ศูนย์บริการ Samsung สาขาสีลม ชาร์ทค่ารูดบัตร 3% จากค่าสินค้าและบริการ ผิดระเบียบของ Visa รึเปล่าครับ

สอบถามหน่อยครับ กรณีร้านจะคิดค่ารูดบัตร 3% เราทำอะไรได้บ้างไหมครับ เพราะเคยได้ยินว่า Visa หรือ Mastercard ไม่อนุญาติให้ร้านเรียกเก็บค่ารูดบัตรกับลูกค้า

ร้านที่เจอคือ ศูนย์บริการ Samsung สาขาสีลม ซึ่งเป็นร้านแบรนด์ด้วย ไม่ใช่ร้านโนเนม เพื่อนผมเคยไปใช้บริการที่ ศูนย์ Samsung สาขาเดอะมอลล์บางกะปิ ก็ไม่เห็นมีคิดค่ารูดบัตร

ตอนนี้ยังไม่ได้จ่ายนะครับ นัดรับเครื่องตอนเที่ยง เลยมาศึกษาหาข้อมูลก่อน
แก้ไขข้อความเมื่อ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 11
Update นะครับ ผมไปรับเครื่องที่ส่งซ่อมมาแล้ว จ่ายด้วยบัตรเครดิต และไม่ต้องจ่ายค่ารูดบัตรครับ ยืนยันว่าเราสามารถปฏิเสธการคิดค่าธรรมเนียมจากการรูดบัตรเครดิตได้ โดยผมได้สอบถาม 2 แบงค์ คือ ธ.กรุงเทพซึ่งเป็นเจ้าของเครื่องรูดบัตรในร้านนี้ และ ธ. UOB ซึ่งเป็นบัตรเครดิตใบที่ผมนำไปรูด ทั้ง 2 ที่ตอบตรงกันครับ ว่าร้านเรียกเก็บจากลูกค้าไม่ได้


เหตุการณ์อย่างละเอียด

หลังจากสอบถามไปทาง Samsung เมื่อช่วงเช้า Samsung ได้ให้ฝ่ายบัญชีของบ. SY Thai สาขาสีลม ติดต่อกลับมา
โดยบ.นี้ แสดงตัวว่าเป็น Dealer ของ Samsung ในการบริหารศูนย์บริการลูกค้าของสาขาสีลมให้ Samsung อีกที
(ความสำคัญของ Samsung หมดแค่นี้เลยครับสำหรับวันนี้ ไม่ได้ช่วยอะไรเลยครับ น่าผิดหวังมาก)

จนท.ฝ่ายบัญชียืนยันว่าเป็นระเบียบของบ.ที่สามารถเรียกเก็บทุกคนที่ชำระค่าสินค้าด้วยบัตรเครดิตได้
ถึงแม้ว่าผมจะแย้งด้วยคำให้สัมภาษณ์ของผู้บริหารแบงค์กรุงศรีในคห.ที่ 3 ว่าร้านห้ามคิดค่ารูดบัตรเครดิตกับลูกค้า
ผมจึงสอบถามจนท.ว่าเครื่องรูดของร้านเป็นของแบงค์ไหน จนท.แจ้งว่าแบงค์กรุงเทพ

ผมจึงติดต่อแบงค์กรุงเทพไป จริงๆ Call Center ปกติจะไม่ทราบข้อมูลพวกนี้ครับ
จนท. Call Center จึงให้เบอร์ติดต่อฝ่ายดูแลเครื่องรูดบัตรมา
ผมโทรไป พนักงานยืนยันว่าร้านไม่ควรเก็บค่ารูดบัตร ผมจึงถามว่าแล้วผมต้องทำยังไงในเมื่อร้านยืนยันจะเก็บ
จนท.แบงค์กรุงเทพให้แจ้งร้านไปว่าไม่ยินดีที่จะจ่ายค่าธรรมเนียมการรูดนี้  
แต่หากยังมีปัญหาให้โทรเข้ามา Call Center ของแบงค์ใหม่

