+ + + [กระทู้คลายเครียดจากเรื่องมาม่า] เพราะชีวิตคือการเดินทาง ..... (Pechnamnil) + + +

กระทู้คำถาม

ขอบคุณเจ้าของรูป : น้องจัสมิน


เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ดิฉันได้รับคำสั่งจากผู้บริหารให้เป็นตัวแทนไปงานศพที่ต่างจังหวัด ซึ่งบ้านงานอยูในหมู่บ้านในอำเภอแห่งหนึ่ง เจ้าภาพตั้งศพไว้ที่บ้านกำหนดเวลาสวดอภิธรรม 2 ทุ่มเป็นเวลา 5 วัน

เมื่อได้รับคำสั่ง ดิฉันก็เตรียมตัวออกเดินทางตั้งแต่กลางวัน ไปถึงตัวจังหวัดก็เข้าเชคอินที่โรงแรมแล้วก็นั่งทานขนมในร้านกาแฟเพื่อรอเวลาออกเดินทางไปบ้านงาน กะว่า บ้านงานคงหาไม่ยากและคงจะไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก และก็คงจะมีแขกไปร่วมแสดงความไว้อาลัยเป็นจำนวนมาก เพราะเจ้าภาพเป็นผู้ที่มีฐานะดีและมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกว้างขวางของตำบล  ดิฉันคงมีเพื่อนร่วมเส้นทางไปเยอะแยะแน่นอนไม่ต้องห่วง คิดแบบนี้ดิฉันก็นั่งทานขนมอย่างไม่เร่งรีบอะไร คิดว่าถ้ารีบไปกลัวจะถึงเร็ว และตัวเองไปคนเดียวก็จะนั่งเก้อเขินซะเปล่าๆ เพราะไปในนามบริษัทฯไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวกับเจ้าภาพ สู้กะเวลาไปถึงให้พอดีกับเวลาสวดอภิธรรมเลยจะดีกว่า

พอได้เวลา 4 โมงเย็นนิดๆดิฉันก็ออกเดินทาง ทีนี้ การเดินทางไปในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย มันไม่หมูอย่างที่คิด ดิฉันหลงทางตั้งกะออกจากตัวเมืองไปเพียง 30 กม.เท่านั้น กว่าจะวกกลับและหาทางไปถูก ก็เป็นเวลาเกือบทุ่ม

ในต่างอำเภอห่างไกล เวลา 6 โมงเย็นกว่าๆก็จะมืดมาก ขอติงนิดหนึ่งเรื่องป้ายบอกทางในต่างอำเภอของประเทศเรานี้ห่วยมาก ยิ่งเป็นอำเภอเล็กๆนี่ ยิ่งไม่มีป้ายบอกทางเลย ถ้าไม่ใช่คนพื้นที่นี่จะไปไม่ถูกเลยค่ะ วันนั้นดิฉันก็เช่นกันหลงทางจนมึน กลับรถแล้วกลับรถอีก แวะถามทางตลอด ทีนี้พอยิ่งขับไป ทางก็ยิ่งมืดลงๆ และเปลี่ยวขึ้นๆ โชคดีที่ดิฉันได้ถามทางจนแน่ใจกับคุณลุงคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่ริมถนนเปลี่ยวๆ ตอนก่อนที่จะมืดสนิท และเป็นคนสุดท้ายที่ดิฉันได้เจอก่อนที่จะไม่มีใครให้ดิฉันได้ถามทางอีกเลย

