สวัสดีครับ เนื่องจากเมื่อช่วงวันที่ 22 – 28 มกราคม 2561 ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปเที่ยวบริเวณ Kansai โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Hilight ของทริปนี้ คือการไปตามรอยเส้นทางแสวงบุญของ 3 ศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งคุมะโนะ หรือ Kumanosanzan คือ ศาลเจ้า Kumano Hongu Taisha , ศาลเจ้า Kumano Hayatama Taisha และ ศาลเจ้า Kumano Nachi Taisha ที่บริเวณคาบสมุทรคี หรือ คิอิ (Kii) จังหวัด Wakayama ซึ่งผมก็ได้อาศัยข้อมูลต่างๆ ที่เพื่อนๆ พี่ๆ หลายท่าน ได้มาแชร์ประสบการณ์ในห้อง Blue Planet แห่งนี้ แต่กระทู้ของหลายท่านก็ค่อนล่วงเลยมาเป็นเวลานานแล้ว และยังไม่มีใครไปเที่ยวในช่วงฤดูหนาวเหมือนผม ก็เลยอยากจะมา update ให้เพื่อนๆ ชาว Blue Planet ที่กำลังจะวางแผนไปเที่ยวที่นี่ ได้ทราบข้อมูลเพื่อจะได้วางแผนการเที่ยวได้อย่างคุ้มค่าคุ้มเวลานะครับ
ทริปนี้ผมกับแฟนวางแผนเที่ยวกันใน Wakayama ไว้เพียงแค่ 3 วัน โดยใช้ JR Kansai Wide Area Pass 5 Days ราคา 9,000 เยน เดินทางจากประเทศไทยโดย สายการบิน Air Asia X เที่ยว XJ612 ถึงสนามบินคันไซ เวลา 08.40 น. กว่าจะออกมาได้ก็ประมาณ 9 โมง กว่าๆ แล้ว เลยวางแผนว่า วันแรกจะเดินทางจาก สนามบิน ไปที่ตัวจังหวัดวะกะยะมะ พักค้างคืนกันที่ตัวเมืองกันสัก 1 คืนก่อน เพราะระยะทางจากตัวจังหวัดวะกะยะมะ ไปถึงศาลเจ้าทั้งสามนั้น ก็ยังต้องนั่งรถไฟไปอีกไกลถึง 3 ชั่วโมงเลยทีเดียว
ประกอบกับดูพยากรณ์อากาศ แจ้งว่าวันที่ 22 ม.ค. ฝนตกทั้งวัน ตอนแรกว่าจะไป Wakayama Marina City และตลาดปลา Kuroshio Ichiba เพื่อจะไปดูโชว์แล่ปลาทูน่า และไปทานอาหารทะเลปิ้งย่าง ปลามะกุโร่ อร่อยๆ แต่ปรากฏว่า มีติดประกาศไว้ป้ายรถบัส หน้าสถานี JR Wakayama ว่า ปิดซ่อมแซมระหว่างวันที่ 22 ม.ค. – 26 ม.ค. พอดี เราเลยต้องเปลี่ยนแผนเป็นไปเดินเล่นหลบฝนในห้างสรรพสินค้า แถวสถานี JR Wakayama แทนจนไม่รู้จะทำอะไร สุดท้ายก็เลยตัดสินใจฝ่าลมฝนหนาวๆ เย็นๆ ในอุณหภูมิ 5 องศา นั่งรถบัสไปเที่ยว ปราสาทวะกะยะมะ ท่ามกลางสายฝนแทน
ซึ่งก็ไม่มีอะไรมากครับ... แค่ซ้อมเดินขึ้นเขา 555 เพราะกว่าเราจะไปถึงก็เย็นมากแล้ว และมีหลายท่านเคยมารีวิวแล้ว ไม่อยากลงซ้ำ สรุปว่า ถ้าจะมาปราสาทวะกะยะมะ น่าจะมาช่วงฤดูใบไม้ผลิดีกว่าครับ เพราะมีต้นซากุระเยอะเลย ผมมาช่วงฤดูหนาว ต้นไม้ก็โกร๋นเหลือแต่กิ่งหมดแล้ว
เช้าวันรุ่งขึ้น เราต้องขึ้นรถไฟสาย JR Ltd Exp Kuroshio 1 จากสถานี JR Wakayama ไปลงที่สถานี Kii-Katsuura ซึ่ง JR Kansai Wide Area Pass นี้ใช้จองที่นั่งไม่ได้นะครับ ต้องขึ้นตู้ขบวนที่ 2 และ 3 ที่เป็น Non-Reserve เท่านั้น รถไฟขบวนคันที่เราขึ้นนี้เป็นรุ่นเก่านะครับ แต่ก็มีรุ่นใหม่ๆ เอี่ยมๆ กว่านี้