ตอนเที่ยงผมไปที่ศูนย์ Samsung อีกรอบเพื่อรับของและจ่ายค่าบริการ
โดยแจ้งกับจนท.หน้าเคาเตอร์ว่าจะจ่ายด้วยบัตรเครดิตและไม่ยินดีที่เสียค่าธรรมเนียม 3%
จนท.ให้รอเพื่อให้พนักงานฝ่ายบัญชีโทรมา โดยเป็นพนักงานบัญชีจากสนง.ใหญ่ของบ.SY Thai
พนักงานยังยืนยันเหมือนเดิมว่าร้านสามารถเรียกเก็บได้
ผมแจ้งไปว่าคุยกับฝ่ายเครื่องรูดของแบงค์กรุงเทพแล้วจนท.แบงค์กรุงเทพยืนยันว่าไม่ให้ร้านเรียกเก็บกับลูกค้า
แต่ร้านก็ยังไม่ยอมนะครับ อ้างว่าคุยกับจนท.แบงค์แล้วเหมือนกันยืนยันว่าต้องเก็บ

สุดท้ายผมโทรไปฝ่ายเครื่องรูดของแบงค์กรุงเทพอีกรอบ ได้คุยกับหัวหน้าของฝ่ายดูแลเครื่องรูด
พนักงานแบงค์ยอมโทรไปคุยกับฝ่ายบัญชีของ SY Thai ให้
จนช่วงเย็นร้านโทรแจ้งว่ายินดีที่จะไม่เก็บค่ารูดบัตร 3% กับผม

สรุป

ถ้ามีปัญหาจากการที่ร้านจะชาร์ทค่าบริการ 3% แนะนำให้แจ้งพนักงานไปก่อนว่าไม่ยินดีที่จะจ่าย
และร้านไม่สามารถเรียกเก็บค่าธรรมเนียมนี้จากลูกค้าได้ หากพนักงานยังไม่ยอมก็ให้ดูว่าเครื่องรูดเป็นของแบงค์ไหน
แล้วโทรแจ้งฝ่ายดูแลเครื่องรูดของแบงค์นั้นครับ

ผมเข้าใจนะครับว่าการใช้เครื่องรูดบัตรเครดิตมีต้นทุน แต่การจ่ายเงินสดก็มีต้นทุนเช่นกัน
เช่น การเก็บรักษา ค่าความเสี่ยงจากการดูแลรักษาเงิน การทอนเงินผิดพลาด ความปลอดภัย
เงินสดไม่สามารถวางทิ้งไว้อยู่กลางร้านได้ เมื่อสิ้นวันเงินมันก็เดินไปฝากแบงค์เองไม่ได้
มันต้องจ้างคนมาทำทั้งนั้นแหล่ะ คือไม่จะจ่ายช่องทางไหน ร้านก็ต้องแบกต้นทุนทั้งนั้น
ต้นทุนนี้มันก็ควรจะรวมอยู่ในต้นทุนขายของร้าน เป็นหน้าที่ที่ร้านต้องรับผิดชอบ
แล้วร้านอย่างศูนย์บริการ Samsung สาขากลางเมือง และมีสาขาอื่นๆ อีกตั้งหลายสาขา ลูกค้าเป็นหลักร้อยต่อวัน
จริงๆ ผมไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าร้านถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากแบงค์ 3% ซึ่งเข้าใจว่าเป็นอัตราสูงสุด
แต่ร้านกลับผลักภาระมาให้ลูกค้า ในอัตราที่สูงที่สุดที่เป็นไปได้  

หรือถ้าให้แนะนำกันจริงๆ ก็ควรหลีกเลี่ยงศูนย์ Samsung ที่บริหารโดยบ. SY Thai นี้นะครับ มีอยู่ 6 สาขา

