คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 51
สวัสดีครับทุกท่าน ผมเป็นเจ้าของเรื่องนี้เองครับ ผมขอขอบคุณทุกๆความเห็นสำหรับการแนะนำมามากๆครับ ผมจะลองเอาไปปรับใช้ลองดู
1.ที่ทำงานผมเป็นห้องที่นั่งทำงานกัน 4-5 คน ซึ่งโดยปกติจะเงียบมากเวลาทำงาน จะได้ยินทุกเสียง เพราะทุกคนต้องทำงานเกี่ยวกับการวิเคราะห์ตัวเลข วิเคราะห์ตลาด โดยเนื้องานแล้วค่อนข้างยากมากครับที่จะยัดหูฟัง เพราะจะดูไม่เหมาะสมเอามากๆในการทำงาน
2.คุณแม่ท่านนี้ได้พยายามแก้ปัญหาอย่างที่ผมเล่าประมาณแค่สัปดาห์เดียว ที่เหลือก็ทำพฤติกรรมแบบเดิม และเขาบอกว่าเขาจะต้องปั๊มนมแบบนี้ 1ปีครึ่ง ซึ่งผมได้ฟังตัวเลขแล้วถึงกับเครียดเลย ตอนนี้ผมอนทนมาได้ 4 เดือนแล้วจนตอนนี้ผมว่าผมทนไม่ไหว ไม่ชิน
3. ผมเลือกแก้ปัญหาด้วยการไม่พูด พยายามเปิดใจให้กว้าง พยายามเข้าใจความเป็นแม่ พยายามเห็นอกเห็นใจ แต่พอมาเจอสถาณการณ์จริงซ้ำๆทุกวันมันลำบากมากครับที่เราจะต้องเคยชินกับเรื่องนี้ ผมพยายามประคองความรู้สึกนี้เพราะคิดว่ามันไม่น่าใช่เรื่องใหญ่อะไรและเป็นปัญหาที่ควรแก้ได้ด้วยตัวเราเอง ทำพยายามทำแล้วครับฟมอดทนตลอด 4 เดือนที่ผ่านมา
4.พอเกิดเรื่องนี้ขึ้นความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานคนนี้ค่อนข้างเปลี่ยนไปเยอะ เราต่างฝ่ายต่างเมินเฉยใส่กัน แต่เวลาที่ต้องทำงานด้วยกันเราก็คุยกันปกติ ลึกๆผมกับเขาต่างก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงอะไรคงคิดว่าผมชิน ปัญหามันลุกลามไปในหลายๆเรื่อง แต่ตอนนี้มันเหมือนยังไม่ระเบิดออกมาแค่นั้นเองครับ
5. HRผมว่าเขาคงไม่ทราบเรื่องนี้ ที่ทำงานไม่มีห้องสำหรับปั๊มนมโดยเฉพาะ แต่ก้มีห้องพักเบรก มีพื้นที่ส่วนตัวพอที่จะทำเรื่องนี้ได้
6. ผมไม่ได้ต้องการให้เขาหยุดปั๊มนม สิ่งที่ผมต้องการคือคุณควรหาพื้นที่ที่เหมาะสมทำภาระกิจให้เสร็จแล้วค่อยมานั่งโต๊ะทำงานก็ได้ เพราะผมคิดว่าหัวหน้าผมเขาคงอนุญาตละไม่ติดอะไร แต่คุณแม่ท่านนี้ก็ยังเป็นแบบเดิมตลอดมาทำตัวชิลๆเหมือนอยู่บ้านครับ
มันอาจจะฟังดูตลก เรื่องเล็กหรือเรื่องที่เป็นปัญหาของผมเอง ให้ผมแก้ที่ตัวผมเอง ผมจะบอกว่าผมก็เคยคิดแบบนั้นเช่นหลายคนที่ว่าๆผมมา แต่ตัวผมอยู่ตรงนี้อยู่กับความจริงที่เกิดขึ้น มันไม่ได้เป็นในแบบที่เราคิดเลยครับ มันแย่มากจริงๆ
1.ที่ทำงานผมเป็นห้องที่นั่งทำงานกัน 4-5 คน ซึ่งโดยปกติจะเงียบมากเวลาทำงาน จะได้ยินทุกเสียง เพราะทุกคนต้องทำงานเกี่ยวกับการวิเคราะห์ตัวเลข วิเคราะห์ตลาด โดยเนื้องานแล้วค่อนข้างยากมากครับที่จะยัดหูฟัง เพราะจะดูไม่เหมาะสมเอามากๆในการทำงาน
