
ดูเหมือนว่าชื่อ Topic ในครั้งนี้จะดูโหดไปสักหน่อย แต่ก็เพราะคำคล้องจองกับคำว่า
“รัสเซีย” มันหาไม่ได้ง่ายๆ เอาซะเลย….สำหรับทริปรัสเซีย เมียขอมา ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่าทริปนี้ใครใหญ่!!!
สำหรับการเริ่มต้นเขียนในครั้งนี้
แค่…อยากแชร์ความสุขในการได้เดินทางไปเที่ยว ในที่ต่างๆ เผื่อวันนึงที่เรา
แก่ แล้วกลับมาอ่าน เราจะได้เห็นภาพนั้นชัดๆ อีกครั้ง เพราะในวันนั้นเราอาจจะลืม
หรืออาจจะจำอะไรไม่ได้เลยก็ได้
ทริปนี้เริ่มต้นที่ “ปีนี้เราจะไปเที่ยวไหนกันดี” ประโยคคำถามสั้นๆ ที่ได้ยินทีไร หัวใจพองโตทุกที ไม่ใช่อะไรหรอกนะ ก็เหนื่อยมาแล้วทั้งปี ถึงเวลาจะได้พักผ่อนสักที
ก่อนหน้านี้เราคุยกันว่า เราจะไป สวิสเซอร์แลนด์ เพราะแฟนเราอยากไป ภูเขายุงเฟรา
“Jungfraujoch” และที่สำคำคัญ คือแม่เราอยู่ที่นั่น ฉะนั้นแน่นอนว่า เราจะไม่ต้องเสียค่าโรงแรม
แต่…..
ก็เพราะ สวิสเซอร์แลนด์ ไม่ได้เข้าประเทศกันง่ายๆ ไหนจะวีซ่า ไหนจะ pocket money ที่ไม่ใช่แลกเงินหลักหมื่นแล้วจะไปได้ทันที เรามารู้ตัว และชวนกันไปเที่ยว เมื่อเดือน กันยายน 2559
ตั๋วโปรการบินไทย สองหมื่นเจ็ดพันบาท โอ้ว…แม่เจ้า ทำไงหล่ะ ตอนนั้นไม่มีเงิน มนุษย์เงินเดือนแบบเราก็ต้องรอไปสิ
และเมื่อ “โบนัส” ออก !!! ถึงกับต้องอุทาน
ตั๋ว ไป-กลับ กรุงเทพฯ สวิสฯ สี่หมื่นเกือบห้าหมื่น ยังไม่ทันทำอะไรเลย ครึ่งแสนแล้ว… เราสองคนจึงตัดสินใจพับโปรแกรมสวิสฯไปอย่างน่าเสียดาย
แม้จะชวดจากโปรแกรมสวิสฯ บินดี พักฟรี เกาะแม่กิน ของเราไป….
เราสอง ก็ไม่เคยย่อท้อ เดินหน้าหาทริป และปรึกษากันว่าไปเที่ยวไหนกันดี และแล้วคุณแฟนที่รัก ก็พูดขึ้นมาว่า ไป รัสเซีย มั้ย ?