สำหรับ Samsumg ผมยังรอคำชี้แจงนะครับ คุณจะจัดการยังไงกับกรณีนี้
ในเมื่อ Dealer อีกหลายเจ้าไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากการรูดบัตรเครดิต
คุณจะยังปล่อยให้ Dealer เจ้าใหญ่ของคุณผลักภาระโดยมาเอาเปรียบลูกค้าของคุณอยู่แบบนี้เหรอครับ
ร้านนี้ป้ายหน้าร้านก็ติดชื่อว่า Samsung นะครับ คุณต้องรับผิดชอบครับ


ความคิดเห็นที่ 15
กล้าฟันธงเลย ร้านได้เรทค่าธรรมเนียม  Visa/MasterCard มาไม่ถึง 3% แน่นอนครับ และไม่มีรัานค้าไหนในประเทศไทยที่ได้เรท 3% สำหรับบัตร Visa/MasterCard ไม่ว่าจะใช้เครื่องรูดบัตรจากธนาคารใดก็ตาม การชาร์จ 3% นั้น ถือว่าร้านค้าเอากำไรจากการคิดค่าธรรมเนียมตรงนี้ด้วย ถือว่าแย่มาก
ร้านค้าไหนทำแบบนี้ ผมจะไม่ใช้บริการทันที เพราะแสดงความไม่จริงใจและจงใจเอาเปรียบลูกค้าอย่างชัดเจน
การรับชำระเงินด้วยบัตรเครดิต ถือเป็นการส่งเสริมให้เกิดการซื้อขายได้ง่ายขึ้น ช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจและ ดึงเงินออกจากกระเป๋าลูกค้าได้เร็วขึ้น เป็นผลดีกับร้านค้าเองด้วยซ้ำ แต่ร้านค้าที่เห็นแก่ตัวจะมองว่า การรับชำระเงินด้วยบัตรถือเป็นบริการอย่างหนึ่ง ที่ร้านค้านำให้บริการและเป็นภาระของลูกค้าจะต้องชำระค่าบริการจากการชำระเงินด้วยบัตรนี้
ถ้าคิดแบบนี้ แน่จริงก็รับเฉพาะเงินสดสิ สินค้าราคาเป็นพัน เป็นหมื่น แต่รับเฉพาะเงินสด ใครเขาจะซื้อ?
มาว่ากันเรื่องกฎ จริงๆแล้วการที่ร้านค้าชาร์จค่ารูดบัตร ถือว่าผิดกฎของ Visa/MasterCard แน่นอน แต่......กฎเกณฑ์เหล่านี้ไม่ใช่กฎหมาย จะเอาอะไรมาบังคับไม่ได้ ขึ้นอยู่กับการตกลงกัน Visa/MasterCard เองก็หย่อนยาน หลายครั้งที่กลืนน้ำลายตัวเอง เลือกที่จะรักษาเงิน มากกว่ารักษากฎ ดูกรณีการจ่ายค่าตั๋วเครื่องบินด้วยบัตร Visa/MasterCard สิ หลายสายการบินชาร์จค่าธรรมเนียมเพิ่มด้วย แต่ Visa/MasterCard ก็ไม่กล้าแตะ เพราะเงินมันอุดปากอยู่ เมื่อหวังเพิ่งพวกฝรั่งมันไม่ได้ ก็อย่าไปใช้ระบบของมัน
เราคนไทยเองก็ต้องช่วยกัน สร้างระบบชำระเงินขึ้นมาเอง พร้อมเพย์ QR payment นี่ก็เป็นสิ่งที่รัฐบาลกำลังสนับสนุนอยู่ ถ้าคนไทยใช้กันเยอะขึ้น ไม่แน่มันอาจมีกฎหมายที่เข้มงวดกับร้านค้า ในการชำระเงินในรูปแบบดิจิตอลก็ได้ครับ
ความคิดเห็นที่ 22
ราคาตู้กดน้ำในต่างประเทศขายราคาปกติครับ หรือบางตู้ก็ถูกกว่าในร้านสะดวกซื้อด้วยซ้ำครับ

