[CR] ชี้เป้าเครื่องสำอางราคาประหยัด ที่คุณสมบัติเทียบเท่า Counter Brand !!!

***กันไว้เผื่อใครดราม่า เครื่องสำอางทุกชิ้นในกระทู้นี้เป็นเพียง
ความรู้สึกส่วนตัวจากการใช้ของจขกท แต่ละชิ้นไม่ถึงขนาด
‘ทดแทน’ กันได้ แต่มีคุณภาพ ‘บางส่วนที่คล้ายคลึง’ เลยอยากมา
แนะนำเผื่อเป็นทางเลือกให้สาวๆค่ะ***

.
.

สูญเสียเงินกันไปเท่าไหร่แล้ววววกับเครื่องสำอางและสกินแคร์ จขกทนี่นับ
ไม่ถ้วนค่าาา
บางอย่างใช้ๆไปเอ๊ะทำไมมันก็มีความคล้ายๆกันแฮะ ณ จุดๆนี้ราคาต่างกัน
หลายเท่าตัวนะเว้ยเฮ้ย
ข้อดีคือถ้ามันเป็นผลลัพธ์ที่เราต้องการพอดีก็ไม่จำเป็นต้องซื้อของแพง
ถูกมะ?
แต่บางทีเครื่องสำอางบางชิ้นราคาสูงมากกกกก็จริงแต่คุณภาพเค้าก็เริ่ดมง
ลงจนต้องยอมควักเงินจริงๆ
อันนี้ก็อยู่ที่วิจารณญาณและความจำเป็นของแต่ลำบุคคลโน๊ะ กระทู้นี้จขกท
ก็เลยรวบรวมครีมบำรุงและเมคอัพที่ราคาต่างกันลิบลิ่วแต่มีผลลัพธ์บางอย่าง
ที่คล้ายกัน มาเป็นทางเลือกให้เพื่อนๆที่งบจำกัดค่าาา


Tony moly goat milk(25 บาท)
///
Kiehl’s hydro-plumping re-texturizing serum
concentrate(2,690 บาท)


2 ตัวนี้จขกทให้ความคล้ายกันในเรื่องเทกเจอร์และความนุ่มของผิวค่ะ



เป็นเนื้อเจลแตกตัวเข้าสู่ผิว ต่างกันนิดนึงตรงที่โทนี่โมลี่จะมีชิมเมอร์พอทา
จะเป็นน้ำนมก่อนซึมเข้าผิว หลังทาจะทิ้งสัมผัสแบบซิลิโคนบนผิวทั้งคู่ค่ะ
(คีลส์จะซิลิโคนน้อยกว่า) ใช้แล้วผิวนุ่มมากกกกกๆทั้งคู่ แต่คีลส์จะให้ความ
รู้สึกอิ่มน้ำตลอดวัน ส่วนโทนี่โมลี่พอเวลาผ่านไปความชุ่มชื้นจะลดลงบ้าง
แต่ไม่ถึงขั้นหน้าแห้งค่ะ
ข้อดีของคีลส์ก็มีมากกว่าตามราคาแหละ นางช่วยชะลอริ้วรอยแล้วก็บำรุง
ผิวแบบล้ำลึกอย่างรู้สึกได้จริงๆ ถ้าใครงบจำกัด ไม่มีปัญหาริ้วรอย อายุยัง
ไม่เยอะ จขกทว่าโทนี่โมลี่ก็เป็นของถูกและดีที่น่าลองค่ะ


Snowgirl squalane & plankton booster(39 บาท)
///
Biotherm life plankton essence(2,500 บาท)


