สวัสดีค่ะเพื่อนๆทุกๆคน...
ตอนนี้เรากำลังประสบปัญหาชีวิตค่ะ ..จริงๆแล้วก็ มันก็เป็นปัญหาที่ยืดเยื้อมานานแล้วล่ะค่ะ แต่เราก็พยายามที่จะอดทนแล้วก็เริ่มใหม่ แต่มันก็ยังเป็นเหมือนเดิมในหลายครั้งค่ะ ...เรื่องมีอยู่ว่า
เราอยู่กินกับผู้ชายคนหนึ่งมาจะห้าปีแล้วค่ะ เขาอายุน้อยกว่าเราสามปี เรามีลูกติดหนึ่งคนค่ะ แต่เขาโสดไม่เคยแต่งงาน เราอยู่กันแบบไม่ได้แต่งงานนะคะ แต่ครอบครัวเรารับรู้ ทางครอบครัวเราก็บอกให้เราคุยกับแฟนเรา เพื่อให้ไปแต่งกันให้ถูกต้องตามประเพณีค่ะ เราก็คุยกับเขา เราก็ถามกับเขาอยู่เรื่อยๆ ซึ่งคำตอบที่ได้รับก็จะประมาน เรามันจน พ่อแม่ก็จน ครอบครัวไม่ได้ร่ำรวย ยังไม่มีเงินไปแต่ง ก็ผลัดมา ผลัดไปเรื่อยๆ จนจะห้าปีเต็มแล้วค่ะ หลายๆครั้ง ที่เราทะเลาะกันเรื่องปัญหาครอบครัว เขาก็มักจะพูดว่า ก็เรามันไม่ดี เรามันไม่เก่ง เราทำได้แค่นี้ เรามันแค่ผู้ชายจนๆ ไม่มีเงิน ไม่มีทอง ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ มีแต่ตัวกับหัวใจที่รักเธอแค่นั้นล่ะ เราไม่มีปัญญาที่จะทำให้ชีวิตเธอดีขึ้นหรอก ...ทุกๆครั้งที่ได้ยินแบบนี้ เราก็ร้องไห้ น้ำตาไหลนะคะ คือ ถ้าเธอรักเราจริง ก็ควรที่จะพยายามสร้างอนาคต สร้างครอบครัว ให้เข็มแข็งไม่ใช่เหรอคะ ไม่ใช่มาพูดแบบนี้ เราเคยจะตัดสินใจเลิกกับเขาครั้งหนึ่งเมื่อปลายปี 59 เรากลับบ้านไปหาครอบครัว ซึ่งเขาก็กลับไปตามเรา แล้วพูดทุกอย่าง ขอคืนดีกับเรา คุยกับครอบครัวเรา จะทำทุกอย่างให้ดีขึ้น จะตั้งใจทำงาน เก็บเงินมาแต่งเรา ซึ่งสัญญากับครอบครัวเราเป็นอย่างดี ก่อนหน้านี้ครอบครัวเราเคยพูดกับเขาขอค่าสินสอดแค่ 10,000 บาทแต่เขาก็บอกไม่มี ทำให้เราคิดว่าจะเลิกกับเขาแล้วกลับไปอยู่ที่บ้านแล้วเขาก็ตามไป พอหลังจากที่เขาคุยกับครอบครัวเราเสร็จก็กลับมาทำงานเหมือนเดิม ที่ภาคตะวันออก แล้วเราก็ลงมาทำงานที่กรุงเทพ แต่ยังไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ไปๆมาๆ ทุกอาทิตย์ พอเดือนธันวา เราก็ท้องปลายปีพอดี ก็เลยให้เขาลาออกมาอยู่กับเราที่กรุงเทพ เมื่อเดือนมีนาคมปี 60 เพื่อดูแลพาเราไปหาหมอ ระหว่างนั้นแฟนก็ได้ไปสมัครงานที่บริษัทแห่งหนึ่งแต่ก็ทำได้แค่ 10 วันก็ออก บอกว่า ระบบการทำงานไม่ดี