" ปั่ น หั ก ดิ บ "

“หักดิบ” คงเป็นการเลิกจากการเสพติดอะไรซักอย่าง
ผมเสพติด “ความขี้เกียจ” โทษโน้นโทษนี่...  ไม่ได้ปั่นจักรยานนานมากแล้ว
ไม่ได้ออกทริปปั่นจักรยานตั้งแต่กลับจากไปปั่นที่สวิสฯ จวนจะครบปี

อาทิตย์ก่อนกลับจากไปทำงานที่พิษณุโลก ตัดสินใจหักดิบปั่นจักรยานกลับบ้าน
มีเวลา 3 วัน น่าจะถึง...

เลือกไปทาง อ.จอมทอง – อ.ฮอด – อ.แม่สะเรียง – อ.ขุนยวม – แม่ฮ่องสอน
เหตุผลก็เพราะมีเวลาสามวัน ทางไม่ชันมากนัก ได้ระยะทางดี ประมาณ 360 กม.

ที่ไม่ไปทางแม่แจ่มก็เพราะชัน และทางบางช่วงก็กำลังปรับปรุง แถมร้อนมากช่วงแม่นาจร-ปางอุ๋ง  
แล้วรถยนต์ก็วิ่งน้อย  ผิดพลาดอะไรไปจบไม่สวย หุหุ

ส่วนทางปาย 236 กม. ชันๆหนักๆ สองวันมันจะถึงบ้านเร็วไปหน่อย
รถคนรู้จักเยอะ หมดแรงหมดใจเดี๋ยวก็ได้โปกรถกลับบ้านแน่นอน

วันแรก >>>
เริ่มด้วยข้าวเหนียวหมูปิ้งของหนุ่มอีสานแต่ดันมาตกหลุมรักสาวอมก๋อย
ก็เลยต้องมาเป็นหนุ่มอาร์ทติสแนวๆ จอดรถโฟล์คตู้คลาสสิคขายอยู่หน้าศูนย์วัฒนธรรมเชียงใหม่ อร่อยครับ
เม่าขายหมู

ปั่นเรื่อยๆครับ ทางราบๆยังไม่มีดอยให้ไต่
เอาให้พอดี เบาไปก็เพิ่ม หนักไปก็ลด ใช้ความรู้สึกของหัวใจ ไม่มีวิชาการ เพราะไม่รู้เรื่อง ฮ่าๆ  
ปั่นยาวๆไปพักเติมคาเฟอินที่ร้านกาแฟอินทนนท์ แถมน้ำชาในราคาซาวห้าบาท
ถูกและอร่อยแบบหาที่ไหนไม่ได้แล้ว  สถานที่ก็ดี แนะนำครับ...

เยี่ยม

ถึง อ.ฮอด ก่อนเที่ยงตามแผนฯ
หาของใส่ท้องก่อน คิดอะไรไม่ออกก็สั่งข้าวผัดไข่ดาว
เดินเข้าเจ็ดสิบเอ็ดตุนน้ำหนึ่งลิตรกับเสบียงไปต่อครับ
เลาะทวนน้ำแจ่มขึ้นไป วันนี้ไม่ค่อยร้อน หรือว่าตื่นเต้นที่ได้ปั่น ฮ่าๆ
ถึง “ออบหลวง” ยังไม่ยอมหยุด ค่อยๆไต่ดอยไปตามจังหวะของลมหายใจ

ไปหมดแรงที่บ้านกองลอย  พักนานครับ...
กินทุกอย่างที่เตรียมไป ทั้งกล้วยตาก-ขนมและน้ำผลไม้ เพื่อลดน้ำหนักที่ต้องแบกขึ้นดอย
เดินยืดกล้ามเนื้อไปฉี่  เดินถ่ายรูปทางขึ้นโรงเรียน ฯลฯ
แล้วก็ไปต่อ >>> เป้าหมายวันนี้ที่บ้านแม่เหาะ
อัศวินเหงื่อตก

ถึงศาลพระศรีสองเมือง แสงอาทิตย์ก็ไกล้หมด แต่แรงผมไม่เหลือแล้ว!!!
ถามรถกระบะชาวบ้านที่จอดแถวนั้น หวังว่าจะติดรถไปแม่เหาะ
“คนขับไปนั่งกินเหล้ากับเพื่อนอยู่  ไม่รู้จะไปต่อเมื่อไหร่?
ปั่นขึ้นดอยไปอีก 3 กิโล ก็ถึงด่านห้วยกุ้ง แล้วก็ลงแล้ว......”

