กลับมามาแล้วอีกครั้งกับ Vacation is but a Journey เมื่อการพักร้อนคือการเดินทาง
สำหรับทริปครั้งก่อนจะเป็น "ลาพักร้อนไปปีนเขา " Kinabalu (คินาบาลู) " ประเทศมาเลเซีย (ฉบับผู้เริ่มต้น)"
Link :
https://pantip.com/topic/36507837
ลาพักร้อนครั้งนี้ฝนจะขอพาไป "ล่าแสงเหนือ" ที่ประเทศ "นอร์เวย์" กันค่ะ
แล้วครั้งหนึ่งในชีวิต ก็ได้พบเจอแสงเหนือแล้ว ตามนี้

สำหรับใครที่มีความฝัน และอยากจะลองไปล่าแสงเหนือที่นอร์เวย์ซักครั้ง
นี่จะเป็นวิธีการต่างๆ แบบฉบับสำหรับผู้เริ่มต้นในการเดินทาง
จะสรุปให้แบบ ทำตาม เห็นภาพ สั้นๆ แล้วก็ไปได้เลย
ส่วนค่าใช้จ่ายทั้งทริปนี้ทั้งหมดประมาณ 70,000 บาท โดยประมาณค่ะ (เนื่องจากได้ตั๋วเครื่องบินแพงมาก)
ไปมาวันที่ 29 ธันวาคม 2560 - 7 มกราคม 2561 ที่ผ่านมา
สภาพอากาศอยู่ที่ -17 ถึง 4 องศา
หัวข้อที่จะ Review วันนี้
1. การเดินทาง ไป-กลับ ระหว่างประเทศ
2. การเดินทางในประเทศ
3. การเตรียมตัวก่อนเดินทาง VISA และ Internet SIM
4. New Year countdown ที่เมืองท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปอย่าง "Bergen (แบร์เกน)"
- Bergen (แบร์เกน) เมืองท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป
- ที่พักในเมืองกับ Hostel ราคาถูก
- นอเวย์ แดนปลาแซลม่อน
5. ล่าแสงเหนือ บนเกาะโรแมนติกอย่าง Lofoten
- นอนบ้านโฮสกับบริการ Airbnb
6. ของที่ระลึกและละทึก
7. แนวติดต่อยอดที่น่าสนใจกับประเทศไร้เงินสดและรักษ์ธรรมชาติอย่าง "นอร์เวย์"

ว่าด้วยประเทศที่เป็นผู้นำด้าน e-money (สังคมไร้เงินสด) และ "คุก" ไร้ซึ่งนักโทษ (แทบจะไม่ค่อยมี)
ประเทศที่ส่งเสริมและสนับสนุนพลังงานทางเลือกและรักษ์สิ่งแวดล้อม ที่นี่แหละ
"นอร์เวย์"
1.การเดินทาง ไป-กลับ ระหว่างประเทศ
การเดินทางไป "
นอร์เวย์ (Norway)" ไม่ยากแต่นาน
ประเทศนอร์เวย์ เป็นหนึ่งสามของประเทศของสแกนดิเนเวีย

ประเทศของสแกนดิเนเวีย ประกอบด้วย สวีเดน นอร์เวย์ และเดนมาร์ก
หลายๆคนจะเข้าใจว่า "ฟินแลนด์" คือหนึ่งในนั้นด้วย แต่นั่นแหละ ผิดอย่างมหัน ฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น (หัวเราะ)
หากนับฟินแลนด์เข้าไปด้วย ประเทศกลุ่มนี้จะถูกเรียกว่า "กลุ่มนอร์ดิก"
เท่าที่ทราบสำหรับการเดินทางไปยังประเทศนอร์เวย์จากประเทศไทยแบบบินตรง
มีสายการบินๆตรงอยู 2 สายการบิน 1.Thai Airways และ 2.Norwegian*
*แต่ Norwegian ก็จะมีต่อเครื่องที่สวีเดนบ้างบางครั้ง
ฝนเลือกดินทางด้วยสายการบิน Norwegian ซึ่งเป็นเครื่องบิน Boeing 787 Dreamliner ลำใหญ่
