ที่รอคอยก็มาถึง !!!!!!!!!!!!
จากวันที่ทำมาเกือบ 2 ปี
ลงต้นไม้แล้วเราต้องดูแลให้ดีนะคะ คอยรดน้ำต้นไม้ ใส่ปุ๋ย ( เอาความถนัดทางด้านการจัดสวนมาใช้ให้หมดค่ะ )
ณ . วันนี้ที่เปิดแบบภาคภูมิใจ
อย่าว่าไปค่ะ เส้นทางทำธุรกิจมันไม่ได้สวยหรูเหมือนในฝัน เพราะการลงทุนแบบหมดหน้าตักมันเป็นสิ่งที่หน้ากลัวมาก และที่สำคัญใจเราต้องนิ่งพอนะคะ จากภาพดังกล่าวนั่นคือ แค่ภายนอกประมาณ 2 เดือนหลังจากเปิดร้าน ก็มีลูกค้าเข้ามาบ้าง ผ่านมาบ้าน และ มาทำธุระแถวนี้ อันนี้เราก็ดีใจค่ะ ( แต่ความเป็นจริงมันแทบลากเลือดนะคะ ) รายได้แสนจะน้อย และคิดจะ Slow Life เหมือนวัยรุ่น รุ่นใหม่ๆ ที่มีทุนจากคุณพ่อคุณแม่ ขอบอกเลยค่ะว่าสมใจนึกเป็นอันต้องปิดร้านกันไปแบบที่เราเห็นกันได้ทั่วๆ ไป ....... ตายๆๆ ถ้ารายได้แสนน้อยขนาดนี้เราไม่ได้มีสายป่านอันยืดยาว เราก็ต้องหาวิธีทำให้ผู้อื่นรู้จักมากขึ้น นู้นนิ เริ่มมีการถ่ายภาพ ลงเฟชบุ๊ค ( แบบตัดใจเสียตังนะคะ ) ไม่งั้นก็ไม่มีคนเห็นอยู่ดี ><! และด้วยความดิ้นรน เราก็ต้องทำกันเองทุอย่างค่ะ จัดพร๊อพถ่ายภาพ แต่งรูปให้ดูสวยงาม ภาพเซ็ตแรกที่ลง

กาแฟคาบูชิโน่ ...... <แก้วใหญ่ หว๊านน้อย คลีนนี่ ค่ะ > วลีฮิตจริ่งๆๆ

อเมริกาโน่ สายดาร์กชืนชอบกันดี @@

และมาทางสายกลาง

และสายหวาน
เมื่อภาพเซ็ตนี้ออกสู่สารณะชนทั้งหลาย ก็เริ่มมีลูกค้ารู้จักมากขึ้น เริ่มมีลูกค้าประจำด้วย เย้ๆๆ แอบดีใจเล็กๆ ค่ะ
......................................................................................
แรกเริ่มเดิมที ย่านนี้ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวนะคะ ขอย้ำๆและย้ำ เรามาเข้าประเด็นเรื่องเป้าหมายของลูกค้าที่เราคิดว่า น่าจะมาร้านเราก่อนค่ะ ทุกท่านที่อยากจะเปิดร้านกาแฟ โดยไม่มีเป้าหมายมันจะยากนิดนึงนะคะ โดยกลุ่มเป้าหมายของปลานั้น ในอนาคยจะมีหมู่บ้านหน้าปากซอยค่ะ ส่วนท้ายซอยจะมีหมู่บ้านใหญ่อยู่มานาน ยัไงก็ผ่านร้านปลาแน่นอน แต่ขอโทษทีนะคะ ก่อนมาถึงร้านปลา มีร้านกาแฟทั้งเจ้าของทำเอง และเฟรนไซร์ทั่วไป มาแทบทั้งซอย แต่พี่เหล่านั้นไม่ใช่คู่แข่ง หรือร้านเราจะไปเป็นคู่แข่งร้านพี่ๆเขานะคะ เพราะเราชัดเจนในเรื่องของกลุ่มลูกค้าเป็นหลักค่ะ
ต่อมาก็เป็นเรื่องของวิชาการทางด้านกาแฟ .. ( เจ้าของเองมีางเรื่องนี้ต่ำกว่ามาตรฐานมากค่ะ

