เนื่องในเดือนแห่งความรัก เลยอยากจะขอรีวิวประสบการณ์การใช้งาน dating apps ให้อ่านกัน รีวิวในมุมมองของ user เพศหญิง เผื่อเป็นประโยชน์ถ้าใครอยากจะลองโหลดมาใช้ อ่านเล่นๆก็ได้ เราไม่ได้เคยลองหลาย app มาก แต่ก็ได้ลองโหลดตัวดังๆมาใช้เปรียบเทียบกันและก็ใช้งานอยู่เป็นเวลานานประมาณนึง ลองอ่านกันดูค่ะ
ป.ล. ทั้งหมดเราใช้ free app นะคะ ไม่เคยจ่ายอัพเป็นพรีเมียมก็เลยจะไม่รู้ฟังชั่นพรีเมียม และพื้นที่การใช้งานของเรามีทั้งในไทยและต่างประเทศ(ยุโรป)แล้วแต่แอพ(เราจะอธิบายไว้ข้างล่าง) เลยอาจจะเทียบกันโดยตรงไม่ได้มาก จะมีพูดถึง 5 แอพ คือ
Tinder
Happn
Lovoo
Badoo
Coffee meets Bagel
1. Tinder 8/10
ระยะเวลาการใช้งาน: 2 ปี, ประมาณ 6 เดือนในไทย และที่เหลือในยุโรป
แอพพื้นฐานยอดนิยมที่สุดเลยก็ว่าได้ เราชอบความง่ายของแอพนี้ที่ไม่ต้องลำบากกรอกข้อมูลหลายอย่าง มีแค่หน้า bio อยากจะใส่ก็ใส่ จะปล่อยว่างก็ได้ เป็นต้นกำเนิดของการ swipe ชอบปัดขวา ไม่ชอบปัดซ้าย ถ้าชอบตรงกันก็จะแมชกันและคุยได้ แต่สามารถส่ง superlike ให้เค้ารู้ว่าเราชอบได้เหมือนกัน ซึ่งฟังชั่นนี้มีจำกัดจำนวนครั้งอยู่ แอพจะมีคนขึ้นมาให้เลือกไม่รู้จบ แต่ถ้าอยู่เมืองเล็กๆมันก็จะขึ้นวนมาให้เลือกยังงั้นแหละ ต่อให้ปัดซ้ายไปแล้ว
ข้อดี: เป็น dating app ใหญ่ที่สุดเลยมีฐาน user กว้างมากกกก คนหล่อๆโปรไฟล์ดีๆก็อยู่ที่นี่ แต่คนที่ดูไม่ค่อยโอก็ปะปนอยู่มากเช่นกัน เรียกว่าปัดซ้ายจนมือหงิกกว่าจะเจอคนน่าปัดขวาซักคน และดีที่เราไม่ค่อยเจอโปรไฟล์ปลอมหรือบอทในทินเดอร์ คือถ้านัดเจอก็จะตรงปก แต่คุยแล้วคลิ๊กเหมือนตอน texting รึป่าวนี่อีกเรื่องนึง (แต่อันนี้ขึ้นกับวิจารณญาณการเลือกปัดด้วยนะคะ ประสบการณ์จะสอนคุณ555) ตอน swipe อยู่เมืองไทยเราจะเซ็งๆไม่ค่อยได้แมช ที่ตปท.เรตติ้งดีกว่ากันมาก ส่วนตัวเราเจอคนที่คุยกันนานๆและแฮปปี้ก็ในแอพนี้แหละ
ข้อเสีย: คนมองหา one night stand หรือ friend with benefit เยอะ แต่ส่วนใหญ่เค้าก็เคลียร์กันตั้งแต่คุยเพราะงั้นถ้าเรารู้ว่าเราต้องการอะไรก็ไม่ต้องห่วงค่ะ ถามกันตรงๆได้ว่ามองหาอะไร ความน่ารำคาญนิดๆของแอพมันคือถ้าอยู่ในเมืองเล็กๆไม่ค่อยมี user หรือคุณกำหนดรัศมีระยะทางไว้สั้นเอง แอพมันจะวนเอาคนที่คุณเคย swipe ไปแล้วกลับขึ้นมาอีก แล้วก็คนแมชแต่ไม่ทักไม่คุยเยอะมากกกกก น่าเบี่ย