ถึงสายการบินนี้จะถูกขนานนามว่าเป็นสายการบินราคาถูก แต่เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีมาก จากที่เคยนั่งมานะ (หัวเราะ)
ฝนเองชอบการบริหารการจัดการบนเครื่องของ Norwegian โดยเฉพาะการสั่งอาหารหรือเครื่องดื่ม
โดยทำรายการผ่านช่องทางหน้าจอที่อยู่หลังเบาะ และสามารถชำระเงินด้วยเครื่องรูดบัตรเครดิตใต้จอนั้นได้ด้วยตนเอง
หลังจากนั้นแอร์โฮสเตสจะเดินนำของที่เราสั่งไว้เอาไว้มาเสิร์ฟค่ะ (แค่เริ่มต้นก็สังคมไร้เงินสดซะแล้ว)

สำหรับ "กรุงเทพฯ BKK - ออสโล Oslo" ราคาโปรโมชั่นเริ่มต้นอยู่ที่ 22,000+ บาท สำหรับ Norwegian
แต่ฝนซื้อไป 36,000+ บาท ไปกลับรวมมื้ออาหารแล้ว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10-11 ชั่วโมงบินตรงค่ะ
ตั๋วถูกที่สุดของ Norwegian ไม่เสิร์ฟอาหารและน้ำดื่มแต่ให้กระเป๋า 20 KG
แนะนำว่าถ้าจะไม่ซื้ออาหารก็ต้องเตรียมขึ้นไปให้พร้อมค่ะ ส่วนฝนซื้อแบบมีอาหาร เพราะกลัวหิว (หัวเราะ)
นั่นแหละเราก็จะคิดถึง "การบินไทยรักคุณเท่าฟ้า" หน่อยๆ เพราะไฟล์ทไปยุโรปของการบินไทยเรา จะแจกข้าว แจกขนมทั้งคืน
รวมถึงข้าวอีกมื้อก่อนเครื่องลง แต่รอบนี้ฝนสู้ราคาการบินไทยไม่ไหวจริงๆ ต้องขออภัยด้วยที่ไม่ได้ใช้บริการค่ะ
2. การเดินทางในประเทศ

1,2 : ฝนเดินทางไปยัง Bergen ด้วยรถไฟในวันแรกที่ถึงนอร์เวย์เพื่อประหยัดค่าโรงแรม* ใชเวลา 1 คืน
ด้วยการนั่งรถไฟจากสนามบิน Oslo - Oslo S - Bergen
*(ขึ้นรอบกลางคืน ถึงตอนเช้า นอนบนรถไฟ)
3 : หลังจากใช้เวลาอยู่ใน Bergen 3 วัน 2 คืน ก็ได้เวลาไปล่าแสงเหนือที่เกาะ Lofoten
ด้วยการนั่งเครื่องจาก Bergen - Bodø - Leknes* (Center ของ Lofoten)
*การไปเกาะ Lofoten ไปได้หลายแบบ ถ้าไปทางเรือจะเป็น Bodø - Å แทน ส่วนถ้าขับรถก็ได้แต่ไกลหน่อย
4 : ฝนใช้เวลา 5 วัน 4 คืน เพื่อล่าแสงเหนือ รวมถึง short hiking เล็กน้อย ก่อน บินกลับ Oslo
ด้วยการนั่งเครื่องบินจาก Leknes - Bodø - Oslo และค้างที่ Oslo 2 วัน 1 คืนก่อนกลับไทย
หมายเหตุ : สายการบิน wideroe มีบินตรงจาก Bergen - Leknes แต่วันที่ฝนไปมันไม่มีเลยเป็นต่อเครื่อง
ว่ากันด้วยการจองตั๋วรถไฟระหว่างเหมือนในนอร์เวย์ มาดู How to กันดีกว่า
การจองตั๋วรถไฟระหว่างเมือง Oslo S – Bergen

1. เข้าเว็บ :
www.nsb.no และเลือกสถานที่ที่เราจะไป ในทริปนี้เราก็เริ่มต้นกันที่ Oslo S – Bergen
ส่วนเวลาให้เราเลือกช่วงเวลาให้ล่วงหน้ากว่าที่เราคาดว่าจะถึงสถานี
*แนะนำให้เลือกตั้งแต่ 00:00 น. เลยค่ะ และดำเนินการ Register เป็น member สมาชิกนี้ก่อน จะได้ซื้อได้สะดวก
