
ออกตัวก่อนว่าเป็นการรีวิวครั้งแรกของการไปเที่ยวนะครับ แล้วก็เป็นครั้งแรกที่รีวิวลงพันทิพย์ด้วย อาจจะมีตกๆหล่นๆไปบ้าง ถ้าอยากทราบอะไรเพิ่มเติมสามารถคอมเม้นถามไว้ได้นะครับ จะพยายามไล่ตอบให้ครบทุกคนครับ
เริ่มกันเลยดีกว่า
ทริปนี้เป็นทริปต่างประเทศครั้งแรกของผม ซึ่งต้องบอกเลยว่ายกทีมงานกันไปทั้งออฟฟิศ (จริงๆก็เหลือ 2-3 คนแหละที่ไม่ได้ไป) และมีกาวางแผนกันก่อนที่จะเดินทางว่าจะไปไหนกันบ้าง และอะไรที่น่าสนใจ แน่นอนว่าจุดรวมพลไม่พ้นร้านกาแฟ


โดยแพลนหลักๆที่ตั้งใจกันเอาไว้ก็จะมี...
1. Taipei Zoo -> น้องๆที่บริษัทอยากขึ้นกระเช้ากัน แล้วก็ข้างบนสุดมีหมู่บ้านแมว
2. Taipei 101 -> แลนด์มาร์คสำคัญ ไม่มาก็เหมือนมาไม่ถึงไทเป
3. วัดหลงซาน -> วัดที่มีอารยธรรมสวยงาม เหมาะกับการถ่ายภาพ และเช่าหรือซื้อเครื่องรางต่างๆ
4. ตลาดเล่าเหอ -> ตลาดกลางคืน นึกภาพไม่ออกให้นึกถึงเยาวราชตอนกลางคืน
จากที่บอกไว้จะไม่มีอนุสาวรีย์เจียงไคเช็ค และอนุสาวรีย์ซุนยัตเซ็นเลย เนื่องด้วยตอนแรกคิดว่าอากาศน่าจะไม่ดี และทีมงานบางคนรู้สึกเฉยๆกับการไปเดินถ่ายอนุสาวรีย์อะไรพวกนี้ ก็เลยแพลนเป็นอะไรที่ไปแล้วไม่น่าเบื่อแทน
อ้อ ลืมบอกไป ทีมงานเราเดินทางด้วยสายการบิน Thai Lion Air ครับ ซึ่งกดจองผ่าน Traveloka เอาไว้แล้ว ทั้งสองเจ้านี้เค้าไม่ได้จ่ายให้เรารีวิวนะ แต่เราชอบเพราะออกนอกประเทศครั้งแรกแล้วไม่มีอะไรผิดพลาดชวนหงุดหงิด หรือทำให้แพลนมีปัญหาเลย
การเดินทาง
- ออกเดินทางจาก Bangkok (DMK) สนามบินดอนเมือง เวลา03.30 ของวันที่ 9 มกราคม 2018
- เครื่องลงที่ Taipei (TPE) สนามบิน Taoyuan Intl เวลา 08.00 ของวันที่ 9 มกราคม 2018
- เครื่องที่นั่งเป็นเครื่องเล็ก มีที่นั่ง 2 ฝั่ง โดยมีที่นั่งฝั่งละ 3 ที่นั่ง
- จองที่นั่งไม่ได้ อาจจะเพราะเป็นชั้นประหยัดด้วยหรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่ไม่ซีเรียสอยู่แล้ว ถ้าไม่ได้นั่งริมหน้าต่างก็ว่าขึ้นไปจะหลับเลย
* แนะนำให้ทานข้าวมาก่อน เพราะว่าสนามบินอาหารแพงมาก ถ้าจำไม่ผิดปกติกินนักเก็ตของแมคโดนัล 6 ชิ้น ไม่เกิน 100 แต่ที่สนามบินรู้สึกว่า 190 หรือ 250 นี่ละครับ คือแพงมาก น้ำเปล่าตามร้านอาหารอื่นๆยังขวดละ 45 บาทเลย จากปกติแค่ 10 บาท
** ไม่มีภาพบนเครื่องนะครับ เพราะเกรงใจที่จะถ่ายขั้นตอนการทำงานต่างๆตั้งแต่เช็คอิน ตรวจสัมภาระ จนถึงขึ้นเครื่อง และมีแอร์มาแนะนำการใช้งานเข็มขัดและเครื่องช่วยหายใจต่างๆ เอาไว้รอบหน้าจะขอไปทางสายการบินก่อนแล้วจะถ่ายทุกขั้นตอนเลย ขอหาตั๋วถูกให้เจอก่อน จะไปอีกรอบพอดี

