[CR] [รีวิว] Ingersoll นาฬิกาบ้านๆ ผ่าน 84 หนาว เพื่อน Junghans ญาติ Timex


นาฬิกาเรือนนี้ ผมได้ซื้อมาหลายเดือนแล้ว แต่เพิ่งได้ลองค้นหาประวัติของมันเยอะหน่อยเมื่อไม่กี่วันนี้ จึงอยากเอามาแชร์กัน ทั้งประวัติ และประสบการณ์การใช้ที่ผ่านมาราวๆ 4 เดือนครับ

Ingersoll เป็นแบรนด์ที่มีต้นกำเนิดมาจากสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งโดยพี่น้องตระกูล Ingersoll สองคนในปี 1892 ในชื่อว่า Ingersoll Clock and Watch Company โดยมุ่งผลิตนาฬิกาคุณภาพดีราคาถูก ทั้งนาฬิกาตั้งโต๊ะ นาฬิกาพก และนาฬิกาข้อมือในเวลาต่อมา โดยชิ้นส่วนต่างๆนั้น ก็ outsource มาจากบริษัท Waterbury Clock Company และนำมาประกอบในโรงงานของ Ingersoll


ตามประวัติที่ได้อ่านมา Ingersoll เคลมว่า เป็นผู้ผลิตนาฬิกาพก และนาฬิกาข้อมือ ที่มีพรายน้ำ รายแรกด้วย ในปี 1919 แต่ความจริงไม่น่าจะใช่ เพราะนาฬิกาพรายน้ำ มีประวัติว่า เริ่มใช้กันในปี 1910 มีประโยชน์มากกับทหารในสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งพรายน้ำสมัยนั้น เป็นส่วนผสมของเรเดียม ฟอสเฟอร์ สังกะสีซัลไฟด์ ที่ใช้กันมาจนกระทั่งราวๆยุค 1960s ต้นๆ

พรายน้ำ และ Radium Girls
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

นาฬิกา Mickey Mouse
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ประวัติเพิ่มเติม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

อ้าาาาาฮ กลับมาที่นาฬิกาของผมเสียที ซึ่งผมซื้อเป็นซากมาจากอีเบย์ในราคาถูกมาก เท่าไหร่จำไม่ได้ ส่งมาจากอังกฤษ และน่าจะปั๊มออกมาจากโรงงานของ Ingersoll Ltd. ดังว่าข้างบน เพราะเครื่องไม่ใช่เครื่อง Ingersoll ซึ่งจะใช้ในเรือนที่ผลิตในอเมริกา แต่เป็นเครื่อง Junghans J53 ซึ่งผมว่า ดีกว่าเครื่อง Ingersoll ในด้านความง่ายของการถอดประกอบ และดูเหมือนจะคุณภาพดีกว่าด้วย (มีซากเครื่อง Ingersoll เปรียบเทียบอยู่เหมือนกัน)


เครื่อง Junghans J53 นี้ ตามข้อมูล ผลิตออกสู่ตลาดระหว่างปี 1930 - 1934 ดังนั้น จึงพอจะคาดอายุของนาฬิกาได้ว่า หากใหม่สุดๆ ก็ไม่เกินปี 1934 ซึ่งนับถึงปีนี้เคร่าๆก็ 84 ปี เป็นที่มาของส่วนหนึ่งในชื่อกระทู้ว่า “ผ่านมา 84 หนาว” นั่นเองครับ เครื่องนี้มีขนาด 13 lignes หรือ 29.326 มม. เป็นเครื่องไขลานง่ายๆ ไม่มีทับทิมสักเม็ด ประหยัดต้นทุน ความถี่ของเครื่องอยู่ที่ 18000 A/h มี 2 เข็ม ไม่มีระบบกันกระแทก แต่เนื่องจากตัวปลายแกน balance staff ที่มักจะเสียหายง่ายที่สุดเมื่อกระแทก เป็นแบบ cone ไม่ได้เป็นแบบเข็มแหลมๆหักง่ายอย่างทั่วๆไป มันจึงทนต่อแรงกระแทกด้วยตัวมันเอง คือ ยังไงก็ไม่หัก เพราะไม่มีอะไรจะให้หัก แต่ข้อเสียก็คือ ผิวสัมผัสเยอะ ทำให้แรงเสียดทานเยอะ ความเที่ยงตรงก็อาจจะด้อยไปหน่อย

อีกจุดหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์บอกได้ชัดเจนว่าเป็นนาฬิกาผลิตขายในอังกฤษก็คือ คำว่า “Foreign” ทั้งบนหน้าปัด และบนตัวเครื่อง ซึ่งมักจะใช้กับนาฬิกาที่ประเทศต้นทางของชิ้นส่วนนั้นๆ อาจมีผลกระทบไม่ดีต่อการขาย ในที่นี้คือเยอรมัน นั่นเอง นาฬิกาเรือนนี้อยู่ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งอาจมีหลายคนในอังกฤษที่มีทัศนคติไม่ใคร่ดีนักต่อเยอรมัน หรืออีกเหตุผลหนึ่งที่เป็นไปได้ที่เคยอ่านเจอคือ ช่วงนั้น อังกฤษมีกฎหมายให้ mark “Foreign” ในสินค้าบางอย่างที่ไม่ได้ทำในอังกฤษ แต่จะเจาะจงประเทศด้วยหรือเปล่า ผมก็ไม่แน่ใจ ต้องลองหาดู