2. รายการจะขึ้นมาให้เราเลือก ซึ่งราคาส่วนใหญ่ตอนดึกๆจะถูก แต่ก็ไม่เสมอไป ที่แน่ๆ “จองเร็วถูก”

3. รถไฟมี 2 แบบ
3.1 “ตู้นั่ง” ทางเว็บไซต์ก็จะให้เราเลือกที่นั่ง และต้องนั่งตามที่เราจองด้วย เริ่มต้นที่ 369 NOK (ยังไม่รวม VAT)
3.2 “ตู้นอน” ทางเว็บไซต์ไม่ให้เราเลือกอะไรนัก แต่ตอนจ่ายเงินจะรู้หมายเลขเตียง ประมาณ 1,299 NOK (รวม VAT แล้ว)
*ระหว่างตู้นั่งกับตู้นอนจะถูกคั่นด้วย “ตู้อาหาร” เหมือนรถไฟไทยใหม่ที่บ้านเราเริ่มนำเข้ามาใช้แบบเขา
4. ดำเนินการจ่ายเงิน และต้องน้อมรับอย่างเดียวว่า “VAT ที่นี่แพงมาก” จริงๆ หลังจากนั้นเราจะได้ตั๋วเป็นแบบ .pdf ส่งเข้า email หรือให้ download ผ่านหน้าเว็บค่ะ แล้วเราก็สามารถปริ้นไปได้เลย
**เจ้าหน้าที่จะเดินตรวจตั๋วอย่างเข้มงวด ถ้าไม่มีตั๋วจะถูกปรับให้ซื้อตั๋วรถไฟใหม่ในราคาที่แพงมาก**
3. การเตรียมตัวก่อนเดินทาง และ Internet SIM
เนื่องจากฝนจะเดินทางในช่วง "ฤดูหนาว" สภาพอาศโดยภาพรวมที่นั่นคือ ต่ำสุดอยู่ที่ -17 สูงสุดอยู่ที่ 5 องศา โดยประมาณ
ดังนั้นสิ่งที่ฝนเตรียมไป ก็จะเป็นอุปกรณ์กันหนาวกันลม ลองจอน เสื้อผ้าที่ส่วนใหญ่จะเป็นเทคโนโลยีฮีทเทคเกือบทั้งหมดค่ะ
*ไม่ได้มีสปอร์นเซอร์แต่อย่างใด เป็นความชอบแบรนด์นี้ส่วนบุคคล
สภาพอากาศเดือน ธ.ค - ม.ค ที่ฝนเจอบางส่วนประมาณนี้ค่ะ
อาหารการกินที่เตรียมไปก่อนเดินทาง

ฝนเตรียมข้าวสาร อาหารแห้ง ผงปรุงรสสำหรับทำกับข้าว และก็คงหนีไม่พ้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปด้วยเช่นกัน
เนื่องจากฝนจะไปอยู่โฮสเทล และต้องการประหยัดจากค่าครองชีพที่สูง รวมถึงความเบื่ออาหารอาจจะมาเยื่อน
ดังนั้น มื้อเช้ากับเย็นจะทำอาการทานเอง ส่วนมื้อกลางวันกินอาหารของคนนอร์เวย์
นอร์เวย์ แดนปลาแซลม่อน ที่นี่เป็นออริจินอลของปลาแซลม่อนในแถบนี้ทั้งปวง
ดังนั้งมาถึงนี่สิ่งที่จะต้องลองคือ "ปลาแซลม่อน" กับ "อาหารทะเล" นั่นแหละที่เราไม่ได้เตรียมมาจากไทย

เขียนไว้ให้ละเอียดตามนี้ :
https://goo.gl/rQ6Rt9
Internet SIM

ฝนเลือกการบริการของ Instasim อีกครั้ง ซึ่งเป็นเว็บที่ขายซิมที่ใช้ในต่างประเทศ โดยจะมีโปรโมชั่น และค่ายให้เลือกและเปรียบเทียบ
ทริค # ให้ดูจากปริมาณการใช้งานในปัจจุบันว่าเราใช้เยอะแค่ไหน
ถ้าอยากได้แบบมีวิดีโอคอลได้ด้วย ต้องเลือกแพคเกจที่มี ฃVOICE-VOIP ด้วยนะคะ
Link :
www.instasim.com
4. New Year countdown ที่เมืองท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปอย่าง "Bergen (แบร์เกน)”