ฟังครั้งแรก นี่มันประเทศอะไร ไม่เคยอยู่ในสมองคนอย่างเรา ประเทศมันอันตรายรึเปล่า ด้วยความสงสัย เราจึงไม่รอช้า ค้นหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต พันทิป เฟสบุค ทุกแหล่งข้อมูลที่หาได้
และเราก็ได้ค้นพบว่า….เห้ย !!! รัสเซีย

น่าเที่ยวว่ะ
เมื่อเราลองดูข้อมูล อ่านไปเรื่อยๆ ก็น่าสนใจดี แต่รอบนี้ใครชวน คนนั้นทำทริป ฉะนั้นทริปนี้ จึงเป็นหน้าที่คุณแฟน ที่จะต้องทำการบ้านในการหาแหล่งที่เที่ยว กิน และชอปปิ้ง ส่วนหน้าที่ โรงแรม กับตั๋วเครื่องบิน ก็เป็นของเราไปโดยปริยาย เพราะอะไรหน่ะเหรอ? เพราะเราเรื่องมากในการนอนนั่นเอง ก็ไปเที่ยวแล้ว ก็ต้องได้พักผ่อนดีๆสินะ ถึงจะเรียกว่า พักผ่อน
หลังจากนั้น เราก็เริ่มปฏิบัติการล่าตั๋วเครื่องบิน และ ที่พัก และเราคุยกันหลายวันว่าจะไปเที่ยวไหนบ้าง ไปมอสโก และเซนท์ปีเตอร์สเบิร์ค เหมือนที่คนอื่นๆ รีวิวไว้ หรือไปไหนดี…
ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงพร้อมกับความรู้สึกตื่นเต้นปนออกมาว่า ไปดูแสงเหนือมั้ย
มีหรือจะไม่สนใจ…เราไม่เคยรู้มาก่อนว่า แสงเหนือสามารถดูที่รัสเซียได้ จนกระทั่งแฟนเราบอก หลังจากนั้นเราก็เริ่มศึกษาเพิ่มเติม โดยดูว่า ต้องไปล่าแสงเหนือที่ไหน ต้องไปยังไง ไปกี่วัน ราคาเท่าไหร่
แสงเหนือ สามารถพบเจอได้ที่ มูรมานส์ “Murmansk” เป็นเมืองที่อยู่ติดชายแดนกับฟินแลนด์ นอกจากที่เราจะไปดูแสงเหนือแล้ว เราก็ได้ค้นพบว่า ที่นี่มีฟาร์มฮัสกี้ “Husky Farm” และหมู่บ้านพื้นเมือง SAAMI Village ซึ่งทั้งหมดนี้คือเป้าหมายที่มูรมานส์ที่เราจะไปกัน
หลังจากที่เรารู้เป้าหมายเราแล้ว เราก็เริ่มหาทัวร์ที่จะพาเราไปยังที่ต่างๆ เพราะแน่นอนว่า เราสองคน คงไม่มีทางไปล่าแสงเหนือกันตามลำพังแน่นอน ก็แน่สิ ภาษาอังกฤษก็ไม่คล่อง ภาษารัสเซียก็ไม่ได้ มันก็ต้องอาศัยคนท้องถิ่นนี่แหละ
เราได้มีโอกาสหาข้อมูลในพันทิป จนไปเจอทัวร์ท้องถิ่น ก็ได้เริ่มทำการติดต่อ ซึ่งตอนแรกที่อ่านมาเค้าว่ากันว่าคนรัสเซียไม่พูดภาษอังกฤษ และใช้ภาษาอังกฤษน้อยมาก เราก็ไม่เชื่อ แต่พอเอาเข้าจริงๆ ยิ่งกว่าใช้ภาษามืออีก กว่าจะเข้าใจกันได้…
แต่สุดท้ายอะไรก็ไม่เกินความสามารถของเรา….เราจองทัวร์สำหรับล่าแสงเหนือเที่ยวฟาร์มฮัสกี้ และหมู่บ้านซามิ โดยเราใช้เวลาที่มูรมานส์หลังจากที่เที่ยวจากเมืองมอสโกแล้ว
ตามตารางเราแพลนเอาไว้ว่า เราเดินทางวันที่ 6 เมษายน 2560 ไปไฟลท์เที่ยงๆ ไปถึงที่มอสโกก็ค่ำพอดี วันแรกก็ถือโอกาสพักผ่อนไปก่อน เพราะนั่งเครื่องสิบชั่วโมง คงเมื่อยตูดพอสมควร
เราแพลนว่าเราจะอยู่ที่มอสโกสามวันเต็มๆ คือวันที่เจ็ดถึงเก้า เพราะวันที่สิบเราต้องเดินทางไปมูรมานส์…
และแล้วแผนการเซอร์ไพรส์ของเราก็ปิ้งขึ้นมาในหัว เพราะวันที่ 9 เมษายน 2560 เป็นวันครบรอบ 7 ปี ที่เรากับแฟนคบกัน
เราตั้งใจว่าจะพาแฟนไปดูบัลเลท์ที่บอลชอย “Bolshoi” เป็นโรงละครบัลเล่ท์ และโอเปร่า ที่มีชื่อเสียงระดับโลก
ระดับโลกเลยนะ !!!
ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่า ไปดูบัลเล่ท์อะไรหรอก ประเด็นคือ แพงสาดดดดด !!!! เราเข้าไปดูค่าตั๋ว ถึงขั้นกุมขมับ ไมเกรนแทบขึ้น แล้วเราก็ปิดหน้าจอไป
เช้าวันต่อมา…..หลังจากที่รู้สึกตกใจกับราคาค่าตั๋วชมบัลเลท์ เราก็ตั้งสติใหม่ และเข้าไปหาข้อมูลเพิ่มขึ้นเพื่อดูว่า จะพอมีวิธีไหนที่จะหาตั๋วราคาไม่แพงเกินไป หาอยู่อย่างนั้น 3 วันเต็มๆ
สิ่งที่ได้คือ ในทุกๆวันที่เราท่องเว็บหาข้อมูล พร้อมตั๋วชมบัลเลต์ในวันที่ 9 เมษายน
……ตั๋วเหลือน้อยลงทุกวัน……
……เอาไงดีว่ะ???………………..
และเมื่อผ่านไปครบ 1 อาทิตย์ เราก็โชคดีได้ราคาตั๋วอัพเดทใหม่ ที่พอจะซื้อได้ เราก็ไม่รีรอ กดคลิ๊กเดียว รูดปรื้ด!!!!!!! เรียบร้อย สำหรับแผนการเตรียมเซอร์ไพรส์ครั้งนี้
หลังจากที่เรามีตั๋วแล้ว ตอนนี้ก็เพียงแต่รอเวลาให้วันที่ 9 เมษายน มาถึงเท่านั้นแหละ
5 เม.ย
พรุ่งนี้ต้องเดินทางไปทริปรัสเซีย…เมียขอมาแล้ว เช็คสภาพอากาศ เตรียมกระเป๋า เอกสารต่างๆ ให้เรียบร้อย
และแล้วก็ถึงวันเดินทาง
เริ่มออกจากบ้านตอน 8 โมงเช้าเพื่อเตรียมตัวไปสนามบิน ก็มันวันหยุดนิ เดี๋ยวรถติด อีกอย่างขอแวะทานข้าวก่อนนะ เพราะกว่าจะถึงไฟล์ทบินก็เที่ยงๆ หิวตาย!!
ไปถึงสนามบินประมาณ 9.30 น. พอดิบพอดีกับเวลาเหลือๆ ไม่รีบเกินไป หลังจากผ่านต.ม บ้านเราแล้วก็ช้อปปิ้งสิ รออะไร คุณนายจัดหนักไปเรียบร้อย
แล้วก็ได้เวลาขึ้นเครื่อง 12.20 น. นั่งยาวๆ ไปอีก 10 ช.ม. หลับไป 3 ตื่น กับหนังอีก 3 เรื่องก็ถึงรัสเซีย
ก่อนจะเล่าเรื่องต่อ เรามาบอกวิธีการซื้อตั๋วเครื่องบินและที่พักกันก่อนสักนิด เผื่อเป็นประโยชน์สำหรับคนอยากไปเที่ยวรัสเซียบ้าง
เราเริ่มหาตั๋วจาก agent ต่างๆ ทั้ง Expedia.com , Agoda.com , Booking.com , Hostel.com , Traveloka.com , skyscanner.com และอีกจิปาถะ รวมถึงตั้งเป้าว่า เราจะเดินทางแบบไม่แวะพัก (no transfer flight) เนื่องจากเราไม่อยากยุ่งยากเรื่องเวลา และเราได้ลองเลือกดูอยู่หลายสายการบิน โดยใช้ skyscanner เป็นหลัก เมื่อหาข้อมูลอยู่ราวๆ 1 เดือนก่อนเดินทาง ทุก agent และ สายการบินที่บินตรง (เว็บสายการบิน) สำรวจแล้วพบว่าการซื้อเป็นแพค ถูกกว่าอย่างแน่นอน! เราจึงเลือกที่จะจองผ่าน expedia เพราะราคาถูกสุด ณ ช่วงเวลานั้น (ขอย้ำว่าเราเช็คราคาทุกวันติดต่อกันเป็นเวลา 2 อาทิตย์)