ส่วนร้านสะดวกซื้อในไทยแบรนด์รองๆ Family Mart, Lawson รับบัตรเครดิตครับ ขายราคาเท่ากับใน 7-11 นี่แหล่ะ

ส่วนเงินคืนจากบัตร 3% 10% มันเป็นงบการตลาดที่ออกมาเพื่อกระตุ้นให้ลูกค้ามาใช้ห้างตัวเองครับ ห้างได้ประโยชน์ บัตรก็ได้ประโยชน์ ลูกค้าก็ได้ประโยชน์ การซื้อขายก็เกิด ซื้อง่ายขายคล่อง

ส่วนจะมาด่าว่าผมเห็นแก่ประโยชน์ตัวเอง ผมแย้งอย่างนี้นะครับ ผมปกป้องสิทธิ์ของตัวเองครับ ร้านมีสัญญาตั้งแต่แรกกับธ.เจ้าของเครื่องรูดแล้วว่าห้ามผลักภาระให้ลูกค้า ผมแจ้งธ.เจ้าของเครื่องรูดว่าร้านทำผิด ก็เป็นการรักษาสิทธิ์ของผมครับ รวมถึงอยากสนับสนุนให้คนไทยหันมารักษาสิทธิ์ของตัวเองกันให้มากขึ้นด้วย ถ้าคุณไม่คิดที่จะรักษาสิทธิ์ตัวเอง และเป็นห่วงกลัวว่าบ.เอกชนที่มีสาขาตั้งอยู่ใจกลางเมือง และสาขาตามหัวเมืองอีก 5-6 สาขา จะเจ๊งเพราะทำตามระเบียบของธนาคาร มองว่าผมไปเอาเปรียบร้าน ไม่เห็นใจร้าน เราก็คนละมุมมองแล้วครับ เอาที่สบายใจเลยครับ
ความคิดเห็นที่ 28
คือผมพยายามทำความเข้าใจคห.ที่แตกต่างนะครับ แต่อ่านคห.ที่ 23 แล้วติดใจ อดไม่ได้ที่จะต้องตอบ

"จ่ายผ่านค่าสินค้าที่บวกแพงขึ้น โดยเราไม่เห็นแยกออกมา แต่ทำให้สินค้าแพงขึ้น คนจ่ายเงินสด จ่ายแพงโดยไม่ได้อะไรเพิ่ม ส่วนร้านค้าได้กำไรเพิ่มจากลูกค้าเงินสดฟรีๆ"

คุณกำลังมองว่าคนจ่ายบัตรเครดิตทำให้ต้นทุนร้านเพิ่มขึ้น และคนจ่ายเงินสดต้องมารับภาระ  ซึ่งผมขอแย้งนะครับ การที่คุณจ่ายเงินสดให้กับร้าน ไม่ใช่ว่าร้านไม่มีต้นทุนนะครับ เพราะเงินสดมันมีค่า ร้านก็ต้องหาที่เก็บ  ต้องหาคนเฝ้า บางทีจุดที่เก็บเงินเยอะร้านก็ต้องติดกล้องวงจรปิด เมื่อเกิดการซื้อขาย ขั้นตอนการรับเงินทอนเงิน ก็มีโอกาสผิดพลาด  เงินทอนร้านก็ต้องจัดเตรียม ถ้าคุณไปหน้าแบงต์ตอนเช้าๆ คุณจะเห็นเหล่าบบรรดาพนักงานร้านมาต่อคิวกันเพื่อขอแลกเศษเงินเพื่อเตรียมไว้ทอนลูกค้า

