คราวก่อนเคยเขียนกรณี “องค์รัชทายาท” วังหน้า กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญได้ทรงขอลี้ภัยในกงสุลอังกฤษจากกรณีพิพาทระหว่างวังหน้ากับวังหลวง เพื่อชี้ให้เห็นถึงความ “เก๋าต่อเกมส์การเมืองไทย” ของอังกฤษมาตั้งแต่สมัยโบราณ แล้วโยงเข้าหาการอนุญาตให้คุณยิ่งลักษณ์เข้าอังกฤษเพื่อชี้ให้เห็นว่าอังกฤษยังเกาะติดและอ่านเกมส์การเมืองไทยมานานแล้ว
ในสมัยก่อนไทยก็เคยรับเอา “ผู้ลี้ภัย” เข้ามาอยู่ใต้พระบรมโพธิสมภารจำนวนมาก และกลายเป็นสาเหตุที่ต้องกระทบกระเทือนกับเพื่อนบ้านอยู่ไม่น้อย อย่างกรณีรับเอา "พระวอ พระตา" จากฝั่งลาวในรัชสมัยของพระเจ้าตากสินจนเป็นกลายเหตุต้องรบกับเวียงจันท์ หรือการรับเอา “องค์เซียงซุน” ราชนิกุลจากเวียดนามแล้วต่อรับเอา “องค์เซียงสือ” ผู้เป็นหลานขององค์เซียงซุน (กบฏในเวียดนาม) ก็ทำให้ไทยต้องหมางใจกับเวียดนามในช่วงต้นรัชกาลที่หนึ่ง
แต่ที่รุนแรงและสั่นสะเทือนที่สุดในการรับเอา “ผู้ลี้ภัย” เข้ามาเขตแคว้นอยุธยา เห็นจะเป็นการรับเอา “หุยตองจา” ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่แห่งเมืองมอญที่นำกำลังมอญต่อต้านและเป็นกฏบต่อกรุงอังวะในรัชสมัยพระเจ้าเอกทัศน์ ข้าราชการในราชสำนักอยุธยาแตกออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเห็นด้วยที่จะรับเอาหุยตองจาและกลุ่มกบฏเข้ามาอยุธยา แต่อีกฝ่ายไม่เห็นด้วย สุดท้าย...ก็ต้องรับเอาหุยตองจาเข้ามา ราชสำนักของกรุงอังวะก็ได้ทวงขอตัวหุยตองจาจากอยุธยา แต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับจากฝั่งอยุธยา ส่วนทางเหนือของอยุธยาคืออาณาจักรล้านนา (เชียงใหม่) ก็ให้การสนับสนุนราชนิกุล (ตละปั้น) จากหงสาวดีให้ก่อการกบฏต่ออังวะเช่นกัน ตอนนั้น พม่าต้องปราบปรามกลุ่มกบฏหลายทิศทางอยู่หลายปี เนื่องด้วยพระเจ้าอลองพญาพึ่งจะเสด็จสวรรคต (จากศึก “อลองพญา” กับอยุธยา) จึงทำให้หัวเมืองต่างๆ อย่างมอญ หงสาวดี ฯ แข็งเมืองเป็นกบฏ
เมื่อราชวงศ์อลองพญาปราบกบฏการเมืองภายในสงบแล้ว จึงเริ่มหันมาที่จะ “ชำระแค้น” ต่ออาณาจักรที่เคยให้การสนับสนุนกบฏ โดยยกกำลังเข้าตีเชียงใหม่เป็นเชือดไก่ให้ลิงดูก่อน เป้าหมายต่อมาก็คือ “อยุธยา” ที่ๆ ให้ที่พำนักพักพิงแก่หุยตองจา (ความจริงก็มีการถกเถียงกันว่าหุยตองจาเป็นเหตุผลของการโจมตีอยุธยาหรือไม่? ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ปฏิเสธว่า “ผู้ลี้ภัย” หุยตองจาท่านนี้เป็นชวนที่พม่ายกทัพมาตีอยุธยา) ซึ่งอยุธยาคงอาจจะอ่านเกมส์ผิด (ในมุมมองส่วนตัวจขกท.) โดยคิดว่ากรุงอังวะอาจจะพลาดท่าให้กับกลุ่มกบฏ และในตอนนั้นกำลังเกิด “สุญญกาศทางการเมือง” ในกรุงอังวะ คือพระเจ้าอลองพญาสิ้นพระชนม์ การแก่งแย่งชิงราชบัลลังก์เกิดขึ้นตามมา อยุธยาคงจะอ่านเกมส์ไว้ตรงนี้ และนี่คือเหตุผลที่รับและสนับสนุนหุยตองจาและกลุ่มกบฏเข้าอยุธยา รวมไปถึงการรับเอาพระเจ้าลำพูนผู้ที่สนับสนุนตละปั้น (น้องชายพระเจ้าหงสาวดี) กบฏของพม่าอีกคนหนึ่งมาที่อยุธยาด้วย ถ้าหากกรุงอังวะและราชวงศ์อลองพญาสิ้นลง อยุธยาก็หมดศรัตรูไประยะหนึ่ง หรืออย่างน้อยๆ ก็มีเมืองทวาย (มอญ) และล้านนา (เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง) เป็น “รัฐกันชน” ได้ แต่การณ์กลับหาเป็นเช่นนั้น พระเจ้ามังระปราบกฏบได้หมดสิ้น แล้วสั่งสองแม่ทัพใหญ๋ยกทัพมาขนาบอยุธยาจากเหนือและใต้ การล่มสลายของของอาณาจักรอยุธยาพร้อมๆ กับราชวงศ์บ้านพลูหลวงจึงตามมาในที่สุดเมื่อปี 2310