หน้าปัดของนาฬิกาเรือนนี้เป็นกระดาษบนแผ่นโลหะ ยึดเข้ากับเครื่องด้วยน็อต 2 ตัวดังภาพ เข็มเป็นเหล็กรมน้ำเงิน แต่มีสนิมกินบ้าง หน้าปัดกระดาษก็มีร่องรอยพุพองพอเป็นกระสายให้รู้ว่า น่าจะเคยเจอความชื้นมาพอสมควร ตัวเรือนไม่มีระบบกันน้ำ น่าจะทำจากอลูมิเนียม เพราะเห็นด้านในเป็นด้านๆคล้ายอลูมิเนียม และมีความเบา เป็นแบบ 3 ชิ้น คือ ฝาหน้า ตัวตรงกลาง และฝาหลัง เปิดโดยการงัด ขนาดตัวเรือนไม่รวมเม็ดมะยม 35 มม. กระจกเป็นพลาสติก ซึ่งผมได้เปลี่ยนของใหม่ลงไป เพราะของเก่าขุ่นจนขัดไม่ค่อยไหวแล้ว หูร้อยสายกว้าง 15 มม. เป็นแบบหูกระทะ ถอดไม่ได้ โชคดีมีสายหนังที่ยังนิ่มอยู่ติดมาด้วย และยังใช้ได้ดี จึงไม่ต้องลำบากไปหาสายมาใส่

ความจริง นาฬิกาประเภทนี้ มักจะใช้แล้วทิ้ง ถ้ามันไม่เดินแล้ว สมัยนั้นไม่ค่อยมีช่างรับล้างเครื่องพวกนี้เท่าไหร่ แต่ผมอยากจะให้มันใช้ได้อีกครั้ง ก็ลองแกะออกมาดู จะเห็นว่า เครื่องไม่ได้สลับซับซ้อนอะไรเลย ออกแนวง่ายๆ ตรงๆ อีกด้วย ถอดประกอบง่าย พอถอดออกมาแล้ว ก็จัดการล้างแต่ละชิ้นเสีย ผึ่งให้แห้ง แล้วเอามาประกอบ หยอดน้ำมันทุกจุด เป็นอันใช้ได้ รู้สึกดีที่เห็นมันเดิน


ตลอดเวลาราวๆ 4 เดือน ไขลานทุกวัน หยิบมาใส่บ้าง มันก็ทำหน้าที่ของมันได้ดี ยังไม่เคยเกเร หลังจากปรับจนพอใจแล้ว ลองจับเวลาดูแต่ละวันๆ มันจะเร็วไปราวๆครึ่งถึงสองนาทีต่อวัน ถ้าอากาศเย็นหน่อยมันจะเดินเร็วหน่อย ผมว่ามันทำได้ค่อนข้างดีมาก สำหรับเครื่องประเภทนี้ และอายุขนาดนี้


ลานสปริงดูน่าจะอ่อนแรง แต่ผมก็ยังหาเปลี่ยนไม่ได้ เพราะมันอันใหญ่หน่อย ใช้ของเดิมไปก่อน แต่หลังจากใช้ ก็ไม่มีปัญหาอะไรเลย

ลองสังเกตส่วน escapement นั้น เขาใช้ pin-lever escapement ซึ่งจะใช้ pin โลหะแหลมๆ ขบกับตัวฟันของ escape wheel แทนที่จะเป็นทับทิมใน swiss lever escapement ทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำกว่า แต่มักจะด้อยกว่าเรื่องความเที่ยงตรง ระบบนี้ถูกจดสิทธิบัตรโดย Georges Frederic Roskopf ในปี 1867 เป็นความสำเร็จที่ทำให้นาฬิกาถูกพอที่คนใช้แรงงานทั่วไปจะซื้อหาได้ เกิดขึ้นได้ แม้ระบบนี้จะมีชื่อเสียงว่าเที่ยงตรงสู้พวก lever escapement ที่ใช้ทับทิมไม่ได้ แต่ Oris ก็ได้เคยทำเครื่อง pin-lever ที่ได้มาตรฐาน chronometer มาแล้ว การที่ Oris พยายามพัฒนาเครื่อง pin-lever ก็เพราะว่า โชคไม่ค่อยดี ที่ประเทศสวิสได้จนลิขสิทธิ์ swiss lever escapement ที่ใช้ทับทิม ในยุค 1960s หากใครเคยใช้ escapement แบบนี้ ก่อนมีลิขสิทธิ์ ก็ยังสามารถใช้ในเครื่องของตัวต่อไปได้ แต่ถ้าใครไม่เคยใช้ก่อนหน้านี้ ต้องเสียค่าลิขสิทธิ์ เผอิญ Oris อยู่ในกลุ่มหลัง จึงเลือกที่จะใช้ระบบ pin-lever ในเครื่องตัวเองมาระยะหนึ่งก่อนลิขสิทธิ์จะหมดอายุ และก็เป็นแรงผลักดันให้พัฒนาศักยภาพของเครื่อง pin-lever จนอยู่ในเกณฑ์ chronometer ได้

Pin Lever Escapement

Swiss Lever Escapement

pin-lever escapement ใช้ในนาฬิกากลไกราคาถูกมาจนราวๆยุค 1980s

รูปชิ้นส่วนด้านล่าง จะเห็นว่า ผมไม่ได้ถอดจักรตรงกลางออก เพราะตัวมันแน่นมาก ก็เลยล้างมันซะยังงั้นแหละ
ชื่อสินค้า:   Vintage Ingersoll
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่