4.1 Bergen (แบร์เกน) เมืองท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปและที่สุดในนอร์เวย์
ถือว่าเป็นเมืองใหญ่อีกเมือง ที่นักท่องเที่ยวหลายๆท่านไม่ควรพลาด

สำหรับสภาพภูมิอากาศของเมืองนี้คือ "ฝนตก" ทุกวัน ฉะนั้นควรจะพกร่มหรือเสื้อกันฝนกันมาด้วยค่ะ
ส่วนเดือนธันวาคมจนถึงมกราคมอุณภูมิอยู่ที่ -2 ถึง -14 องศา
เนื่องจากทะเลแถบนี้เป็นทะเลที่มีกระแสน้ำอุ่นอยู่ จึงทำให้ทะเลไม่เป็นน้ำแข็งตลอดปี
"แซลม่อน" คือของขึ้นชื่อของที่นอเวย์ และเป็น original ของแซลม่อนในแถบนี้
แน่นอนแบร์เกนจึงเป็นสถานที่ควรจะไปลิ้มลองทานแซลม่อน

จากที่ถามคนในพื้นที่มา ที่คนส่วนใหญ่เขาขยันออกกำลังกาย เพราะต้องการจะสู้กับความหนาว ฉะนั้นร่างกายจะต้องแข็งแรง
ผู้คนส่วนใหญ่ในวันหยุดพักผ่อนจะอยู่บนภูเขา เล่นสกี วิ่งหรือเดินขึ้นเขาอย่าง hiking กับครอบครัวกันค่ะ
ยอดเขา " Fløyen " จุดชมวิวเมือง Bergen ที่ดีที่สุด

Fløyen เป็นภูเขาในประเทศนอร์เวย์ สูง 399 เมตรจากระดับน้ำทะเล เป็นสถานที่ๆดูวิว Bergen ได้ทั้งเมือง มีร้านอาหารอยู่บนยอดเขา
สำหรับใครที่ไม่อยากเดิน ที่นี่มีบริการรถรางที่ชื่อ Fløibanen โดยคิดค่าบริการ 45 NOK / เที่ยว (ขึ้น 45 NOK , ลง 45 NOK ) เราสามารถซื้อแค่ขาขึ้น และจะเดินลงก็ได้
Fløibanen เปิดให้บริการ
วันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 07:30 - 23:00
เสาร์ - อาทิตย์ เวลา 08:00-23:00
----- วันที่พิเศษ ---------
24 ธันวาคม เวลา 08:00 - 15:00,
25-26 ธันวาคม เวลา 11:00 - 20:00,
31 ธันวาคม เวลา 08:00 - 20:00,
1 มกราคม เวลา 11:00 - 20:00
ที่พักในเมืองกับ Hostel ราคาถูก
" Marken Guesthouse (Marken Gjestehus) " โฮสเทลราคาถูกที่อยากแนะนำใน Bergen
ราคาไม่แพง อยู่ใกล้สถานีรถไฟ สามารถเดินมาได้เพียง 5-10 นาที และอยู่ใกล้ป้ายรถรางที่ไปสนามบินได้สะดวก

ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 900 บาท /คืน/คน
Free Wifi และ Locker ในห้อง รวมถึงห้องฝากกระเป๋าอย่าง Luggage room เพียงแค่ทำตามกฎของเขาเท่านั้นคือ "ห้ามทิ้งไว้ข้ามคืน"
Check in ได้ตอน 14.00 แต่ Check out ตอนไหนก็ได้ หากมาถึงก่อนสามารถขอขึ้นไปฝากกระเป๋า อาบน้ำก่อนได้ค่ะ
มีทั้งห้องน้ำและห้องอาบน้ำเยอะมาก ในห้องนอนและนอกห้องนอน ไม่ต้องแย่งห้องน้ำ สะอาดและกว้างมาก น้ำแรง และน้ำร้อนคือดีมาก
ห้องครัวอุปกรณ์ครบทุกอย่าง ขอแค่คุณมีเสบียง แต่ถ้ากลัวไม่มีเสบียง โฮสเทลนี้อยู่ติดกับร้านขายของ
อย่าง "COOP" ที่เป็นสหกรณ์ รวมถึงร้านมินิมาร์ทเล็กๆของคนที่นั่น