หัวหน้าไม่สอนงาน อยากจะใช้ไปที่ไหนก็ใช้ อยากให้ทำอะไรก็ให้ทำ ทั้งๆที่ยังไม่รู้รายละเอียดของงาน เวลาพลาดก็ถูกด่า เราต้องไปทำงานคนเดียวทั้งๆที่ท้อง จนถึงเดือนพฤษภา เขาก็เริ่มขับแก๊บ บางครั้งทะเลาะกัน เขาก็ว่าเป็นเพราะเราทำให้เขาต้องลำบากออกจากงาน หลายๆอย่างเกิดปัญหา เราร้องไห้ ไม่สามารถปรึกษาใครได้ เขาไปขับแก้บ บางวันก็ได้ บางวันก็ไม่ได้ ก็เหมือนยังคงลอยแพ ไม่มีงานการที่มั่นคง เราก็ก้มหน้าทำงานไป เราทำงานคนเดียว เงินก็ไม่พอใช้ หลายๆครั้งที่เราต้องอดข้าว เพราะไม่มีเงิน หรือกินข้าวกับปราร้าสับ ทั้งๆที่เราท้อง ก็เป็นอยู่แบบนี้ จนถึงเดือนกรกฏาวันนั้นเราไม่มีเงินสักบาท ก็ให้แฟนออกไปขับแก้บ จนเย็นห้าโมงกว่าๆเรานอนหลับแล้วตื่นขึ้น จึงเห็นเป็นเบอร์แฟนโทรมาเราก็โทรกลับ แฟนบอกเกิดอุบัติเหตุ ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล เรานี่ใจตกไปถึงตาตุ่มเลยค่ะ ก็ไม่รู้ว่าเวรกรรมอะไรนักหนา เงินก็ไม่มี จนป่านนี้เรื่องคดีก็เงียบไปเลยค่ะ ทางคู่กรณีเขาไม่ยอมรับผิด แฟนเราบอกเขาขับรถตัดหน้า เราไม่มีหลักฐานไม่มีใครเป็นพยานให้ แล้วกล้องวงจรปิดก็ไม่มี ตำรวจก็เหมือนไม่ใส่ใจ แถมคู่กรณีเข้าหาตำรวจก่อนฝ่ายเราด้วย ก็เลยเจ็บฟรี แฟนเรากระดูกร้าวตรงไหล่ และขาขวา ต้องใส่เฝือก นอนรพ.3 วัน 4 คืน แล้วก็ออกมา สรุปเราก็ต้องทำงานคนเดียวอีกตามเคยค่ะ เหมือนเดิมชีวิต อดมื้อกินมื้อ มาเรื่อยจนสิ้นเดือนกรกฎา เราซื้อลอตเตอรี่งวด 1 สิงหา เราถูกลอตเตอรี่ 20000 บาทเรา เราก็ได้ไปออกรถยนต์มือสองมา คทอก่อนหน้านี้ก็คุยกันกับแฟน แฟนเขาอยากได้ เขาก็ตกปากรับคำว่า ถ้ามีรถจะตั้งใจทำงาน อย่างนั้นอย่างนี้ จริงๆแล้ว เราก็โง่ ด้วยล่ะค่ะ ที่เชื่อเขา พอถึงช่วงเราลาคลอดเรากลับบ้านไปอยู่ต่างจังหวัดกับเขารอคลอด เขาก็ยังไม่ได้ทำงาน คือใช้เงินเดือนเราทั้งหมดค่ะ จนวันคลอด เราต้องผ่าเพราะเราคลอดไม่ได้กระดูกเชิงกรานเราแคบ เด็กตัวใหญ่ แถมเราป่วยเป็นไข้ด้วยค่ะวันนั้น คลอดก่อนกำหนดสองสัปดาห์ ลูกเราหายใจผิดปกติ ต้องอยู่ห้องเด็ก แล้วเราก็ไม่เจอลูกเลยจนผ่านำปสองวัน ผลตรวจไข้เราเป็นไข้หวัดใหญ่ ต้องจับแยกกับคนอื่น ใส่ผ้าปิดจมูก ก็นอนรพ. 