สวัสดีทุกท่านครับ ไม่เคยตั้งกระทู้อะไรยาวๆแบบนี้มาก่อน
ตอนนี้ผมกำลังตัดสินใจจะลาออกจากรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง เนื่องจากตอนนี้ได้สอบขึ้นบัญชีขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในครั้งที่ผ่านมา ตำแหน่งนักทรัพยากรบุคคลปฏิบัติการ และลำดับที่ได้ก็มีโอกาสสูงที่จะถูกเรียกบรรจุ จึงอยากได้คำแนะนำเพื่อประกอบการตัดสินใจ
หลายท่านคงจะคิดว่าอยู่รัฐวิสาหกิจก็ดีอยู่แล้วทั้งค่าตอบแทน สวัสดิการ และโบนัส
จะขอเล่ารายละเอียดคร่าวๆ ก่อนนะครับ
ปัจจุบันผมทำงานหน่วยงานรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่งด้านพลังงาน เงินเดือนประมาณ 22k ไม่มีค่าอะไรเพิ่มเติมทั้งสิ้น อายุงาน 6 ปีกว่า สอบเข้ามาโดยใช้วุฒิ ปวส. ด้านช่างอุตสาหกรรม ตอนที่รู้ว่าสอบติดก็คิดว่าจะได้อยู่ในหน่วยงานที่เกี่ยวกับการผลิตหรือบำรุงรักษา แต่ก็ไม่เป็นอย่างที่คิดครับ ผมถูกส่งมาอยู่หน่วยงานด้านบุคคลซึ่งไม่มีความรู้ด้านนี้เลย แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากครับเพราะคิดว่าตัวเองทำได้และพยายามเรียนรู้งานทุกอย่าง งานที่ได้รับมอบหมายก็ออกมาดี และมีโอกาสได้รับผิดชอบงานใหญ่ๆ หลายงาน พอทำได้ประมาณครึ่งปีก็รู้สึกชอบงานด้านนี้(ด้านบริหารจัดการ) จึงได้ไปเรียนต่อ ป.ตรี บริหารทรัพยากรมนุษย์ ใช้เวลาประมาณ 2 ปีครึ่ง ตอนไปเรียนก็คิดแค่ว่าเพิ่มความรู้ตัวเองในด้านนี้เอามาใช้ทำงานจริง ไม่ได้คิดถึงเรื่องความก้าวหน้าอะไรมากมาย
...............แต่มีหลายปัจจัยที่ทำให้ผมคิดอยากเปลี่ยนงาน
อย่างแรกในองค์กรมีเรื่องแบ่งแยกชนชั้นค่อนข้างชัดเจน เช่น ปวส./ป.ตรี หรือช่าง/วิศวกร (ปัจจุบันอายุงาน 6 ปี เงินเดือนยังไม่เท่าอัตราแรกเข้าของวิศวกรเลย) เมื่อมีการแบ่งชนชั้นอย่างชัดเจน ตำแหน่งที่ไม่ใช่ ป.ตรี ทำงานหนักแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ทั้งที่ทุ่มเททำงานมากไม่เคยปฏิเสธงานจะสั่งให้ทำอะไรทำหมด เหมือนเป็นคนระดับล่าง ซึ่งลักษณะงานบางอย่างก็ใช้ความรู้ความสามารถเดียวกัน เรื่องความก้าวหน้าในอาชีพของตัวเองก็แทบไม่มีโอกาสเติบโตได้เลย เนื่องจากไม่มีการปรับวุฒิการศึกษาให้แล้ว ที่สำคัญเลยค่อนข้างกดดันกับการแบ่งแยกของหัวหน้าไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือการกระทำซึ่งแสดงออกมาอย่างชัดเจน เช่น การคัดคนเข้าร่วมกิจกรรม หรืออบรม