2. Happn 8/10
ระยะเวลาการใช้งาน: 1 ปี, ประมาณ 2 เดือนในไทย และที่เหลือในยุโรป
แอพจากฝรั่งเศส มีคอนเซปโรแมนติกว่าเราจะพบรักกับคนที่เดินสวนกัน55555 ตัวแอพจะโชว์ user ที่สวนทางกับเราในระยะ 250 เมตรค่ะ ก็มีความสนุกที่เราจะเจอคนในละแวกบ้าน คนในตึกออฟฟิศ คนที่ขึ้นรถสายเดียวกัน แอพจะนับจำนวนครั้งที่คุณสวนกันด้วย มีความ stalker นิดๆ คอนเซพการแมชก็ประมาณเดียวกันกับ tinder ค่ะ
ข้อดี: เราว่า Happn เป็นแอพที่มีฐาน user มีคุณภาพมากสุดใน 5 แอพที่เราจะรีวิว หนุ่มน่ารักๆหน้าที่การงานดีๆเยอะ และคนไหนไม่ถูกใจคุณก็สามารถกดซ่อนไปได้เลย คุณไม่ต้องเห็นเค้าโผล่ขึ้นมาในหน้าแอพอีก เค้าก็จะไม่เห็นคุณ(undo ได้) และด้วยคอนเซปของมันมันทำให้เปอเซนต์การนัดเจอกันจริงสูงขึ้น เพราะคุณคือคนที่ทำกิจกรรมอะไรซักอย่างในละแวกเดียวกันจริงๆ ไม่มีข้ออ้างเรื่องระยะทาง และนี่คือแอพที่อาจช่วยคุณทำความรู้จักกับ"หนุ่มน่ารักคนนั้น"ที่เจอกันที่นู่นที่นี่ แต่ไม่กล้าเข้าหากันตรงๆได้ ถ้าเค้าก็มีแอพนี้อ่ะนะ เราเจอเดทที่โอเคจาก happn หลายคน
ข้อเสีย: ไม่รู้ user แอพนี้ขี้อายหรืออะไร หาผู้ชายทักก่อนยาก คนแมชแล้วปล่อยทิ้งไม่คุยมีเยอะ แล้วแอพนี้จะไม่ค่อยเวิร์คถ้าคุณทำงานหรืออาศัยอยู่ในย่านที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ส่วนตัวตอนใช้แอพนี้ที่ไทยเราเซ็งจนลบแอพทิ้งเลยอ่ะ 5555 เราทำงานเขตอุตสาหกรรมบ้านก็อยู่ละแวกรอบนอกกรุงเทพ เปิดแอพมามีแต่คนงาน(no offense นะคะ แต่ไม่ใช่แนวที่เราชอบอ่ะ) วันที่สวนกับคนที่น่ารักๆนี่คือวันที่เข้าไปในละแวกสีลม สาธร ไรงี้ เราว่าที่ไทยคนยังอยู่ใน tinder เป็นหลักไม่ค่อยมาแอพนี้กัน แต่พอมาอยู่ตปท.ที่อยู่อยู่ใกล้ city center คนน่ารักเยอะมากเวิร์คมากค่ะ
3. Lovoo 5/10
ระยะเวลาการใช้งาน: 6 เดือนในยุโรป
