ได้ดูหนังมาร์เวลเกือบทุกเรื่องนะครับ ที่พลาดไปก็น่าจะเป็น Thor ภาคล่าสุด(ไม่ว่างดู) และสไปดี้ โฮมฯ + แอนท์แมน (จริง ๆ ดูแล้วแต่หลับ - -")
ที่ชอบแบล็กแพนเธอร์ ขอแบ่งเป็นแต่ละด้านดังนี้
1.โปรดักชั่นดีไซน์
- มันได้ความสด ใหม่ ได้เห็นอะไรที่ไม่เคยเห็น การผสานความไฮเทคกับอารยะธรรมบุพกาล แบบอัฟริกา ได้น่าสนใจดี ชอบดูพิธีกรรมต่าง ๆ การดีไซน์ฉาก เครื่องแต่งตัว ฯลฯ หรือทุกอย่างต้องตอบสองโจทย์คืออารยธรรมอัฟริกา+ไฮเทค ซึ่งผมลุ้นทุกฉากว่ามันจะออกมายังไง หลาย ๆ ซีน CG ลอย ไม่เนียน แต่มันไปได้กับธีมของเรื่อง ภาพแบคกราวน์ Landscape แบบสะวันน่า ตัดกับฟอร์กราวน์ที่เป็นฉากไฮเทคได้อารมณ์มาก ๆ
คือไม่ใช่อะไรหรอก ฮีโร่สายไฮเทคดูมาเยอะแล้ว มันไม่มีอะไรฉีก มาเรื่องนี้ธีมมันฉีกดี ก็ตื่นตาตื่นใจที่ได้ดู
2. เพลงประกอบ
-จัดเต็มทั้งแนวเวิร์ล มิวสิค ทั้งฮิปฮอป ฯลฯ คือจัดเต็มเพลงสายอัฟริกัน (เออ ไม่จัด jazz หรือ blues มาด้วยเนอะ-ฮา) มันก็ไปกันได้กับธีมเรื่องอ่ะ คือคนอัฟริกันกับดนตรี มันเป็นอะไรที่ขาดกันไม่ได้อยู่แล้ว มันอยู่ในสายเลือดในวัฒนธรรม
3.ประเด็นทางการเมือง
- อันนี้มาร์เวล กล้ามากที่ จับประเด็นร้อน ๆ ในอเมริกามาไว้ในหนัง เช่น การต่อสู้เรื่องสีผิว เรื่องผู้อพยพ ทำให้การ "ชิงบัลลังก์" ในหนังเรื่องนี้มันพ้นจากเรื่อง จักรๆ วงศ์ๆ เชยๆ แต่มันเป็นการต่อสู้ระหว่างอุดมคติทางการเมือง ที่เดือดกันในโลกความเป็นจริง (ที่อเมริกา) มาไว้ในหนัง
และหนังไม่กั๊ก ด้วย ใครตามการเมืองอเมริกา ประโยคที่ว่า "คนโง่เลือกสร้างกำแพงคนฉลาดเลือกสร้างสะพาน" นี่แรงเอามาก ๆ (การสร้างกำแพงมูลค่ามหาศาลระหว่างชายแดน อเมริกา-แมกซิโก เป็นประเด็น "เดือด" มาตั้งแต่ก่อนผลเลือกตั้งจะออกแล้ว เอาจริงๆ ประโยคนี้ "โป๊บ" เคยพูดเพื่อต่อต้านนโยบายของทรัมป์) เลย
ด้านสีผิว นี่แรงมาก ๆ ทำให้ตัวร้ายไม่แบน ไม่ตื้น แต่น้ำหนักและเหตุผลของตัวร้าย จริง ๆ แทบไม่ต่างจากแฟนแบล็กแพนเธอร์เลย ต่างกันอย่างเดียว คือตัวร้ายมัน สุดโต่ง (เออ จริง ๆการเมืองเราก็แบบนี้แหละ ความจริงจุดหมายปลายทางหรือ what นี่เราก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่หรอก ที่ต่างกันขัดแย้งกันหนัก ๆ คือ How หรือออย่างไร ต่างหาก)
คือเห็นด้วยไม่เห็นด้วยในแต่ละประเด็นไม่ว่ากัน แต่กล้าที่จะใส่และคมคายดี
อันนี้ดีกว่า Civil war ตรงที่ Civil war ประเด็นมันไม่คม ไม่ชัด และน้ำหนักการเล่าเรื่องมันยังแบ่งครึ่ง ๆ ระหว่างประเด็นปัญหาเรื่องการตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจกับเรื่องส่วนตัวที่มันแบ่งครึ่งกันเล่าแปลก ๆ (ไม่สุดสักทาง) และบทสรุปไม่น่าประทับใจ (หมายถึงบทสรุปว่า ตกลงปัญหาเรื่องการถ่วงดุลตรวจสอบอำนาจของฮีโร่ ได้ข้อสรุปว่าอย่างไร? หรือมีส่วนผิดส่วนถูกทั้งสองฝั่งอย่างไรบ้าง?)