….เมื่อ “ผู้ขอลี้ภัย” กลายเป็น “ผู้นำภัย” การล่มสลายของอาณาจักรของอาณาจักรอยุธยาจึงถึงคราว..../วัชรานนท์
ในสมัยก่อนไทยก็เคยรับเอา “ผู้ลี้ภัย” เข้ามาอยู่ใต้พระบรมโพธิสมภารจำนวนมาก และกลายเป็นสาเหตุที่ต้องกระทบกระเทือนกับเพื่อนบ้านอยู่ไม่น้อย อย่างกรณีรับเอา "พระวอ พระตา" จากฝั่งลาวในรัชสมัยของพระเจ้าตากสินจนเป็นกลายเหตุต้องรบกับเวียงจันท์ หรือการรับเอา “องค์เซียงซุน” ราชนิกุลจากเวียดนามแล้วต่อรับเอา “องค์เซียงสือ” ผู้เป็นหลานขององค์เซียงซุน (กบฏในเวียดนาม) ก็ทำให้ไทยต้องหมางใจกับเวียดนามในช่วงต้นรัชกาลที่หนึ่ง
แต่ที่รุนแรงและสั่นสะเทือนที่สุดในการรับเอา “ผู้ลี้ภัย” เข้ามาเขตแคว้นอยุธยา เห็นจะเป็นการรับเอา “หุยตองจา” ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่แห่งเมืองมอญที่นำกำลังมอญต่อต้านและเป็นกฏบต่อกรุงอังวะในรัชสมัยพระเจ้าเอกทัศน์ ข้าราชการในราชสำนักอยุธยาแตกออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเห็นด้วยที่จะรับเอาหุยตองจาและกลุ่มกบฏเข้ามาอยุธยา แต่อีกฝ่ายไม่เห็นด้วย สุดท้าย...ก็ต้องรับเอาหุยตองจาเข้ามา ราชสำนักของกรุงอังวะก็ได้ทวงขอตัวหุยตองจาจากอยุธยา แต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับจากฝั่งอยุธยา ส่วนทางเหนือของอยุธยาคืออาณาจักรล้านนา (เชียงใหม่) ก็ให้การสนับสนุนราชนิกุล (ตละปั้น) จากหงสาวดีให้ก่อการกบฏต่ออังวะเช่นกัน ตอนนั้น พม่าต้องปราบปรามกลุ่มกบฏหลายทิศทางอยู่หลายปี เนื่องด้วยพระเจ้าอลองพญาพึ่งจะเสด็จสวรรคต (จากศึก “อลองพญา” กับอยุธยา) จึงทำให้หัวเมืองต่างๆ อย่างมอญ หงสาวดี ฯ แข็งเมืองเป็นกบฏ
เมื่อราชวงศ์อลองพญาปราบกบฏการเมืองภายในสงบแล้ว จึงเริ่มหันมาที่จะ “ชำระแค้น” ต่ออาณาจักรที่เคยให้การสนับสนุนกบฏ โดยยกกำลังเข้าตีเชียงใหม่เป็นเชือดไก่ให้ลิงดูก่อน เป้าหมายต่อมาก็คือ “อยุธยา” ที่ๆ ให้ที่พำนักพักพิงแก่หุยตองจา (ความจริงก็มีการถกเถียงกันว่าหุยตองจาเป็นเหตุผลของการโจมตีอยุธยาหรือไม่? ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ปฏิเสธว่า “ผู้ลี้ภัย” หุยตองจาท่านนี้เป็นชวนที่พม่ายกทัพมาตีอยุธยา) ซึ่งอยุธยาคงอาจจะอ่านเกมส์ผิด (ในมุมมองส่วนตัวจขกท.) โดยคิดว่ากรุงอังวะอาจจะพลาดท่าให้กับกลุ่มกบฏ และในตอนนั้นกำลังเกิด “สุญญกาศทางการเมือง” ในกรุงอังวะ คือพระเจ้าอลองพญาสิ้นพระชนม์ การแก่งแย่งชิงราชบัลลังก์เกิดขึ้นตามมา อยุธยาคงจะอ่านเกมส์ไว้ตรงนี้ และนี่คือเหตุผลที่รับและสนับสนุนหุยตองจาและกลุ่มกบฏเข้าอยุธยา รวมไปถึงการรับเอาพระเจ้าลำพูนผู้ที่สนับสนุนตละปั้น (น้องชายพระเจ้าหงสาวดี) กบฏของพม่าอีกคนหนึ่งมาที่อยุธยาด้วย ถ้าหากกรุงอังวะและราชวงศ์อลองพญาสิ้นลง อยุธยาก็หมดศรัตรูไประยะหนึ่ง หรืออย่างน้อยๆ ก็มีเมืองทวาย (มอญ) และล้านนา (เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง) เป็น “รัฐกันชน” ได้ แต่การณ์กลับหาเป็นเช่นนั้น พระเจ้ามังระปราบกฏบได้หมดสิ้น แล้วสั่งสองแม่ทัพใหญ๋ยกทัพมาขนาบอยุธยาจากเหนือและใต้ การล่มสลายของของอาณาจักรอยุธยาพร้อมๆ กับราชวงศ์บ้านพลูหลวงจึงตามมาในที่สุดเมื่อปี 2310