รู้สึกจะเป็นแอพต้นกำเนิดในเยอรมัน เพราะฉะนั้นจะป๊อปปูล่ากว่าในประเทศที่ใช้ภาษาเยอรมัน คอนเซปที่เป็นจุดขายเด่นเหมือนสองแอพแรกไม่มี ตัวแอพต้องกรอกข้อมูลทั่วไปนิดหน่อยคล้ายๆเวบหาคู่ พวกสถานะ ศาสนา ความเชื่อ สูบบุหรีมั้ย มีลูกมั้ย ไรงี้ แต่เลือกไม่กรอกได้ค่ะ แอพไม่ได้มีคอนเซปเรื่องระยะทางมาพัวพันมากเหมือนสองแอพแรก คุณจะเจอคนที่อยู่ไกลๆแบบอีกฟากของประเทศได้หรือกระทั่งประเทศเพื่อนบ้าน อ้นนี้เราไม่แน่ใจว่าแอพมันคัดกรองด้วยอ่ะไร
ข้อดี: จุดเด่นอย่างนึงของแอพนี้คือมี verified user ที่เราสามารถมั่นใจว่าเป็นคนนั้นจริงๆ ตรงปกแน่นอน โดยแอพมันจะส่งรหัสมาให้แล้วให้เราเขียนรหัสลงกระดาษแล้วเซลฟี่คู่กับกระดาษนั่น แล้วส่งรูปกลับไปให้เค้าค่ะ ส่วนตัวเราเจอคนที่ดีมากๆจากแอพนี้ค่ะ ที่คุยแล้วคลิ๊กและยังคบหากันต่อได้ยาว แต่ถามว่าเราชอบแอพนี้มั้ย ไม่อ่ะ 55555 ที่เรายังไม่ uninstall เพราะเห็นว่าอย่างน้อยเราก็ได้เจอคนนั้นจาก Lovoo เนี่ยแหละ ซึ่งคนนั้นของเรานี่อยู่เมืองที่ไกลออกไปแบบไม่มีทางโผล่มาใน Tinder หรือ Happn ของเราได้แน่นอน ประมาณว่าถ้าไม่ได้แอพนี้คงไม่ได้รู้จักกันอ่ะ แต่ทั้งหมดทั้งมวลเราเจอคนที่โอๆจากแอพนี้แค่ 2-3 คน เป็นแนวเพื่อนไปซะ 2 มีแนว dating คนเดียว
ข้อเสีย: เราว่าฐาน user ไม่ค่อยเริ่ดอ่ะ หาคนที่ดูโอเคยากกกกก และเพราะเป็นแอพที่มาทีหลังด้วยมั้ง user ทั่วไปเค้าใช้ tinder กันหมดแล้วมันเลยมี user ให้เราเลือกน้อยกว่า ข้อเสียหลักอีกอย่างคือเราว่าบอทเยอะ เราไม่เคยเจอบอทที่อื่นมาเจอแอพนี้แหละ ควรแมชแต่ verified user ค่ะสำหรับแอพนี้
4. ฺ Badoo 3/10
ระยะเวลาการใช้งาน: <1 เดือนในยุโรป (ทนไม่ไหว ลบไปอย่างรวดเร็ว55555)
ฟังชั่นการใช้งานเหมือน Lovoo เลยค่ะ มีระบบ verified user เหมือนกันด้วย แต่ใน Badoo เราจะไม่ค่อยเจอคนที่อยู่ไกลออกไปมากๆเหมือนใน Lovoo จะเป็นคนในเมืองเดียวกันหรือใกล้ๆมากกว่า
ข้อดี: ข้อดีเหมือน lovoo คือมี verified user ที่เราสามารถมั่นใจว่าเป็นคนนั้นจริงๆ ตรงปกแน่นอน สามารถ verify โดย facebook เบอร์โทรศัพท์ รูปภาพ ฯลฯ
ข้อเสีย: ฐาน user เราว่าแย่กว่าใน Lovoo อีกค่ะ เราแทบไม่เจอคนที่โปรไฟล์ดีหน่อยหรืออย่างน้อยก็รู้จักเลือกรูปดีๆมาลงแอพเลย เป็น user แนวเซลฟี่ๆถ้าแบบว่าถ้าเป็นเมืองไทยก็คงแนวแว้นๆแนวคนงาน เราว่ามันไม่เวิร์ค ไม่เจอคนที่คุยแล้วโอเลย แต่ก็ยอมรับว่าเราไม่ได้ให้เวลากับการลองมากพอ ไม่ถึง 1 อาทิตย์เราก็ลบไปสำหรับแอพนี้