4.แอคชั่น
อันนี้เฉยๆ นะ ทำได้มาตราฐาน ไม่ได้ว้าวอะไร
โดยสรุป ดูแล้วชอบนะ สำหรับผู้ชายวัยกลางคนอย่างผม มันสนุกนะ ได้มีประเด็นทางสังคมมาให้ขบคิดเพลิน ๆ ท่ามกลางโปรดักชั่นดีไซน์แปลกตา มันไม่เบาเกินไป และไม่ดราม่าหนักหน่วงเกินไป อันหลังนี่คงต้องไปดูหนังสายดราม่าจัดเต็มอะไรงั้น ซึ่งต้องใช้พลังกายพลังใจในการดูแต่ละครั้งสูงมาก บางทีเราก็อยากรีแลกซ์ด้วย แต่ก็ไม่ได้อยากดูอะไรเบาๆ กลวงๆ ไปหมดอย่างนั้น (อาจจะเพราะแก่แล้วอย่างว่า-555)
black panther ชอบที่สุดในจักรวาล Marvel (สปอยล์)
ที่ชอบแบล็กแพนเธอร์ ขอแบ่งเป็นแต่ละด้านดังนี้
1.โปรดักชั่นดีไซน์
- มันได้ความสด ใหม่ ได้เห็นอะไรที่ไม่เคยเห็น การผสานความไฮเทคกับอารยะธรรมบุพกาล แบบอัฟริกา ได้น่าสนใจดี ชอบดูพิธีกรรมต่าง ๆ การดีไซน์ฉาก เครื่องแต่งตัว ฯลฯ หรือทุกอย่างต้องตอบสองโจทย์คืออารยธรรมอัฟริกา+ไฮเทค ซึ่งผมลุ้นทุกฉากว่ามันจะออกมายังไง หลาย ๆ ซีน CG ลอย ไม่เนียน แต่มันไปได้กับธีมของเรื่อง ภาพแบคกราวน์ Landscape แบบสะวันน่า ตัดกับฟอร์กราวน์ที่เป็นฉากไฮเทคได้อารมณ์มาก ๆ
คือไม่ใช่อะไรหรอก ฮีโร่สายไฮเทคดูมาเยอะแล้ว มันไม่มีอะไรฉีก มาเรื่องนี้ธีมมันฉีกดี ก็ตื่นตาตื่นใจที่ได้ดู
2. เพลงประกอบ
-จัดเต็มทั้งแนวเวิร์ล มิวสิค ทั้งฮิปฮอป ฯลฯ คือจัดเต็มเพลงสายอัฟริกัน (เออ ไม่จัด jazz หรือ blues มาด้วยเนอะ-ฮา) มันก็ไปกันได้กับธีมเรื่องอ่ะ คือคนอัฟริกันกับดนตรี มันเป็นอะไรที่ขาดกันไม่ได้อยู่แล้ว มันอยู่ในสายเลือดในวัฒนธรรม
3.ประเด็นทางการเมือง
- อันนี้มาร์เวล กล้ามากที่ จับประเด็นร้อน ๆ ในอเมริกามาไว้ในหนัง เช่น การต่อสู้เรื่องสีผิว เรื่องผู้อพยพ ทำให้การ "ชิงบัลลังก์" ในหนังเรื่องนี้มันพ้นจากเรื่อง จักรๆ วงศ์ๆ เชยๆ แต่มันเป็นการต่อสู้ระหว่างอุดมคติทางการเมือง ที่เดือดกันในโลกความเป็นจริง (ที่อเมริกา) มาไว้ในหนัง