4 วันถึงออก แต่ลูกยังไม่ได้ออก พอต้องจ่ายเงินค่าคลอด เราไม่มีเงินอีก เราบอกแฟนเราตั้งแต่วันแรกที่เข้ารพ. บอกให้หาเตรียมเงินไว้ เขาก็บอกจะหา แต่สุดท้ายก็ไม่มี ยืมญาติเค้า เค้าก็บอกไม่มี เราไม่ได้โทรไปยืมทางบ้านเรา เพราะเราคิดว่ามันควรเป็นความรับผิดชอบของแฟนเรา จนสุดท้ายก็หาไม่ได้ เราออกรพ. มาก่อนแล้วให้เขาติดต่อยืมเงินกับพี่ชายเขาได้ในวันถัดไป ถึงได้ไปจ่ายค่ารพ. เป็นเงินที่พี่ชายเค้าไปกู้มาให้ แล้วเมื่อเราได้ให้เราจ่ายคืน คือระหว่างนี้ เราทะเลาะกันตลอด เราพูดว่า อะไรคือเราต้องจ่ายคนเดียวทุกอย่างเลยใช่มั้ย ทั้งที่เราก็คือพ่อแม่ของเขาทั้งสองคน แต่เราต้องแบกรับค่าใช้จ่ายเพียงคนเดียว เราร้องไห้ตลอด แต่ก็พยายามอดทน คิดแค่เพียงว่าเพื่อลูก และสักวันเค้าคงจะคิดได้ จนวันที่ไปรับลูกเราออกจากรพ. เราดีใจมากที่ได้อยู่กับเขาซะที ก็คิดแต่เพียงว่าจะอดทนเพื่อลูก อะไรที่ผ่านมาก็จะให้มันผ่านไป แต่จนแล้วจนรอดแฟนก็ยังไม่ได้ทำงาน เงินประกันสังคมออก เราก็เอาไปคืนพี่ชายเค้าที่ไปกู้มาให้เราพร้อมดอกเบี้ย ไหนจะค่าใช้จ่ายต่างๆอีก ของใช้เด็กแรกเกิด คือทุกอย่างอยู่ที่เรา เราเครียดมาก หลายๆครั้งที่เรานอนร้องไห้ มองหน้าลูกตัวเอง เราอดทนมาตลอด จนลูกเราได้เดือนหนึ่ง แฟนเราก็เลยกลับมาทำงานที่กรุงเทพ เป็นงานรับเหมาทำไฟฟ้ากับหัวหน้าเก่าเค้า ก็มาทำประมาณสองอาทิตย์ ปรากฏว่าหักค่าเบิกล่วงหน้าออกได้เงินแค่สามพันกว่าบาท เติมน้ำมันเติมแก้สกลับบ้านเหลือเงินไม่เท่าไหร่ ก็ซื้อแพมเพิสให้ลูกกับผ้าอ้อมไม่กี่ผืน ก็หมด เราไม่เหลือใช้เลยสักบาท เราก็ได้แต่ทะเลาะกันอีกแล้วก็ร้องไห้ค่ะ
จนในที่สุดเมื่อลูกเราครบ 2 เดือนพอดีเรากลับลงมาทำงาน และเขาก็ทำบริษัทเดียวกันกับเรา แต่เขาอยู่ฝ่ายผลิต เราออฟฟิต เขาก็บ่นตลอดว่าเบื่ออย่างนั้นอย่างนี้ เหนื่อย ไม่อยากทำ ไม่ชอบ คือเหมือนเค้าพูดอยู่ตลอดว่าเราบังคับให้เค้ามาทำงาน ในสิ่งที่เค้าไม่อยากทำ ก็เหมือนเดิมค่ะลงมา เงินไม่พอใช้ ยืมคนนั้น คนนี้ไปทั่วค่ะ เขาก็บ่นตลอดว่าเขาจะออก คิดถึงลูกอยากกลับไปอยู่บ้าน ไปอยํกับลูก เราก็เลยตัดสินใจ แล้วแต่เขา ตามใจเขา แล้วสิ้นปี เขาก็ลาออก
พอปีใหม่ เรากลับต่างจังหวัดไปหาลูก เขาก็กลับลงมาส่งเรา แล้วเขาก็กลับไป ประมาณวันที่ 10 มค.