5. ฺ Coffee meets Bagel 5/10
ระยะเวลาการใช้งาน: 6 เดือนในยุโรป
Concept app นี้น่าสนใจ เค้าจะให้เรากรอกโปรไฟล์แล้วคัดเลือกคู่ที่ความชอบตริงกันส่งมาให้เราวันละ 2-3 คน เราจะกดรับหรือกดไม่รับก็ได้ และถ้าแมชแล้วต้องคุยภายใน 7 วันมั้ง ไม่งั้นแชทจะ expire แมชก็จะหายไป แอพเคลมว่าทำให้เราได้เลือกเดทจากคุณภาพมากกว่าปริมาณ โอกาสพบรักแท้จะสูงกว่า เราสามารถกดชอบคนที่แอพไม่ได้ส่งมาให้ได้ แต่จะต้องใช้คะแนน(ในแอพเรียก coffee beans)ซึ่งแอพจะแจกฟรีมาจำนวนนึง ซึ่งมักจะหมด และแอพก็ขายไอ้ coffee bean นี่แหละ
ข้อดี: ก็ทำให้หาคู่เดทอย่างใจเย็นขึ้นจริงๆ ไม่รีบไม่ร้อน มีเวลาพิจารณา และคนที่แมชมักจะเริ่มคุยกันง่าย เพราะไม่งั้นแมชจะหมดอายุลง แต่คุยแล้วเวิร์คมั้ยก็อีกเรื่องนึง เราว่ามันเหมาะกับคนใจเย็น ค่อยๆคุยค่อยๆสร้างความสัมพันธ์ แต่ส่วนตัวเราแม้จะเจอคนที่คุยแล้วโอเคแต่ก็ไม่ได้นัดเจอใครจริงๆเลย เพราะด้วยช่วงเวลาไม่เป็นใจ และอยู่แมชที่เราถูกใจเป็นคนเมืองใกล้เคียงซะหมด ไม่มีคนอยู่ใกล้ๆเจอง่ายๆเลย ระยะทางมันทำให้ต้องคุยกันจนคลิ๊กมากๆถึงจะยอมถ่อมาเจออ่ะ ซึ่งจุดนี้มองเป็นข้อดีก็ได้ข้อเสียก็ได้ ข้อดีคือเราว่า user แอพนี้ดูหวังหาความสัมพันธ์กันจริงๆ ไม่ใช่แนวนัดเยอ่ะ เพราะถ้าแนวนั้น tinder หรือ happn มีประสิทธิภาพกว่าแน่นอน
ข้อเสีย: ฐาน user ยังเล็กอยู่ user มีคุณภาพนะคะแต่คนใช้มันน้อยอ่ะเนอะ เราอยู่ในเมืองใหญ่พอสมควรบางทีบางวันแอพก็ไม่ส่งคู่มาให้เราเลย บางทีการเดทมันก็สำคัญที่ปริมาณเหมือนกันนะ 5555 user ดูเป็นแนวคนดีแต่ไม่ค่อยฮอทนะ ข้อเสียหลักอีกอย่างคือระบบ coffee bean ของมันนี่แหละ พอเราใช้หมดแล้วไม่ยอมจ่ายเงินซื้อเพิ่มนี่มันทำให้เราทำไรต่อไม่ได้ กดถูกใจใครก็ไม่ได้ แอพก็จะนิ่งไป แม้จะสามารถได้รับ free coffee bean จากบางฟังชั่นในแอพได้ แต่มันทีละน้อยๆ ไม่พอใช้อ่ะค่ะ นี่เป็นสาเหตุนึงที่สุดท้ายเราก็ลบไป และคงเป็นสาเหตุที่ฐาน user เค้าไม่โตซักทีด้วย เพราะมันไม่ completely free เหมือนแอพข้างบนๆ
