แบ่งปันประสบการณ์เป็นมนุษย์เงินเดือนมืออาชีพมา 5 ปี

ผมตั้งกระทู้นี้เพื่อแบ่งปันประสบกาณ์ของตัวผมเองนะครับ บางข้ออาจจะไม่สามารถนำไปใช้ได้ในทุกกรณีต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์นั้นๆ

ผมทำงานเป็นวิศวกรครับ ตอนนี้กำลังจะครบ 5 ปี ตั้งแต่เรียนจบโทมาก็เพิ่งทำงานที่บริษัทเดียวยังไม่ได้ย้ายไปไหน (สาเหตุอยู่ในเนื้อหาครับ) เนื่องจากผมไม่ค่อยมีหัวทางด้านธุรกิจ ที่บ้านไม่มีกิจการให้ดูแล ต้นทุนเดียวที่พอจะโดนเด่นก็คือการศึกษา เลยคิดว่าการเป็นลูกจ้างมืออาชีพก็ทำให้ประสบความสำเร็จได้ ทั้งในแง่ค่าตอบแทน ความก้าวหน้า และความสุขในการทำงาน

1. เลือกงานที่เหมาะ ไม่ใช่แค่บริษัทเป็นคนเลือกพนักงาน แต่เราก็มีสิทธิ์เลือกบริษัทเช่นกัน แน่นอนว่าถ้าคุณมีต้นทุนที่สูงกว่าคนอื่นคุณก็มีสิทธิ์ในการเลือกมากกว่า หลังจบมาผมใช้เวลาหางานนานถึง 6 เดือนกว่าจะเลือกและถูกเลือก บริษัทและงานที่ถูกใจ เนื่องจากว่างานแรกอยากจะทำอย่างน้อย 1-2 ปี ผมเลยมีเงื่อนไขในใจที่ค่อนข้างเยอะ เช่น

- บริษัทต่างชาติเท่านั้น เนื่องจากวัฒนธรรมองค์กรต่างๆ บริษัท ไทย ญี่ปุ่น และ ยุโรปมันต่างกัน ผมคิดว่าสไตล์การทำงานของผมเข้ากับองค์กรไทยไม่ได้แน่ๆ ยิ่งเรื่องลำดับขั้น อายุ อาวุโส ที่ต่อให้ระมัดระวังยังไงสักวันอาจจะพลาดได้
- เป็นงานที่ใช้ความรู้วิศวกรรม แต่ดันได้ไม่ตรงสายเป๊ะๆ แต่ก็ถือว่ายังเป็นวิศวกรอยู่ ในอนาคตถ้าย้ายไปฝั่งเซลล์ ก็ยังมีพื้นฐานด้านเทคนิก
- อยู่ใน กทม เพราะผมคิดว่าถ้าอยู่โรงงานต่างจังหวัดสักปีคงไม่รอดแน่ๆ
สรุปก็ได้งานที่ตัวเองต้องการ อยู่ทั้งในออฟฟิศและเดินทางไปโรงงานลูกค้าบ่อยๆ

2. ทำงานให้โดดเด่น เนื่องจากเราอยู่บริษัทยุโรป มีเจ้านายเป็นคนต่างชาติ (หัวหน้าสำคัญมากต่ออาชีพการงาน) วัฒนธรรมองค์กรมันเอื้อให้เราได้แสดงศักยภาพเต็มที่ ภายในกรอบความรับผิดชอบของเรา มีไอเดียอะไรใหม่ๆ อยากเริ่มทำอะไรก็เอาไปคุยไปเสนอ หรือเริ่มทำจริงให้เห็นผล ทำให้ค่อนข้างเป็นที่ชื่นชอบของหัวหน้า

3. อยู่เป็น ต่อให้เป็นบริษัทต่างชาติแต่เราอยู่ในประเทศไทย ยังไงก็ไม่พ้นขาใหญ่คนไทย คุณต้องทำไงก็ได้ให้ลอยตัวเหนือดราม่าทั้งปวง ต้องฟังมากกว่าพูด ดูด้วยว่าคนที่คุยด้วยเป็นใคร หรือเป็นเด็กใคร เรื่องบางเรื่องที่ไม่ส่งผลกับงานเราก็ไม่จำเป็นต้องไปแลกปล่อยให้เป็นปัญหาของเค้าไป แค่เตือนอ้อมๆก็พอ นอกจากนี้การเมืองระดับองค์กรก็สำคัญเพราะระดับบริหารก็โยกย้ายเป็นว่าเล่น คุณรับรู้ข่าวสารไว้บ้างย่อมได้เปรียบ