) ด้วยความที่ว่าเราทำงานจัดสวน ลูกค้าเราเยอะและได้มีโอกาสไปจัดสวนให้กับร้านกาแฟ เบอร์ต้นๆ ของ จ. ขอนแก่น นั่นคือจุดเริ่มต้นทำให้เราศึกษาว่าเราจะเลือกใช้เครื่องอะไร ใช้เมล็ดกาแฟแบบไหน เราชอบอย่าไร โอ้วววววววมายยยยกอดดดด เราไม่มีความรู้อะไรเลยยยสักนิด ฉะนั้นเราก็ต้องศึกษาเหมือนกับคนหัวช้าต้องอ่านหนังสือเยอะกว่าคนอื่นประมาณนั้นค่ะ เป็นอยู่แบบนี้มา 1 ปีเต็ม เราก็มาได้เครื่องกาแฟที่คิดว่าน่าเหมาะกับเรา มาแล้ว อุปกรณ์เบื้องต้น และ ไปเข้าครอสเรียนชงกาแฟของแบรนด์ร้านในกรุงเทพค่ะ สไตล์ไม่ใช้นมข้นหวานกับกาแฟนะคะ ใกล้เปิดร้านเราก็ซ้อมๆ กันไปมาค่ะ พอวันเปิดร้านก็จะเป็นผู้ใหญ่ที่นับถือ เพื่อน พี่ๆน้องๆในวงการ และเจ้าของร้านกาแฟใกล้ๆ เรา เชื่อหรือไม่ค่ะ วันนั้นเพิ่งได้ยินเมนู // เอสเย็น // กำ!! ทำไงวะนิ ไม่ได้อ่านสูตรไว้ด้วย เพราะที่เรียนมาเป็นกาแฟ กับนมสด และแล้วก็ทำผิดคคร่าาาา อย่างฮาอ่ะ เราเข้าใจว่า ก็เอาเอสช๊อตใส่น้ำแข็งเป็นเป็นเอสเย็น คิดมาได้เน๊าะ 55555 ก็เราเรียนมาแบบไม่ใช่ไทยสไตล์ และเราก็คุ้นซึ้งปกติ เราสัมผัส เอสช๊อต รึไม่ก็เป็น เมนูพื้นฐาน พวกคาปู ลาเต้ นิคะ ขนาดอเมริกาโน่ ยังไม่มั่นใจเลยว่าใส่แค่น้ำเปล่าหรอ พี่คนที่สั่งทำหน้างงๆ เราก็สงสัย คืนนั้นเปิดเน็ตดู .... อ้าววววชิ....แล้วเราทำผิด

พรุ่งขึ้นเราก็มาปรับรู้ละว่าต้องใส่นมข้น เอสเย็นมีแค่ในไทยเท่านั้น 55555 ได้ๆๆจัดไป เราก็เทสกินเองไม่เอาหวานมาก เราชอบแบบนี้คนอื่นน่าจะกินได้เน๊าะ พี่เขากลับมาใหม่ตานี้ ใส่เราเลยว่าเมื่อวานน้องทำเมนูผิดนะคะ ก็อย่างว่านะเราต้องโดนข่มเป็นธรรมดา ประมาณว่านิยังไม่ไม่ถึงยังมาเสร่อชงประมาณนี้ +&*@#$ เรานิกะแล้วต้องมาถึงจุดนี้ เราก็เก็บครั้งนี้ไว้เตือนใจตัวเองเสมอค่ะ จากนั้นเป็นเป็นไปเราไปกินกาแฟทุกร้านที่คอกาแฟเขาชอบไป ต่างๆนาๆ ไปขอจากบาริต้ามืออาชีพ เก็บมาเรื่อยๆ ไว้พัฒนาตัวเราและร้าน จนได้เจอรุ่นพี่ในวงการกาแฟอย่างแพร่หลาย
จะบอกว่าการทำร้านแบบนี้เราควรมีแนวทางกาแฟที่ชื่นชอบนะคะ หามันให้เจอ เปิดรับความรู้จากคนอื่นและนำมาใช้อย่างมีสติ ตั้งใจจริงเพื่อให้ผลมันออกมาแบบที่เราคิด ขอแค่กึ่งนึ่งเราก็ดีใจ หาแรงบันดาลใจและกำลังใจให้ตัวเองอยู่ตลอดนะคะ