ดิฉันขับรถมาตามทางเรื่อยๆ อากาศก็เย็นลงเรื่อยๆจนหนาวต้องหรี่แอร์ลงต่ำสุด สองข้างทางมืดสนิทและเปลี่ยวมาก ไม่มีแสงไฟจากหมู่บ้านไหนเลย ไม่มีรถสวนทางมา ไม่มีหมามีแมว หนู หมู เห็ด เป็ด ไก่ วัว ควาย อะไรมาอยู่เป็นเพื่อนให้ดิฉันอุ่นใจเลยซักนิด ใจหนึ่งก็ร้อนรนกลัวจะไปไม่ทันงานเพราะนี่ก็ทุ่มหนึ่งแล้ว อีกใจก็กลัวจะหลงทางแต่ดูแล้วก็ยังอยู่บนเส้นทางตามที่คุณลุงคนนั้นบอก เพราะผ่านจุดสังเกตตามที่คุณลุงบอกมาเป็นระยะๆ ถ้าคุณลุงบอกถูกดิฉันก็ไม่น่าจะหลง

แต่ทำไมมันไกลจัง ดูเหมือนว่ายิ่งขับยิ่งไกลยิ่งขับก็ยิ่งเปลี่ยว เอาไงดี นึกอยากเขกบาลตัวเองแรงๆซักที ว่าทำไมเป็นคนประมาทเรื่องเส้นทางได้ขนาดนี้ โอยจะบ้าตายกลัวจับใจเลย ... จะกลับก็กลัวเพราะมาไกลแล้ว จะไปข้างหน้าก็กลัวเพราะไม่คุ้นเคยเส้นทาง ไม่รู้จะไปถูกไหม เวลาก็ผ่านเลยไปเรื่อยๆ ถ้าเกิดหลงทางแล้วจะไปยังไงต่อ ในโลกที่มืดมิดตอนนี้เหมือนมีดิฉันอยู่เพียงคนเดียว ... เพลงเพลิงบ้าบออะไรที่เปิดดังลั่นอยู่ในรถ มันก็ไม่ได้ช่วยให้ดิฉันรู้สึกกลัวน้อยลงเลย


บนเส้นทางที่เปลี่ยวและมืด


เมื่อทนอยู่กับความเปลี่ยวและมืดมิดบนเส้นทางไม่ไหว ดิฉันก็นึกถึงพ่อแม่ ใช่แล้ว โทรหาพ่อดีกว่าอย่างน้อยก็อุ่นใจเมื่อได้ยินเสียงพ่อแม่ ก็เหมือนมีเค้าอยู่ข้างๆเรา คิดได้ดังนั้นก็คว้าโทรศัพท์มาเปิด แต่เจ้ากรรมมือที่ควานหาปุ่มโทรออก กลับไปโดนรูปกล้อง หน้าจอมือถือก็เลยสะท้อนภาพเส้นทางที่มีแสงไฟหน้ารถทอดยาวเป็นลำ เป็นความสวยงามอีกแบบหนึ่ง ดิฉันก็เลยนึกสนุกถ่ายรูปเล่นซะเลย แก้กลัว (ปกติก็เป็นคนชอบถ่ายรูปถนนอยู่แล้วค่ะ ท่าทางจะโรคจิต อิอิ)

แต่ดิฉันก็ถ่ายรูปเล่นได้แค่ไม่กี่รูป เพราะมันถ่ายไม่ถนัด ขับรถไปก็ถ่ายรูปมืดๆไปนี่นะ เหลือบตามองหน้าปัดนาฬิกาก็เป็นเวลาทุ่มครึ่งแล้ว ถึงไหนแล้ววะเนี่ย ... ทำไมเรายังไม่เจอสิ่งมีชีวิตอย่างอื่นอยู่อีก ละทำไมมันยังไปไม่ถึงซะที โอยอยากจะร้องไห้ ... ในใจก็ได้แต่อธิฐานขอให้คุณพระคุณเจ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง รวมถึงขอโทษไปยังผู้ที่ล่วงลับหากนู๋หลงทางก็ขออภัยที่นู๋ไปไม่ถึงงานและไม่ได้ร่วมไว้อาลัยต่อท่านนะคะ

