เราประกอบธุรกิจมา 10 ปี เมื่อปี 58 กิจการประสบภาวะขาดทุนหนัก จนต้องปิดกิจการ แล้วก็มีเช็คเด้งจำนวน หลายใบ บางใบก็จ่ายเรียบร้อย บางใบก็ไม่ได้จ่าย จนล่าสุดเมื่อสิ้นปี 60 ที่ผ่านมา เราเจอหมายจับคดีเช็ค แบบไม่ทันตั้งตัวโดยตำรวจมาถึงบ้านเลยที่เดียว ที่แรกเราหนีการจับกุมระหว่างหนีเราก็ไม่หาข้อมูลจับต้นชนปลายได้แล้ว เย็นวันนั้นเราก็เลยเข้าไปมอบตัวที่สถานีตำรวจ ก็เซ็นรับทราบข้อกล่าวหา ว่าเรามีเช็คคืน 3 ใบ 3 บริษัท จำนวน 30,000บาท ถ้าจะประกันตัว ตำรวจบอกว่าคดีเช็คเงินประกัน 1 ใน 3 ของยอดเช็ค (เงินประกันตัวสถานีตำรวจคือ 10,000บาท) ในตอนแรกเราไม่รู้ยอดหนี้เช็คและไม่รู้ว่าสั่จ่ายใคร สรุปคือเราไม่รู้รายละเอียดของคดีนั้นเอง เราก็ถามตำรวจว่ายอดหนี้เราเท่าไหร่ ก็ไม่มีใครบอกเพราะในสำนวนที่เซ็นรับทราบข้อกล่าวหานั้นไม่มีบอกไว้แฟนเราก็อยากประกันตัวเราในคืนนั้นเพราะไม่อยากให้เรานอนให้ห้องขังก็เลยถามตำรวจว่าถ้าประกันต้องจ่ายเท่าไหร่ คำตอบที่ได้มาคือ 17,000บาท (ณ.ตอนนั้นยังไม่รู้ยอดเช็ค) ตำรวจก็ถามว่าจะใช้นานประกันไหม เราก็ชั่งใจ เพราะมีเงินในตัวของเรากับแฟนรวมกันแค่หมื่นนุง เลยตัดสินใจโทรไปขอเงินพ่อ แต่ระหว่างนั้นมีตำรวจนายนึงก็บอกว่า ให้ไปประกันตัวที่ศาลพรุ่งนี้เงินประกันจะถูกกว่าที่ สน.(แต่ไม่ได้บอกว่าเท่าไหร่ ประกอบกับตอนนี้ เวลาเกือบ 3ทุ่มแล้ว เลยเวลาประกันตัวไม่ได้อยู่ดี) ที่แรกเราในตอนนั้นยอมรับว่าเครียดกับพร้อมกันนอนห้องขังครั้งแรกในชีวิต ก่อนเข้าห้องขัง สน.เราก็เลยบอกแฟนเราว่า คืนนี้ไม่ต้องประกันตัวแล้วให้มาประกันตัวพรุ่งนี้ที่ศาลเพราะยอดประกันถูกกว่าลุงตำรวจว่างั้น
พอเราเข้าไปในห้องขังหญิง ก้เจอผู้ต้องหาหญิงที่โดนจับมาก่อนหน้า 2 คน ก็เลยได้คุยกันว่าโดนคดีอารายมาบ้าง
พี่A โดนจับมาจาก ตจว คดีฉ้อโกง ยอดหนี้ 1.1แสน บาท คดีฉ้อโกง เงินประกันจะมากกว่าเช็คก็ เงินประกัน 2ใน3 ยอดเงินประกัน ประมาณ 6หมืน
พี่B ก็เหมือนกัน ถูกจับมาจาก ตจว คดีฉ้อโกง ยอดหนี้ 7แสน บาท คดีฉ้อโกง เงินประกันจะมากกว่าเช็คก็ เงินประกัน 2 ใน3 ยอดเงินประกัน ประมาณ 4แสนกว่า
ทุกคนก็เครียดกับยอดเงินประกันตัวที่สูง ทาง สน.เลยเสนอให้ใช้นายประกัน