เราขอเล่าการจองให้ฟังคร่าวๆ ว่าเราเลือกที่จะไป 2 เมือง เมื่อสำรวจราคาทุกสิ่งอย่างและคิดว่าทางเลือกนี้น่าจะถูกที่สุดก็จัดการจองเลย โดยเลือกแบบ flight+hotel (ระบุวันไป 6 เม.ย กลับ 12 เม.ย + โรงแรม 4 คืนใน Moscow และ flight only สำหรับ Murmansk) ซึ่งที่เราเลือกแบบนี้เพราะตอนแรกเราเลือกที่จะนอน Service Apartment ที่ Murmansk ในวันที่ 10 เป็นเวลา 2 คืน และกลับมาขึ้นเครื่องที่ Moscow ในวันที่ 12 แต่!!! สิ่งไม่คาดคิด ทั้งที่คิดว่าน่าจะวางแผนอย่างดีแล้วคือ เราและคุณแฟน กลัว! เลยกลับลำยกเลิก Service Apartment แล้วไปแยกจองโรงแรม Azimut Hotel Murmansk ใน Agoda.com แทน เพื่อความปลอดภัยและทรัพย์สิน (ซึ่งพอไปจริงๆแล้ว ปลอดภัยมาก)
สำหรับการจองทัวร์เราจะเล่าให้ฟังใน part ต่อๆไปนะ
รัสเซียแลนด์ดิ้ง
10 ช.ม. บอกเลย เดี้ยง ขา เข่าเล่นเอาระบม แต่ยังมีอะไรให้เดี้ยงกว่ารออยู่ข้างหน้า
อะไรหน่ะเหรอ….
การต่อรถไฟใต้ดินเข้าที่พัก อยากจะบอกว่า ถ้ามีคนเขียนไว้สักนิดว่าให้เราออกกำลังกายหนักๆ ก่อนเดินทางมารัสเซีย เราจะขอบคุณมาก แต่…ไม่มี หรือถ้ามี เราก็พลาดมาก เพราะรถไฟใต้ดินของที่นี่บางสถานีไม่มีบันไดเลื่อน (อ่อ…เราแนะนำว่าถ้าไป Moscow อยากให้ศึกษาตัวอักษรของรัสเซียเอาไว้เพราะเวลาเราหาชื่อสถานีรถไฟกว่าจะกางหาภาษาอังกฤษต้องใช้เวลานานมาก เนื่องจากในรัสเซีย โดยเฉพาะมอสโกมีการใช้ภาษาอังกฤษน้อยมากจริงๆ แต่เราสามารถคุยกับคนรัสเซียรู้เรื่องนะ เพราะทุกครั้งที่คนรัสเซียเข้ามาถามว่าไปไหน หรือพยายามจะบอกอะไรเราสักอย่าง เค้าจะพาเราไปจนถึงจุดหมายปลายทางนั้นจริงๆ และเฝ้ารอว่าเราได้ขึ้นรถไฟถูกจุด คือน่ารักมาก แต่หน้าดุยิ่งกว่าทหารรบซะอีก)
เราใช้เวลากับการแบกกระเป๋า 20 กิโล ลาก จูง แบก หาม (ก็แน่หล่ะสิ บันไดเลื่อนไม่ได้มีทุกสถานีนิ! แล้วสถานีนั้นคือที่พักเราเอง “Партизанская”) ถ้ารู้ก่อนว่าไม่มีบันไดเลื่อนตรูจะฟิตร่างกายมามากกว่านี้! นี่เล่นเอาหนาวๆ 10 องศาต้องถอดเสื้อกันเลยทีเดียว

ที่เห็นในรูปคือกระเป๋าคุณแฟน ส่วนของตัวเองวิ่งลงไปวางไว้แล้ว 20 โลแรก แฮ่กๆ
แต่ระหว่างการขึ้นลงอยากจะบอกว่า ทุกๆสถานีรถไฟใต้ดินในมอสโกสวยงามจนบางครั้งหายเหนื่อยจริงๆ



.....