พนักงานที่นี่ดูแลดี เป็นกันเอง ให้คะแนน 10/10 ไปเลยค่ะ ที่สำคัญที่นี่ใกล้ทุกสถานที่ท่องเที่ยว
(มีต่อ
[CR] ลาพักร้อนครั้งนี้ ฉันขอไป "ล่าแสงเหนือ" ที่ "นอร์เวย์ (Norway)" ฤดูหนาว
กลับมามาแล้วอีกครั้งกับ Vacation is but a Journey เมื่อการพักร้อนคือการเดินทาง
สำหรับทริปครั้งก่อนจะเป็น "ลาพักร้อนไปปีนเขา " Kinabalu (คินาบาลู) " ประเทศมาเลเซีย (ฉบับผู้เริ่มต้น)"
Link : https://pantip.com/topic/36507837
ลาพักร้อนครั้งนี้ฝนจะขอพาไป "ล่าแสงเหนือ" ที่ประเทศ "นอร์เวย์" กันค่ะ
แล้วครั้งหนึ่งในชีวิต ก็ได้พบเจอแสงเหนือแล้ว ตามนี้
สำหรับใครที่มีความฝัน และอยากจะลองไปล่าแสงเหนือที่นอร์เวย์ซักครั้ง
นี่จะเป็นวิธีการต่างๆ แบบฉบับสำหรับผู้เริ่มต้นในการเดินทาง
จะสรุปให้แบบ ทำตาม เห็นภาพ สั้นๆ แล้วก็ไปได้เลย
ส่วนค่าใช้จ่ายทั้งทริปนี้ทั้งหมดประมาณ 70,000 บาท โดยประมาณค่ะ (เนื่องจากได้ตั๋วเครื่องบินแพงมาก)
ไปมาวันที่ 29 ธันวาคม 2560 - 7 มกราคม 2561 ที่ผ่านมา
สภาพอากาศอยู่ที่ -17 ถึง 4 องศา
หัวข้อที่จะ Review วันนี้
1. การเดินทาง ไป-กลับ ระหว่างประเทศ
2. การเดินทางในประเทศ
3. การเตรียมตัวก่อนเดินทาง VISA และ Internet SIM
4. New Year countdown ที่เมืองท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปอย่าง "Bergen (แบร์เกน)"
- Bergen (แบร์เกน) เมืองท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป
- ที่พักในเมืองกับ Hostel ราคาถูก
- นอเวย์ แดนปลาแซลม่อน
5. ล่าแสงเหนือ บนเกาะโรแมนติกอย่าง Lofoten
- นอนบ้านโฮสกับบริการ Airbnb
6. ของที่ระลึกและละทึก
7. แนวติดต่อยอดที่น่าสนใจกับประเทศไร้เงินสดและรักษ์ธรรมชาติอย่าง "นอร์เวย์"
ว่าด้วยประเทศที่เป็นผู้นำด้าน e-money (สังคมไร้เงินสด) และ "คุก" ไร้ซึ่งนักโทษ (แทบจะไม่ค่อยมี)
ประเทศที่ส่งเสริมและสนับสนุนพลังงานทางเลือกและรักษ์สิ่งแวดล้อม ที่นี่แหละ "นอร์เวย์"
1.การเดินทาง ไป-กลับ ระหว่างประเทศ
การเดินทางไป "นอร์เวย์ (Norway)" ไม่ยากแต่นาน
ประเทศนอร์เวย์ เป็นหนึ่งสามของประเทศของสแกนดิเนเวีย
ประเทศของสแกนดิเนเวีย ประกอบด้วย สวีเดน นอร์เวย์ และเดนมาร์ก
หลายๆคนจะเข้าใจว่า "ฟินแลนด์" คือหนึ่งในนั้นด้วย แต่นั่นแหละ ผิดอย่างมหัน ฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น (หัวเราะ)
หากนับฟินแลนด์เข้าไปด้วย ประเทศกลุ่มนี้จะถูกเรียกว่า "กลุ่มนอร์ดิก"
เท่าที่ทราบสำหรับการเดินทางไปยังประเทศนอร์เวย์จากประเทศไทยแบบบินตรง