เคยมีคนรีวิวแล้วว่า ควรเลือกนั่งฝั่งขวา (หันหน้าออกไปตามหัวขบวน ฝั่งขวามือของเรานะครับ) เพราะจะได้ชมวิวมหาสมุทรแปซิฟิคระหว่างทาง ซึ่งท้ายขบวนตู้ที่ 3 จะมีห้องชมวิวแบบนี้ด้วยครับ
วิวระหว่างทางจากสถานี JR Wakayama ไปจนถึงสถานี Shirahama ครับ
พอถึงสถานี Shirahama จะเป็นสถานีหน้าตาน่ารักแบบนี้ครับ เพราะจะเป็นที่ตั้งของ Adventure Land ซึ่งจะมีทั้งสวนสนุกขนาดใหญ่ และสวนสัตว์ แบบ Safari ที่มีดาราดัง คือ เจ้าหมีแพนด้ายักษ์ ที่ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดวะกะยะมะเลยทีเดียว และจะมีขบวนรถไฟที่ทำหน้าตาเป็นรูปหน้าหมีแพนด้าด้วย ซึ่งเราได้มีโอกาสนั่งตอนช่วงบ่ายด้วยครับ
นั่งชมวิว หลับๆ ตื่นๆ กันมาเรื่อยๆ ครับ ระหว่างสถานี Shirahama ไปจนถึงสถานี Kii-Katsuura (อันนี้ถ่ายขากลับครับ)
ในที่สุดก็ถึงสถานี Kii-Katsuura ในเวลา 11.33 น. ครับ
ในสถานีมีตู้ล็อคเกอร์สำหรับเก็บกระเป๋าเดินทางด้วยนะครับ ราคา 300 , 500 , 700 เยน ตามขนาดครับ ช่องใหญ่สุด 700 เยน ใส่กระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ได้สบายๆ
มองออกมาจากสถานีจะเห็นแบบนี้ครับ ด้านซ้ายคือ สถานีรถบัส Kumano Kotsu ที่จะไปศาลเจ้าต่างๆ // ซอยตรงกลาง จะเป็นพวกร้านอาหาร และเป็นทางเดินไปโรงแรมที่เราจะพักในคืนนี้ // ส่วนด้านขวามือ จะเป็นซอยร้านขายของ ร้านอาหาร และทางไปท่าเรือ และตลาดปลาที่มีการประมูลปลาทูน่าในตอนเช้าครับ
ส่วนพวกเรา เดินเอากระเป๋าไปฝากไว้ที่โรงแรมที่จะพักในคืนนี้ก่อน คือ Onsen Minshuku Kosakaya เดินจากสถานี Kii-Katsuura ประมาณ 200 - 300 เมตร ครับ เดี๋ยวผมจะมารีวิวตัวโรงแรมภายหลังนะครับ
เดินกลับมาที่สถานี Kii-Katsuura ตอนนั้นก็เที่ยงพอดี เลยขอฝากท้องไว้ที่ร้าน Yamaga ที่อยู่หน้าสถานีเลย เป็นร้านขายพวกข้าวหน้าอาหารทะเล ข้าวหน้าปลามะกุโร่ ราคาพอรับได้ครับ เจ้าของร้านเป็นคุณลุงคุณป้าใจดีที่ชอบ service ลูกค้าแบบสุดๆ ถามลูกค้าตลอดว่าจะไปเที่ยวไหน แล้วจะไปเอาตารางเวลารถบัสมาให้ พร้อมคำแนะนำ
เมนูหน้าร้านครับ
ในร้านมีป้ายเขียนภาษาไทยอยู่เยอะนะครับ แสดงว่าเคยมีลูกค้าคนไทยมาทานกันพอสมควรทีเดียว
มาแล้วครับ Mix-don เมนูอันดับ 1 ของร้าน เป็นข้าวหน้ารวมปลามะกุโร่ (มีแค่ ชูโทโร่, อะกะมิ, เนงิโทโร่ แล้วก็ปลาหมึกอิกะ นะครับ ไม่มีโอโทโร่) ราคา 1,500 เยน ครับ เนื้อปลาสดมาก ไม่คาวเลย ขนาดแฟนผม ปกติไม่ทานปลาดิบ ก็ยังทานได้
อิ่มแล้ว พร้อมเดินทางต่อแล้วครับ...