Part 2 ไปเที่ยวกันต่อ --->
https://pantip.com/topic/37327215
ทริปรัสเซีย…เมียขอมา [ เรื่องเล่าสัพเพเหระเผื่อไว้เป็นข้อมูลสำหรับคนกำลังแพลนไปเที่ยวรัสเซีย ] PART1
ดูเหมือนว่าชื่อ Topic ในครั้งนี้จะดูโหดไปสักหน่อย แต่ก็เพราะคำคล้องจองกับคำว่า
“รัสเซีย” มันหาไม่ได้ง่ายๆ เอาซะเลย….สำหรับทริปรัสเซีย เมียขอมา ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่าทริปนี้ใครใหญ่!!!
สำหรับการเริ่มต้นเขียนในครั้งนี้
แค่…อยากแชร์ความสุขในการได้เดินทางไปเที่ยว ในที่ต่างๆ เผื่อวันนึงที่เรา
แก่ แล้วกลับมาอ่าน เราจะได้เห็นภาพนั้นชัดๆ อีกครั้ง เพราะในวันนั้นเราอาจจะลืม
หรืออาจจะจำอะไรไม่ได้เลยก็ได้
ทริปนี้เริ่มต้นที่ “ปีนี้เราจะไปเที่ยวไหนกันดี” ประโยคคำถามสั้นๆ ที่ได้ยินทีไร หัวใจพองโตทุกที ไม่ใช่อะไรหรอกนะ ก็เหนื่อยมาแล้วทั้งปี ถึงเวลาจะได้พักผ่อนสักที
ก่อนหน้านี้เราคุยกันว่า เราจะไป สวิสเซอร์แลนด์ เพราะแฟนเราอยากไป ภูเขายุงเฟรา
“Jungfraujoch” และที่สำคำคัญ คือแม่เราอยู่ที่นั่น ฉะนั้นแน่นอนว่า เราจะไม่ต้องเสียค่าโรงแรม
แต่…..
ก็เพราะ สวิสเซอร์แลนด์ ไม่ได้เข้าประเทศกันง่ายๆ ไหนจะวีซ่า ไหนจะ pocket money ที่ไม่ใช่แลกเงินหลักหมื่นแล้วจะไปได้ทันที เรามารู้ตัว และชวนกันไปเที่ยว เมื่อเดือน กันยายน 2559
ตั๋วโปรการบินไทย สองหมื่นเจ็ดพันบาท โอ้ว…แม่เจ้า ทำไงหล่ะ ตอนนั้นไม่มีเงิน มนุษย์เงินเดือนแบบเราก็ต้องรอไปสิ
และเมื่อ “โบนัส” ออก !!! ถึงกับต้องอุทาน
ตั๋ว ไป-กลับ กรุงเทพฯ สวิสฯ สี่หมื่นเกือบห้าหมื่น ยังไม่ทันทำอะไรเลย ครึ่งแสนแล้ว… เราสองคนจึงตัดสินใจพับโปรแกรมสวิสฯไปอย่างน่าเสียดาย
แม้จะชวดจากโปรแกรมสวิสฯ บินดี พักฟรี เกาะแม่กิน ของเราไป….
เราสอง ก็ไม่เคยย่อท้อ เดินหน้าหาทริป และปรึกษากันว่าไปเที่ยวไหนกันดี และแล้วคุณแฟนที่รัก ก็พูดขึ้นมาว่า ไป รัสเซีย มั้ย ?