และระยะหลังผมคิดว่าองค์กรเริ่มเปลี่ยนไปไม่เหมือนตอนเข้าทำงานในช่วงแรกๆ ซึ่งผู้บริหารและพนักงานทุ่มเททำงานเพื่อองค์กร การทำงานมีมาตรฐานมาก ทำงานโดยยึดกฎระเบียบ และทุกคนดูรักองค์กรมาก(เท่าที่สัมผัสได้) แต่ในระยะหลังหลายๆอย่างเริ่มเปลี่ยนไปพนักงานเริ่มเฉื่อยชากับงาน อยู่กันไปวันๆ บางคนในหนึ่งวันไม่ได้ทำงานอะไรเลย ส่วนผู้บริหารก็ให้ความสนใจกับงานน้อยลง มีแต่ความต้องการให้พนักงานระดับล่างทำงานตอบสนองเรื่องส่วนตัวของตัวเองมีมากขึ้น บางวันทำงานรับใช้มากกว่าทำงานให้องค์กรเสียอีก หัวหน้าในระดับต้น ระดับกลางก็เอาใจผู้บริหารที่สูงขึ้นไปโดยไม่สนใจว่าจะผิดระเบียบข้อบังคับอะไร หาช่องทางให้ได้ตามที่ผู้บริหารต้องการ แต่กับเรื่องงานทำถูกขั้นตอน ตามระเบียบทุกอย่างกลับต้องชี้แจงในเรื่อที่ไม่เป็นเรื่อง ซึ่งผมค่อนข้างอึดอัด และรับไม่ค่อยได้กับเรื่องแบบนี้
ส่วนเรื่องการสอบของท้องถิ่นตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะไปสอบจริงจังแค่จะลองทดสอบความรู้หลังจากจบ ป.ตรี ได้สักพัก แต่พอสอบติดขึ้นมาแล้วเริ่มลังเลไม่แน่ใจว่าควรจะทำที่เดิมต่อไป ถ้าไม่คิดอะไรมาก ค่าตอบแทนก็ขึ้นไปเรื่อยๆ และคงจะสูงกว่างานราชการ แต่ก็อึดอัด และต้องทนกับการแบ่งชนชั้น หรือไปเริ่มต้นใหม่กับ อปท. ตอนอายุย่างเข้า 28 ปี เพราะเป็นงานตรงกับที่จบมา และก็ชอบงานด้านนี้อยู่แล้ว แต่ก็ไม่รู้วัฒนธรรมของ อปท. ว่าทำงานกันอย่างไร โอกาสก้าวหน้าในอาชีพมากน้อยแค่ไหน
ขออภัยด้วยครับอ่านแล้วอาจจะงงๆ พยายามเรียบเรียงเต็มที่แล้วครับ
จะลาออกจากรัฐวิสาหกิจ ไปเป็นข้าราชการท้องถิ่นดีไหม
ตอนนี้ผมกำลังตัดสินใจจะลาออกจากรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง เนื่องจากตอนนี้ได้สอบขึ้นบัญชีขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในครั้งที่ผ่านมา ตำแหน่งนักทรัพยากรบุคคลปฏิบัติการ และลำดับที่ได้ก็มีโอกาสสูงที่จะถูกเรียกบรรจุ จึงอยากได้คำแนะนำเพื่อประกอบการตัดสินใจ
หลายท่านคงจะคิดว่าอยู่รัฐวิสาหกิจก็ดีอยู่แล้วทั้งค่าตอบแทน สวัสดิการ และโบนัส
จะขอเล่ารายละเอียดคร่าวๆ ก่อนนะครับ
ปัจจุบันผมทำงานหน่วยงานรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่งด้านพลังงาน เงินเดือนประมาณ 22k ไม่มีค่าอะไรเพิ่มเติมทั้งสิ้น อายุงาน 6 ปีกว่า สอบเข้ามาโดยใช้วุฒิ ปวส. ด้านช่างอุตสาหกรรม ตอนที่รู้ว่าสอบติดก็คิดว่าจะได้อยู่ในหน่วยงานที่เกี่ยวกับการผลิตหรือบำรุงรักษา แต่ก็ไม่เป็นอย่างที่คิดครับ ผมถูกส่งมาอยู่หน่วยงานด้านบุคคลซึ่งไม่มีความรู้ด้านนี้เลย แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากครับเพราะคิดว่าตัวเองทำได้และพยายามเรียนรู้งานทุกอย่าง งานที่ได้รับมอบหมายก็ออกมาดี และมีโอกาสได้รับผิดชอบงานใหญ่ๆ หลายงาน พอทำได้ประมาณครึ่งปีก็รู้สึกชอบงานด้านนี้(ด้านบริหารจัดการ) จึงได้ไปเรียนต่อ ป.ตรี บริหารทรัพยากรมนุษย์ ใช้เวลาประมาณ 2 ปีครึ่ง ตอนไปเรียนก็คิดแค่ว่าเพิ่มความรู้ตัวเองในด้านนี้เอามาใช้ทำงานจริง ไม่ได้คิดถึงเรื่องความก้าวหน้าอะไรมากมาย