4. รู้จักพรีเซนต์ตัวเอง คุณทำงานดีแต่ไม่มีใครรู้มันไม่มีประโยชน์ ถ้าคุณมีผลงานคุณต้องหาโอกาสนำเสนอตัวเอง แต่ให้พูดให้ถูกที่ ถูกคน ผมจะฉวยโอกาสทุกครั้งที่ได้ทานข้าวกับบอสใหญ่ ในการพยายามขายตัวเอง แต่คุณต้องไม่ฮาร์ดเซลล์จนเกินไป และก็ไม่โอ้อวดเกินจริน ต้องดูจังหวะและโอกาสที่ถูกต้องด้วย อย่างน้อยๆคุณต้องให้ระดับบริหารจำชื่อจำหน้าคุณได้ เมื่อวันใดวันนึงชื่อคุณโผล่เข้ามาในที่ประชุม เค้าก็จะรู้สึกว่าเอ๋อคนนี้เอง ไม่ใช่คำถามแรกคือคนนี้ใคร อยู่แผนกอะไร

5. ต้องหาคนสนับสนุน การที่คุณจะก้าวหน้าทางการงานได้ คุณต้องมีคนคอยผลักดัน คนๆนี้ต้องชอบคุณ เห็นผลงานคุณ พร้อมเปิดโอกาสให้ และที่สำคัญ เค้าต้องมีเพาเวอร์พอที่จะเสนอชื่อคุณ คนที่ง่ายที่สุดคือหัวหน้าสายตรง หรือหัวหน้าของหัวหน้า ผมถึงบอกว่าหัวหน้าสำคัญมากไงล่ะ

6. ทุกคนไม่จำเป็นต้องชอบคุณ แต่อย่าสร้างศัตรู ในการทำงานก็ต้องมีคนที่ชอบและไม่ชอบ แต่ที่ต้องระวังเลยคือการสร้างศัตรูโดยไม่จำเป็น ต่อให้วันนี้เค้าตำแหน่งเท่าๆคุณ หรืออยู่คนละแผนก ปีหน้าเค้าอาจจะมาเป็นคนตัดสินชะตาชีวิตคุณก็ได้ไม่มีใครรู้ เมื่อโอกาสมาถึงมีคนเสนอชื่อคุณ เค้าไม่จำเป็นต้องสนับสนุนแค่ไม่โดนเตะขัดขาก็พอ

7. อยากได้อะไรให้พูดตรงๆ อันนี้ใช้ได้กับหัวหน้าต่างชาติ หรือคนที่เปิดใจเท่านั้น จากการทำงานกับคนต่างชาติมาเยอะ ถ้าคุณไม่พูดออกมาเค้าจะไม่มีทางรู้ ถ้าคุณไม่มีความสุขกับงาน กับผลตอบแทน คุณต้องบอกเค้าตรงๆ แต่ต้องพูดด้วยเหตุด้วยผล ไม่ใช่เรียกร้องแบบเด็กๆ จากการทำงานมา 5 ปี ผมทำการเจรจาต่อเงินเดือน ตอน ปีที่3 และปีที่ 5 ซึ่งต้องพูดตรงๆว่าสายงานวิศวะถ้าไม่มีการย้ายงานการขึ้นเงินเดือนแบบก้าวกระโดดมันแทบเป็นไปไม่ได้ ยิ่งการที่คุณทำงานที่แรกเบสเงินมันน้อย ต่อให้เพิ่มปีละ 5-7% ย้ายงานทีเดียวส่วนใหญ่ก็ได้ขึ้นต่ำ 20% แล้วแต่แทนที่ผมจะหางานใหม่เลยค่อยยื่นลาออก ผมกลับเลือกที่จะเดินเข้าไปคุยตรงๆกับหัวหน้าที่สนิทกัน แต่คุณต้องมั่นใจในระดับนึงว่าคุณมีคุณค่าต่อบริษัทและเค้าอยากรักษาคุณไว้

แต่ห้ามเปรียบเทียบกับคนอื่นในบริษัท หรือน้อยใจแบบเด็กๆ ให้พุ่งประเด็นไปที่เงินเดือนในตลาดแรงงาน มูลค่าผลงานที่คุณทำให้บริษัท และผลตอบแทนที่คุณได้รับ ทุกอย่างต้องมีตัวเลขจับต้องได้ มีผลงานเป็นที่ประจักษ์กล่าวอ้างลอยๆไม่ได้ เพราะงั้นคุณต้องเตรียมความพร้อมมากก่อนเข้าไปคุย สุดท้ายแล้ว หัวหน้าคุณก็จะไปคุยกับ HR ซึ่งก็มีข้อจำกัดมากมายประมาณว่าลาออกแล้วสมัครใหม่ด้วยประสบการณ์ปัจจุบันยังได้ง่ายกว่า แต่ถ้าหัวหน้าคุณมีเพาเวอร์มากพอ เมื่อเรื่องถึงผู้บริหารแล้วเค้ารู้จักคุณ ทุกสิ่งมันก็เป็นไปได้

สรุปคือผมก็ยังทำงานอยู่ที่เดิมเนื่องจากได้ผลตอบแทนที่ยังพอใจ มีความก้าวหน้าในหน้าที่การงานอยู่ในระดับที่สามารถรับได้ แต่อนาคตก็ไม่แน่นอน ยิ่งเงินเพิ่มขึ้น หน้าที่ความรับผิดชอบมากขึ้น บริษัทก็คาดหวังจากคุณมากขึ้นเช่นกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่