+++ความรู้สึกหลังจากดู The Maze Runner The Death Cure ฟิน! ซึ้ง! เศร้า!ปนงง!! ควรไปดูหรือไม่ไปดี!? (ไม่ spoii จ้า)

หัวใจ…เมื่อวานนี้ได้มีโอกาสดู The Maze Runner : The Death Cure หรือ The Maze Runner ภาค 3 นั่นเอง โดยภาค 3 นี้ทิ้งระยะห่างจากภาค 2 มาถึง 3 ปี!! เนื่องจากพระเอกของเรา ดีแลน ประสบอุบัติเหตุระหว่างถ่ายทำ  ทำให้ต้องพักฟื้นอยู่นานกว่าจะเริ่มถ่ายต่อให้จบได้ ซึ่งด้วยระยะเวลากว่าสามปีนี้ทำให้เราเกือบลืมเนื้อเรื่องภาค 2 ไปแล้วด้วย (เอาจริงๆว่าเราจำเนื้อเรื่องภาค 1 ได้ดีกว่าภาค 2 อาจเป็นเพราะภาคล่าสุดเนื้อเรื่องค่อนข้างไวและรวบตึงไปหน่อย) ในส่วนนี้เราขอไม่ลงรายละเอียดเกี่ยวกับเนื้อหาของหนังเพราะเราไม่ได้ตามฉบับหนังสือ ขอพูดถึงเฉพาะในส่วนอารมณ์ส่วนตัวล้วนๆจากการดูหนังเรื่องนี้ละกัน 555+


…อย่างแรกเลย เรื่องนี้เราขอชมงานเอฟเฟกซ์ในหนังที่จัดเต็มเล่นใหญ่เผาใบกระท่อม เอ้ย! เผากระท่อม มากกก! เพราะเต็มไปด้วยความมันส์ ยิงสนั่น ขนระเบิด ถล่มตึก ไหนจะฉากที่ต้องพาตัวละครหลบหนี ซ่อนตัว เอาตัวรอด คือทำได้ดีมากลุ้นไปตลอดทั้งเรื่อง จนรู้สึกว่า เฮ้ยแกร๊! หนังมันมาไกลจากภาค 1 มากเลยนะ ที่ตอนนั้นวิ่งหนีกันในเขาวงกต ความรู้สึกเหมือนดู Mad Max ย่อยๆ เกือบคิดไปละว่าภาค 1 กับ ภาค 3 มันคือหนังคนละเรื่อง 555 (เหมือน Hunger Game ที่ปมหนังมันขยายไปเรื่อยๆจากเพียงแค่จุดเล็กๆจุดเดียว) แต่โดยรวมเราชอบนะ ค่อนข้างบู๊กันสะใจดีมาก



…อย่างที่สอง ตัวละครภาคนี้ทุกคนดูโตขึ้นมาก! หล่อมากกกก!! พระเอกจากเดิมที่เราละสายตาไปภาคก่อนมาภาคนี้เฮียโทมัสดูหล่อและแน่นขึ้นมากจริงๆ  ส่วนนิวท์นี่ก็น่าร๊ากกกก เทห์ตลอดทั้งเรื่อง (ขอป้าเช็คหมากแปป) มินโฮภาคนี้ดูป่วยหน่อยๆเพราะบทเฮียโดนจับเป็นตัวประกันโดนโทรมเยอะ อีกคนนึงที่เราชอบคือ เบรนดา(โรซ่า ซาลาซาร์) ภาคนี้เธอสวยมาก สวยแบบสาวแกร่งสาวลุยจริงๆเราแอบให้จิ้นกับโทมัสแต่ลึกๆเราอยากให้โทมัสได้กับนิวท์! หัวเราะ หัวใจแววตาและแอคติ้งเธอทำได้ดีมากถ้าหากมาทางหนังสายบู๊แบบนี้เราว่าในอนาคตเธอรุ่งแน่นอน ตัวละครในภาคนี้เป็นผู้ใหญ่ขึ้นเยอะมากและหน้าที่แต่ละคนที่ได้รับมันไม่ใช่เพียงแค่เอาตัวเองรอดแต่ต้องพาทุกคนรอด ทุกอย่างเต็มไปด้วยความเสี่ยง การเสียสละ เราเห็นความใจกล้าและการตัดสินใจของทุกตัวละครในแต่ละสถานการณ์ ทุกคนมีหน้าที่ที่สำคัญมาก จุดนี้ทำให้เราประทับใจนะเพราะนึกไม่ถึงว่าตัวละครบทจะมาไกลถึงขนาดนี้ และทุกคนก็เล่นได้เต็มที่สมบทบาทมากๆ