หลังจากเครื่องลงที่สนามบิน Taoyuan (เถาหยวน / เดี๋ยวจะใช้ชื่อไทยไปเลยนะครับ) สิ่งที่หลายคนกังวลกันก็น่าจะไม่พ้น ตม. ซึ่งแน่นอนว่ามาไต้หวัน ถ้าไม่เจอภาษาจีนหรือคงอังกฤษแน่นอน แต่จริงๆมันไม่ได้ยากอะไรขนาดนั้น เพราะว่าบนเครื่องจะมีใบให้กรอกล่วงหน้าเลย สามารถกรอกใบผ่าน ตม. ได้ตั้งแต่อยู่บนเครื่องเลย แล้วพอลงเครื่องมาก็มาต่อคิว (จะมีช่องสำหรับคนสัญชาติของเค้ากับคนนอกแยกกัน) แล้วก็ยื่นพาสปอร์ตกับใบขอผ่าน ตม. แล้วเค้าจะเช็คว่าเราตรงกับรูปในบัตรไหม กับให้สแกนลายนิ้วมือ เป็นอันเสร็จสิ้น ไม่ยากเลยใช่ไหม
*** เค้าจะห้ามถ่ายรูปตรงบริเวณที่เป็น ตม. นะครับ ถ้าพ้นมาแล้วจะถ่ายเล่นกันข้างหลัง อันนี้ไม่เป็นไร ซึ่งผมก็ถ่ายรูปเล่นกันระหว่างรอทีมงานบางคนต่อคิวอยู่

หลังจากที่ทุกคนผ่าน ตม. กันมาพร้อมหน้าพร้อมตากันหมดแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางจากสนามบินไปที่พักที่จองไว้ โดยพวกเราจองที่พักไว้ที่เดียวยาวๆ 5 วัน 4 คืนเลย เน้นเที่ยวในเมือง กับรอบๆนอกบ้างนิดหน่อย เน้นไปร้านกาแฟง่ายเพราะติดกาแฟกัน
ส่วนเรื่องการเดินทางที่ไต้หวันนั้นผมว่าง่ายมากๆ ไม่ต้องไปสนใจเลยว่าเส้นทางมันจะพันกันอิรุงตุงนังหรือว่าจะมีสีสันอะไรไม่รู้เต็มไปหมด ผมบอกเลยว่านั่นแหละคือความสะดวกและง่ายของการคมนาคมหรือเดินทางที่นี่ เดี๋ยวจะมีอธิบายอีกทีครับ พอดีลืมถ่ายเอาไว้ แต่ว่าไปถ่ายตอนอื่นไว้แทน แล้วก็ไม่อยากสลับภาพไปมาด้วยครับ ขอไล่ตามลำดับภาพที่ถ่ายไปเลยดีกว่า

ระหว่างทางที่นั่งรถไฟฟ้าบ้านเค้าเข้าเมืองก็จะผ่านธรรมชาติมากมายจนเริ่มเห็นความเจริญและตึกมากขึ้นเรื่อยๆ

ทีมงานเราได้รับการต้อนรับอย่างดีจาก...ฝน ฟังไม่ผิด ฝนครับ แต่ว่าไม่ได้หนักขนาดที่ตัวเปียกเป็นลูกหมาตกน้ำ แค่ปรอยๆ แต่ก็ทำให้อากาศเย็นลงมากเลย วันแรกที่มาถึงพร้อมฝน อุณหภูมิอยู่ที่ 10-11 องศาเซลเซียส บวกกับลมที่พัดมากระทบหน้า ทำให้รู้สึกหนาวขึ้นไปอีก

แต่บอกเลยว่าผมชอบมากๆ เพราะไต้หวันมีอาคารเยอะ ถนนดีงาม ทำให้เวลาฝนตกจะถ่ายรูปสวยกว่าตอนบ้านเราฝนตก (ไม่น่าจะคิดไปเองคนเดียว) อาจจะเพราะแสงและเงาของตึกที่นั่นด้วยแหละ

เมื่อไหร่จะหยุดตก...