2 ตัวนี้จขกทให้ผลลัพธ์ที่คล้ายกันในเรื่องความชุ่มชื้นและประโลมผิวค่ะ



เป็นสกินแคร์ที่เทกเจอร์คนละหมวดเลย สโนว์เกิร์ลจะเป็นเนื้อเจลค่ะ ส่วน
ไบโอเติร์มก็รู้ๆกันว่าน้ำตบเนอะ สิ่งที่เหมือนกันคือส่วนผสมของแพลงก์ตอนค่ะ
หลังใช้สโนว์เกิร์ลจะดูผิวฉ่ำน้ำ ส่วนไบโอเติร์มผิวจะอิ่มน้ำดูฟูขึ้น
ความแพลงก์ตอนของคู่นี้ใช้เติมความชุ่มชื้นได้ดีมากกก ละก็บรรเทาการ
อักเสบของผิวด้วยค่ะ
พวกสิวอักเสบเม็ดเล็กๆอะไรเงี้ยหายไวขึ้น
ส่วนตัวจขกทคิดว่าไบโอเติร์มจะให้ความชุ่มชื้นกับผิวได้มากกว่าหน่อย
และเยียวยาสิวอักเสบได้เห็นผลไวกว่า สโนว์เกิร์ลก็เห็นผลแต่ต้องใช้ระยะ
เวลาที่มากกว่า ซึ่งถ้าใครงบน้อยสโนว์เกิร์ลก็เป็นทางเลือกที่น่าสนค่ะ


Ter uv matte cushion oil control spf50 pa+++(419 บาท)
///
Sulwhasoo perfecting cushion intense spf50+ pa+++(2,700 บาท)

**คูชั่นหมดแล้วเลยไม่ได้ลองทาให้ดูนะคะ

2 ตัวนี้คล้ายกันในเรื่องความติดทนและฟินนิชลุคค่ะ



คูชั่นเฑอจะมีเนื้อที่หนักและหนากว่าโซลวาซูค่ะ แต่หลังจากตบมาแล้วฟิน
นิชคล้ายกันมากกกก คือไม่แมตต์สนิทแต่ก็ไม่ฉ่ำเกินไป ได้ลุคดูผิวดีมี
ความโกลว์เล่นแสงแบบพอดีไม่เลื่อมปลาทู ผิวสวยเลอเลิศ ถึงจะเป็นคูชั่น
แต่ติดทนนานใช้ได้เลย ช่วยคุมมันได้โอเคทั้งคู่ค่ะ
โซลวาซูจะชนะไปตรงที่เนื้อบางเบากลืนกับผิวแต่ให้การปกปิดจุดบกพร่อง
(เฑอยังดูหนาบนผิวนิดหน่อย) ให้อารมณ์เหมือนผิวดีมาแต่เกิดอ่ะ จะตบ
เท่าไหร่ก็ไม่หนาและถ่ายรูปออกมาขึ้นกล้องมากกก


Collection lasting perfection ultimate wear concealer(249 บาท)
///
nars radiant creamy concealer(1,320 บาท)


2 ตัวนี้คล้ายกันในเรื่องพิกเม้นแน่นและติดทนค่ะ



เป็นคอนซีลเลอร์ที่เนื้อแน่นมากกก กลบใต้ตาหรือรอยสิวได้กริ๊บบ
(แต่นาร์สจะกริบกว่านิ๊ดนุง) ปกปิดดี แมตต์ไปกับผิว ติดทนนานตลอดวันค่ะ
เสียดายแค่คอลเล็กชั่นเนื้อแห้งไปและเกลี่ยยากกว่า ตัวนาร์สจะมีความ
สมูทเกลี่ยง่ายและเบาสบายผิวกว่าค่ะ


เจ้านาง perfect bright uv 2 way powder foundation(399 บาท)
///
Mac studio fix powder(1,600 บาท)