จบแล้วค่าาา คิดเห็นยังไงมาแลกเปลี่ยนกันนะ เราชอบอ่านบทวิเคราะห์ของแอพพวกนี้ สนุกดี
[CR] รีวิว dating apps ที่เคยใช้ ต้อนรับวันวาเลนไทน์ จากการลองใช้งานในไทยและยุโรป
ป.ล. ทั้งหมดเราใช้ free app นะคะ ไม่เคยจ่ายอัพเป็นพรีเมียมก็เลยจะไม่รู้ฟังชั่นพรีเมียม และพื้นที่การใช้งานของเรามีทั้งในไทยและต่างประเทศ(ยุโรป)แล้วแต่แอพ(เราจะอธิบายไว้ข้างล่าง) เลยอาจจะเทียบกันโดยตรงไม่ได้มาก จะมีพูดถึง 5 แอพ คือ
Tinder
Happn
Lovoo
Badoo
Coffee meets Bagel
1. Tinder 8/10
ระยะเวลาการใช้งาน: 2 ปี, ประมาณ 6 เดือนในไทย และที่เหลือในยุโรป
แอพพื้นฐานยอดนิยมที่สุดเลยก็ว่าได้ เราชอบความง่ายของแอพนี้ที่ไม่ต้องลำบากกรอกข้อมูลหลายอย่าง มีแค่หน้า bio อยากจะใส่ก็ใส่ จะปล่อยว่างก็ได้ เป็นต้นกำเนิดของการ swipe ชอบปัดขวา ไม่ชอบปัดซ้าย ถ้าชอบตรงกันก็จะแมชกันและคุยได้ แต่สามารถส่ง superlike ให้เค้ารู้ว่าเราชอบได้เหมือนกัน ซึ่งฟังชั่นนี้มีจำกัดจำนวนครั้งอยู่ แอพจะมีคนขึ้นมาให้เลือกไม่รู้จบ แต่ถ้าอยู่เมืองเล็กๆมันก็จะขึ้นวนมาให้เลือกยังงั้นแหละ ต่อให้ปัดซ้ายไปแล้ว
ข้อดี: เป็น dating app ใหญ่ที่สุดเลยมีฐาน user กว้างมากกกก คนหล่อๆโปรไฟล์ดีๆก็อยู่ที่นี่ แต่คนที่ดูไม่ค่อยโอก็ปะปนอยู่มากเช่นกัน เรียกว่าปัดซ้ายจนมือหงิกกว่าจะเจอคนน่าปัดขวาซักคน และดีที่เราไม่ค่อยเจอโปรไฟล์ปลอมหรือบอทในทินเดอร์ คือถ้านัดเจอก็จะตรงปก แต่คุยแล้วคลิ๊กเหมือนตอน texting รึป่าวนี่อีกเรื่องนึง (แต่อันนี้ขึ้นกับวิจารณญาณการเลือกปัดด้วยนะคะ ประสบการณ์จะสอนคุณ555) ตอน swipe อยู่เมืองไทยเราจะเซ็งๆไม่ค่อยได้แมช ที่ตปท.เรตติ้งดีกว่ากันมาก ส่วนตัวเราเจอคนที่คุยกันนานๆและแฮปปี้ก็ในแอพนี้แหละ
ข้อเสีย: คนมองหา one night stand หรือ friend with benefit เยอะ แต่ส่วนใหญ่เค้าก็เคลียร์กันตั้งแต่คุยเพราะงั้นถ้าเรารู้ว่าเราต้องการอะไรก็ไม่ต้องห่วงค่ะ ถามกันตรงๆได้ว่ามองหาอะไร ความน่ารำคาญนิดๆของแอพมันคือถ้าอยู่ในเมืองเล็กๆไม่ค่อยมี user หรือคุณกำหนดรัศมีระยะทางไว้สั้นเอง แอพมันจะวนเอาคนที่คุณเคย swipe ไปแล้วกลับขึ้นมาอีก แล้วก็คนแมชแต่ไม่ทักไม่คุยเยอะมากกกกก น่าเบี่ย