สำหรับพี่A ผู้มีอาการเครียดและกระวนกระวายมาก อยากออกจาห้องขังโดยเร็วที่สุด และยังหาเงินประกัน 6หมื่นไม่ได้ เลยเลือกใช้นายประกัน เพราะนายประกันเสนอว่า คิดค่าประกัน 3 หมื่น ส่วนต่างอีก 3หมื่นจะจัดการออกให้ก่อนจะได้ครบ 6หมื่น แต่อขอหักค่าใช้จ่าย 10,000บาท สิ้นสุดคดีจะได้เงินคืน 20,000 บาท
ส่วนพี่ B สามีก็วิ่งเต้นหายื่มเงินเพื่อนมาได้ 3 แสน ก็ยังขายอีก แสนกว่าๆ ก็ชั่งใจไม่รู้ว่าสามีจะจัดการยังงัย
คืนนั้นบอกได้เลยว่าไม่มีใครนอนหลับ นอกจากเรา ในห้องขังนั้นทรมาน ไม่มีหมอน ไม่มผ้าห่ม ยุงก็เยอะ คืนนั้น Count Down ในห้องขัง
เช้าวันที่ 1 มกราคม 2561
เราถูกส่งตัวไปศาลพร้อมกับผู้ตัองขังคนอื่น โดยใส่กุญแจมือตามระเบียบ (เคยเห็นในหนังยังงัยก็อย่างนั้น) เราถูกส่งไปห้องพิจารณาคดี ถ่ายรูปทำประวัติเลย เพราะมีคนมาประกันตัว (ถ้าไม่ประกันตัวก็จะถูกส่งไปเรือนจำคลองเปรม) หลังจากนั้นก็ถูกส่งไปที่ห้องขังชั้นล่างสุดของศาลแพ่ง เพื่อรอแฟนที่เป็นนายประกันให้เาเองไปจ่ายเงินแล้วนำใบเสร็จมายื่นประกันถึงจะออกจากห้องขังได้ (วันนั้นคนมาศาลเยอะมากๆทั้งที่เป็นหยุดเพราะมีคนโดนคดีเมาแล้วขับหลายพันคนได้ และที่ตลกคือ ศาลเปิดทำการวันที่ 31 ธค 60-1 มค 61 แบบเฉพาะกิจมากเพื่อการนี้) ระหว่างถูกขังที่ชั้นล่างของศาลแพ่ง ห้องขังจะแยกห้อง ญ/ช และมีผู้คุมหญิงมานั่งเฝ้า (ผู้คุมหญิงเหมือนหลุดออกมาจากหนังเด๊ะ ตัวใหญ่มาก แถมหน้านิ่ง ตัดผมทรงเกาหลี ) ระหว่างรอแฟนทำเรื่องประกันอยู่นั้นอยู่นานมากร่วม 2ชม ได้ หัวหน้าทัณฑสถานก็เดินมาพูดคุยด้วยว่าโดนคดีอะไรกันมาบ้าง พีAกะบอกว่าโดนคดีฉ้อโกง รอนายประกันทำเรื่องอยู่ ยอดหนี้ 1.1แสน บาท หน้าทัณฑสถานบอกว่ายอดเงินประกันก็ไม่สูงมานะ 20,000บาท นายประกันเตรียมมาพร้อมแล้วใช่ไหม
เมื่อได้ฟังเสร็จ ทุกคนก็เข้าใจทันที่กับกระบวนการหลอกเอาเงินระหว่างนายประกัน กับ ตำรว สน.นั้น เพราะที่ สน.จะบอยอดเงินประกับที่สูงมากๆและผู้ต้องขังบางคนก็อาจจะหาเงินก้อนใหญ่มาประกันไม่ได้ ตำรวจที่ สน.ก็จะเสนอนายประกันให้ทันที โดยนายประกันจะรู้จักกับตำรวจที่ สน.