...............แต่มีหลายปัจจัยที่ทำให้ผมคิดอยากเปลี่ยนงาน
อย่างแรกในองค์กรมีเรื่องแบ่งแยกชนชั้นค่อนข้างชัดเจน เช่น ปวส./ป.ตรี หรือช่าง/วิศวกร (ปัจจุบันอายุงาน 6 ปี เงินเดือนยังไม่เท่าอัตราแรกเข้าของวิศวกรเลย) เมื่อมีการแบ่งชนชั้นอย่างชัดเจน ตำแหน่งที่ไม่ใช่ ป.ตรี ทำงานหนักแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ทั้งที่ทุ่มเททำงานมากไม่เคยปฏิเสธงานจะสั่งให้ทำอะไรทำหมด เหมือนเป็นคนระดับล่าง ซึ่งลักษณะงานบางอย่างก็ใช้ความรู้ความสามารถเดียวกัน เรื่องความก้าวหน้าในอาชีพของตัวเองก็แทบไม่มีโอกาสเติบโตได้เลย เนื่องจากไม่มีการปรับวุฒิการศึกษาให้แล้ว ที่สำคัญเลยค่อนข้างกดดันกับการแบ่งแยกของหัวหน้าไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือการกระทำซึ่งแสดงออกมาอย่างชัดเจน เช่น การคัดคนเข้าร่วมกิจกรรม หรืออบรม
และระยะหลังผมคิดว่าองค์กรเริ่มเปลี่ยนไปไม่เหมือนตอนเข้าทำงานในช่วงแรกๆ ซึ่งผู้บริหารและพนักงานทุ่มเททำงานเพื่อองค์กร การทำงานมีมาตรฐานมาก ทำงานโดยยึดกฎระเบียบ และทุกคนดูรักองค์กรมาก(เท่าที่สัมผัสได้) แต่ในระยะหลังหลายๆอย่างเริ่มเปลี่ยนไปพนักงานเริ่มเฉื่อยชากับงาน อยู่กันไปวันๆ บางคนในหนึ่งวันไม่ได้ทำงานอะไรเลย ส่วนผู้บริหารก็ให้ความสนใจกับงานน้อยลง มีแต่ความต้องการให้พนักงานระดับล่างทำงานตอบสนองเรื่องส่วนตัวของตัวเองมีมากขึ้น บางวันทำงานรับใช้มากกว่าทำงานให้องค์กรเสียอีก หัวหน้าในระดับต้น ระดับกลางก็เอาใจผู้บริหารที่สูงขึ้นไปโดยไม่สนใจว่าจะผิดระเบียบข้อบังคับอะไร หาช่องทางให้ได้ตามที่ผู้บริหารต้องการ แต่กับเรื่องงานทำถูกขั้นตอน ตามระเบียบทุกอย่างกลับต้องชี้แจงในเรื่อที่ไม่เป็นเรื่อง ซึ่งผมค่อนข้างอึดอัด และรับไม่ค่อยได้กับเรื่องแบบนี้
ส่วนเรื่องการสอบของท้องถิ่นตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะไปสอบจริงจังแค่จะลองทดสอบความรู้หลังจากจบ ป.ตรี ได้สักพัก แต่พอสอบติดขึ้นมาแล้วเริ่มลังเลไม่แน่ใจว่าควรจะทำที่เดิมต่อไป ถ้าไม่คิดอะไรมาก ค่าตอบแทนก็ขึ้นไปเรื่อยๆ และคงจะสูงกว่างานราชการ แต่ก็อึดอัด และต้องทนกับการแบ่งชนชั้น หรือไปเริ่มต้นใหม่กับ อปท. ตอนอายุย่างเข้า 28 ปี เพราะเป็นงานตรงกับที่จบมา และก็ชอบงานด้านนี้อยู่แล้ว แต่ก็ไม่รู้วัฒนธรรมของ อปท. ว่าทำงานกันอย่างไร โอกาสก้าวหน้าในอาชีพมากน้อยแค่ไหน
ขออภัยด้วยครับอ่านแล้วอาจจะงงๆ พยายามเรียบเรียงเต็มที่แล้วครับ