2. Happn 8/10
ระยะเวลาการใช้งาน: 1 ปี, ประมาณ 2 เดือนในไทย และที่เหลือในยุโรป
แอพจากฝรั่งเศส มีคอนเซปโรแมนติกว่าเราจะพบรักกับคนที่เดินสวนกัน55555 ตัวแอพจะโชว์ user ที่สวนทางกับเราในระยะ 250 เมตรค่ะ ก็มีความสนุกที่เราจะเจอคนในละแวกบ้าน คนในตึกออฟฟิศ คนที่ขึ้นรถสายเดียวกัน แอพจะนับจำนวนครั้งที่คุณสวนกันด้วย มีความ stalker นิดๆ คอนเซพการแมชก็ประมาณเดียวกันกับ tinder ค่ะ
ข้อดี: เราว่า Happn เป็นแอพที่มีฐาน user มีคุณภาพมากสุดใน 5 แอพที่เราจะรีวิว หนุ่มน่ารักๆหน้าที่การงานดีๆเยอะ และคนไหนไม่ถูกใจคุณก็สามารถกดซ่อนไปได้เลย คุณไม่ต้องเห็นเค้าโผล่ขึ้นมาในหน้าแอพอีก เค้าก็จะไม่เห็นคุณ(undo ได้) และด้วยคอนเซปของมันมันทำให้เปอเซนต์การนัดเจอกันจริงสูงขึ้น เพราะคุณคือคนที่ทำกิจกรรมอะไรซักอย่างในละแวกเดียวกันจริงๆ ไม่มีข้ออ้างเรื่องระยะทาง และนี่คือแอพที่อาจช่วยคุณทำความรู้จักกับ"หนุ่มน่ารักคนนั้น"ที่เจอกันที่นู่นที่นี่ แต่ไม่กล้าเข้าหากันตรงๆได้ ถ้าเค้าก็มีแอพนี้อ่ะนะ เราเจอเดทที่โอเคจาก happn หลายคน
ข้อเสีย: ไม่รู้ user แอพนี้ขี้อายหรืออะไร หาผู้ชายทักก่อนยาก คนแมชแล้วปล่อยทิ้งไม่คุยมีเยอะ แล้วแอพนี้จะไม่ค่อยเวิร์คถ้าคุณทำงานหรืออาศัยอยู่ในย่านที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ส่วนตัวตอนใช้แอพนี้ที่ไทยเราเซ็งจนลบแอพทิ้งเลยอ่ะ 5555 เราทำงานเขตอุตสาหกรรมบ้านก็อยู่ละแวกรอบนอกกรุงเทพ เปิดแอพมามีแต่คนงาน(no offense นะคะ แต่ไม่ใช่แนวที่เราชอบอ่ะ) วันที่สวนกับคนที่น่ารักๆนี่คือวันที่เข้าไปในละแวกสีลม สาธร ไรงี้ เราว่าที่ไทยคนยังอยู่ใน tinder เป็นหลักไม่ค่อยมาแอพนี้กัน แต่พอมาอยู่ตปท.ที่อยู่อยู่ใกล้ city center คนน่ารักเยอะมากเวิร์คมากค่ะ
3. Lovoo 5/10
ระยะเวลาการใช้งาน: 6 เดือนในยุโรป
รู้สึกจะเป็นแอพต้นกำเนิดในเยอรมัน เพราะฉะนั้นจะป๊อปปูล่ากว่าในประเทศที่ใช้ภาษาเยอรมัน คอนเซปที่เป็นจุดขายเด่นเหมือนสองแอพแรกไม่มี ตัวแอพต้องกรอกข้อมูลทั่วไปนิดหน่อยคล้ายๆเวบหาคู่ พวกสถานะ ศาสนา ความเชื่อ สูบบุหรีมั้ย มีลูกมั้ย ไรงี้ แต่เลือกไม่กรอกได้ค่ะ แอพไม่ได้มีคอนเซปเรื่องระยะทางมาพัวพันมากเหมือนสองแอพแรก คุณจะเจอคนที่อยู่ไกลๆแบบอีกฟากของประเทศได้หรือกระทั่งประเทศเพื่อนบ้าน อ้นนี้เราไม่แน่ใจว่าแอพมันคัดกรองด้วยอ่ะไร