นั้นเป็นอย่างดี และรู้เรทเงินประกันตัวที่ศาลอยู่แล้วว่าเท่าไหร่ ของพีA เงินประกันที่ศาล 20,000บาท แต่จ่ายนายประกัน 30,000บาท ก็เท่ากับว่านายประกันที่ สน.ส่งมาให้นั้นไม่ต้องควักเงินตัวเองเลยซักบาท แถมได้เงินฟรีๆอีกหมื่นนึง และนายประกันก็ใช้ชื่อผู้ต้องขังประกันตัวเอง นั้นก้เท่ากับว่านายประกันก้ไม่ต้องเจอตัวผู้ต้องขังอีก ไม่มีโอกาศทวงเงิน (และยังมีผู้ต้องขังชายอีกคนที่ใช้บริการนายประกันของสน. )
ส่วนเราและพี่B ทำเรื่องประกันเอง ของเรายอดเงินประกัน 4,000บาท คิดแยกตามยอดเช็คแต่ละใบ ระหว่างนี้ต้องมา ราบงานตัว ทั้งหมด 5 ผลัดรวม 30วัน แล้วจะต้องขึ้นศาลไต่สวนคดี แต่ในระหว่าง ฝากผลัด เราได้ติดต่อเจ้าหนี้มารับเงินและเคลียร์หนี้ถอนแจ้งความทั้ง 3รายแล้ว และเราก็จะต้องเอาใบถอนแจ้งความไปขอรับเงินประกันตัวที่ศาลคืน
เล่าประสบการณ์ 1 คืน ในห้องขัง ณ. สน.แห่งหนึ่ง
พอเราเข้าไปในห้องขังหญิง ก้เจอผู้ต้องหาหญิงที่โดนจับมาก่อนหน้า 2 คน ก็เลยได้คุยกันว่าโดนคดีอารายมาบ้าง
พี่A โดนจับมาจาก ตจว คดีฉ้อโกง ยอดหนี้ 1.1แสน บาท คดีฉ้อโกง เงินประกันจะมากกว่าเช็คก็ เงินประกัน 2ใน3 ยอดเงินประกัน ประมาณ 6หมืน
พี่B ก็เหมือนกัน ถูกจับมาจาก ตจว คดีฉ้อโกง ยอดหนี้ 7แสน บาท คดีฉ้อโกง เงินประกันจะมากกว่าเช็คก็ เงินประกัน 2 ใน3 ยอดเงินประกัน ประมาณ 4แสนกว่า
ทุกคนก็เครียดกับยอดเงินประกันตัวที่สูง ทาง สน.เลยเสนอให้ใช้นายประกัน
สำหรับพี่A ผู้มีอาการเครียดและกระวนกระวายมาก อยากออกจาห้องขังโดยเร็วที่สุด และยังหาเงินประกัน 6หมื่นไม่ได้ เลยเลือกใช้นายประกัน เพราะนายประกันเสนอว่า คิดค่าประกัน 3 หมื่น ส่วนต่างอีก 3หมื่นจะจัดการออกให้ก่อนจะได้ครบ 6หมื่น แต่อขอหักค่าใช้จ่าย 10,000บาท สิ้นสุดคดีจะได้เงินคืน 20,000 บาท
ส่วนพี่ B สามีก็วิ่งเต้นหายื่มเงินเพื่อนมาได้ 3 แสน ก็ยังขายอีก แสนกว่าๆ ก็ชั่งใจไม่รู้ว่าสามีจะจัดการยังงัย
คืนนั้นบอกได้เลยว่าไม่มีใครนอนหลับ นอกจากเรา ในห้องขังนั้นทรมาน ไม่มีหมอน ไม่มผ้าห่ม ยุงก็เยอะ คืนนั้น Count Down ในห้องขัง
เช้าวันที่ 1 มกราคม 2561