ฟังครั้งแรก นี่มันประเทศอะไร ไม่เคยอยู่ในสมองคนอย่างเรา ประเทศมันอันตรายรึเปล่า ด้วยความสงสัย เราจึงไม่รอช้า ค้นหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต พันทิป เฟสบุค ทุกแหล่งข้อมูลที่หาได้
และเราก็ได้ค้นพบว่า….เห้ย !!! รัสเซีย
เมื่อเราลองดูข้อมูล อ่านไปเรื่อยๆ ก็น่าสนใจดี แต่รอบนี้ใครชวน คนนั้นทำทริป ฉะนั้นทริปนี้ จึงเป็นหน้าที่คุณแฟน ที่จะต้องทำการบ้านในการหาแหล่งที่เที่ยว กิน และชอปปิ้ง ส่วนหน้าที่ โรงแรม กับตั๋วเครื่องบิน ก็เป็นของเราไปโดยปริยาย เพราะอะไรหน่ะเหรอ? เพราะเราเรื่องมากในการนอนนั่นเอง ก็ไปเที่ยวแล้ว ก็ต้องได้พักผ่อนดีๆสินะ ถึงจะเรียกว่า พักผ่อน
หลังจากนั้น เราก็เริ่มปฏิบัติการล่าตั๋วเครื่องบิน และ ที่พัก และเราคุยกันหลายวันว่าจะไปเที่ยวไหนบ้าง ไปมอสโก และเซนท์ปีเตอร์สเบิร์ค เหมือนที่คนอื่นๆ รีวิวไว้ หรือไปไหนดี…
ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงพร้อมกับความรู้สึกตื่นเต้นปนออกมาว่า ไปดูแสงเหนือมั้ย
มีหรือจะไม่สนใจ…เราไม่เคยรู้มาก่อนว่า แสงเหนือสามารถดูที่รัสเซียได้ จนกระทั่งแฟนเราบอก หลังจากนั้นเราก็เริ่มศึกษาเพิ่มเติม โดยดูว่า ต้องไปล่าแสงเหนือที่ไหน ต้องไปยังไง ไปกี่วัน ราคาเท่าไหร่
แสงเหนือ สามารถพบเจอได้ที่ มูรมานส์ “Murmansk” เป็นเมืองที่อยู่ติดชายแดนกับฟินแลนด์ นอกจากที่เราจะไปดูแสงเหนือแล้ว เราก็ได้ค้นพบว่า ที่นี่มีฟาร์มฮัสกี้ “Husky Farm” และหมู่บ้านพื้นเมือง SAAMI Village ซึ่งทั้งหมดนี้คือเป้าหมายที่มูรมานส์ที่เราจะไปกัน
หลังจากที่เรารู้เป้าหมายเราแล้ว เราก็เริ่มหาทัวร์ที่จะพาเราไปยังที่ต่างๆ เพราะแน่นอนว่า เราสองคน คงไม่มีทางไปล่าแสงเหนือกันตามลำพังแน่นอน ก็แน่สิ ภาษาอังกฤษก็ไม่คล่อง ภาษารัสเซียก็ไม่ได้ มันก็ต้องอาศัยคนท้องถิ่นนี่แหละ
เราได้มีโอกาสหาข้อมูลในพันทิป จนไปเจอทัวร์ท้องถิ่น ก็ได้เริ่มทำการติดต่อ ซึ่งตอนแรกที่อ่านมาเค้าว่ากันว่าคนรัสเซียไม่พูดภาษอังกฤษ และใช้ภาษาอังกฤษน้อยมาก เราก็ไม่เชื่อ แต่พอเอาเข้าจริงๆ ยิ่งกว่าใช้ภาษามืออีก กว่าจะเข้าใจกันได้…
แต่สุดท้ายอะไรก็ไม่เกินความสามารถของเรา….เราจองทัวร์สำหรับล่าแสงเหนือเที่ยวฟาร์มฮัสกี้ และหมู่บ้านซามิ โดยเราใช้เวลาที่มูรมานส์หลังจากที่เที่ยวจากเมืองมอสโกแล้ว
ตามตารางเราแพลนเอาไว้ว่า เราเดินทางวันที่ 6 เมษายน 2560 ไปไฟลท์เที่ยงๆ ไปถึงที่มอสโกก็ค่ำพอดี วันแรกก็ถือโอกาสพักผ่อนไปก่อน เพราะนั่งเครื่องสิบชั่วโมง คงเมื่อยตูดพอสมควร
เราแพลนว่าเราจะอยู่ที่มอสโกสามวันเต็มๆ คือวันที่เจ็ดถึงเก้า เพราะวันที่สิบเราต้องเดินทางไปมูรมานส์…
และแล้วแผนการเซอร์ไพรส์ของเราก็ปิ้งขึ้นมาในหัว เพราะวันที่ 9 เมษายน 2560 เป็นวันครบรอบ 7 ปี ที่เรากับแฟนคบกัน
เราตั้งใจว่าจะพาแฟนไปดูบัลเลท์ที่บอลชอย “Bolshoi” เป็นโรงละครบัลเล่ท์ และโอเปร่า ที่มีชื่อเสียงระดับโลก
ระดับโลกเลยนะ !!!
ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่า ไปดูบัลเล่ท์อะไรหรอก ประเด็นคือ แพงสาดดดดด !!!! เราเข้าไปดูค่าตั๋ว ถึงขั้นกุมขมับ ไมเกรนแทบขึ้น แล้วเราก็ปิดหน้าจอไป
เช้าวันต่อมา…..หลังจากที่รู้สึกตกใจกับราคาค่าตั๋วชมบัลเลท์ เราก็ตั้งสติใหม่ และเข้าไปหาข้อมูลเพิ่มขึ้นเพื่อดูว่า จะพอมีวิธีไหนที่จะหาตั๋วราคาไม่แพงเกินไป หาอยู่อย่างนั้น 3 วันเต็มๆ
สิ่งที่ได้คือ ในทุกๆวันที่เราท่องเว็บหาข้อมูล พร้อมตั๋วชมบัลเลต์ในวันที่ 9 เมษายน
……ตั๋วเหลือน้อยลงทุกวัน……
……เอาไงดีว่ะ???………………..
และเมื่อผ่านไปครบ 1 อาทิตย์ เราก็โชคดีได้ราคาตั๋วอัพเดทใหม่ ที่พอจะซื้อได้ เราก็ไม่รีรอ กดคลิ๊กเดียว รูดปรื้ด!!!!!!! เรียบร้อย สำหรับแผนการเตรียมเซอร์ไพรส์ครั้งนี้
หลังจากที่เรามีตั๋วแล้ว ตอนนี้ก็เพียงแต่รอเวลาให้วันที่ 9 เมษายน มาถึงเท่านั้นแหละ
5 เม.ย
พรุ่งนี้ต้องเดินทางไปทริปรัสเซีย…เมียขอมาแล้ว เช็คสภาพอากาศ เตรียมกระเป๋า เอกสารต่างๆ ให้เรียบร้อย
และแล้วก็ถึงวันเดินทาง
เริ่มออกจากบ้านตอน 8 โมงเช้าเพื่อเตรียมตัวไปสนามบิน ก็มันวันหยุดนิ เดี๋ยวรถติด อีกอย่างขอแวะทานข้าวก่อนนะ เพราะกว่าจะถึงไฟล์ทบินก็เที่ยงๆ หิวตาย!!
ไปถึงสนามบินประมาณ 9.30 น. พอดิบพอดีกับเวลาเหลือๆ ไม่รีบเกินไป หลังจากผ่านต.ม บ้านเราแล้วก็ช้อปปิ้งสิ รออะไร คุณนายจัดหนักไปเรียบร้อย
แล้วก็ได้เวลาขึ้นเครื่อง 12.20 น. นั่งยาวๆ ไปอีก 10 ช.ม. หลับไป 3 ตื่น กับหนังอีก 3 เรื่องก็ถึงรัสเซีย
ก่อนจะเล่าเรื่องต่อ เรามาบอกวิธีการซื้อตั๋วเครื่องบินและที่พักกันก่อนสักนิด เผื่อเป็นประโยชน์สำหรับคนอยากไปเที่ยวรัสเซียบ้าง
เราเริ่มหาตั๋วจาก agent ต่างๆ ทั้ง Expedia.com , Agoda.com , Booking.com , Hostel.com , Traveloka.com , skyscanner.com และอีกจิปาถะ รวมถึงตั้งเป้าว่า เราจะเดินทางแบบไม่แวะพัก (no transfer flight) เนื่องจากเราไม่อยากยุ่งยากเรื่องเวลา และเราได้ลองเลือกดูอยู่หลายสายการบิน โดยใช้ skyscanner เป็นหลัก เมื่อหาข้อมูลอยู่ราวๆ 1 เดือนก่อนเดินทาง ทุก agent และ สายการบินที่บินตรง (เว็บสายการบิน) สำรวจแล้วพบว่าการซื้อเป็นแพค ถูกกว่าอย่างแน่นอน! เราจึงเลือกที่จะจองผ่าน expedia เพราะราคาถูกสุด ณ ช่วงเวลานั้น (ขอย้ำว่าเราเช็คราคาทุกวันติดต่อกันเป็นเวลา 2 อาทิตย์)