มีสายการบินๆตรงอยู 2 สายการบิน 1.Thai Airways และ 2.Norwegian*
*แต่ Norwegian ก็จะมีต่อเครื่องที่สวีเดนบ้างบางครั้ง
ฝนเลือกดินทางด้วยสายการบิน Norwegian ซึ่งเป็นเครื่องบิน Boeing 787 Dreamliner ลำใหญ่
ถึงสายการบินนี้จะถูกขนานนามว่าเป็นสายการบินราคาถูก แต่เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีมาก จากที่เคยนั่งมานะ (หัวเราะ)
ฝนเองชอบการบริหารการจัดการบนเครื่องของ Norwegian โดยเฉพาะการสั่งอาหารหรือเครื่องดื่ม
โดยทำรายการผ่านช่องทางหน้าจอที่อยู่หลังเบาะ และสามารถชำระเงินด้วยเครื่องรูดบัตรเครดิตใต้จอนั้นได้ด้วยตนเอง
หลังจากนั้นแอร์โฮสเตสจะเดินนำของที่เราสั่งไว้เอาไว้มาเสิร์ฟค่ะ (แค่เริ่มต้นก็สังคมไร้เงินสดซะแล้ว)
สำหรับ "กรุงเทพฯ BKK - ออสโล Oslo" ราคาโปรโมชั่นเริ่มต้นอยู่ที่ 22,000+ บาท สำหรับ Norwegian
แต่ฝนซื้อไป 36,000+ บาท ไปกลับรวมมื้ออาหารแล้ว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10-11 ชั่วโมงบินตรงค่ะ
ตั๋วถูกที่สุดของ Norwegian ไม่เสิร์ฟอาหารและน้ำดื่มแต่ให้กระเป๋า 20 KG
แนะนำว่าถ้าจะไม่ซื้ออาหารก็ต้องเตรียมขึ้นไปให้พร้อมค่ะ ส่วนฝนซื้อแบบมีอาหาร เพราะกลัวหิว (หัวเราะ)
นั่นแหละเราก็จะคิดถึง "การบินไทยรักคุณเท่าฟ้า" หน่อยๆ เพราะไฟล์ทไปยุโรปของการบินไทยเรา จะแจกข้าว แจกขนมทั้งคืน
รวมถึงข้าวอีกมื้อก่อนเครื่องลง แต่รอบนี้ฝนสู้ราคาการบินไทยไม่ไหวจริงๆ ต้องขออภัยด้วยที่ไม่ได้ใช้บริการค่ะ
2. การเดินทางในประเทศ
1,2 : ฝนเดินทางไปยัง Bergen ด้วยรถไฟในวันแรกที่ถึงนอร์เวย์เพื่อประหยัดค่าโรงแรม* ใชเวลา 1 คืน
ด้วยการนั่งรถไฟจากสนามบิน Oslo - Oslo S - Bergen
*(ขึ้นรอบกลางคืน ถึงตอนเช้า นอนบนรถไฟ)
3 : หลังจากใช้เวลาอยู่ใน Bergen 3 วัน 2 คืน ก็ได้เวลาไปล่าแสงเหนือที่เกาะ Lofoten
ด้วยการนั่งเครื่องจาก Bergen - Bodø - Leknes* (Center ของ Lofoten)
*การไปเกาะ Lofoten ไปได้หลายแบบ ถ้าไปทางเรือจะเป็น Bodø - Å แทน ส่วนถ้าขับรถก็ได้แต่ไกลหน่อย
4 : ฝนใช้เวลา 5 วัน 4 คืน เพื่อล่าแสงเหนือ รวมถึง short hiking เล็กน้อย ก่อน บินกลับ Oslo
ด้วยการนั่งเครื่องบินจาก Leknes - Bodø - Oslo และค้างที่ Oslo 2 วัน 1 คืนก่อนกลับไทย
หมายเหตุ : สายการบิน wideroe มีบินตรงจาก Bergen - Leknes แต่วันที่ฝนไปมันไม่มีเลยเป็นต่อเครื่อง
ว่ากันด้วยการจองตั๋วรถไฟระหว่างเหมือนในนอร์เวย์ มาดู How to กันดีกว่า
การจองตั๋วรถไฟระหว่างเมือง Oslo S – Bergen
ส่วนเวลาให้เราเลือกช่วงเวลาให้ล่วงหน้ากว่าที่เราคาดว่าจะถึงสถานี
