เมื่อต้นปีที่ผ่านมามีโอกาสได้ไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นกับกรุ๊ปทัวร์ค่ะ เป็นทริปสี่วันสามคืน เราไปเที่ยวคนเดียวเลยเลือกไปกับกรุ๊ปทัวร์เพื่อความปลอดภัยค่ะ เรายังโสดและอยู่แบบเฉาๆมานาน ก่อนไปก็ตื่นเต้นแต่เรื่องจะได้ไปเที่ยวนี่แหละค่ะ ไม่ได้คิดเรื่องอื่นเลย
พอถึงสนามบินก็เช็คอินและขึ้นเครื่องประจำที่เรียบร้อย นั่งไปสักครึ่งทางก็เพิ่งสังเกตเห็นผู้ชายที่นั่งข้างหลังค่ะ เราคิดว่าคงเป็นคนเกาหลีเพราะหน้าตาสไตล์เกาหลีและผิวขาวมากค่ะ เราเห็นเขาลุกเข้าห้องน้ำบ่อยมากแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร หลังจากนั้นเครื่องก็ถึงสนามบินนาริตะ พอผ่าน ตม. ออกมาก็มารวมตัวในจุดที่ไกด์นัดค่ะ จากนั้นไกด์ก็เดินนำไปที่รถ เราก็งงที่เห็นผู้ชายคนนี้มากับกรุ๊ปเราด้วย เราเลยคิดว่าเขาอาจจะเป็นคนเกาหลีที่มาซื้อกรุ๊ปทัวร์ของไทยเพื่อไปเที่ยวญี่ปุ่นน่ะค่ะเพราะดูยังไงเขาก็ไม่เหมือนคนไทยจริงๆ ฮ่าๆๆ ปกติเราไม่ได้ชอบผู้ชายสไตล์ขาวตี๋เกาหลีแบบนี้นะคะ แต่ยอมรับเลยค่ะว่าคนนี้น่ารักมากจริงๆ ทำเอาเราแอบมองหลายรอบเลยค่ะ พอขึ้นรถมาเขาก็นั่งข้างหลังเราค่ะ นั่งกับคนในครอบครัวเขา จากนั้นไกด์ก็ประกาศว่าจะยึดที่นั่งตามนี้ไปตลอดทริป เราก็แอบดีใจค่ะ อิอิ
จากนั้นรถบัสก็ขับจากสนามบินมาที่ร้านอาหารค่ะ เราเพิ่งรู้ตอนนี้เองว่าเขาเป็นคนไทยเพราะได้ยินเขาพูดไทยกับคนในครอบครัว ตลอดทริปเราก็ได้เห็นความน่ารักของเขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆค่ะ จากที่ตอนแรกเราแค่มองๆเพราะเขาหน้าตาดี ตอนหลังเราก็เห็นว่าเขาดูมีน้ำใจด้วย เช่น เห็นคนทำกระเป็าตกก็ช่วยเก็บ เห็นคนล้มก็รีบวิ่งมาช่วยอะไรงี้อะค่ะ
ตลอดทริปก็แทบจะไม่ได้คุยกันเลยค่ะ คุยกันแค่ครั้งเดียวตอนเขาช่วยกดลิฟต์เปิดค้างไว้ให้แล้วเราขอบคุณเขาอะค่ะ แต่แค่นี้เราก็ดีใจแล้วค่ะที่มีโอกาสได้ร่วมทริปและเจอเขาตลอด ไม่ว่าจะเป็นตอนอยู่บนรถ อยู่สถานที่ท่องเที่ยวหรือร้านอาหาร แต่ตอนที่รู้สึกฟินที่สุดคงเป็นคืนสุดท้ายก่อนกลับค่ะ คืนนั้นไกด์พาเดินจากโรงแรมไปห้างเพื่อไปทานอาหารที่ห้างค่ะ คนไหนขี้เกียจเดินก็สามารถอยู่ทานอาหารที่โรงแรมได้ คนที่เดินไปด้วยกันเลยมีแค่สิบกว่าคนค่ะ โดยมีเรากะเขาอยู่ในจำนวนนี้ด้วย คืนนั้นหนาวมากจนหิมะตก ตอนเราเดินไปก็ได้เดินอยู่ใกล้ๆเขาเลยค่ะ ระยะทางจากโรงแรมไปห้างน่าจะประมาณ700เมตรได้แต่ในใจนี่อยากให้เป็นระยะทางซัก7กิโลค่ะ ฮ่าๆๆๆ การได้เดินข้างๆคนที่แอบปลื้มท่ามกลางอากาศหนาวๆตอนกลางคืนที่ญี่ปุ่นนี่เป็นอะไรที่ไม่คิดว่าจะได้พบเจอในทริปนี้เลยค่ะ ตอนนี้ผ่านมาเป็นเดือนแล้วยังจำความรู้สึกในคืนนั้นได้แลย แฮร่
