ผู้รู้อยู่ผู้เห็นอยู่ย่อมถึงความสิ้นอาสวะ ภิกษุทั้งหลาย ! กามคุณ 5 อย่างเหล่านี้ หาใช่กามไม่

พุทธวจน
ภิกษุทั้งหลาย ! กามคุณ ๕ อย่างเหล่านี้ คือ รูป ทั้งหลาย อันจะพึงรู้แจ้งได้ด้วยจักษุ....
เสียง ทั้งหลาย อันจะถึงรู้แจ้งได้ด้วยโสตะ
.... กลิ่น ทั้งหลาย อันจะพึงรู้แจ้งได้ด้วยฆานะ....

รส ทั้งหลาย อันจะพึงรู้แจ้งได้ด้วยชิวหา....
โผฏฐัพพะ ทั้งหลาย อันจะพึงรู้แจ้งได้ด้วยกาย
อันเป็นสิ่งที่น่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ มีลักษณะอันน่ารัก เป็นที่เข้าไปตั้งอาศัยแห่งความใคร่ เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด มีอยู่,

ภิกษุทั้งหลาย ! อารมณ์ ๕ อย่างเหล่านี้ หาใช่กามไม่ ; ห้าอย่างเหล่านี้ เรียกกันในอริยวินัยว่า กามคุณ.
ความดำริด้วยความพอใจในกามสัญญานั่นแหละคือกามของคนเรา ; อารมณ์อันวิจิตรทั้งหลายในโลกนั้น หาใช่กามไม่
ความดำริด้วยความพอใจในกามสัญญา(สงฺกปฺปราคะ)นั่นแหละคือกามของคนเรา ;

อารมณ์อันวิจิตร ก็มีอยู่ในโลก ตามประสาของมันเท่านั้น ; ดังนั้น

ผู้มีปัญญาจึงนำออกเสียซึ่ง ฉันทะ ในอารมณ์อันวิจิตรเหล่านั้น ดังนี้.

ภิกษุทั้งหลาย ! กามวิตก (ความตริตรึกในกาม) ย่อมเกิดอย่างมีเหตุให้เกิด ไม่ใช่เกิดอย่างไม่มีเหตุให้เกิด; นั้นเป็นอย่างไรเล่า ?

ภิกษุทั้งหลาย !

เพราะอาศัยกามธาตุ     จึงเกิดกามสัญญา;

เพราะอาศัยกามสัญญา จึงเกิดกามสังกัปปะ;

เพราะอาศัยกามสังกัปปะ จึงเกิดกามฉันทะ;

เพราะอาศัยกามฉันทะ    จึงเกิดกามปริฬาหะ (ความเร่าร้อนเพื่อจะได้กาม);

เพราะอาศัยกามปริฬาหะ จึงเกิดกามปริเยสนา (การแสวงหากาม)

ภิกษุทั้งหลาย ! บุถุชนผู้ไม่มีการสดับ เมื่อแสวงหาอยู่อย่างแสวงหา กาม

ย่อมปฏิบัติผิดโดยฐานะสาม คือ โดยกาย โดยวาจา โดยใจ
ภิกษุทั้งหลาย ! นิโรธแห่งกามย่อมมี เพราะนิโรธแห่งผัสสะ. อริยอัฏฐังคิกมรรคนี้นั่นแล เป็นปฏิปทาให้ถึงซึ่งนิโรธแห่งกาม ;
ปฏิปทานั้นได้แก่ สัมมาทิฏฐิ
สัมมาสังกัปปะ
สัมมาวาจา
สัมมากัมมันตะ
สัมมาอาชีวะ
สัมมาวายามะ
สัมมาสติ
สัมมาสมาธิ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  มหาสติปัฏฐาน 4 บทสวดมนต์
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่