หลังจากลากกระเป๋าออกจากรถไฟฟ้าใต้ดินมาสักพัก และแล้วก็มาถึงที่พัก
ที่พัก
- ที่พักชื่อ "Morwing Hotel Fairytale" -> เว็บไซต์
http://tp.morwinghotel.com/en/
- ทางทีมจองที่พักผ่าน Agoda (ถ้าจำไม่ผิด) ซึ่งราคาปกติคืนละประมาณ 3,000-4,000 ได้มาในราคา 1,500 โดยประมาณ (ตีไปกลมๆง่ายดี)
- ที่พักจะแบ่งแต่ละชั้นเป็นแต่ละธีม เช่น ชั้นนี้ธีมลูกหมูสามตัว ชั้นนี้ธีมหนูน้อยหมวกแดง ชั้นนี้ธีมอลิซอินวันเดอร์แลนด์
- ที่พักแต่ละห้องจะตกแต่งวอลเปเปอร์ไม่เหมือนกันเลย และมี Story ของห้องนั้นกับข้อมูลนักออกแบบห้องนั้นๆให้อ่านด้วย
- ที่พักมีลิฟท์ บันได และเครื่องซักผ้าและอบผ้าให้ใช้ฟรี (ไม่ได้ใช้ แต่เค้าติดป้ายว่าฟรี ก็น่าจะฟรีแหละ แต่คงต้องแจ้งล็อบบี้ว่าจะใช้)
- หลังเวลายามวิกาล การจะเข้าตึกจะต้องใช้บัตรแตะเพื่อเปิดประตูทางเข้า ซึ่งช่วยให้ปลอดภัยมากขึ้นไปอีก
*** ไม่ได้ถ่ายตอนเช็คอินห้องนะครับ เนื่องจากเกรงใจเค้าเช่นกัน จริงๆถ่ายได้แหละ แต่เป็นคนขี้เกรงใจไปหน่อย
เนื่องด้วยที่พักที่นี่นั้นให้เช็คอิน 15.00 และตอนนั้นเพิ่งจะ 10.30 โดยประมาณ ก็เลยฝากกระเป๋าไว้ที่ล็อบบี้ และซอยตรงนั้นก็กำลังแสงสวยก็เลยถ่ายรูปเล่นกันนิดนึงก่อนไปทานข้าวเช้า


แน่นอนว่าไม่รู้จักเส้นทางที่นี่เลย ก็เลยเดินๆกันมั่วๆวนแถวๆที่พักเพื่อหาร้านข้าว แล้วก็เจอร้านนึงราคาไม่แพง และโต๊ะว่าง ก็เลยจัดมื้อเช้ากันที่นี่เลย เป็นเมนูข้าวแล้วก็มีพวกหมู เห็ด เป็ด ไก่ ผัก บลาๆๆๆ โปะข้าวมา แล้วเหมือนใต้ข้าวจะมีซุปรสชาตเหมือนน้ำขาหมูผสมสมุรไพรจีนอยู่นิดนึง


แต่จุดที่พีคกว่า คือ ทีมงานกำลังคุยกันเรื่องชานมไข่มุกว่าจะกินร้านไหนดี จะได้มาถึงไต้หวัน แล้วก็แซวกันเล่นๆว่า "ไม่ใช่ว่าใส่ไข่มุกมาในโค้กที่สั่งมาพร้อมข้าวนะ" แล้วก็...ใส่ไข่มุกมาในโค้กจริงๆ ขำกันทั้งทีม รถชาติกลายเป็นโค้กใส่ไข่มุกกลิ่นสมุรไพร

อิ่มท้องก็ออกมาเดินเล่น แวะ 7-11 หาอะไรเติมเข้าไปอีก เพราะรถชาติอาหารร้านก่อนหน้า (จริงๆขอเหมารวมทั้งทริปเลยแล้วกัน) มันจืดๆ แล้วก็ไม่ค่อยโดนใจทีมงานกันเท่าไหร่ เรียกได้ว่าทั้งทริป 80% คืออาหารไม่ถูกปาก น่าจะเพราะคนที่นี่กินกันจืด หรือเราติดรสชาติอาหารไทยมากไปก็ไม่รู้
เจอชานมในตำนานที่ใครบอกว่ามาที่นี่ต้องหิ้วกลับไปฝากคนที่ไทย (แนะนำให้ซื้วันก่อนกลับ เพราะมันอยู่ได้แค่ 1-2 อาทิตย์ ตามวันหมดอายุ แต่ถ้าเก็บไม้ดี มีสิทธิ์บูดก่อนถึงวันหมดอายุได้เช่นกัน) มีทุก 7-11 และ Family Mart ขวดละ 28-30 โดยประมาณ มีหลายรส บางขวดมีภาษาไทยติดข้างๆด้วย และแนะนำวิธีการดูว่าอันไหนชาอันไหนกาแฟ คือ ถ้ามีคำว่า Tea นี่ชาแน่นอน แต่บางอันขวดแบบเดียวกัน แต่เป็นกาแฟ ให้ดูที่สีขวด ถ้าสีเข้มๆนี่กาแฟชัว แต่ถ้าสีอ่อนแล้วเขียน Latte นี่ก็กาแฟนะ ดูกันดีๆ ผมลองกินทุกอันเลยที่มีขาย สีชมพูกับเขียวโอสุดละ 555