แล้วเขาก็ได้งานเมื่อวันที่ 15 เป็นงานส่งของตามเซเว่น เราก็บอกให้เขาทำไป แต่ทำได้ไม่ถึงอาทิตย์ เขาก็ได้หยุด เพราะว่าเขาบอกว่าต้องรอรถประจำ รถทีาเอามาเป็นรถเช่า นี่ก็หยุดงานมาจนถึงวันนี้สี่ห้าวันแล้วยังไม่ได้ทำ เราก็คุยกับเขาตลอดจะไหวไหม จะพอค่าใช้จ่ายงวดรถรึเปล่าไหนจะยืมคนนั้นคนนี้มาอีก จะไหวมั้ย เค้าก็บอกไหว ต้องไหว จนเมื่อวาน เค้าบอกเราว่าให้เราเตรียมตัว เค้าจะมารับเรากลับไปอยู่ด้วยเดือนมีนานี้ เราบอกว่า จะไปได้ยังไง เรายังไม่มั่นคงเลยเงินเก็บก็ไม่มี งานที่ทำก็ยังไม่แน่ไม่นอน เขาก็โมโหพูดกัยเราว่าถ้าไม่อยากกลับไป ก็ไม่ต้องกลับ และไม่ต้องติดต่อกับเขาอีกเลย ลูกเราอยู่ที่บ้านเขา ครอบครัวเขาเป็นคนเลี้ยงลูกเราตั้งแต่แรก คือเราจะพูดกับเขามาตลอดว่า เราแก่แล้วลูกก็มีแล้ว เธอตั้งใจทำงาน ตั้งใจเก็บเงินเพื่อครอบครัวเพื่อลูกได้มั้ย เขาก็บอกได้ ก็ทำอยู่ เราไม่ว่าอะไร แค่เราขอทำงานที่นี่ต่ออีกถึงสิ้นปี จึงจะลาออกแล้วกลับไปอยู่ด้วยกัน เพราะงานที่เขาทำก็เพิ่งเริ่ม ยังไม่มั่นคง แล้วถ้าเรากลับไป เราจะได้งานเลยรึเปล่า ก็ไม่รู้ แต่ก็ทำให้เขาไม่พอใจ เรารู้ว่าเค้ารักเรา รักลูก เราก็รักลูก รักเค้าเหมือนกัน แต่เราแค่ต้องการความมั่นคง ความมั่นใจก่อน เราผิดเหรอ? ที่ยังกลับไปไม่ได้ เรามีลูกซึ่งอยู่กับครอบครัวอีกจังหวัดหนึ่ง ซึ่งเราก็ต้องรับผิดชอบเหมือนกัน ไม่ใช่มีแค่ลูกที่เกิดกับเขาเท่านั้น แล้วถ้าเราต้องการความมั่นคงของชีวิต เราผิดรึเปล่ามี่ต้องการแบบนั้น เรามีครอบครัวที่ต้องดูแล มีพ่อที่แก่มากและลูกที่กำลังเรียนหนังสือ ถ้าเราจะทำเพื่อตัวเรากับลูกและครอบครัว มันเป็นการเห็นแก่ตัวรึเปล่า เขาบอกเราว่าไม่ให้เราติดต่อเค้า เราก็พยายามทำใจ แต่เราคิดถึงลูกมาก เขาเคยพูดกับเรามาหลายครั้ง ตอนที่เราทะเลาะกัน เค้าบอกว่าถ้าวันหนึ่งเลิกกัน เค้าจะไม่ให้เราเอาลูกไป จะไม่ให้เราติดต่อลูก จะไม่ให้ลูกรู้จักเรา ซึ่งตอนนี้ลูกเรามีอายุเพียง 5 เดือนกว่าเอง เรากลุ้มใจมากเลยค่ะ อีกทั้งรถที่เป็นชื่อเรา แต่รถอยู่กับแฟนที่ต่างจังหวัด เราขับรถไม่เป็น เรื่องที่เราห่วงที่สุดก็คือลูก เราจะทำอย่างไรดีคะ...เพื่อนๆช่วยแนะนำเราทีค่ะ หรือถ้าวันหนึ่งเราเลิกกับเขาจริงๆ นี่เราคือคนเห็นแก่ตัวใช่มั้ยคะ ....