เมื่อครบวัน ร้านต้องปิดยอด ก็ต้องมีการนับเงินสด เพื่อเช็คให้ตรงกับยอดขายในระบบ ถ้าเงินสดกับยอดในระบบไม่ตรงก็ต้องหาว่าทำไมไม่ตรง มีการทุจริตรึเปล่า สุดท้ายเงินสดทั้งหมดก็ต้องถูกนำไปหาที่เก็บ จะเข้าแบงค์หรือเก็บที่ตู้เซฟในร้านก็แล้วแต่

จะเห็นว่าตัวอย่างปกติทั่วไปที่ยกมา มันมีค่าใช้จ่ายทุกขั้นตอนครับ ไม่ว่าจะเป็น ค่าแรงพนักงาน ค่าอุปกรณ์  แต่กลับกันกรณีที่คุณชำระด้วยบัตรเครดิต คุณลงทุนระบบตอนแรก หลังจากนั้นก็จ่ายเป็นค่าธรรมเนียมไป แต่คุณไม่ต้อพะวงว่าเงินจะหายไหม พนักงานจะทอนเงินผิดมั้ย ปิดยอดวันก็ไม่ต้องมานั่งนับเงินสด กดคลิ๊กทีเดียวก็รู้แล้วว่ายอดเท่าไหร่  ระยะยาวยังไงก็ดีกว่าครับ ยิ่งถ้าสนับสนุนให้ลูกค้าใช้บัตรกันเยอะ ร้านยิ่งได้ประโยชน์ครับ

สุดท้ายผมยังอยากสรุปว่า การชำระเงินไม่ว่าจะช่องทางไหน ร้านก็มีต้นทุนด้วยกันทั้งนั้น แต่เป็นหน้าที่ของร้านที่ต้องรับผิดชอบครับ ไม่ใช่มาผลักภาระให้ลูกค้า และคนจ่ายเงินสดก็ไม่ได้เป็นคนซัพพอตค่าสินค้าแทนคนจ่ายบัตรเครดิตหรอกครับ
ความคิดเห็นที่ 3
เผื่อเป็นข้อมูลเพิ่มเติมครับ

http://m.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1487047328

แต่จริง ๆ แล้ว มีอีกหลายคนที่ไม่รู้ว่า "ร้านค้าไม่มีสิทธิ์" เรียกค่าธรรมเนียมในการรูดบัตรเพื่อซื้อสินค้าได้ !! ซึ่งถือเป็นระเบียบข้อบังคับของวีซ่า มาสเตอร์การ์ดที่กำหนดไว้เพื่อให้ร้านค้าทำความเข้าใจ ก่อนที่จะติดตั้ง EDC แล้ว "ฐากร ปิยะพันธ์" ประธานกรรมการกรุงศรี คอนซูมเมอร์ และผู้บริหารสายงานดิจิทัลแบงกิ้งและนวัตกรรม ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ยืนยันให้ฟังถึงระเบียบข้อบังคับนี้ ดังนั้นหากพบว่า ร้านค้าที่ติดตั้ง EDC ทำผิดกฎ หรือชาร์จค่าธรรมเนียมกับผู้บริโภค ธนาคารสามารถยึดเครื่อง EDC คืนได้ทันที

"ที่ผ่านมาก็อยู่ภายใต้ระเบียบนี้ ซึ่งระบุว่าร้านค้าที่ติดตั้ง EDC ห้ามชาร์จค่าธรรมเนียมกับผู้บริโภค เพราะร้านค้าได้บวกกำไรจากสินค้าที่ขายไปแล้ว หากเจอชาร์จ ฟ้องกลับได้ทันที โดยให้ดูว่าเครื่องEDC เป็นของธนาคารอะไร ร้านอยู่พิกัดไหน และแจ้งกลับมายังธนาคาร และธนาคารจะประสานงานไปยังวีซ่าฯ หากพบว่าร้านค้าผิดจริง จะทำการยึดเครื่องทันที" นายฐากรกล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่