ฉันจะปกป้องเธอเอง ทอมมี่<3


…อย่างที่สาม งานดีไซน์คอสตูมภาคนี้เท่ห์มาก คือเทห์ทั้งฝั่งพระเอกของเราและฝั่ง WCKD โดยฝั่งพระเอกของเรานั้นสไตล์แต่งตัวจะมาแนว survivor แจคเก็ต เสื้อนอก เสื้อใน รองเท้าบู๊ธ คือแบบมันเท่ห์เหมือนพวกตัวละครเกมเลยอ่ะค่ะ! ใครเคยเล่นเกม battleground นั่นละจร้า คอสตูมลุยๆเท่ห์ๆประมาณนั้น ส่วนฝั่ง WCKD เราชอบเครื่องแบบพวกทหารนะ มันมีความล้ำ(และฟิต)ดูแล้วสมกับโลกอนาคตดี แม้กระทั่งยานบินเราว่าก็ดีไซน์ได้สวยดี ยอมรับว่าฝ่ายอาร์ตดีไซน์ของ The Maze Runner งานดีมากค่ะ!




…อย่างที่สี่ คงต้องยอมรับไม่มีหนังเรื่องไหนสมบูรณ์ได้ร้อยเปอร์เซนต์เช่นเดียวกับ The Maze Runner 3 นี้ ยังคงเห็นจุดอ่อนของหนังอยู่เนืองๆแม้ไม่มากแต่บางจังหวะก็ขัดใจ เช่น พระเอกเราก็แสนดีมากเหมือนคิดว่าตัวเองจัดการทุกอย่างได้(ที่รอดมาได้ก็เพื่อนช่วยทั้งนั้น) การดำเนินเรื่องที่บางจุดที่ใช้ตัวละครพูดขึ้นมาเพื่อเสริมเนื้อเรื่องที่ขาดหายไปบางทีเราฟังแล้วยังงงๆหรือแบบเฮ้ย? แล้วมันทำได้ยังไง หรืออะไรยังไงต่อหว่า…ซึ่งหลายคนก็คงจะมีคำถามหลังจากหนังจบถึงที่มาของเหตุการณ์ต่างๆแต่ถ้าหากเราไม่ไปเน้นกับจุดนี้มากและปล่อยข้ามไปมาเน้นเนื้อเรื่องหลักที่กำลังดำเนินอยู่ก็ไม่เสียหายอะไร


โปรดอย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้นค่ะ ทอมมี่!!


โดยภาพรวมแล้ว เราให้คะแนน 8/10 ถือเป็นหนังเรื่องนึงที่ดูในโรงภาพยนตร์แล้วได้อารมณ์มาก ฉากบู๊แบบจัดเต็ม งานภาพที่สวยมาก แต่บางซีนอาจรู้สึกอึดอัดกับความรู้สึกของตัวละครหรือบางฉากที่ยืดเยื้อไปนิด (จะฆ่าก็ไม่ฆ่าจะหนีก็ไม่หนี) แต่อย่างไรก็ตาม The Maze Runner : The Death เราถือว่าเป็นหนังฟอร์มยักษ์ที่ควรค่าแก่การดูในต้นปีนี้
และทั้งหมดนี้เป็นความเห็นส่วนตัวจากเราเองอาจจะไม่ได้เห็นพ้องกับหลายๆท่าน ส่วนท่านอื่นๆที่ได้ดูมาแล้วลองมาแชร์ความเห็นกันได้นะเจ้าคะ ส่วนคนที่ยังไม่ได้ดูอาจลองกลับไปดูภาคก่อนๆเพื่อกระตุ้นความอยากดูในภาคนี้และเป็นการทบทวนเนื้อเรื่องเดิมที่ห่างกันมาถึงสามปี
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามและทั้งหมดนี้หากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยล่วงหน้าเจ้าค่า
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่