รบกวนเพื่อนๆช่วยแนะนำหน่อยค่ะ ....ขอบคุณค่ะ 😢😢😢😭😭😭
เจอปัญหา...ไม่รู้จะไปต่อยังไงค่ะ...ขอความคิดเห็นด้วยนะคะ
ตอนนี้เรากำลังประสบปัญหาชีวิตค่ะ ..จริงๆแล้วก็ มันก็เป็นปัญหาที่ยืดเยื้อมานานแล้วล่ะค่ะ แต่เราก็พยายามที่จะอดทนแล้วก็เริ่มใหม่ แต่มันก็ยังเป็นเหมือนเดิมในหลายครั้งค่ะ ...เรื่องมีอยู่ว่า
เราอยู่กินกับผู้ชายคนหนึ่งมาจะห้าปีแล้วค่ะ เขาอายุน้อยกว่าเราสามปี เรามีลูกติดหนึ่งคนค่ะ แต่เขาโสดไม่เคยแต่งงาน เราอยู่กันแบบไม่ได้แต่งงานนะคะ แต่ครอบครัวเรารับรู้ ทางครอบครัวเราก็บอกให้เราคุยกับแฟนเรา เพื่อให้ไปแต่งกันให้ถูกต้องตามประเพณีค่ะ เราก็คุยกับเขา เราก็ถามกับเขาอยู่เรื่อยๆ ซึ่งคำตอบที่ได้รับก็จะประมาน เรามันจน พ่อแม่ก็จน ครอบครัวไม่ได้ร่ำรวย ยังไม่มีเงินไปแต่ง ก็ผลัดมา ผลัดไปเรื่อยๆ จนจะห้าปีเต็มแล้วค่ะ หลายๆครั้ง ที่เราทะเลาะกันเรื่องปัญหาครอบครัว เขาก็มักจะพูดว่า ก็เรามันไม่ดี เรามันไม่เก่ง เราทำได้แค่นี้ เรามันแค่ผู้ชายจนๆ ไม่มีเงิน ไม่มีทอง ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ มีแต่ตัวกับหัวใจที่รักเธอแค่นั้นล่ะ เราไม่มีปัญญาที่จะทำให้ชีวิตเธอดีขึ้นหรอก ...ทุกๆครั้งที่ได้ยินแบบนี้ เราก็ร้องไห้ น้ำตาไหลนะคะ คือ ถ้าเธอรักเราจริง ก็ควรที่จะพยายามสร้างอนาคต สร้างครอบครัว ให้เข็มแข็งไม่ใช่เหรอคะ ไม่ใช่มาพูดแบบนี้ เราเคยจะตัดสินใจเลิกกับเขาครั้งหนึ่งเมื่อปลายปี 59 เรากลับบ้านไปหาครอบครัว ซึ่งเขาก็กลับไปตามเรา แล้วพูดทุกอย่าง ขอคืนดีกับเรา คุยกับครอบครัวเรา จะทำทุกอย่างให้ดีขึ้น จะตั้งใจทำงาน เก็บเงินมาแต่งเรา ซึ่งสัญญากับครอบครัวเราเป็นอย่างดี ก่อนหน้านี้ครอบครัวเราเคยพูดกับเขาขอค่าสินสอดแค่ 10,000 บาทแต่เขาก็บอกไม่มี ทำให้เราคิดว่าจะเลิกกับเขาแล้วกลับไปอยู่ที่บ้านแล้วเขาก็ตามไป พอหลังจากที่เขาคุยกับครอบครัวเราเสร็จก็กลับมาทำงานเหมือนเดิม ที่ภาคตะวันออก แล้วเราก็ลงมาทำงานที่กรุงเทพ แต่ยังไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ไปๆมาๆ ทุกอาทิตย์ พอเดือนธันวา เราก็ท้องปลายปีพอดี ก็เลยให้เขาลาออกมาอยู่กับเราที่กรุงเทพ เมื่อเดือนมีนาคมปี 60 เพื่อดูแลพาเราไปหาหมอ ระหว่างนั้นแฟนก็ได้ไปสมัครงานที่บริษัทแห่งหนึ่งแต่ก็ทำได้แค่ 