ข้อดี: จุดเด่นอย่างนึงของแอพนี้คือมี verified user ที่เราสามารถมั่นใจว่าเป็นคนนั้นจริงๆ ตรงปกแน่นอน โดยแอพมันจะส่งรหัสมาให้แล้วให้เราเขียนรหัสลงกระดาษแล้วเซลฟี่คู่กับกระดาษนั่น แล้วส่งรูปกลับไปให้เค้าค่ะ ส่วนตัวเราเจอคนที่ดีมากๆจากแอพนี้ค่ะ ที่คุยแล้วคลิ๊กและยังคบหากันต่อได้ยาว แต่ถามว่าเราชอบแอพนี้มั้ย ไม่อ่ะ 55555 ที่เรายังไม่ uninstall เพราะเห็นว่าอย่างน้อยเราก็ได้เจอคนนั้นจาก Lovoo เนี่ยแหละ ซึ่งคนนั้นของเรานี่อยู่เมืองที่ไกลออกไปแบบไม่มีทางโผล่มาใน Tinder หรือ Happn ของเราได้แน่นอน ประมาณว่าถ้าไม่ได้แอพนี้คงไม่ได้รู้จักกันอ่ะ แต่ทั้งหมดทั้งมวลเราเจอคนที่โอๆจากแอพนี้แค่ 2-3 คน เป็นแนวเพื่อนไปซะ 2 มีแนว dating คนเดียว
ข้อเสีย: เราว่าฐาน user ไม่ค่อยเริ่ดอ่ะ หาคนที่ดูโอเคยากกกกก และเพราะเป็นแอพที่มาทีหลังด้วยมั้ง user ทั่วไปเค้าใช้ tinder กันหมดแล้วมันเลยมี user ให้เราเลือกน้อยกว่า ข้อเสียหลักอีกอย่างคือเราว่าบอทเยอะ เราไม่เคยเจอบอทที่อื่นมาเจอแอพนี้แหละ ควรแมชแต่ verified user ค่ะสำหรับแอพนี้
4. ฺ Badoo 3/10
ระยะเวลาการใช้งาน: <1 เดือนในยุโรป (ทนไม่ไหว ลบไปอย่างรวดเร็ว55555)
ฟังชั่นการใช้งานเหมือน Lovoo เลยค่ะ มีระบบ verified user เหมือนกันด้วย แต่ใน Badoo เราจะไม่ค่อยเจอคนที่อยู่ไกลออกไปมากๆเหมือนใน Lovoo จะเป็นคนในเมืองเดียวกันหรือใกล้ๆมากกว่า
ข้อดี: ข้อดีเหมือน lovoo คือมี verified user ที่เราสามารถมั่นใจว่าเป็นคนนั้นจริงๆ ตรงปกแน่นอน สามารถ verify โดย facebook เบอร์โทรศัพท์ รูปภาพ ฯลฯ
ข้อเสีย: ฐาน user เราว่าแย่กว่าใน Lovoo อีกค่ะ เราแทบไม่เจอคนที่โปรไฟล์ดีหน่อยหรืออย่างน้อยก็รู้จักเลือกรูปดีๆมาลงแอพเลย เป็น user แนวเซลฟี่ๆถ้าแบบว่าถ้าเป็นเมืองไทยก็คงแนวแว้นๆแนวคนงาน เราว่ามันไม่เวิร์ค ไม่เจอคนที่คุยแล้วโอเลย แต่ก็ยอมรับว่าเราไม่ได้ให้เวลากับการลองมากพอ ไม่ถึง 1 อาทิตย์เราก็ลบไปสำหรับแอพนี้