เดินเล่นไปเรื่อยๆ


ที่นี่มีข้อสังเกตอย่างหนึ่ง คือ รถน้อยมาก และคนเยอะมาก แต่ไม่ได้เยอะแบบเบียดเสียดนะ เยอะในที่นี้คือเดินไปตรงไหนต้องเห็นคนเดินไปมา และที่สำคัญสุดๆเลย (อยากจะใส่ตัวแเดง ขีดเส้น ขนาด50 จริงๆ) คือ คนสำคัญกว่ารถ ถ้าจะข้ามถนน มันจะมีประเภทที่ว่าเลี้ยวขวาผ่านตลอด (บ้านเราเลี้ยวซ้ายผ่านตลอด) ถ้ารถเลี้ยวมาแล้วเจอเรา ไม่ต้องหยุด เดินไปเลย 99.99% เค้าจะเบรคให้เราเดินก่อน ยิ่งแยกไหนไม่มีไฟแดงนะ มองให้ดี เดินไปเลย จะเดินช้าหรือเร็ว ถ้ารถมา เค้าจะรอเราข้ามให้พ้นก่อน ถึงจะขับต่อ ดีงามมากๆ
* ฝากถึงเพื่อนๆว่า อย่าข้ามถนนตอนไฟคนข้ามเป็นสีแดง ต่อให้ไม่มีรถก็ตาม เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นมา เราผิดเต็มๆ แถมอยู่ต่างประเทศ กฎหมายอาจจะไม่ได้เหมือนบ้านเราที่แบบต่างคนต่างทำแผลแยกย้าย
** อย่าเอานิสัยคนไทยที่ข้ามถนนไม่ดูไฟแดงไปใช้ที่นั่น ต่อให้คนที่นั่นบางคนหรือส่วนน้อยจะนิสัยเหมือนคนไทยที่ข้ามตอนไฟแดงที่ไม่มีรถก็ตามที
*** คนที่นี่ส่วนมากใช้รถสกุตเตอร์เป็นยานพาหนะ นอกนั้นที่จะเห็นบ่อยๆจะเป็น Taxi และ Bus


อ้อ แล้วก็พวกกาชาปองหรือตู้หมุนไข่มีน่าจะทุกหน้า 7-11 และ Family Mart เลยมั้ง ไปตรงไหนก็เจอ แถมมีหลากหลายแบบต่างกันไปด้วย ใช้เหรียญ 10NT (New Taiwan Dollar) ได้เลย แต่ละตู้ก็จะใช้เหรียญไม่เท่ากัน เช่น 2 เหรียญ 6 เหรียญ อะไรงี้

ก่อนจะวาปไปตอนกลางคืน เพราะกำลังจะ 15.00 แล้ว ทีมงากำลังจะกลับไปเช็คอินแล้วนอนพักที่โรงแรมกันละ จะบอกว่ากลางไทเป แถวที่พักของผมจะมี Starbucks อยู่มุมถนนด้วย วิวดีมากๆ มองเห็นคนข้ามถนนทุกด้านเลย ก่อนจะออกมาเดินเล่น ตอนช่วงหลังทานข้าวมีแวะไปนั่งจิบกาแฟกันนิดหน่อยตรงมุมกระจกหน้าร้านบนชั้นสอง