*แนะนำให้เลือกตั้งแต่ 00:00 น. เลยค่ะ และดำเนินการ Register เป็น member สมาชิกนี้ก่อน จะได้ซื้อได้สะดวก
2. รายการจะขึ้นมาให้เราเลือก ซึ่งราคาส่วนใหญ่ตอนดึกๆจะถูก แต่ก็ไม่เสมอไป ที่แน่ๆ “จองเร็วถูก”
3. รถไฟมี 2 แบบ
3.1 “ตู้นั่ง” ทางเว็บไซต์ก็จะให้เราเลือกที่นั่ง และต้องนั่งตามที่เราจองด้วย เริ่มต้นที่ 369 NOK (ยังไม่รวม VAT)
3.2 “ตู้นอน” ทางเว็บไซต์ไม่ให้เราเลือกอะไรนัก แต่ตอนจ่ายเงินจะรู้หมายเลขเตียง ประมาณ 1,299 NOK (รวม VAT แล้ว)
*ระหว่างตู้นั่งกับตู้นอนจะถูกคั่นด้วย “ตู้อาหาร” เหมือนรถไฟไทยใหม่ที่บ้านเราเริ่มนำเข้ามาใช้แบบเขา
4. ดำเนินการจ่ายเงิน และต้องน้อมรับอย่างเดียวว่า “VAT ที่นี่แพงมาก” จริงๆ หลังจากนั้นเราจะได้ตั๋วเป็นแบบ .pdf ส่งเข้า email หรือให้ download ผ่านหน้าเว็บค่ะ แล้วเราก็สามารถปริ้นไปได้เลย
**เจ้าหน้าที่จะเดินตรวจตั๋วอย่างเข้มงวด ถ้าไม่มีตั๋วจะถูกปรับให้ซื้อตั๋วรถไฟใหม่ในราคาที่แพงมาก**
3. การเตรียมตัวก่อนเดินทาง และ Internet SIM
เนื่องจากฝนจะเดินทางในช่วง "ฤดูหนาว" สภาพอาศโดยภาพรวมที่นั่นคือ ต่ำสุดอยู่ที่ -17 สูงสุดอยู่ที่ 5 องศา โดยประมาณ
ดังนั้นสิ่งที่ฝนเตรียมไป ก็จะเป็นอุปกรณ์กันหนาวกันลม ลองจอน เสื้อผ้าที่ส่วนใหญ่จะเป็นเทคโนโลยีฮีทเทคเกือบทั้งหมดค่ะ
สภาพอากาศเดือน ธ.ค - ม.ค ที่ฝนเจอบางส่วนประมาณนี้ค่ะ
อาหารการกินที่เตรียมไปก่อนเดินทาง
เนื่องจากฝนจะไปอยู่โฮสเทล และต้องการประหยัดจากค่าครองชีพที่สูง รวมถึงความเบื่ออาหารอาจจะมาเยื่อน
ดังนั้น มื้อเช้ากับเย็นจะทำอาการทานเอง ส่วนมื้อกลางวันกินอาหารของคนนอร์เวย์
นอร์เวย์ แดนปลาแซลม่อน ที่นี่เป็นออริจินอลของปลาแซลม่อนในแถบนี้ทั้งปวง
ดังนั้งมาถึงนี่สิ่งที่จะต้องลองคือ "ปลาแซลม่อน" กับ "อาหารทะเล" นั่นแหละที่เราไม่ได้เตรียมมาจากไทย
เขียนไว้ให้ละเอียดตามนี้ :https://goo.gl/rQ6Rt9
Internet SIM
ฝนเลือกการบริการของ Instasim อีกครั้ง ซึ่งเป็นเว็บที่ขายซิมที่ใช้ในต่างประเทศ โดยจะมีโปรโมชั่น และค่ายให้เลือกและเปรียบเทียบ
ทริค # ให้ดูจากปริมาณการใช้งานในปัจจุบันว่าเราใช้เยอะแค่ไหน
ถ้าอยากได้แบบมีวิดีโอคอลได้ด้วย ต้องเลือกแพคเกจที่มี ฃVOICE-VOIP ด้วยนะคะ
Link : www.instasim.com
4. New Year countdown ที่เมืองท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปอย่าง "Bergen (แบร์เกน)”
4.1 Bergen (แบร์เกน) เมืองท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปและที่สุดในนอร์เวย์