5. ฺ Coffee meets Bagel 5/10
ระยะเวลาการใช้งาน: 6 เดือนในยุโรป
Concept app นี้น่าสนใจ เค้าจะให้เรากรอกโปรไฟล์แล้วคัดเลือกคู่ที่ความชอบตริงกันส่งมาให้เราวันละ 2-3 คน เราจะกดรับหรือกดไม่รับก็ได้ และถ้าแมชแล้วต้องคุยภายใน 7 วันมั้ง ไม่งั้นแชทจะ expire แมชก็จะหายไป แอพเคลมว่าทำให้เราได้เลือกเดทจากคุณภาพมากกว่าปริมาณ โอกาสพบรักแท้จะสูงกว่า เราสามารถกดชอบคนที่แอพไม่ได้ส่งมาให้ได้ แต่จะต้องใช้คะแนน(ในแอพเรียก coffee beans)ซึ่งแอพจะแจกฟรีมาจำนวนนึง ซึ่งมักจะหมด และแอพก็ขายไอ้ coffee bean นี่แหละ
ข้อดี: ก็ทำให้หาคู่เดทอย่างใจเย็นขึ้นจริงๆ ไม่รีบไม่ร้อน มีเวลาพิจารณา และคนที่แมชมักจะเริ่มคุยกันง่าย เพราะไม่งั้นแมชจะหมดอายุลง แต่คุยแล้วเวิร์คมั้ยก็อีกเรื่องนึง เราว่ามันเหมาะกับคนใจเย็น ค่อยๆคุยค่อยๆสร้างความสัมพันธ์ แต่ส่วนตัวเราแม้จะเจอคนที่คุยแล้วโอเคแต่ก็ไม่ได้นัดเจอใครจริงๆเลย เพราะด้วยช่วงเวลาไม่เป็นใจ และอยู่แมชที่เราถูกใจเป็นคนเมืองใกล้เคียงซะหมด ไม่มีคนอยู่ใกล้ๆเจอง่ายๆเลย ระยะทางมันทำให้ต้องคุยกันจนคลิ๊กมากๆถึงจะยอมถ่อมาเจออ่ะ ซึ่งจุดนี้มองเป็นข้อดีก็ได้ข้อเสียก็ได้ ข้อดีคือเราว่า user แอพนี้ดูหวังหาความสัมพันธ์กันจริงๆ ไม่ใช่แนวนัดเยอ่ะ เพราะถ้าแนวนั้น tinder หรือ happn มีประสิทธิภาพกว่าแน่นอน
ข้อเสีย: ฐาน user ยังเล็กอยู่ user มีคุณภาพนะคะแต่คนใช้มันน้อยอ่ะเนอะ เราอยู่ในเมืองใหญ่พอสมควรบางทีบางวันแอพก็ไม่ส่งคู่มาให้เราเลย บางทีการเดทมันก็สำคัญที่ปริมาณเหมือนกันนะ 5555 user ดูเป็นแนวคนดีแต่ไม่ค่อยฮอทนะ ข้อเสียหลักอีกอย่างคือระบบ coffee bean ของมันนี่แหละ พอเราใช้หมดแล้วไม่ยอมจ่ายเงินซื้อเพิ่มนี่มันทำให้เราทำไรต่อไม่ได้ กดถูกใจใครก็ไม่ได้ แอพก็จะนิ่งไป แม้จะสามารถได้รับ free coffee bean จากบางฟังชั่นในแอพได้ แต่มันทีละน้อยๆ ไม่พอใช้อ่ะค่ะ นี่เป็นสาเหตุนึงที่สุดท้ายเราก็ลบไป และคงเป็นสาเหตุที่ฐาน user เค้าไม่โตซักทีด้วย เพราะมันไม่ completely free เหมือนแอพข้างบนๆ
จบแล้วค่าาา คิดเห็นยังไงมาแลกเปลี่ยนกันนะ เราชอบอ่านบทวิเคราะห์ของแอพพวกนี้ สนุกดี