เดี๋ยวจะขอวาปเลยนะครับ วาปจาก 15.00 มาตอน 19.30 เลย เพราะเข้าที่พักปุ๊บ หลับยาว ไม่ได้ตั้งปลุก ตื่นมาอีกทีทีมงานอีก 6 คน เดินออกจากที่พักข้ามถนนที่ใหญ่กว่าหน้าสยามพาราก้อน 2-3 เท่า ไปฝั่งซีเหมินติง (Xemending หรือ Ximenting) กันได้ประมาณ 10-20 นาทีละ
วาป !!!
[CR] เที่ยว "ไทเป" ไม่เทใคร ไปกันทั้งบริษัท ชิล ชิม แช๊ะ 5 วัน 4 คืน
ออกตัวก่อนว่าเป็นการรีวิวครั้งแรกของการไปเที่ยวนะครับ แล้วก็เป็นครั้งแรกที่รีวิวลงพันทิพย์ด้วย อาจจะมีตกๆหล่นๆไปบ้าง ถ้าอยากทราบอะไรเพิ่มเติมสามารถคอมเม้นถามไว้ได้นะครับ จะพยายามไล่ตอบให้ครบทุกคนครับ
เริ่มกันเลยดีกว่า
ทริปนี้เป็นทริปต่างประเทศครั้งแรกของผม ซึ่งต้องบอกเลยว่ายกทีมงานกันไปทั้งออฟฟิศ (จริงๆก็เหลือ 2-3 คนแหละที่ไม่ได้ไป) และมีกาวางแผนกันก่อนที่จะเดินทางว่าจะไปไหนกันบ้าง และอะไรที่น่าสนใจ แน่นอนว่าจุดรวมพลไม่พ้นร้านกาแฟ
โดยแพลนหลักๆที่ตั้งใจกันเอาไว้ก็จะมี...
1. Taipei Zoo -> น้องๆที่บริษัทอยากขึ้นกระเช้ากัน แล้วก็ข้างบนสุดมีหมู่บ้านแมว
2. Taipei 101 -> แลนด์มาร์คสำคัญ ไม่มาก็เหมือนมาไม่ถึงไทเป
3. วัดหลงซาน -> วัดที่มีอารยธรรมสวยงาม เหมาะกับการถ่ายภาพ และเช่าหรือซื้อเครื่องรางต่างๆ
4. ตลาดเล่าเหอ -> ตลาดกลางคืน นึกภาพไม่ออกให้นึกถึงเยาวราชตอนกลางคืน
จากที่บอกไว้จะไม่มีอนุสาวรีย์เจียงไคเช็ค และอนุสาวรีย์ซุนยัตเซ็นเลย เนื่องด้วยตอนแรกคิดว่าอากาศน่าจะไม่ดี และทีมงานบางคนรู้สึกเฉยๆกับการไปเดินถ่ายอนุสาวรีย์อะไรพวกนี้ ก็เลยแพลนเป็นอะไรที่ไปแล้วไม่น่าเบื่อแทน
อ้อ ลืมบอกไป ทีมงานเราเดินทางด้วยสายการบิน Thai Lion Air ครับ ซึ่งกดจองผ่าน Traveloka เอาไว้แล้ว ทั้งสองเจ้านี้เค้าไม่ได้จ่ายให้เรารีวิวนะ แต่เราชอบเพราะออกนอกประเทศครั้งแรกแล้วไม่มีอะไรผิดพลาดชวนหงุดหงิด หรือทำให้แพลนมีปัญหาเลย
การเดินทาง
- ออกเดินทางจาก Bangkok (DMK) สนามบินดอนเมือง เวลา03.30 ของวันที่ 9 มกราคม 2018
- เครื่องลงที่ Taipei (TPE) สนามบิน Taoyuan Intl เวลา 08.00 ของวันที่ 9 มกราคม 2018
- เครื่องที่นั่งเป็นเครื่องเล็ก มีที่นั่ง 2 ฝั่ง โดยมีที่นั่งฝั่งละ 3 ที่นั่ง
- จองที่นั่งไม่ได้ อาจจะเพราะเป็นชั้นประหยัดด้วยหรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่ไม่ซีเรียสอยู่แล้ว ถ้าไม่ได้นั่งริมหน้าต่างก็ว่าขึ้นไปจะหลับเลย
* แนะนำให้ทานข้าวมาก่อน เพราะว่าสนามบินอาหารแพงมาก ถ้าจำไม่ผิดปกติกินนักเก็ตของแมคโดนัล 6 ชิ้น ไม่เกิน 100 แต่ที่สนามบินรู้สึกว่า 190 หรือ 250 นี่ละครับ คือแพงมาก น้ำเปล่าตามร้านอาหารอื่นๆยังขวดละ 45 บาทเลย จากปกติแค่ 10 บาท