ถือว่าเป็นเมืองใหญ่อีกเมือง ที่นักท่องเที่ยวหลายๆท่านไม่ควรพลาด
สำหรับสภาพภูมิอากาศของเมืองนี้คือ "ฝนตก" ทุกวัน ฉะนั้นควรจะพกร่มหรือเสื้อกันฝนกันมาด้วยค่ะ
ส่วนเดือนธันวาคมจนถึงมกราคมอุณภูมิอยู่ที่ -2 ถึง -14 องศา
เนื่องจากทะเลแถบนี้เป็นทะเลที่มีกระแสน้ำอุ่นอยู่ จึงทำให้ทะเลไม่เป็นน้ำแข็งตลอดปี
"แซลม่อน" คือของขึ้นชื่อของที่นอเวย์ และเป็น original ของแซลม่อนในแถบนี้
แน่นอนแบร์เกนจึงเป็นสถานที่ควรจะไปลิ้มลองทานแซลม่อน
จากที่ถามคนในพื้นที่มา ที่คนส่วนใหญ่เขาขยันออกกำลังกาย เพราะต้องการจะสู้กับความหนาว ฉะนั้นร่างกายจะต้องแข็งแรง
ผู้คนส่วนใหญ่ในวันหยุดพักผ่อนจะอยู่บนภูเขา เล่นสกี วิ่งหรือเดินขึ้นเขาอย่าง hiking กับครอบครัวกันค่ะ
ยอดเขา " Fløyen " จุดชมวิวเมือง Bergen ที่ดีที่สุด
Fløyen เป็นภูเขาในประเทศนอร์เวย์ สูง 399 เมตรจากระดับน้ำทะเล เป็นสถานที่ๆดูวิว Bergen ได้ทั้งเมือง มีร้านอาหารอยู่บนยอดเขา
สำหรับใครที่ไม่อยากเดิน ที่นี่มีบริการรถรางที่ชื่อ Fløibanen โดยคิดค่าบริการ 45 NOK / เที่ยว (ขึ้น 45 NOK , ลง 45 NOK ) เราสามารถซื้อแค่ขาขึ้น และจะเดินลงก็ได้
Fløibanen เปิดให้บริการ
วันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 07:30 - 23:00
เสาร์ - อาทิตย์ เวลา 08:00-23:00
----- วันที่พิเศษ ---------
24 ธันวาคม เวลา 08:00 - 15:00,
25-26 ธันวาคม เวลา 11:00 - 20:00,
31 ธันวาคม เวลา 08:00 - 20:00,
1 มกราคม เวลา 11:00 - 20:00
ที่พักในเมืองกับ Hostel ราคาถูก
" Marken Guesthouse (Marken Gjestehus) " โฮสเทลราคาถูกที่อยากแนะนำใน Bergen
ราคาไม่แพง อยู่ใกล้สถานีรถไฟ สามารถเดินมาได้เพียง 5-10 นาที และอยู่ใกล้ป้ายรถรางที่ไปสนามบินได้สะดวก
ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 900 บาท /คืน/คน
Free Wifi และ Locker ในห้อง รวมถึงห้องฝากกระเป๋าอย่าง Luggage room เพียงแค่ทำตามกฎของเขาเท่านั้นคือ "ห้ามทิ้งไว้ข้ามคืน"
Check in ได้ตอน 14.00 แต่ Check out ตอนไหนก็ได้ หากมาถึงก่อนสามารถขอขึ้นไปฝากกระเป๋า อาบน้ำก่อนได้ค่ะ
มีทั้งห้องน้ำและห้องอาบน้ำเยอะมาก ในห้องนอนและนอกห้องนอน ไม่ต้องแย่งห้องน้ำ สะอาดและกว้างมาก น้ำแรง และน้ำร้อนคือดีมาก
ห้องครัวอุปกรณ์ครบทุกอย่าง ขอแค่คุณมีเสบียง แต่ถ้ากลัวไม่มีเสบียง โฮสเทลนี้อยู่ติดกับร้านขายของ
อย่าง "COOP" ที่เป็นสหกรณ์ รวมถึงร้านมินิมาร์ทเล็กๆของคนที่นั่น
พนักงานที่นี่ดูแลดี เป็นกันเอง ให้คะแนน 10/10 ไปเลยค่ะ ที่สำคัญที่นี่ใกล้ทุกสถานที่ท่องเที่ยว
(มีต่อ