และหนังไม่กั๊ก ด้วย ใครตามการเมืองอเมริกา ประโยคที่ว่า "คนโง่เลือกสร้างกำแพงคนฉลาดเลือกสร้างสะพาน" นี่แรงเอามาก ๆ (การสร้างกำแพงมูลค่ามหาศาลระหว่างชายแดน อเมริกา-แมกซิโก เป็นประเด็น "เดือด" มาตั้งแต่ก่อนผลเลือกตั้งจะออกแล้ว เอาจริงๆ ประโยคนี้ "โป๊บ" เคยพูดเพื่อต่อต้านนโยบายของทรัมป์) เลย
ด้านสีผิว นี่แรงมาก ๆ ทำให้ตัวร้ายไม่แบน ไม่ตื้น แต่น้ำหนักและเหตุผลของตัวร้าย จริง ๆ แทบไม่ต่างจากแฟนแบล็กแพนเธอร์เลย ต่างกันอย่างเดียว คือตัวร้ายมัน สุดโต่ง (เออ จริง ๆการเมืองเราก็แบบนี้แหละ ความจริงจุดหมายปลายทางหรือ what นี่เราก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่หรอก ที่ต่างกันขัดแย้งกันหนัก ๆ คือ How หรือออย่างไร ต่างหาก)
คือเห็นด้วยไม่เห็นด้วยในแต่ละประเด็นไม่ว่ากัน แต่กล้าที่จะใส่และคมคายดี
อันนี้ดีกว่า Civil war ตรงที่ Civil war ประเด็นมันไม่คม ไม่ชัด และน้ำหนักการเล่าเรื่องมันยังแบ่งครึ่ง ๆ ระหว่างประเด็นปัญหาเรื่องการตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจกับเรื่องส่วนตัวที่มันแบ่งครึ่งกันเล่าแปลก ๆ (ไม่สุดสักทาง) และบทสรุปไม่น่าประทับใจ (หมายถึงบทสรุปว่า ตกลงปัญหาเรื่องการถ่วงดุลตรวจสอบอำนาจของฮีโร่ ได้ข้อสรุปว่าอย่างไร? หรือมีส่วนผิดส่วนถูกทั้งสองฝั่งอย่างไรบ้าง?)
4.แอคชั่น
อันนี้เฉยๆ นะ ทำได้มาตราฐาน ไม่ได้ว้าวอะไร
โดยสรุป ดูแล้วชอบนะ สำหรับผู้ชายวัยกลางคนอย่างผม มันสนุกนะ ได้มีประเด็นทางสังคมมาให้ขบคิดเพลิน ๆ ท่ามกลางโปรดักชั่นดีไซน์แปลกตา มันไม่เบาเกินไป และไม่ดราม่าหนักหน่วงเกินไป อันหลังนี่คงต้องไปดูหนังสายดราม่าจัดเต็มอะไรงั้น ซึ่งต้องใช้พลังกายพลังใจในการดูแต่ละครั้งสูงมาก บางทีเราก็อยากรีแลกซ์ด้วย แต่ก็ไม่ได้อยากดูอะไรเบาๆ กลวงๆ ไปหมดอย่างนั้น (อาจจะเพราะแก่แล้วอย่างว่า-555)