** ไม่มีภาพบนเครื่องนะครับ เพราะเกรงใจที่จะถ่ายขั้นตอนการทำงานต่างๆตั้งแต่เช็คอิน ตรวจสัมภาระ จนถึงขึ้นเครื่อง และมีแอร์มาแนะนำการใช้งานเข็มขัดและเครื่องช่วยหายใจต่างๆ เอาไว้รอบหน้าจะขอไปทางสายการบินก่อนแล้วจะถ่ายทุกขั้นตอนเลย ขอหาตั๋วถูกให้เจอก่อน จะไปอีกรอบพอดี
หลังจากเครื่องลงที่สนามบิน Taoyuan (เถาหยวน / เดี๋ยวจะใช้ชื่อไทยไปเลยนะครับ) สิ่งที่หลายคนกังวลกันก็น่าจะไม่พ้น ตม. ซึ่งแน่นอนว่ามาไต้หวัน ถ้าไม่เจอภาษาจีนหรือคงอังกฤษแน่นอน แต่จริงๆมันไม่ได้ยากอะไรขนาดนั้น เพราะว่าบนเครื่องจะมีใบให้กรอกล่วงหน้าเลย สามารถกรอกใบผ่าน ตม. ได้ตั้งแต่อยู่บนเครื่องเลย แล้วพอลงเครื่องมาก็มาต่อคิว (จะมีช่องสำหรับคนสัญชาติของเค้ากับคนนอกแยกกัน) แล้วก็ยื่นพาสปอร์ตกับใบขอผ่าน ตม. แล้วเค้าจะเช็คว่าเราตรงกับรูปในบัตรไหม กับให้สแกนลายนิ้วมือ เป็นอันเสร็จสิ้น ไม่ยากเลยใช่ไหม
*** เค้าจะห้ามถ่ายรูปตรงบริเวณที่เป็น ตม. นะครับ ถ้าพ้นมาแล้วจะถ่ายเล่นกันข้างหลัง อันนี้ไม่เป็นไร ซึ่งผมก็ถ่ายรูปเล่นกันระหว่างรอทีมงานบางคนต่อคิวอยู่
หลังจากที่ทุกคนผ่าน ตม. กันมาพร้อมหน้าพร้อมตากันหมดแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางจากสนามบินไปที่พักที่จองไว้ โดยพวกเราจองที่พักไว้ที่เดียวยาวๆ 5 วัน 4 คืนเลย เน้นเที่ยวในเมือง กับรอบๆนอกบ้างนิดหน่อย เน้นไปร้านกาแฟง่ายเพราะติดกาแฟกัน
ส่วนเรื่องการเดินทางที่ไต้หวันนั้นผมว่าง่ายมากๆ ไม่ต้องไปสนใจเลยว่าเส้นทางมันจะพันกันอิรุงตุงนังหรือว่าจะมีสีสันอะไรไม่รู้เต็มไปหมด ผมบอกเลยว่านั่นแหละคือความสะดวกและง่ายของการคมนาคมหรือเดินทางที่นี่ เดี๋ยวจะมีอธิบายอีกทีครับ พอดีลืมถ่ายเอาไว้ แต่ว่าไปถ่ายตอนอื่นไว้แทน แล้วก็ไม่อยากสลับภาพไปมาด้วยครับ ขอไล่ตามลำดับภาพที่ถ่ายไปเลยดีกว่า
ระหว่างทางที่นั่งรถไฟฟ้าบ้านเค้าเข้าเมืองก็จะผ่านธรรมชาติมากมายจนเริ่มเห็นความเจริญและตึกมากขึ้นเรื่อยๆ
ทีมงานเราได้รับการต้อนรับอย่างดีจาก...ฝน ฟังไม่ผิด ฝนครับ แต่ว่าไม่ได้หนักขนาดที่ตัวเปียกเป็นลูกหมาตกน้ำ แค่ปรอยๆ แต่ก็ทำให้อากาศเย็นลงมากเลย วันแรกที่มาถึงพร้อมฝน อุณหภูมิอยู่ที่ 10-11 องศาเซลเซียส บวกกับลมที่พัดมากระทบหน้า ทำให้รู้สึกหนาวขึ้นไปอีก
แต่บอกเลยว่าผมชอบมากๆ เพราะไต้หวันมีอาคารเยอะ ถนนดีงาม ทำให้เวลาฝนตกจะถ่ายรูปสวยกว่าตอนบ้านเราฝนตก (ไม่น่าจะคิดไปเองคนเดียว) อาจจะเพราะแสงและเงาของตึกที่นั่นด้วยแหละ
