ไม่นานมานี้เองครับ ผมได้รับรู้ถึงฝันร้ายเข้าแล้ว ซึ่งเป็นฝันร้ายที่ไม่คิดว่าน่าจะเกิดขึ้นกับผม
คืออยู่ดีๆแม่ก็มาบอกว่าเป็นหนี้เกือบสองล้าน คือเป็นหนี้สหกรณ์ 1 ล้าน 6 แสนบาท เป็นหนี้ยูเมะพลัส 150,000 แล้วก็กรุงศรี First Choice 150,000 บาท
ทั้งหมดนี้คือยังไม่รวมดอกเบี้ย
ไม่ได้กู้มาซื้อบ้านหรือรถอะไรเลยนะครับ ผมกับแม่ไม่ได้มีทรัพย์สมบัติอะไรเลย รถยนต์ก็ไม่มี บ้านก็ไม่มี ผมกับแม่มีแค่มอเตอไซคนละคันเท่านั้น ผมกับแม่อาศัยอยู่บ้านญาติ และแม่ก็ไม่เคยบอกว่ากู้ไปทำอะไร เพิ่งมาเปิดเผยว่ามีหนี้ เพราะว่าไม่มีเงินไปจ่าย แล้วต้องมาขอความช่วยเหลือผม หนี้ที่สร้างมาไม่ใช่หนี้เพื่อทำธุรกิจนะครับ ซึ่งผมก็ไม่ทราบว่าแม่กู้เงินเอาไปทำอะไรบ้าง
ซึ่งแม่ผมเป็นข้าราชการระดับบริหาร เงินเดือนรวมๆกับตำแหน่งและอีกหลายๆอย่างรวมๆแล้วตกเดือนละ 56,000 บาทยังไม่หักภาษี เงินเดือนดูเหมือนจะเยอะ แต่มันน่ากลัวตรงที่เงินเดือนเท่านี้แต่เงินในแต่ละเดือนทุกบาททุกสตางค์เอาไปจ่ายหนี้จนหมดไม่เหลือสักบาท และไม่เคยเปิดเผยให้คนในบ้านทราบจนมาวันนี้
รายจ่ายหนี้ต่อเดือนของแม่ คือ
1. ยูเมะพลัส 4,500 บาท เป็นดอกเบี้ยประมาณ 3,500 บาท หักต้น 1,000 บาท
2. กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ เดือนละ 10,000 เป็นดอกเบี้ยประมาณ 4,000 หักต้น 6,000
3. ส่วนหนี้สหกรณ์แม่ต้องจ่ายเดือนละ 30,000บาท เป็นดอกเบี้ยประมาณ 9,000บาท ที่เหลือ 21,000 บาทเป็นเงินต้น
ซึ่งผมไม่เข้าใจ การคำนวนดอกเบี้ยเงินกู้ของบริษัทพวกนี้เลย ซึ่งแม่มาบอกว่าสหกรณ์มีดอกเบี้ย 7% ยูแมะพลัสดอกเบี้ยคือและ First Choice มีดอกเบี้ยอย่างละ 28%
ผมค่อนข้างงงงวยกับการคำนวนดอกเบี้ยของยูเมะพลัสเพราะว่าทำไมถึงต้องจ่ายดอกเบี้ยมากกว่าเงินต้นสามถึงสี่เท่า และดูๆแล้วยังไงก็ไม่ใช่ดอกเบี้ย 28%
ตอนนี้ผมเครียดมากๆเลยครับ เพราะผมเองก็ไม่ได้ทำงานประจำและมีรายได้ไม่คงที่ ตอนที่เรียนจบมาใหม่ๆก็คิดว่าตัวเองจะได้มีเงินเก็บสร้างเนื้อสร้างตัวกับเขา เมื่อก่อนเวลาออกไปข้างนอกไปเห็นคนที่ลำบาก หรือคนในสลัมก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดี ที่ใหนได้ตอนนี้ตัวเองติดลบสองล้านกว่าบาทแบบไม่รู้เรื่อง แม้แต่ตอนนี้ผมยังรู้สึกว่าขอทานยังรวยกว่าผม
สภาพความเป็นอยู่ในแต่ละวันนี่แย่มากครับ คือแม่ไม่เหลือเงินเลย บางช่วงต้องเอากับข้าวที่เขาแจกที่ทำงานมากิน หรือเอาขนมที่เขาแจกที่ประชุมมาประทังชีวิต
ซึ่งถือว่าโชคดีที่ยังดีที่เป็นผู้บริหาร เพราะมียังมีกับข้าวที่ทำงานเลี้ยง เพราะถ้ายังเป็นลูกน้องเขาไม่รู้ว่าตอนนี้จะมีสภาพเป็นอย่างไร และมีเงินฝากสหกรณ์อีก 300,000 แต่ยังถอนออกไม่ได้
ตอนนี้ผมควรทำอย่างไรหรือมีวิธีบริหารจัดการอย่างไรครับ ควรเริ่มจากตรงใหนก่อน หรือผมควรขายทรัพย์สินที่ผมมีอยู่ คือผมมีคอมพิวเตอร์อยู่สองเครื่องถ้าขายเป็นมือสองน่าจะได้ประมาณ 300,000 - 320,000 บาทเศษๆ หรืออาจจะน้อยกว่านั้น แต่ถ้าผมขายไป ในปีนี้ผมจะไม่มีรายได้ หรือหาเงินได้อีกต่อไปเลย
รบกวนด้วยนะครับ ตอนนี้ไม่ไหวแล้วจริงๆ