ตอนที่กำลังพะว้าพะวงว่าจะจัดการยังไงดีกับชีวิตอยู่นั้น ดิฉันก็มองเห็นแสงไฟลิบๆข้างหน้า ก็ดีใจสุดๆค่ะ เพราะคิดว่าเป็นแสงไฟจากรถมอไซด์ของชาวบ้านแน่ๆ คงใกล้ถึงหมู่บ้านแล้ว ก็เลยเร่งรถไปเพื่อจะให้ทันแสงไฟนั้น แต่ไม่ว่าจะขับเร็วแค่ไหน ระยะห่างระหว่างแสงไฟนั้นกับรถก็ยังคงเดิม ทำไมมอไซด์คันนั้นขับเร็วจังเลยหว่า ?

... พอดีมีเสียงติ๊ดๆเตือนว่าแบ็ตใกล้หมดมาจากมือถือ ก็เหลือบไปดูบนเบาะข้างๆ อ้าว! ยังไม่ได้ปิดกล้องนี่นา ก็เลยหยิบขึ้นมาถ่ายรูปเล่นอีกรูปหนึ่ง (ตอนนี้ไม่ค่อยกลัวเพราะมีเพื่อนร่วมทางแล้ว) ถ่ายรูปได้รูปหนึ่งแล้วจึงปิดโหมดกล้องไป พอเงยหน้าขึ้นมาจากทอสับ อ้าว  มอไซด์หายไปแล้ว ขับเร็วจริงๆ

พอไม่เห็นมอไซด์ ดิฉันก็เข้าสู่โหมดทางมืดและเปลี่ยวอีกเช่นเคย จะว่าไปก็ไม่เห็นมีที่ไหนที่จะเป็นทางให้มอไซด์แวะเข้าไปได้  ไม่มีหมู่บ้านหรือทางเลี้ยวที่ไหนเลยนี่นา มอไซด์หายไปไหน ? แต่ก็ช่างเถอะ เหลือเวลาอีกแค่ 20 นาทีก็จะสองทุ่มแล้ว ตั้งใจขับรถดีกว่า คงใกล้จะถึงแล้วล่ะ

ในที่สุดดิฉันก็มาถึงบ้านงานเอาตอน 1 ทุ่ม 55 นาที โอ้โห คนมาร่วมงานเยอะมากค่ะ รถของแขกเหรื่อจอดกันเต็มที่ที่เจ้าภาพจัดไว้อำนวยความสะดวกให้ บ้านเจ้าภาพเป็นบ้านหลังใหญ่สวยงามมาก บริเวณบ้านกว้างขวาง ไฟที่เจ้าภาพจัดประดับไว้สว่างไสวและสวยงาม สมฐานะ

แต่มีสิ่งหนึ่งที่สะกิดใจดิฉันอยู่ตลอดเวลาก็คือ คนมาร่วมงานเยอะขนาดนี้ รถจอดเยอะมากขนาดนี้ ทำไมตอนที่ดิฉันขับรถมากลับไม่เจอรถซักคัน ? แม้แต่รถที่สวนทางกันก็ไม่มี เป็นไปได้ยังไงที่คนเยอะขนาดนี้จะขับรถมาถึงงานได้ตรงเวลาเป๊ะพร้อมๆกัน? ไม่มีใครมาในช่วงเวลาเดียวกับดิฉันเลยเหรอ ?

ดิฉันตั้งใจไว้ว่า ตอนขากลับดิฉันจะเกาะกลุ่มรถคันอื่นออกไปด้วยแน่ๆ จะไม่ยอมกลับคนเดียวตลอดทางอย่างแน่นอน เพราะตอนกลับคงจะประมาณ 3 ทุ่ม และคงจะมืดและเปลี่ยวหนักมาก คิดอย่างนี้แล้ว ดิฉันก็เริ่มผูกมิตรกับพี่คนหนึ่ง เค้ามากับลูกน้องอีก 2 คน พอคุยไปคุยมาพวกเค้ารู้ว่าดิฉันมาคนเดียวก็ได้แต่พูดว่า “จิตใจทำด้วยอะไรถึงได้กล้าขนาดนี้”