เมื่อไหร่จะหยุดตก...
หลังจากลากกระเป๋าออกจากรถไฟฟ้าใต้ดินมาสักพัก และแล้วก็มาถึงที่พัก
ที่พัก
- ที่พักชื่อ "Morwing Hotel Fairytale" -> เว็บไซต์ http://tp.morwinghotel.com/en/
- ทางทีมจองที่พักผ่าน Agoda (ถ้าจำไม่ผิด) ซึ่งราคาปกติคืนละประมาณ 3,000-4,000 ได้มาในราคา 1,500 โดยประมาณ (ตีไปกลมๆง่ายดี)
- ที่พักจะแบ่งแต่ละชั้นเป็นแต่ละธีม เช่น ชั้นนี้ธีมลูกหมูสามตัว ชั้นนี้ธีมหนูน้อยหมวกแดง ชั้นนี้ธีมอลิซอินวันเดอร์แลนด์
- ที่พักแต่ละห้องจะตกแต่งวอลเปเปอร์ไม่เหมือนกันเลย และมี Story ของห้องนั้นกับข้อมูลนักออกแบบห้องนั้นๆให้อ่านด้วย
- ที่พักมีลิฟท์ บันได และเครื่องซักผ้าและอบผ้าให้ใช้ฟรี (ไม่ได้ใช้ แต่เค้าติดป้ายว่าฟรี ก็น่าจะฟรีแหละ แต่คงต้องแจ้งล็อบบี้ว่าจะใช้)
- หลังเวลายามวิกาล การจะเข้าตึกจะต้องใช้บัตรแตะเพื่อเปิดประตูทางเข้า ซึ่งช่วยให้ปลอดภัยมากขึ้นไปอีก
*** ไม่ได้ถ่ายตอนเช็คอินห้องนะครับ เนื่องจากเกรงใจเค้าเช่นกัน จริงๆถ่ายได้แหละ แต่เป็นคนขี้เกรงใจไปหน่อย
เนื่องด้วยที่พักที่นี่นั้นให้เช็คอิน 15.00 และตอนนั้นเพิ่งจะ 10.30 โดยประมาณ ก็เลยฝากกระเป๋าไว้ที่ล็อบบี้ และซอยตรงนั้นก็กำลังแสงสวยก็เลยถ่ายรูปเล่นกันนิดนึงก่อนไปทานข้าวเช้า
แน่นอนว่าไม่รู้จักเส้นทางที่นี่เลย ก็เลยเดินๆกันมั่วๆวนแถวๆที่พักเพื่อหาร้านข้าว แล้วก็เจอร้านนึงราคาไม่แพง และโต๊ะว่าง ก็เลยจัดมื้อเช้ากันที่นี่เลย เป็นเมนูข้าวแล้วก็มีพวกหมู เห็ด เป็ด ไก่ ผัก บลาๆๆๆ โปะข้าวมา แล้วเหมือนใต้ข้าวจะมีซุปรสชาตเหมือนน้ำขาหมูผสมสมุรไพรจีนอยู่นิดนึง
แต่จุดที่พีคกว่า คือ ทีมงานกำลังคุยกันเรื่องชานมไข่มุกว่าจะกินร้านไหนดี จะได้มาถึงไต้หวัน แล้วก็แซวกันเล่นๆว่า "ไม่ใช่ว่าใส่ไข่มุกมาในโค้กที่สั่งมาพร้อมข้าวนะ" แล้วก็...ใส่ไข่มุกมาในโค้กจริงๆ ขำกันทั้งทีม รถชาติกลายเป็นโค้กใส่ไข่มุกกลิ่นสมุรไพร
อิ่มท้องก็ออกมาเดินเล่น แวะ 7-11 หาอะไรเติมเข้าไปอีก เพราะรถชาติอาหารร้านก่อนหน้า (จริงๆขอเหมารวมทั้งทริปเลยแล้วกัน) มันจืดๆ แล้วก็ไม่ค่อยโดนใจทีมงานกันเท่าไหร่ เรียกได้ว่าทั้งทริป 80% คืออาหารไม่ถูกปาก น่าจะเพราะคนที่นี่กินกันจืด หรือเราติดรสชาติอาหารไทยมากไปก็ไม่รู้