2.คุณแม่ท่านนี้ได้พยายามแก้ปัญหาอย่างที่ผมเล่าประมาณแค่สัปดาห์เดียว ที่เหลือก็ทำพฤติกรรมแบบเดิม และเขาบอกว่าเขาจะต้องปั๊มนมแบบนี้ 1ปีครึ่ง ซึ่งผมได้ฟังตัวเลขแล้วถึงกับเครียดเลย ตอนนี้ผมอนทนมาได้ 4 เดือนแล้วจนตอนนี้ผมว่าผมทนไม่ไหว ไม่ชิน
3. ผมเลือกแก้ปัญหาด้วยการไม่พูด พยายามเปิดใจให้กว้าง พยายามเข้าใจความเป็นแม่ พยายามเห็นอกเห็นใจ แต่พอมาเจอสถาณการณ์จริงซ้ำๆทุกวันมันลำบากมากครับที่เราจะต้องเคยชินกับเรื่องนี้ ผมพยายามประคองความรู้สึกนี้เพราะคิดว่ามันไม่น่าใช่เรื่องใหญ่อะไรและเป็นปัญหาที่ควรแก้ได้ด้วยตัวเราเอง ทำพยายามทำแล้วครับฟมอดทนตลอด 4 เดือนที่ผ่านมา
4.พอเกิดเรื่องนี้ขึ้นความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานคนนี้ค่อนข้างเปลี่ยนไปเยอะ เราต่างฝ่ายต่างเมินเฉยใส่กัน แต่เวลาที่ต้องทำงานด้วยกันเราก็คุยกันปกติ ลึกๆผมกับเขาต่างก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงอะไรคงคิดว่าผมชิน ปัญหามันลุกลามไปในหลายๆเรื่อง แต่ตอนนี้มันเหมือนยังไม่ระเบิดออกมาแค่นั้นเองครับ
5. HRผมว่าเขาคงไม่ทราบเรื่องนี้ ที่ทำงานไม่มีห้องสำหรับปั๊มนมโดยเฉพาะ แต่ก้มีห้องพักเบรก มีพื้นที่ส่วนตัวพอที่จะทำเรื่องนี้ได้
6. ผมไม่ได้ต้องการให้เขาหยุดปั๊มนม สิ่งที่ผมต้องการคือคุณควรหาพื้นที่ที่เหมาะสมทำภาระกิจให้เสร็จแล้วค่อยมานั่งโต๊ะทำงานก็ได้ เพราะผมคิดว่าหัวหน้าผมเขาคงอนุญาตละไม่ติดอะไร แต่คุณแม่ท่านนี้ก็ยังเป็นแบบเดิมตลอดมาทำตัวชิลๆเหมือนอยู่บ้านครับ
มันอาจจะฟังดูตลก เรื่องเล็กหรือเรื่องที่เป็นปัญหาของผมเอง ให้ผมแก้ที่ตัวผมเอง ผมจะบอกว่าผมก็เคยคิดแบบนั้นเช่นหลายคนที่ว่าๆผมมา แต่ตัวผมอยู่ตรงนี้อยู่กับความจริงที่เกิดขึ้น มันไม่ได้เป็นในแบบที่เราคิดเลยครับ มันแย่มากจริงๆ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 92
เราเป็นผู้หญิงเราอ่านแล้วยังอึดอัดแทนเลย
แม่ๆ ยุคใหม่ใช้การ์ดคุณแม่ลูกอ่อนพร่ำเพรื่อไปหรือเปล่า สมัยเราอยู่ที่ทำงานเก่า จำได้ว่าไม่มีกฏห้ามเรื่องนี้ และช่วงนั้นน้องๆ ในออฟฟิศมีแม่ลูกอ่อนพร้อมกันหลายคน แต่พวกเธอๆ ก็เลือกปั๊มนมเก็บไว้ที่ีบ้าน ไม่เคยเห็นใครมานั่งปั๊มนมที่ทำงานซักที (หริออาจจะมี แต่แน่นอน ไม่เคยเห็นใครปั๊มนมที่โต๊ะทำงาน) จนชักสงสัย นี่คือเทรนด์เห็นแก่ตัวของคุณแม่ยุคใหม่ หรือมารยาทส่วนรวมมันไม่มีแล้วในคนสมัยนี้