เราขอเล่าการจองให้ฟังคร่าวๆ ว่าเราเลือกที่จะไป 2 เมือง เมื่อสำรวจราคาทุกสิ่งอย่างและคิดว่าทางเลือกนี้น่าจะถูกที่สุดก็จัดการจองเลย โดยเลือกแบบ flight+hotel (ระบุวันไป 6 เม.ย กลับ 12 เม.ย + โรงแรม 4 คืนใน Moscow และ flight only สำหรับ Murmansk) ซึ่งที่เราเลือกแบบนี้เพราะตอนแรกเราเลือกที่จะนอน Service Apartment ที่ Murmansk ในวันที่ 10 เป็นเวลา 2 คืน และกลับมาขึ้นเครื่องที่ Moscow ในวันที่ 12 แต่!!! สิ่งไม่คาดคิด ทั้งที่คิดว่าน่าจะวางแผนอย่างดีแล้วคือ เราและคุณแฟน กลัว! เลยกลับลำยกเลิก Service Apartment แล้วไปแยกจองโรงแรม Azimut Hotel Murmansk ใน Agoda.com แทน เพื่อความปลอดภัยและทรัพย์สิน (ซึ่งพอไปจริงๆแล้ว ปลอดภัยมาก)
สำหรับการจองทัวร์เราจะเล่าให้ฟังใน part ต่อๆไปนะ
รัสเซียแลนด์ดิ้ง
10 ช.ม. บอกเลย เดี้ยง ขา เข่าเล่นเอาระบม แต่ยังมีอะไรให้เดี้ยงกว่ารออยู่ข้างหน้า
อะไรหน่ะเหรอ….
การต่อรถไฟใต้ดินเข้าที่พัก อยากจะบอกว่า ถ้ามีคนเขียนไว้สักนิดว่าให้เราออกกำลังกายหนักๆ ก่อนเดินทางมารัสเซีย เราจะขอบคุณมาก แต่…ไม่มี หรือถ้ามี เราก็พลาดมาก เพราะรถไฟใต้ดินของที่นี่บางสถานีไม่มีบันไดเลื่อน (อ่อ…เราแนะนำว่าถ้าไป Moscow อยากให้ศึกษาตัวอักษรของรัสเซียเอาไว้เพราะเวลาเราหาชื่อสถานีรถไฟกว่าจะกางหาภาษาอังกฤษต้องใช้เวลานานมาก เนื่องจากในรัสเซีย โดยเฉพาะมอสโกมีการใช้ภาษาอังกฤษน้อยมากจริงๆ แต่เราสามารถคุยกับคนรัสเซียรู้เรื่องนะ เพราะทุกครั้งที่คนรัสเซียเข้ามาถามว่าไปไหน หรือพยายามจะบอกอะไรเราสักอย่าง เค้าจะพาเราไปจนถึงจุดหมายปลายทางนั้นจริงๆ และเฝ้ารอว่าเราได้ขึ้นรถไฟถูกจุด คือน่ารักมาก แต่หน้าดุยิ่งกว่าทหารรบซะอีก)
เราใช้เวลากับการแบกกระเป๋า 20 กิโล ลาก จูง แบก หาม (ก็แน่หล่ะสิ บันไดเลื่อนไม่ได้มีทุกสถานีนิ! แล้วสถานีนั้นคือที่พักเราเอง “Партизанская”) ถ้ารู้ก่อนว่าไม่มีบันไดเลื่อนตรูจะฟิตร่างกายมามากกว่านี้! นี่เล่นเอาหนาวๆ 10 องศาต้องถอดเสื้อกันเลยทีเดียว
ที่เห็นในรูปคือกระเป๋าคุณแฟน ส่วนของตัวเองวิ่งลงไปวางไว้แล้ว 20 โลแรก แฮ่กๆ
แต่ระหว่างการขึ้นลงอยากจะบอกว่า ทุกๆสถานีรถไฟใต้ดินในมอสโกสวยงามจนบางครั้งหายเหนื่อยจริงๆ
Part 2 ไปเที่ยวกันต่อ --->https://pantip.com/topic/37327215