10 วันก็ออก บอกว่า ระบบการทำงานไม่ดี หัวหน้าไม่สอนงาน อยากจะใช้ไปที่ไหนก็ใช้ อยากให้ทำอะไรก็ให้ทำ ทั้งๆที่ยังไม่รู้รายละเอียดของงาน เวลาพลาดก็ถูกด่า เราต้องไปทำงานคนเดียวทั้งๆที่ท้อง จนถึงเดือนพฤษภา เขาก็เริ่มขับแก๊บ บางครั้งทะเลาะกัน เขาก็ว่าเป็นเพราะเราทำให้เขาต้องลำบากออกจากงาน หลายๆอย่างเกิดปัญหา เราร้องไห้ ไม่สามารถปรึกษาใครได้ เขาไปขับแก้บ บางวันก็ได้ บางวันก็ไม่ได้ ก็เหมือนยังคงลอยแพ ไม่มีงานการที่มั่นคง เราก็ก้มหน้าทำงานไป เราทำงานคนเดียว เงินก็ไม่พอใช้ หลายๆครั้งที่เราต้องอดข้าว เพราะไม่มีเงิน หรือกินข้าวกับปราร้าสับ ทั้งๆที่เราท้อง ก็เป็นอยู่แบบนี้ จนถึงเดือนกรกฏาวันนั้นเราไม่มีเงินสักบาท ก็ให้แฟนออกไปขับแก้บ จนเย็นห้าโมงกว่าๆเรานอนหลับแล้วตื่นขึ้น จึงเห็นเป็นเบอร์แฟนโทรมาเราก็โทรกลับ แฟนบอกเกิดอุบัติเหตุ ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล เรานี่ใจตกไปถึงตาตุ่มเลยค่ะ ก็ไม่รู้ว่าเวรกรรมอะไรนักหนา เงินก็ไม่มี จนป่านนี้เรื่องคดีก็เงียบไปเลยค่ะ ทางคู่กรณีเขาไม่ยอมรับผิด แฟนเราบอกเขาขับรถตัดหน้า เราไม่มีหลักฐานไม่มีใครเป็นพยานให้ แล้วกล้องวงจรปิดก็ไม่มี ตำรวจก็เหมือนไม่ใส่ใจ แถมคู่กรณีเข้าหาตำรวจก่อนฝ่ายเราด้วย ก็เลยเจ็บฟรี แฟนเรากระดูกร้าวตรงไหล่ และขาขวา ต้องใส่เฝือก นอนรพ.3 วัน 4 คืน แล้วก็ออกมา สรุปเราก็ต้องทำงานคนเดียวอีกตามเคยค่ะ เหมือนเดิมชีวิต อดมื้อกินมื้อ มาเรื่อยจนสิ้นเดือนกรกฎา เราซื้อลอตเตอรี่งวด 1 สิงหา เราถูกลอตเตอรี่ 20000 บาทเรา เราก็ได้ไปออกรถยนต์มือสองมา คทอก่อนหน้านี้ก็คุยกันกับแฟน แฟนเขาอยากได้ เขาก็ตกปากรับคำว่า ถ้ามีรถจะตั้งใจทำงาน อย่างนั้นอย่างนี้ จริงๆแล้ว เราก็โง่ ด้วยล่ะค่ะ ที่เชื่อเขา พอถึงช่วงเราลาคลอดเรากลับบ้านไปอยู่ต่างจังหวัดกับเขารอคลอด เขาก็ยังไม่ได้ทำงาน คือใช้เงินเดือนเราทั้งหมดค่ะ จนวันคลอด เราต้องผ่าเพราะเราคลอดไม่ได้กระดูกเชิงกรานเราแคบ เด็กตัวใหญ่ แถมเราป่วยเป็นไข้ด้วยค่ะวันนั้น คลอดก่อนกำหนดสองสัปดาห์ ลูกเราหายใจผิดปกติ ต้องอยู่ห้องเด็ก แล้วเราก็ไม่เจอลูกเลยจนผ่านำปสองวัน ผลตรวจไข้เราเป็นไข้หวัดใหญ่ ต้องจับแยกกับคนอื่น ใส่ผ้าปิดจมูก ก็นอนรพ. 