2 ตัวนี้คล้ายกันในเรื่องการปกปิด หน้าเนียน และติดทนนานค่ะ



เป็นแป้งที่เนื้อเนียนมากกกกกกกทั้งคู่ คือทาแล้วหน้าเนียนเด้งมาก ฟินนิช
2 ตัวนี้คล้ายกันเกือบจะเหมือนต่างกันที่สีนิ๊ดดดเดียวจริงๆ  ปกปิดดีทั้งคู่
แต่แมคจะแอบบิ้วด์ได้หนากว่า คุมมันได้โอเค แต่แป้งติดผิวดีทั้งคู่ค่ะ ตบไป
เจ้านางจะให้ความรู้สึกบางเบางานผิวชนะเริ่ดฉ่ำวาวเวลาเหงื่ออก งาน
กลางแจ้งงานแออัดคือรอด
อย่างที่บอกว่าแมคจะบิ๊วด์การปกปิดได้สูงกว่าเจ้านางนิดหน่อย ข้อดีอีก
อย่างคือเฉดสีกว้างมากกกก ขาวมากไปจนถึงผิวเข้ม โทนเหลืองโทนชมพู
เลือกได้ แต่เจ้านางก็ดีตรงที่ความเป็นแบรนด์ไทยก็จะทำแป้งออกมาเป็น
เฉดสีมาตราฐานของคนไทยอยู่แล้ว มันเริ่ดตรงนี้แหละเจ้าค่ะราคาโคตรน่ารัก
มันก็แน่นอนแหละราคาต่างกันกี่เท่าทางเลือกก็ต้องน้อยกว่าแมคอันนี้
เข้าใจได้  ชอบอันไหนเลือกโลดดดดด


Cute press beauty and the beast romantic light highlighter(229 บาท)
///
The balm mary lou manizer(1,150 บาท)


2 ตัวนี้คล้ายกันในเรื่องความฉ่ำและเม็ดชิมเมอร์ละเอียดค่ะ



คิ้วเพลสทำออกมางดงามมากกก ตอนแรกคิดว่าจะเป็นไฮไลท์ทั่วไป แต่
พอใช้แล้วมีความฉ่ำแบบละมุน ถึงจะคนละโทนสีแต่ลุคที่ได้คล้ายกันมาก
เดอะบาล์มถ้าปัดเบาๆจะได้ลุคเงาๆฉ่ำๆเกาหลีประมาณนี้เลยค่ะ
แต่เดอะบาล์มก็จะเหนือกว่าตรงที่ให้ลุคฉ่ำเกาหลีหรือพุ่งแบบสายฝอก็ได้
(คิ้วเพลสไม่ถึงขั้นหน้าพุ่งได้เน้อ) อีกอย่างคือเดอะบาล์มติดทนมากกกก
เช้าจรดดึกส่วนคิ้วเพลสระหว่างวันค่อยๆเลือนลงเรื่อยๆค่ะ แต่ก็อยากให้
ลองเพราะราคาเท่านี้แต่ปัดออกมาละมุนมากจริงๆ


Wet n Wild lipstick(139 บาท)
///
Mac lipstick(830 บาท)


2 ตัวนี้คล้ายกันในเรื่องพิกเม้นสีค่ะ และเฉดสีของสีนี้



ตัวเวทแอนด์วายเนื้อแมตต์(แต่ก็ยังเลอะติดนู่นนี่)ส่วนแมคเป็นแอมพิฟายค่ะ
กลบสีปากมิดทั้งคู่คนปากคล้ำจขกทว่าใช้ได้ อาจจะเนื้อค่อนข้างแห้ง
ต้องบำรุงริมฝีปากดีๆ ถ้าปากเป็นขุยไม่ควรใช้ทั้งคู่เลยค่ะ สีนี้เป็นสีที่จขกท
ขอ dupe เลยค่ะ เหมือนมาก! ยิ่งทาบนปากแทบแยกไม่ออก
แมคจะชนะไปเรื่องความติดทนกว่าและแพคเกจค่ะ
เวทแอนด์วายแพคเกจค่อนข้างก๊องแก๊งเลอะง่ายฝาแตกง่าย พกพาแล้วบางทีหลุดออกมาเลอะ
แต่โดยรวมเทียบกับราคาแล้วก็ต้องให้อภัยจริงๆ

.
.

หมดแล้ววว หวังว่าทุกคนจะชอบกันนะคะ จขกทไม่ได้จะมาบัฟเค้าน์เตอร์
แบรนด์แต่อย่างใดอย่างที่บอกว่าข้อดีเค้าก็มีมากกว่าเน้อออ แค่อยากเอา
มาเป็นอีกทางเลือกให้คนที่ชอบเครื่องสำอางงบประหยัด ไว้พบกันใหม่รีวิวหน้า
สวัสดีค่าาา
ชื่อสินค้า:   Tony moly,Kiehl’s,Snowgirl,Biotherm,Ter,Sulwhasoo,Collection lasting,nars,เจ้านาง , Mac,Cute press,The balm,Wet n Wild
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่