คืนนั้นพอกลับมาถึงโรงแรมนี่แทบจะไม่อยากให้ถึงวันรุ่งขึ้นเลยค่ะ การที่ได้เจอเขาก็ทำให้ทริปนี้สมบูรณ์แบบนะคะแต่ก็ทำให้ทรมานใจมากขึ้นด้วยตอนใกล้จะกลับ แหะๆ เราคิดว่าถ้าเขามาเที่ยวคนเดียวเหมือนกันเราอาจจะมีโอกาสได้พูดคุยกันตามประสาคนร่วมทริปน่ะค่ะ แต่พอเขามากับครอบครัวนี่เราไม่กล้าเลยค่ะ เพราะมีผู้ใหญ่ด้วยเลยกลัวจะดูน่าเกลียดถ้าไปชวนคุย แต่กลายเป็นว่าเรามีโอกาสได้คุยกับคนในครอบครัวเขานะคะ ยกเว้นเขาอะค่ะ ฮ่าๆๆ
ตอนอยู่บนเครื่องบินขากลับก็แอบหวังว่าจะได้นั่งใกล้ๆกันอีกแต่ดันนั่งอยู่คนละโซนเลยค่ะ ได้เห็นเขาครั้งนึงตอนเขาลุกมาเข้าห้องน้ำ พอถึงสนามบินก็ได้เห็นเขาอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเราจะขึ้นแท็กซี่กลับน่ะค่ะ
เราแอบเสียดายนะคะที่ไม่มีโอกาสได้ทำความรู้จักเพราะเขาเป็นคนที่น่ารักมากๆค่ะ แต่อย่างน้อยจากทริปที่คิดว่าตั้งใจมาเที่ยวอย่างเดียวกลายเป็นทริปที่มีเรื่องให้เที่ยวไปฟินไปก็ถือว่าโชคดีมากแล้วค่ะ
กระทู้นี้ก็เลยอยากถามเพื่อนๆค่ะว่ามีใครมีประสบการณ์คล้ายๆกับของเราไหมคะ ไม่ว่าจะจบแบบได้ทำความรู้จักต่อหรือจบแบบต่างคนต่างไปแบบเรื่องของเราก็มาแชร์กันได้นะคะ^^
มีใครเคยมีประสบการณ์แอบชอบคนในกรุ๊ปทัวร์ตอนไปเที่ยวด้วยกันบ้างไหมคะ
พอถึงสนามบินก็เช็คอินและขึ้นเครื่องประจำที่เรียบร้อย นั่งไปสักครึ่งทางก็เพิ่งสังเกตเห็นผู้ชายที่นั่งข้างหลังค่ะ เราคิดว่าคงเป็นคนเกาหลีเพราะหน้าตาสไตล์เกาหลีและผิวขาวมากค่ะ เราเห็นเขาลุกเข้าห้องน้ำบ่อยมากแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร หลังจากนั้นเครื่องก็ถึงสนามบินนาริตะ พอผ่าน ตม. ออกมาก็มารวมตัวในจุดที่ไกด์นัดค่ะ จากนั้นไกด์ก็เดินนำไปที่รถ เราก็งงที่เห็นผู้ชายคนนี้มากับกรุ๊ปเราด้วย เราเลยคิดว่าเขาอาจจะเป็นคนเกาหลีที่มาซื้อกรุ๊ปทัวร์ของไทยเพื่อไปเที่ยวญี่ปุ่นน่ะค่ะเพราะดูยังไงเขาก็ไม่เหมือนคนไทยจริงๆ ฮ่าๆๆ ปกติเราไม่ได้ชอบผู้ชายสไตล์ขาวตี๋เกาหลีแบบนี้นะคะ แต่ยอมรับเลยค่ะว่าคนนี้น่ารักมากจริงๆ ทำเอาเราแอบมองหลายรอบเลยค่ะ พอขึ้นรถมาเขาก็นั่งข้างหลังเราค่ะ นั่งกับคนในครอบครัวเขา จากนั้นไกด์ก็ประกาศว่าจะยึดที่นั่งตามนี้ไปตลอดทริป เราก็แอบดีใจค่ะ อิอิ