4 วันถึงออก แต่ลูกยังไม่ได้ออก พอต้องจ่ายเงินค่าคลอด เราไม่มีเงินอีก เราบอกแฟนเราตั้งแต่วันแรกที่เข้ารพ. บอกให้หาเตรียมเงินไว้ เขาก็บอกจะหา แต่สุดท้ายก็ไม่มี ยืมญาติเค้า เค้าก็บอกไม่มี เราไม่ได้โทรไปยืมทางบ้านเรา เพราะเราคิดว่ามันควรเป็นความรับผิดชอบของแฟนเรา จนสุดท้ายก็หาไม่ได้ เราออกรพ. มาก่อนแล้วให้เขาติดต่อยืมเงินกับพี่ชายเขาได้ในวันถัดไป ถึงได้ไปจ่ายค่ารพ. เป็นเงินที่พี่ชายเค้าไปกู้มาให้ แล้วเมื่อเราได้ให้เราจ่ายคืน คือระหว่างนี้ เราทะเลาะกันตลอด เราพูดว่า อะไรคือเราต้องจ่ายคนเดียวทุกอย่างเลยใช่มั้ย ทั้งที่เราก็คือพ่อแม่ของเขาทั้งสองคน แต่เราต้องแบกรับค่าใช้จ่ายเพียงคนเดียว เราร้องไห้ตลอด แต่ก็พยายามอดทน คิดแค่เพียงว่าเพื่อลูก และสักวันเค้าคงจะคิดได้ จนวันที่ไปรับลูกเราออกจากรพ. เราดีใจมากที่ได้อยู่กับเขาซะที ก็คิดแต่เพียงว่าจะอดทนเพื่อลูก อะไรที่ผ่านมาก็จะให้มันผ่านไป แต่จนแล้วจนรอดแฟนก็ยังไม่ได้ทำงาน เงินประกันสังคมออก เราก็เอาไปคืนพี่ชายเค้าที่ไปกู้มาให้เราพร้อมดอกเบี้ย ไหนจะค่าใช้จ่ายต่างๆอีก ของใช้เด็กแรกเกิด คือทุกอย่างอยู่ที่เรา เราเครียดมาก หลายๆครั้งที่เรานอนร้องไห้ มองหน้าลูกตัวเอง เราอดทนมาตลอด จนลูกเราได้เดือนหนึ่ง แฟนเราก็เลยกลับมาทำงานที่กรุงเทพ เป็นงานรับเหมาทำไฟฟ้ากับหัวหน้าเก่าเค้า ก็มาทำประมาณสองอาทิตย์ ปรากฏว่าหักค่าเบิกล่วงหน้าออกได้เงินแค่สามพันกว่าบาท เติมน้ำมันเติมแก้สกลับบ้านเหลือเงินไม่เท่าไหร่ ก็ซื้อแพมเพิสให้ลูกกับผ้าอ้อมไม่กี่ผืน ก็หมด เราไม่เหลือใช้เลยสักบาท เราก็ได้แต่ทะเลาะกันอีกแล้วก็ร้องไห้ค่ะ
จนในที่สุดเมื่อลูกเราครบ 2 เดือนพอดีเรากลับลงมาทำงาน และเขาก็ทำบริษัทเดียวกันกับเรา แต่เขาอยู่ฝ่ายผลิต เราออฟฟิต เขาก็บ่นตลอดว่าเบื่ออย่างนั้นอย่างนี้ เหนื่อย ไม่อยากทำ ไม่ชอบ คือเหมือนเค้าพูดอยู่ตลอดว่าเราบังคับให้เค้ามาทำงาน ในสิ่งที่เค้าไม่อยากทำ ก็เหมือนเดิมค่ะลงมา เงินไม่พอใช้ ยืมคนนั้น คนนี้ไปทั่วค่ะ เขาก็บ่นตลอดว่าเขาจะออก คิดถึงลูกอยากกลับไปอยู่บ้าน ไปอยํกับลูก เราก็เลยตัดสินใจ แล้วแต่เขา ตามใจเขา แล้วสิ้นปี เขาก็ลาออก
พอปีใหม่ เรากลับต่างจังหวัดไปหาลูก เขาก็กลับลงมาส่งเรา แล้วเขาก็กลับไป ประมาณวันที่ 10 มค.