เครียดมากๆจนผมหงอกขึ้น อยู่ดีๆแม่มาบอกว่ามีหนี้เกือบสองล้าน ยูแมะพลัส + กรุงศรี + สหกรณ์
คืออยู่ดีๆแม่ก็มาบอกว่าเป็นหนี้เกือบสองล้าน คือเป็นหนี้สหกรณ์ 1 ล้าน 6 แสนบาท เป็นหนี้ยูเมะพลัส 150,000 แล้วก็กรุงศรี First Choice 150,000 บาท
ทั้งหมดนี้คือยังไม่รวมดอกเบี้ย
ไม่ได้กู้มาซื้อบ้านหรือรถอะไรเลยนะครับ ผมกับแม่ไม่ได้มีทรัพย์สมบัติอะไรเลย รถยนต์ก็ไม่มี บ้านก็ไม่มี ผมกับแม่มีแค่มอเตอไซคนละคันเท่านั้น ผมกับแม่อาศัยอยู่บ้านญาติ และแม่ก็ไม่เคยบอกว่ากู้ไปทำอะไร เพิ่งมาเปิดเผยว่ามีหนี้ เพราะว่าไม่มีเงินไปจ่าย แล้วต้องมาขอความช่วยเหลือผม หนี้ที่สร้างมาไม่ใช่หนี้เพื่อทำธุรกิจนะครับ ซึ่งผมก็ไม่ทราบว่าแม่กู้เงินเอาไปทำอะไรบ้าง
ซึ่งแม่ผมเป็นข้าราชการระดับบริหาร เงินเดือนรวมๆกับตำแหน่งและอีกหลายๆอย่างรวมๆแล้วตกเดือนละ 56,000 บาทยังไม่หักภาษี เงินเดือนดูเหมือนจะเยอะ แต่มันน่ากลัวตรงที่เงินเดือนเท่านี้แต่เงินในแต่ละเดือนทุกบาททุกสตางค์เอาไปจ่ายหนี้จนหมดไม่เหลือสักบาท และไม่เคยเปิดเผยให้คนในบ้านทราบจนมาวันนี้
รายจ่ายหนี้ต่อเดือนของแม่ คือ
1. ยูเมะพลัส 4,500 บาท เป็นดอกเบี้ยประมาณ 3,500 บาท หักต้น 1,000 บาท
2. กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ เดือนละ 10,000 เป็นดอกเบี้ยประมาณ 4,000 หักต้น 6,000
3. ส่วนหนี้สหกรณ์แม่ต้องจ่ายเดือนละ 30,000บาท เป็นดอกเบี้ยประมาณ 9,000บาท ที่เหลือ 21,000 บาทเป็นเงินต้น
ซึ่งผมไม่เข้าใจ การคำนวนดอกเบี้ยเงินกู้ของบริษัทพวกนี้เลย ซึ่งแม่มาบอกว่าสหกรณ์มีดอกเบี้ย 7% ยูแมะพลัสดอกเบี้ยคือและ First Choice มีดอกเบี้ยอย่างละ 28%
ผมค่อนข้างงงงวยกับการคำนวนดอกเบี้ยของยูเมะพลัสเพราะว่าทำไมถึงต้องจ่ายดอกเบี้ยมากกว่าเงินต้นสามถึงสี่เท่า และดูๆแล้วยังไงก็ไม่ใช่ดอกเบี้ย 28%
ตอนนี้ผมเครียดมากๆเลยครับ เพราะผมเองก็ไม่ได้ทำงานประจำและมีรายได้ไม่คงที่ ตอนที่เรียนจบมาใหม่ๆก็คิดว่าตัวเองจะได้มีเงินเก็บสร้างเนื้อสร้างตัวกับเขา เมื่อก่อนเวลาออกไปข้างนอกไปเห็นคนที่ลำบาก หรือคนในสลัมก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดี ที่ใหนได้ตอนนี้ตัวเองติดลบสองล้านกว่าบาทแบบไม่รู้เรื่อง แม้แต่ตอนนี้ผมยังรู้สึกว่าขอทานยังรวยกว่าผม
สภาพความเป็นอยู่ในแต่ละวันนี่แย่มากครับ คือแม่ไม่เหลือเงินเลย บางช่วงต้องเอากับข้าวที่เขาแจกที่ทำงานมากิน หรือเอาขนมที่เขาแจกที่ประชุมมาประทังชีวิต
ซึ่งถือว่าโชคดีที่ยังดีที่เป็นผู้บริหาร เพราะมียังมีกับข้าวที่ทำงานเลี้ยง เพราะถ้ายังเป็นลูกน้องเขาไม่รู้ว่าตอนนี้จะมีสภาพเป็นอย่างไร และมีเงินฝากสหกรณ์อีก 300,000 แต่ยังถอนออกไม่ได้
ตอนนี้ผมควรทำอย่างไรหรือมีวิธีบริหารจัดการอย่างไรครับ ควรเริ่มจากตรงใหนก่อน หรือผมควรขายทรัพย์สินที่ผมมีอยู่ คือผมมีคอมพิวเตอร์อยู่สองเครื่องถ้าขายเป็นมือสองน่าจะได้ประมาณ 300,000 - 320,000 บาทเศษๆ หรืออาจจะน้อยกว่านั้น แต่ถ้าผมขายไป ในปีนี้ผมจะไม่มีรายได้ หรือหาเงินได้อีกต่อไปเลย
รบกวนด้วยนะครับ ตอนนี้ไม่ไหวแล้วจริงๆ