จากนั้นรถบัสก็ขับจากสนามบินมาที่ร้านอาหารค่ะ เราเพิ่งรู้ตอนนี้เองว่าเขาเป็นคนไทยเพราะได้ยินเขาพูดไทยกับคนในครอบครัว ตลอดทริปเราก็ได้เห็นความน่ารักของเขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆค่ะ จากที่ตอนแรกเราแค่มองๆเพราะเขาหน้าตาดี ตอนหลังเราก็เห็นว่าเขาดูมีน้ำใจด้วย เช่น เห็นคนทำกระเป็าตกก็ช่วยเก็บ เห็นคนล้มก็รีบวิ่งมาช่วยอะไรงี้อะค่ะ
ตลอดทริปก็แทบจะไม่ได้คุยกันเลยค่ะ คุยกันแค่ครั้งเดียวตอนเขาช่วยกดลิฟต์เปิดค้างไว้ให้แล้วเราขอบคุณเขาอะค่ะ แต่แค่นี้เราก็ดีใจแล้วค่ะที่มีโอกาสได้ร่วมทริปและเจอเขาตลอด ไม่ว่าจะเป็นตอนอยู่บนรถ อยู่สถานที่ท่องเที่ยวหรือร้านอาหาร แต่ตอนที่รู้สึกฟินที่สุดคงเป็นคืนสุดท้ายก่อนกลับค่ะ คืนนั้นไกด์พาเดินจากโรงแรมไปห้างเพื่อไปทานอาหารที่ห้างค่ะ คนไหนขี้เกียจเดินก็สามารถอยู่ทานอาหารที่โรงแรมได้ คนที่เดินไปด้วยกันเลยมีแค่สิบกว่าคนค่ะ โดยมีเรากะเขาอยู่ในจำนวนนี้ด้วย คืนนั้นหนาวมากจนหิมะตก ตอนเราเดินไปก็ได้เดินอยู่ใกล้ๆเขาเลยค่ะ ระยะทางจากโรงแรมไปห้างน่าจะประมาณ700เมตรได้แต่ในใจนี่อยากให้เป็นระยะทางซัก7กิโลค่ะ ฮ่าๆๆๆ การได้เดินข้างๆคนที่แอบปลื้มท่ามกลางอากาศหนาวๆตอนกลางคืนที่ญี่ปุ่นนี่เป็นอะไรที่ไม่คิดว่าจะได้พบเจอในทริปนี้เลยค่ะ ตอนนี้ผ่านมาเป็นเดือนแล้วยังจำความรู้สึกในคืนนั้นได้แลย แฮร่
คืนนั้นพอกลับมาถึงโรงแรมนี่แทบจะไม่อยากให้ถึงวันรุ่งขึ้นเลยค่ะ การที่ได้เจอเขาก็ทำให้ทริปนี้สมบูรณ์แบบนะคะแต่ก็ทำให้ทรมานใจมากขึ้นด้วยตอนใกล้จะกลับ แหะๆ เราคิดว่าถ้าเขามาเที่ยวคนเดียวเหมือนกันเราอาจจะมีโอกาสได้พูดคุยกันตามประสาคนร่วมทริปน่ะค่ะ แต่พอเขามากับครอบครัวนี่เราไม่กล้าเลยค่ะ เพราะมีผู้ใหญ่ด้วยเลยกลัวจะดูน่าเกลียดถ้าไปชวนคุย แต่กลายเป็นว่าเรามีโอกาสได้คุยกับคนในครอบครัวเขานะคะ ยกเว้นเขาอะค่ะ ฮ่าๆๆ
ตอนอยู่บนเครื่องบินขากลับก็แอบหวังว่าจะได้นั่งใกล้ๆกันอีกแต่ดันนั่งอยู่คนละโซนเลยค่ะ ได้เห็นเขาครั้งนึงตอนเขาลุกมาเข้าห้องน้ำ พอถึงสนามบินก็ได้เห็นเขาอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเราจะขึ้นแท็กซี่กลับน่ะค่ะ
เราแอบเสียดายนะคะที่ไม่มีโอกาสได้ทำความรู้จักเพราะเขาเป็นคนที่น่ารักมากๆค่ะ แต่อย่างน้อยจากทริปที่คิดว่าตั้งใจมาเที่ยวอย่างเดียวกลายเป็นทริปที่มีเรื่องให้เที่ยวไปฟินไปก็ถือว่าโชคดีมากแล้วค่ะ
กระทู้นี้ก็เลยอยากถามเพื่อนๆค่ะว่ามีใครมีประสบการณ์คล้ายๆกับของเราไหมคะ ไม่ว่าจะจบแบบได้ทำความรู้จักต่อหรือจบแบบต่างคนต่างไปแบบเรื่องของเราก็มาแชร์กันได้นะคะ^^