ก้มหน้าไปต่อ ขึ้นอีกแค่สามกิโล ก็เป็นทางลงแล้ว มันจะซักแค่ไหนวะ  “*#$55ถถถถถ55&?*”

ถึงด่านห้วยกุ้ง ยังพอมองเห็นทาง รีบใส่เสื้อกันลมหนาว เปิดไฟท้ายแล้วดิ่งลงอย่างรวดเร็ว
ดิ่งลงไม่นานก็เจอเนินขึ้นยาวๆๆก่อนถึงบ้านแม่ลาย ได้แค่ครึ่งเนินก็ต้องหาไฟฉายในกระเป๋า
มันมองไม่เห็นทางแล้วครับ....

นี่ถ้านอนอยู่บ้านคงไม่ได้ประสบการณ์อย่างนี้  
ปั่นกลางคืน  อยู่คนเดียวกลางดอย มืดๆ เงียบๆ
บางครั้งก็มีรถยนต์ผ่านไปผ่านมาเป็นเพื่อน  
กดแตรทักทาย  
ยกไฟสูงไฟต่ำถาม ???
หอบหายใจแฮ่กๆๆๆ อยู่กับลมหายใจและความคิดตัวเอง ฮ่าๆ

แล้วเสียงกริ่งโทรศัพท์ก็ดังขึ้น กริ๊งๆๆๆๆๆ กริ๊งๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  กริ๊งๆๆๆๆๆๆ

...  คุณภรรยาโทร.มา
ถึงไหนแล้ว  ถึงที่พักหรือยัง ฯฯฯฯฯฯฯฯ
ฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯ

ถึงแล้ว ...  กำลังเดินหาที่พัก  ไม่ต้องเป็นห่วง  เดี๋ยวจะหาข้าวกินก่อน  หิวๆๆๆๆๆ

“บางครั้งการโกหกก็ทำให้โลกน่าอยู่ขึ้น ........”

ผมถึงบ้านแม่เหาะสองทุ่มกว่า  ยังดีที่ “เกสเฮาส์” ยังไม่ปิด
สาวน้อยเจ้าของเกสเฮาส์บอกว่าเจอผมปั่นขึ้นดอยตอนบ่ายสามโมงกว่าๆ
ไม่ได้จอดรถถาม เพราะนักปั่นทัวร์ริ่งส่วนใหญ่จะไม่ยอมขึ้นรถ หุหุ

ใช่ครับ...  ถ้าบ่ายสามกว่าๆ ไม่ขึ้นรถแน่  แต่ถ้ามืดๆ มองไม่เห็นทางแล้วผมกระโดดขึ้นแน่นอน
ผมไม่ใช่สายโหด  แค่ตกกระไดพลอยโจน มันจำเป็น  มาแล้วต้องต่อให้รอด
มื้อค่ำคืนนี้ได้โจ๊กคัพรองท้อง  ปั่นไปร้านอาหารไม่ไหวแล้วครับ

********************************

วันสอง >>>
เช้านี้อากาศเย็น หมอกบางๆ รองท้องด้วยกาแฟ 3>1 ไปสองซอง  โอวันตินซองอีก 1
ถ่ายรูปที่พักมาฝากคุณภรรยาให้รู้ว่าสามีไม่ได้มาลำบาก
ปั่นสบาย  กินอิ่ม  นอนอุ่น  ...  ทริปหน้าจะได้อนุมัติง่ายๆ
คิดถึงนะ
พาพันปั่นจักรยาน

จ่ายค่านอน อาบน้ำร้อน พร้อมเครื่องดื่มไป 450.-บาท
ไหลผ่านอากาศเย็นๆลงไปอำเภอแม่สะเรียง 18 กม.

พาพันรีบ

พาพันขอบคุณ
ดอกไม้

เติมมื้อเช้าด้วยข้าวมันไก่ข้างทางกับน้ำซุปอีกสองถ้วย
แล้วไปหาจุดหมายวันที่สอง อำเภอขุนยวม

พาพันชอบ ออกจากแม่สะเรียงแล้วครับ

พาพันอยากรู้ เช้าๆ ไม่ต้องรีบครับ ไปเรื่อยๆ  

ระยะทาง 118 กม. จากบ้านแม่เหาะไปขุนยวม
มันคงไม่หนักเท่าวันแรก 175 กม.
ซึ่งผ่านมาแล้ว   ทุ รั ก ทุ เ ล ...
แต่เพื่อความไม่ประมาท  เพราะเพิ่งผ่านบทเรียนมาเมื่อวาน
มีสมาธิในการปั่นมากขึ้น
“หนักให้ปลด  เบาให้เติม  ปั่นตามกำลัง  กินบ่อยๆ  ฉี่เมื่อปวด หุหุ”