แล้วเขาก็ได้งานเมื่อวันที่ 15 เป็นงานส่งของตามเซเว่น เราก็บอกให้เขาทำไป แต่ทำได้ไม่ถึงอาทิตย์ เขาก็ได้หยุด เพราะว่าเขาบอกว่าต้องรอรถประจำ รถทีาเอามาเป็นรถเช่า นี่ก็หยุดงานมาจนถึงวันนี้สี่ห้าวันแล้วยังไม่ได้ทำ เราก็คุยกับเขาตลอดจะไหวไหม จะพอค่าใช้จ่ายงวดรถรึเปล่าไหนจะยืมคนนั้นคนนี้มาอีก จะไหวมั้ย เค้าก็บอกไหว ต้องไหว จนเมื่อวาน เค้าบอกเราว่าให้เราเตรียมตัว เค้าจะมารับเรากลับไปอยู่ด้วยเดือนมีนานี้ เราบอกว่า จะไปได้ยังไง เรายังไม่มั่นคงเลยเงินเก็บก็ไม่มี งานที่ทำก็ยังไม่แน่ไม่นอน เขาก็โมโหพูดกัยเราว่าถ้าไม่อยากกลับไป ก็ไม่ต้องกลับ และไม่ต้องติดต่อกับเขาอีกเลย ลูกเราอยู่ที่บ้านเขา ครอบครัวเขาเป็นคนเลี้ยงลูกเราตั้งแต่แรก คือเราจะพูดกับเขามาตลอดว่า เราแก่แล้วลูกก็มีแล้ว เธอตั้งใจทำงาน ตั้งใจเก็บเงินเพื่อครอบครัวเพื่อลูกได้มั้ย เขาก็บอกได้ ก็ทำอยู่ เราไม่ว่าอะไร แค่เราขอทำงานที่นี่ต่ออีกถึงสิ้นปี จึงจะลาออกแล้วกลับไปอยู่ด้วยกัน เพราะงานที่เขาทำก็เพิ่งเริ่ม ยังไม่มั่นคง แล้วถ้าเรากลับไป เราจะได้งานเลยรึเปล่า ก็ไม่รู้ แต่ก็ทำให้เขาไม่พอใจ เรารู้ว่าเค้ารักเรา รักลูก เราก็รักลูก รักเค้าเหมือนกัน แต่เราแค่ต้องการความมั่นคง ความมั่นใจก่อน เราผิดเหรอ? ที่ยังกลับไปไม่ได้ เรามีลูกซึ่งอยู่กับครอบครัวอีกจังหวัดหนึ่ง ซึ่งเราก็ต้องรับผิดชอบเหมือนกัน ไม่ใช่มีแค่ลูกที่เกิดกับเขาเท่านั้น แล้วถ้าเราต้องการความมั่นคงของชีวิต เราผิดรึเปล่ามี่ต้องการแบบนั้น เรามีครอบครัวที่ต้องดูแล มีพ่อที่แก่มากและลูกที่กำลังเรียนหนังสือ ถ้าเราจะทำเพื่อตัวเรากับลูกและครอบครัว มันเป็นการเห็นแก่ตัวรึเปล่า เขาบอกเราว่าไม่ให้เราติดต่อเค้า เราก็พยายามทำใจ แต่เราคิดถึงลูกมาก เขาเคยพูดกับเรามาหลายครั้ง ตอนที่เราทะเลาะกัน เค้าบอกว่าถ้าวันหนึ่งเลิกกัน เค้าจะไม่ให้เราเอาลูกไป จะไม่ให้เราติดต่อลูก จะไม่ให้ลูกรู้จักเรา ซึ่งตอนนี้ลูกเรามีอายุเพียง 5 เดือนกว่าเอง เรากลุ้มใจมากเลยค่ะ อีกทั้งรถที่เป็นชื่อเรา แต่รถอยู่กับแฟนที่ต่างจังหวัด เราขับรถไม่เป็น เรื่องที่เราห่วงที่สุดก็คือลูก เราจะทำอย่างไรดีคะ...เพื่อนๆช่วยแนะนำเราทีค่ะ หรือถ้าวันหนึ่งเราเลิกกับเขาจริงๆ นี่เราคือคนเห็นแก่ตัวใช่มั้ยคะ ....
รบกวนเพื่อนๆช่วยแนะนำหน่อยค่ะ ....ขอบคุณค่ะ 😢😢😢😭😭😭