แม่ๆ ยุคใหม่ใช้การ์ดคุณแม่ลูกอ่อนพร่ำเพรื่อไปหรือเปล่า สมัยเราอยู่ที่ทำงานเก่า จำได้ว่าไม่มีกฏห้ามเรื่องนี้ และช่วงนั้นน้องๆ ในออฟฟิศมีแม่ลูกอ่อนพร้อมกันหลายคน แต่พวกเธอๆ ก็เลือกปั๊มนมเก็บไว้ที่ีบ้าน ไม่เคยเห็นใครมานั่งปั๊มนมที่ทำงานซักที (หริออาจจะมี แต่แน่นอน ไม่เคยเห็นใครปั๊มนมที่โต๊ะทำงาน) จนชักสงสัย นี่คือเทรนด์เห็นแก่ตัวของคุณแม่ยุคใหม่ หรือมารยาทส่วนรวมมันไม่มีแล้วในคนสมัยนี้
ความคิดเห็นที่ 17
ผู้หญิงคนเป็นแม่ อดทนกว่าเยอะครับ ต้องตื่นเที่ยงคืน ตีสาม และหกโมงมานั่งปั๊มนม
เป็น หกเดือน เป็นปี คุณมีลูกเมื่อไรแล้วจะเข้าใจครับ ยกเว้นว่าคุณจะชงนมผง ให้ลูกกิน นั่นก็อีกเรื่องนึง
ผมเห็น ผญ. นั่งปั๊มนมอย่างนี้แล้ว ผมกลับชื่นชมในความอดทนมากกว่า ครับ
อันนี้แล้วแต่มุมมองของแต่ละคนครับไม่ว่ากัน
เป็น หกเดือน เป็นปี คุณมีลูกเมื่อไรแล้วจะเข้าใจครับ ยกเว้นว่าคุณจะชงนมผง ให้ลูกกิน นั่นก็อีกเรื่องนึง
ผมเห็น ผญ. นั่งปั๊มนมอย่างนี้แล้ว ผมกลับชื่นชมในความอดทนมากกว่า ครับ
อันนี้แล้วแต่มุมมองของแต่ละคนครับไม่ว่ากัน
ความคิดเห็นที่ 3
นี่คืออีกปัญหาของสังคมไทย ในการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
เนื่องจากสถานประกอบการทั้งหลาย ไม่ได้จัดที่รองรับสำหรับแม่ลูกอ่อนในการปั๊มนม
เราก็เป็นอีกคนนึงค่ะ ที่ปั๊มนมให้ลูกทุกวัน โชคดีตรงที่ ที่ทำงานเรา ปั๊มนมกันเป็นเรื่องปกติ
แถมมีแก๊งค์แม่ลูกอ่อนหลายคน ปั๊มกันที่โต๊ะเพลินๆเลยค่ะ
เข้าใจจขกท. นะคะ ว่าเสียงเครื่องปั๊ม อาจจะรบกวนสมาธิในการทำงาน
เข้าใจเพื่อนจขกท. ด้วย ตอนนี้ เค้าอาจจะรู้ตัว และคงเกรงใจบ้าง ถ้าตามที่เล่ามา เหมือนเค้าจะพยายามหาวิธีให้เสียงดังรบกวนน้อยที่สุด
แนะนำว่า ให้หาหมอน หรือผ้าห่มเล็กๆ รองใต้เครื่องปั๊มค่ะ จะช่วงลดเสียงลงได้พอสมควรเลย
เพราะถ้าวางกับพื้นแข็งๆ เวลามอร์เตอร์เครื่องปั๊มทำงาน มันจะดังค่ะ
หรือถ้ามีห้องพักเจ้าหน้าที่ ลองแนะนำให้เค้าไปปั๊มตรงนั้นไหมคะ
บอกเค้าว่า ปั๊มนมไป จิบน้ำไปพลางๆ จะได้ผ่อนคลาย น้ำนมจะได้มาเยอะๆ
ถ้านั่งปั๊มที่โต๊ะทำงาน เห็นงานแล้วจะเครียด เดี๋ยวนมหดนะ แม่ลูกอ่อนกลัวนมหดที่สุดค่ะ อิอิอิ
หรือไม่ จขกท. เอาหูฟังมาเสียบ เวลาเค้าปั๊มนม ก็อาจจะเป็นการส่งสัญญาณอีกแบบนึงก็ได้ค่ะ
ครั้งจะให้เค้าซื้อเครื่องใหม่ ก็หลายพันอยู่นะคะ จะให้กินนมผง ก็แพงมาก
เอาใจช่วยให้หาทางออกที่ดีได้นะคะ
เนื่องจากสถานประกอบการทั้งหลาย ไม่ได้จัดที่รองรับสำหรับแม่ลูกอ่อนในการปั๊มนม
เราก็เป็นอีกคนนึงค่ะ ที่ปั๊มนมให้ลูกทุกวัน โชคดีตรงที่ ที่ทำงานเรา ปั๊มนมกันเป็นเรื่องปกติ