เดี๋ยวมาเล่าต่ออีกนะคะ วันนี้ต้องออกหน้างานไปหาลูกค้าจัดสวนค่ะ จะไม่ปล่อยให้นานนะคะ
+++++ ตอนต่อไปทำเราอยู่แบบไหน และอยู่อย่างไหร่ค่ะ
กราบขอบพระคุณทุกท่านที่มาอ่านคร่า
Have a nice day ka
Prem Cafe in the Garden ^^
Prem cafe In The Garden จากแรงบันดาลใจงานสวนสู่ร้านคาเฟ่ในความฝัน : Part 3.
มาเล่าถึงตอนที่เราทำเองสะทุกอย่าง ดีเทลต่างๆ ของร้านให้ตามความคิดของเรา รวบๆๆกันมาจนถึงวันเปิดร้านค่ะ
การต้องถอดไม้ดามออก ไม่ต้องบอกก็รู้ค่ะ พลาดมานิ ซี๊ดกันถึงใจ 55555
จากวันที่ทำมาเกือบ 2 ปี
ลงต้นไม้แล้วเราต้องดูแลให้ดีนะคะ คอยรดน้ำต้นไม้ ใส่ปุ๋ย ( เอาความถนัดทางด้านการจัดสวนมาใช้ให้หมดค่ะ )
ณ . วันนี้ที่เปิดแบบภาคภูมิใจ
อย่าว่าไปค่ะ เส้นทางทำธุรกิจมันไม่ได้สวยหรูเหมือนในฝัน เพราะการลงทุนแบบหมดหน้าตักมันเป็นสิ่งที่หน้ากลัวมาก และที่สำคัญใจเราต้องนิ่งพอนะคะ จากภาพดังกล่าวนั่นคือ แค่ภายนอกประมาณ 2 เดือนหลังจากเปิดร้าน ก็มีลูกค้าเข้ามาบ้าง ผ่านมาบ้าน และ มาทำธุระแถวนี้ อันนี้เราก็ดีใจค่ะ ( แต่ความเป็นจริงมันแทบลากเลือดนะคะ ) รายได้แสนจะน้อย และคิดจะ Slow Life เหมือนวัยรุ่น รุ่นใหม่ๆ ที่มีทุนจากคุณพ่อคุณแม่ ขอบอกเลยค่ะว่าสมใจนึกเป็นอันต้องปิดร้านกันไปแบบที่เราเห็นกันได้ทั่วๆ ไป ....... ตายๆๆ ถ้ารายได้แสนน้อยขนาดนี้เราไม่ได้มีสายป่านอันยืดยาว เราก็ต้องหาวิธีทำให้ผู้อื่นรู้จักมากขึ้น นู้นนิ เริ่มมีการถ่ายภาพ ลงเฟชบุ๊ค ( แบบตัดใจเสียตังนะคะ ) ไม่งั้นก็ไม่มีคนเห็นอยู่ดี ><! และด้วยความดิ้นรน เราก็ต้องทำกันเองทุอย่างค่ะ จัดพร๊อพถ่ายภาพ แต่งรูปให้ดูสวยงาม ภาพเซ็ตแรกที่ลง
เมื่อภาพเซ็ตนี้ออกสู่สารณะชนทั้งหลาย ก็เริ่มมีลูกค้ารู้จักมากขึ้น เริ่มมีลูกค้าประจำด้วย เย้ๆๆ แอบดีใจเล็กๆ ค่ะ
......................................................................................