[CR] [CR] Wakayama Kumanosanzan in January 2018 นมัสการสามศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งคุมาโนะ
สวัสดีครับ เนื่องจากเมื่อช่วงวันที่ 22 – 28 มกราคม 2561 ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปเที่ยวบริเวณ Kansai โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Hilight ของทริปนี้ คือการไปตามรอยเส้นทางแสวงบุญของ 3 ศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งคุมะโนะ หรือ Kumanosanzan คือ ศาลเจ้า Kumano Hongu Taisha , ศาลเจ้า Kumano Hayatama Taisha และ ศาลเจ้า Kumano Nachi Taisha ที่บริเวณคาบสมุทรคี หรือ คิอิ (Kii) จังหวัด Wakayama ซึ่งผมก็ได้อาศัยข้อมูลต่างๆ ที่เพื่อนๆ พี่ๆ หลายท่าน ได้มาแชร์ประสบการณ์ในห้อง Blue Planet แห่งนี้ แต่กระทู้ของหลายท่านก็ค่อนล่วงเลยมาเป็นเวลานานแล้ว และยังไม่มีใครไปเที่ยวในช่วงฤดูหนาวเหมือนผม ก็เลยอยากจะมา update ให้เพื่อนๆ ชาว Blue Planet ที่กำลังจะวางแผนไปเที่ยวที่นี่ ได้ทราบข้อมูลเพื่อจะได้วางแผนการเที่ยวได้อย่างคุ้มค่าคุ้มเวลานะครับ
ทริปนี้ผมกับแฟนวางแผนเที่ยวกันใน Wakayama ไว้เพียงแค่ 3 วัน โดยใช้ JR Kansai Wide Area Pass 5 Days ราคา 9,000 เยน เดินทางจากประเทศไทยโดย สายการบิน Air Asia X เที่ยว XJ612 ถึงสนามบินคันไซ เวลา 08.40 น. กว่าจะออกมาได้ก็ประมาณ 9 โมง กว่าๆ แล้ว เลยวางแผนว่า วันแรกจะเดินทางจาก สนามบิน ไปที่ตัวจังหวัดวะกะยะมะ พักค้างคืนกันที่ตัวเมืองกันสัก 1 คืนก่อน เพราะระยะทางจากตัวจังหวัดวะกะยะมะ ไปถึงศาลเจ้าทั้งสามนั้น ก็ยังต้องนั่งรถไฟไปอีกไกลถึง 3 ชั่วโมงเลยทีเดียว
ประกอบกับดูพยากรณ์อากาศ แจ้งว่าวันที่ 22 ม.ค. ฝนตกทั้งวัน ตอนแรกว่าจะไป Wakayama Marina City และตลาดปลา Kuroshio Ichiba เพื่อจะไปดูโชว์แล่ปลาทูน่า และไปทานอาหารทะเลปิ้งย่าง ปลามะกุโร่ อร่อยๆ แต่ปรากฏว่า มีติดประกาศไว้ป้ายรถบัส หน้าสถานี JR Wakayama ว่า ปิดซ่อมแซมระหว่างวันที่ 22 ม.ค. – 26 ม.ค. พอดี เราเลยต้องเปลี่ยนแผนเป็นไปเดินเล่นหลบฝนในห้างสรรพสินค้า แถวสถานี JR Wakayama แทนจนไม่รู้จะทำอะไร สุดท้ายก็เลยตัดสินใจฝ่าลมฝนหนาวๆ เย็นๆ ในอุณหภูมิ 5 องศา นั่งรถบัสไปเที่ยว ปราสาทวะกะยะมะ ท่ามกลางสายฝนแทน
ซึ่งก็ไม่มีอะไรมากครับ... แค่ซ้อมเดินขึ้นเขา 555 เพราะกว่าเราจะไปถึงก็เย็นมากแล้ว และมีหลายท่านเคยมารีวิวแล้ว ไม่อยากลงซ้ำ สรุปว่า ถ้าจะมาปราสาทวะกะยะมะ น่าจะมาช่วงฤดูใบไม้ผลิดีกว่าครับ เพราะมีต้นซากุระเยอะเลย ผมมาช่วงฤดูหนาว ต้นไม้ก็โกร๋นเหลือแต่กิ่งหมดแล้ว