เจอแสงไฟคิดว่าเป็นแสงไฟมอไซด์ชาวบ้าน


แล้วเมื่อเวลาเลิกงานมาถึง ดิฉันก็เดินมาที่รถพร้อมกับพวกพี่เค้า พี่เค้าก็บอกว่า

“รถพี่คันนี้นะขับตามกันไปเพราะพี่ก็พักโรงแรมในตัวเมืองเหมือนกัน แล้วเบอร์นู๋เบอร์อะไร เผื่อหลงทางจะได้ติดต่อได้”
ว๊ากกกก ...โทรศัพท์ของดิฉันยังเสียบคาที่ชาร์ตแบ็ตในรถอยู่เลยค่ะ ก็เลยไม่ได้ให้เบอร์พี่เค้าไป แต่ยังไงเสียก็ขับตามกันไปอยู่ดีก็คงไม่หลงหรอก

แต่มันไม่ได้เป็นอย่างที่คุยกันไว้ .... เพราะเมื่อดิฉันเดินไปถึงรถและขับออกไปก่อน เพราะมันมีรถที่จะตามหลังออกมาอีกหลายคัน ทำให้ดิฉันหยุดรถรอพี่เค้าที่ตรงใกล้ๆไม่ได้ ไม่อย่างนั้นก็จะขวางทางรถคันอื่น จึงต้องขับออกมาตามทางเดิมก่อนแล้วค่อยจอดรถรอ แต่เอ๊ะ ! ทำไมรถพี่เค้าไม่ตามออกมาซักที
เปิดไฟกระพริบรออยู่ข้างทางก็ไม่เห็น รถคันอื่นๆก็แซงออกไปเรื่อยๆจนไม่มีรถขับออกมาจากบ้านงานแล้ว ดิฉันเริ่มใจเสีย เพราะมั่นใจแล้วว่ารถพี่คนนั้นต้องแซงหน้าไปแล้วแน่เลย ดิฉันคงมองไม่เห็น ...

สุดท้าย .... ดิฉันก็ต้องกลับออกมาทางเดิมอีกตามลำพัง แต่คราวนี้ ความกลัวของดิฉันเริ่มลดลงเรื่อยๆตามระยะทางที่ขับห่างออกมาที่ทั้งเปลี่ยวและมืด
ต่างกับตอนขามาที่ความกลัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามระยะทาง ดิฉันรู้สึกมั่นใจ ขับรถมาเรื่อยๆไม่เร็วนัก เปิดเพลงฟังและร้องตามเบาๆ ไม่มีความกลัวเลยซักนิด

จนกระทั่งมาเกือบถึงตัวอำเภอ จึงได้เห็นแสงไฟท้ายรถกลุ่มหนึ่งประมาณ 5 -6 คันขับตามกันมา กำลังจะเลี้ยวมาจากทางแยกอีกทางหนึ่ง ... ทางแยกก่อนที่ดิฉันจะขับเลยมาพบคุณลุงคนที่บอกทางให้กับดิฉันตอนขาไป ...

ดิฉันมองดูนาฬิกาก็เป็นเวลา 4 ทุ่มครึ่ง นึกได้ว่าตอนเช็คอินที่โรงแรมยังไม่ได้ขนข้าวของลงจากรถ พอเข้าในตัวอำเภอจอดรถได้ ดิฉันลองโทรเข้าโรงแรมเพื่อขอ cancel ห้อง ปรากฏว่าทางโรงแรมไม่มีปัญหา (ปกติก็พักประจำ) ดิฉันก็เลยตัดสินใจตีรถยาวถึงกรุงเทพฯ ถึงกรุงเทพฯโดยสวัสดิภาพเอาตอนเวลา 01.30 น. จากชัยนาท ...


เมื่อขยายภาพดู ไม่มีมอไซด์ แล้วคือแสงไฟอะไร?



[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่