เจอชานมในตำนานที่ใครบอกว่ามาที่นี่ต้องหิ้วกลับไปฝากคนที่ไทย (แนะนำให้ซื้วันก่อนกลับ เพราะมันอยู่ได้แค่ 1-2 อาทิตย์ ตามวันหมดอายุ แต่ถ้าเก็บไม้ดี มีสิทธิ์บูดก่อนถึงวันหมดอายุได้เช่นกัน) มีทุก 7-11 และ Family Mart ขวดละ 28-30 โดยประมาณ มีหลายรส บางขวดมีภาษาไทยติดข้างๆด้วย และแนะนำวิธีการดูว่าอันไหนชาอันไหนกาแฟ คือ ถ้ามีคำว่า Tea นี่ชาแน่นอน แต่บางอันขวดแบบเดียวกัน แต่เป็นกาแฟ ให้ดูที่สีขวด ถ้าสีเข้มๆนี่กาแฟชัว แต่ถ้าสีอ่อนแล้วเขียน Latte นี่ก็กาแฟนะ ดูกันดีๆ ผมลองกินทุกอันเลยที่มีขาย สีชมพูกับเขียวโอสุดละ 555
เดินเล่นไปเรื่อยๆ
ที่นี่มีข้อสังเกตอย่างหนึ่ง คือ รถน้อยมาก และคนเยอะมาก แต่ไม่ได้เยอะแบบเบียดเสียดนะ เยอะในที่นี้คือเดินไปตรงไหนต้องเห็นคนเดินไปมา และที่สำคัญสุดๆเลย (อยากจะใส่ตัวแเดง ขีดเส้น ขนาด50 จริงๆ) คือ คนสำคัญกว่ารถ ถ้าจะข้ามถนน มันจะมีประเภทที่ว่าเลี้ยวขวาผ่านตลอด (บ้านเราเลี้ยวซ้ายผ่านตลอด) ถ้ารถเลี้ยวมาแล้วเจอเรา ไม่ต้องหยุด เดินไปเลย 99.99% เค้าจะเบรคให้เราเดินก่อน ยิ่งแยกไหนไม่มีไฟแดงนะ มองให้ดี เดินไปเลย จะเดินช้าหรือเร็ว ถ้ารถมา เค้าจะรอเราข้ามให้พ้นก่อน ถึงจะขับต่อ ดีงามมากๆ
* ฝากถึงเพื่อนๆว่า อย่าข้ามถนนตอนไฟคนข้ามเป็นสีแดง ต่อให้ไม่มีรถก็ตาม เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นมา เราผิดเต็มๆ แถมอยู่ต่างประเทศ กฎหมายอาจจะไม่ได้เหมือนบ้านเราที่แบบต่างคนต่างทำแผลแยกย้าย
** อย่าเอานิสัยคนไทยที่ข้ามถนนไม่ดูไฟแดงไปใช้ที่นั่น ต่อให้คนที่นั่นบางคนหรือส่วนน้อยจะนิสัยเหมือนคนไทยที่ข้ามตอนไฟแดงที่ไม่มีรถก็ตามที
*** คนที่นี่ส่วนมากใช้รถสกุตเตอร์เป็นยานพาหนะ นอกนั้นที่จะเห็นบ่อยๆจะเป็น Taxi และ Bus
อ้อ แล้วก็พวกกาชาปองหรือตู้หมุนไข่มีน่าจะทุกหน้า 7-11 และ Family Mart เลยมั้ง ไปตรงไหนก็เจอ แถมมีหลากหลายแบบต่างกันไปด้วย ใช้เหรียญ 10NT (New Taiwan Dollar) ได้เลย แต่ละตู้ก็จะใช้เหรียญไม่เท่ากัน เช่น 2 เหรียญ 6 เหรียญ อะไรงี้
ก่อนจะวาปไปตอนกลางคืน เพราะกำลังจะ 15.00 แล้ว ทีมงากำลังจะกลับไปเช็คอินแล้วนอนพักที่โรงแรมกันละ จะบอกว่ากลางไทเป แถวที่พักของผมจะมี Starbucks อยู่มุมถนนด้วย วิวดีมากๆ มองเห็นคนข้ามถนนทุกด้านเลย ก่อนจะออกมาเดินเล่น ตอนช่วงหลังทานข้าวมีแวะไปนั่งจิบกาแฟกันนิดหน่อยตรงมุมกระจกหน้าร้านบนชั้นสอง
เดี๋ยวจะขอวาปเลยนะครับ วาปจาก 15.00 มาตอน 19.30 เลย เพราะเข้าที่พักปุ๊บ หลับยาว ไม่ได้ตั้งปลุก ตื่นมาอีกทีทีมงานอีก 6 คน เดินออกจากที่พักข้ามถนนที่ใหญ่กว่าหน้าสยามพาราก้อน 2-3 เท่า ไปฝั่งซีเหมินติง (Xemending หรือ Ximenting) กันได้ประมาณ 10-20 นาทีละ
วาป !!!
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น