เช้าวันรุ่งขึ้น เราต้องขึ้นรถไฟสาย JR Ltd Exp Kuroshio 1 จากสถานี JR Wakayama ไปลงที่สถานี Kii-Katsuura ซึ่ง JR Kansai Wide Area Pass นี้ใช้จองที่นั่งไม่ได้นะครับ ต้องขึ้นตู้ขบวนที่ 2 และ 3 ที่เป็น Non-Reserve เท่านั้น รถไฟขบวนคันที่เราขึ้นนี้เป็นรุ่นเก่านะครับ แต่ก็มีรุ่นใหม่ๆ เอี่ยมๆ กว่านี้
เคยมีคนรีวิวแล้วว่า ควรเลือกนั่งฝั่งขวา (หันหน้าออกไปตามหัวขบวน ฝั่งขวามือของเรานะครับ) เพราะจะได้ชมวิวมหาสมุทรแปซิฟิคระหว่างทาง ซึ่งท้ายขบวนตู้ที่ 3 จะมีห้องชมวิวแบบนี้ด้วยครับ
วิวระหว่างทางจากสถานี JR Wakayama ไปจนถึงสถานี Shirahama ครับ
พอถึงสถานี Shirahama จะเป็นสถานีหน้าตาน่ารักแบบนี้ครับ เพราะจะเป็นที่ตั้งของ Adventure Land ซึ่งจะมีทั้งสวนสนุกขนาดใหญ่ และสวนสัตว์ แบบ Safari ที่มีดาราดัง คือ เจ้าหมีแพนด้ายักษ์ ที่ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดวะกะยะมะเลยทีเดียว และจะมีขบวนรถไฟที่ทำหน้าตาเป็นรูปหน้าหมีแพนด้าด้วย ซึ่งเราได้มีโอกาสนั่งตอนช่วงบ่ายด้วยครับ
นั่งชมวิว หลับๆ ตื่นๆ กันมาเรื่อยๆ ครับ ระหว่างสถานี Shirahama ไปจนถึงสถานี Kii-Katsuura (อันนี้ถ่ายขากลับครับ)
ในที่สุดก็ถึงสถานี Kii-Katsuura ในเวลา 11.33 น. ครับ
ในสถานีมีตู้ล็อคเกอร์สำหรับเก็บกระเป๋าเดินทางด้วยนะครับ ราคา 300 , 500 , 700 เยน ตามขนาดครับ ช่องใหญ่สุด 700 เยน ใส่กระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ได้สบายๆ
มองออกมาจากสถานีจะเห็นแบบนี้ครับ ด้านซ้ายคือ สถานีรถบัส Kumano Kotsu ที่จะไปศาลเจ้าต่างๆ // ซอยตรงกลาง จะเป็นพวกร้านอาหาร และเป็นทางเดินไปโรงแรมที่เราจะพักในคืนนี้ // ส่วนด้านขวามือ จะเป็นซอยร้านขายของ ร้านอาหาร และทางไปท่าเรือ และตลาดปลาที่มีการประมูลปลาทูน่าในตอนเช้าครับ
ส่วนพวกเรา เดินเอากระเป๋าไปฝากไว้ที่โรงแรมที่จะพักในคืนนี้ก่อน คือ Onsen Minshuku Kosakaya เดินจากสถานี Kii-Katsuura ประมาณ 200 - 300 เมตร ครับ เดี๋ยวผมจะมารีวิวตัวโรงแรมภายหลังนะครับ
เดินกลับมาที่สถานี Kii-Katsuura ตอนนั้นก็เที่ยงพอดี เลยขอฝากท้องไว้ที่ร้าน Yamaga ที่อยู่หน้าสถานีเลย เป็นร้านขายพวกข้าวหน้าอาหารทะเล ข้าวหน้าปลามะกุโร่ ราคาพอรับได้ครับ เจ้าของร้านเป็นคุณลุงคุณป้าใจดีที่ชอบ service ลูกค้าแบบสุดๆ ถามลูกค้าตลอดว่าจะไปเที่ยวไหน แล้วจะไปเอาตารางเวลารถบัสมาให้ พร้อมคำแนะนำ
เมนูหน้าร้านครับ
ในร้านมีป้ายเขียนภาษาไทยอยู่เยอะนะครับ แสดงว่าเคยมีลูกค้าคนไทยมาทานกันพอสมควรทีเดียว
มาแล้วครับ Mix-don เมนูอันดับ 1 ของร้าน เป็นข้าวหน้ารวมปลามะกุโร่ (มีแค่ ชูโทโร่, อะกะมิ, เนงิโทโร่ แล้วก็ปลาหมึกอิกะ นะครับ ไม่มีโอโทโร่) ราคา 1,500 เยน ครับ เนื้อปลาสดมาก ไม่คาวเลย ขนาดแฟนผม ปกติไม่ทานปลาดิบ ก็ยังทานได้
อิ่มแล้ว พร้อมเดินทางต่อแล้วครับ...
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น