แถมมีแก๊งค์แม่ลูกอ่อนหลายคน ปั๊มกันที่โต๊ะเพลินๆเลยค่ะ
เข้าใจจขกท. นะคะ ว่าเสียงเครื่องปั๊ม อาจจะรบกวนสมาธิในการทำงาน
เข้าใจเพื่อนจขกท. ด้วย ตอนนี้ เค้าอาจจะรู้ตัว และคงเกรงใจบ้าง ถ้าตามที่เล่ามา เหมือนเค้าจะพยายามหาวิธีให้เสียงดังรบกวนน้อยที่สุด
แนะนำว่า ให้หาหมอน หรือผ้าห่มเล็กๆ รองใต้เครื่องปั๊มค่ะ จะช่วงลดเสียงลงได้พอสมควรเลย
เพราะถ้าวางกับพื้นแข็งๆ เวลามอร์เตอร์เครื่องปั๊มทำงาน มันจะดังค่ะ
หรือถ้ามีห้องพักเจ้าหน้าที่ ลองแนะนำให้เค้าไปปั๊มตรงนั้นไหมคะ
บอกเค้าว่า ปั๊มนมไป จิบน้ำไปพลางๆ จะได้ผ่อนคลาย น้ำนมจะได้มาเยอะๆ
ถ้านั่งปั๊มที่โต๊ะทำงาน เห็นงานแล้วจะเครียด เดี๋ยวนมหดนะ แม่ลูกอ่อนกลัวนมหดที่สุดค่ะ อิอิอิ
หรือไม่ จขกท. เอาหูฟังมาเสียบ เวลาเค้าปั๊มนม ก็อาจจะเป็นการส่งสัญญาณอีกแบบนึงก็ได้ค่ะ
ครั้งจะให้เค้าซื้อเครื่องใหม่ ก็หลายพันอยู่นะคะ จะให้กินนมผง ก็แพงมาก
เอาใจช่วยให้หาทางออกที่ดีได้นะคะ
แสดงความคิดเห็น
เครียดมากกับเสียงเครื่องปั๊มนมของเพื่อนร่วมงาน
สวัสดีครับเพื่อนๆทุกท่าน ผมอยากจะขอแชร์ปัญหาที่ผมกำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ มันทำให้ผมเครียดมาก หงุดหงิดและไม่มีสมาธิในการทำงาน เพราะเพื่อร่วมงานเป็นแม่ลูกอ่อนต้องปั๊มนม 3 เวลา เช้า 8.30น. กลางวัน13.00น. เย็น17.00น. ซึ่งมันอยู่ในเวลางาน
ประเด็นอยู่ที่ว่าโต๊ะทำงานผมกับเพื่อนร่วมงานคนนี้ชิดติดกันแบบไม่มีอะไรกั้นเลย คือนั่งห่างกันไม่ถึงวา แล้วเขาก็ปั๊มนมตรงโต๊ะทำงานนั่นแหละ แรกๆที่เขาปั๊มนมผมมก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมาก แต่พอเจอทุกวันๆๆๆ จันทร์-ศุกร์มันไม่ไหวมากๆๆๆๆ โดยเฉพาะตอนที่ต้องทำงานที่ต้องใช้สมาธิ มันแตกกระเจิงหลายครั้งผมต้องเดินหนีไปที่อื่น จนตอนนี้มันเกิดเป็นความเครียด ผมต้องยอมมาทำงานสายเพื่อเลี่ยงเสียงนี้ในตอนเช้า ผมมีปรึกษาคนรอบข้างหลายคนก้ไม่รู้จะช่วยแก้ปัญหายังไงดี
ตอนนี้เขาเองก็เริ่มรู้ตัวเพราะคงเห็นผมหายจากโต๊ะทุกววันในเวลาที่เขาปั๊มนม หลังๆเขาเอาผ้ามาปิดเสียงเครื่องปั๊มนม เริ่มย้ายเครื่องปั๊มไปอยู่มุมสุดของโต๊ะ แต่มันก็ได้ยินเสียงอยู่ดี ทำไมการมีลูกของเขาต้องมาเป็นภาระให้คนอื่นด้วย เขาไม่มีความเกรงใจผมเลยทำตัวเหมือนอยู่บ้าน จะบอกก็ไม่กล้าเพราะไม่อยากทะเลาะกัน แต่เขาไม่มีความสำนึกไม่มีมารยาทเลย ตอนนี้ผมเครียและหลอนกับเสียงเครื่องปั๊มนมมากกกกกกกกกกกกกกกกก มีใครมีคำแนะนำดีๆช่วยผมหน่อยครับ