แรกเริ่มเดิมที ย่านนี้ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวนะคะ ขอย้ำๆและย้ำ เรามาเข้าประเด็นเรื่องเป้าหมายของลูกค้าที่เราคิดว่า น่าจะมาร้านเราก่อนค่ะ ทุกท่านที่อยากจะเปิดร้านกาแฟ โดยไม่มีเป้าหมายมันจะยากนิดนึงนะคะ โดยกลุ่มเป้าหมายของปลานั้น ในอนาคยจะมีหมู่บ้านหน้าปากซอยค่ะ ส่วนท้ายซอยจะมีหมู่บ้านใหญ่อยู่มานาน ยัไงก็ผ่านร้านปลาแน่นอน แต่ขอโทษทีนะคะ ก่อนมาถึงร้านปลา มีร้านกาแฟทั้งเจ้าของทำเอง และเฟรนไซร์ทั่วไป มาแทบทั้งซอย แต่พี่เหล่านั้นไม่ใช่คู่แข่ง หรือร้านเราจะไปเป็นคู่แข่งร้านพี่ๆเขานะคะ เพราะเราชัดเจนในเรื่องของกลุ่มลูกค้าเป็นหลักค่ะ
ต่อมาก็เป็นเรื่องของวิชาการทางด้านกาแฟ .. ( เจ้าของเองมีางเรื่องนี้ต่ำกว่ามาตรฐานมากค่ะ
พรุ่งขึ้นเราก็มาปรับรู้ละว่าต้องใส่นมข้น เอสเย็นมีแค่ในไทยเท่านั้น 55555 ได้ๆๆจัดไป เราก็เทสกินเองไม่เอาหวานมาก เราชอบแบบนี้คนอื่นน่าจะกินได้เน๊าะ พี่เขากลับมาใหม่ตานี้ ใส่เราเลยว่าเมื่อวานน้องทำเมนูผิดนะคะ ก็อย่างว่านะเราต้องโดนข่มเป็นธรรมดา ประมาณว่านิยังไม่ไม่ถึงยังมาเสร่อชงประมาณนี้ +&*@#$ เรานิกะแล้วต้องมาถึงจุดนี้ เราก็เก็บครั้งนี้ไว้เตือนใจตัวเองเสมอค่ะ จากนั้นเป็นเป็นไปเราไปกินกาแฟทุกร้านที่คอกาแฟเขาชอบไป ต่างๆนาๆ ไปขอจากบาริต้ามืออาชีพ เก็บมาเรื่อยๆ ไว้พัฒนาตัวเราและร้าน จนได้เจอรุ่นพี่ในวงการกาแฟอย่างแพร่หลาย
จะบอกว่าการทำร้านแบบนี้เราควรมีแนวทางกาแฟที่ชื่นชอบนะคะ หามันให้เจอ เปิดรับความรู้จากคนอื่นและนำมาใช้อย่างมีสติ ตั้งใจจริงเพื่อให้ผลมันออกมาแบบที่เราคิด ขอแค่กึ่งนึ่งเราก็ดีใจ หาแรงบันดาลใจและกำลังใจให้ตัวเองอยู่ตลอดนะคะ
เดี๋ยวมาเล่าต่ออีกนะคะ วันนี้ต้องออกหน้างานไปหาลูกค้าจัดสวนค่ะ จะไม่ปล่อยให้นานนะคะ
+++++ ตอนต่อไปทำเราอยู่แบบไหน และอยู่อย่างไหร่ค่ะ
กราบขอบพระคุณทุกท่านที่มาอ่านคร่า
Have a nice day ka
Prem Cafe in the Garden ^^