วันนี้ทำระยะได้ดี แม้นจะร้อนกว่าเมื่อวาน
เติมมื้อเที่ยงที่บ้านแม่ลาหลวง
ข้าวราดแกงร้านริมทาง กินไม่หมด จ่ายไปซาวห้าบาท
บ่ายโมงตรงล้อหมุนไปต่อ อีก 40 กม. ถึงขุนยวม
ต้องถึงก่อนอาทิตย์ตกดิน ฮ่าๆ

แวะพักขาที่แยกแม่โถหนึ่งงีบ ลมเย็น สบายครับ เผื่อหลับไป

ถึงเมืองปอน ก็แวะเยี่ยมเพื่อนพนักงานที่เข้าร่วมโครงการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนด
เออร์ลี่ รีไทร์ มาเป็นเกษตรกรได้ 11 ปีแล้ว สุขสบายดี
แกมีที่ดินหลายแปลง ขายไปบ้างเพราะทำไม่ไหว
วันนี้ก็ขายไปอีก ได้เงินมาล้านกว่าๆ
ทักทายเสร็จก็ต้องไปต่อ คุยนานไม่ได้เพราะแกเมา หุหุ

ออกแรงอีกเนินเดียวก็ถึงขุนยวม
พักที่ PEA House ฟรีครับ...

*****************************


วันสาม >>>
วันนี้สบายครับ เหลือแค่ 67 กม.
มื้อเช้าก็ไข่ลวก  กาแฟ  ข้าวผัด แวะถ่ายรูป โม้ไปเรื่อย
กว่าจะออกจากขุนยวมได้แดดก็ไล่มาเต็มหลัง

เพี้ยนกินมาม่า ตลาดสายหยุด  เช้าๆมีแต่แม่ค้าแม่ขาย....

เม่าผิงไฟ แวะโม้...หากาแฟ+ไข่ลวก รอบกองไฟแบบชาวบ้านๆ

เม่าฝึกจิต

นานาเยี่ยม

อยากไป ขุนยวมยามเช้าๆ ชีวิตช้าๆ ที่หลายคนถามถึง

วิ่งไปซบอก ตรงไปแม่ฮ่องสอน...


miniheart ไม่ต้องรีบครับ 67 โล ไม่เกินครึ่งวัน

ดอกไม้ ทางตรงนิดๆ ช่วงออกจากขุนยวม

นานาจักรยาน ตูบน้อย ทุ่งนา วัดวาอาราม ณ บ้านแม่สุริน

อย่าเยอะ ทางโค้งน้อยๆ ช่วงออกจากบ้านห้วยโป่ง

พาพันเคลิ้ม มาเติมคาเฟอินที่ดอยช้างโคตรอร่อยที่บ้านห้วยโป่งกาน

พาพันไม่สบาย สีสันที่บ้านป่าเมืองดอย

เป็นห่วงนะ ดอกไม้สีทอง...บนชิงช้าเทียมเมฆ

อัศวินขี่ม้าขาว มีเจ้าของแล้วเน้อ...

ถึงผาบ่องก็เที่ยง  หาข้าวหมูแดงข้างทางใส่ท้อง
แวะเยี่ยมเพื่อน “ไม่ใหญ่ ณ.ผ่าบ่อง” กิจการไปได้ดี
ออกรถเวสป้าสีขาวมุกใหม่ๆ กำลังเห่อ ขี่แล้วก็เช็ดๆๆๆ
มันบอกสั่งไปตั้งสองปีกว่าจะได้
ฝันจะได้เป็นเจ้าของตั้งแต่หนุ่มๆ  
กว่าจะได้ขี่ก็แก่แล้ว  ยังดีที่ได้ขี่ !!!

แวะหา “หนุ่มน้อย ณ.ฮ่องสอน” อดีตนักวิชาการเกษตร
นี่ก็เออร์ลี่ รีไทร์ มาทำสวนผสมผสานแบบพอเพียงของตัวเอง
ทำเท่าที่ทำได้  ที่เหลือฝากฟ้าฝากฝน... ผลผลิตก็ตามนั้น
“กูมีเงินบำนาญอยู่โว้ย... ฮ่าๆๆ” มันว่าอย่างนั้น

Facepalm สวนฮ่องสอน...วิถีแห่งความสุขและพอเพียง

บ่ายสองถึงเมืองแม่ฮ่องสอน

ขอบคุณที่ตามมาถึงบ้านนะครับ

ร่ำลาด้วยภาพนี้ครับ...
เพื่อนฝรั่งระดับ Pro เจอกันที่ห้วยหยวก จะปั่นเข้าแม่ฮ่องสอนเหมือนกัน
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่