เราถูกส่งตัวไปศาลพร้อมกับผู้ตัองขังคนอื่น โดยใส่กุญแจมือตามระเบียบ (เคยเห็นในหนังยังงัยก็อย่างนั้น) เราถูกส่งไปห้องพิจารณาคดี ถ่ายรูปทำประวัติเลย เพราะมีคนมาประกันตัว (ถ้าไม่ประกันตัวก็จะถูกส่งไปเรือนจำคลองเปรม) หลังจากนั้นก็ถูกส่งไปที่ห้องขังชั้นล่างสุดของศาลแพ่ง เพื่อรอแฟนที่เป็นนายประกันให้เาเองไปจ่ายเงินแล้วนำใบเสร็จมายื่นประกันถึงจะออกจากห้องขังได้ (วันนั้นคนมาศาลเยอะมากๆทั้งที่เป็นหยุดเพราะมีคนโดนคดีเมาแล้วขับหลายพันคนได้ และที่ตลกคือ ศาลเปิดทำการวันที่ 31 ธค 60-1 มค 61 แบบเฉพาะกิจมากเพื่อการนี้) ระหว่างถูกขังที่ชั้นล่างของศาลแพ่ง ห้องขังจะแยกห้อง ญ/ช และมีผู้คุมหญิงมานั่งเฝ้า (ผู้คุมหญิงเหมือนหลุดออกมาจากหนังเด๊ะ ตัวใหญ่มาก แถมหน้านิ่ง ตัดผมทรงเกาหลี ) ระหว่างรอแฟนทำเรื่องประกันอยู่นั้นอยู่นานมากร่วม 2ชม ได้ หัวหน้าทัณฑสถานก็เดินมาพูดคุยด้วยว่าโดนคดีอะไรกันมาบ้าง พีAกะบอกว่าโดนคดีฉ้อโกง รอนายประกันทำเรื่องอยู่ ยอดหนี้ 1.1แสน บาท หน้าทัณฑสถานบอกว่ายอดเงินประกันก็ไม่สูงมานะ 20,000บาท นายประกันเตรียมมาพร้อมแล้วใช่ไหม
เมื่อได้ฟังเสร็จ ทุกคนก็เข้าใจทันที่กับกระบวนการหลอกเอาเงินระหว่างนายประกัน กับ ตำรว สน.นั้น เพราะที่ สน.จะบอยอดเงินประกับที่สูงมากๆและผู้ต้องขังบางคนก็อาจจะหาเงินก้อนใหญ่มาประกันไม่ได้ ตำรวจที่ สน.ก็จะเสนอนายประกันให้ทันที โดยนายประกันจะรู้จักกับตำรวจที่ สน.นั้นเป็นอย่างดี และรู้เรทเงินประกันตัวที่ศาลอยู่แล้วว่าเท่าไหร่ ของพีA เงินประกันที่ศาล 20,000บาท แต่จ่ายนายประกัน 30,000บาท ก็เท่ากับว่านายประกันที่ สน.ส่งมาให้นั้นไม่ต้องควักเงินตัวเองเลยซักบาท แถมได้เงินฟรีๆอีกหมื่นนึง และนายประกันก็ใช้ชื่อผู้ต้องขังประกันตัวเอง นั้นก้เท่ากับว่านายประกันก้ไม่ต้องเจอตัวผู้ต้องขังอีก ไม่มีโอกาศทวงเงิน (และยังมีผู้ต้องขังชายอีกคนที่ใช้บริการนายประกันของสน. )
ส่วนเราและพี่B ทำเรื่องประกันเอง ของเรายอดเงินประกัน 4,000บาท คิดแยกตามยอดเช็คแต่ละใบ ระหว่างนี้ต้องมา ราบงานตัว ทั้งหมด 5 ผลัดรวม 30วัน แล้วจะต้องขึ้นศาลไต่สวนคดี แต่ในระหว่าง ฝากผลัด เราได้ติดต่อเจ้าหนี้มารับเงินและเคลียร์หนี้ถอนแจ้งความทั้ง 3รายแล้ว และเราก็จะต้องเอาใบถอนแจ้งความไปขอรับเงินประกันตัวที่ศาลคืน