[CR] รีวิว Countdown Berlin ที่สุดของความสนุก

สืบเนื่องมาจากการหาสถานที่ Countdown ก่อนที่จะอายุมากจนไปไม่ไหวของผม ปีที่ผ่านมาผมเลยไป Countdown ที่ Berlin ครับ จากหลายๆ Website ที่บอกว่า Countdown Berlin เยี่ยมมากควรไปครั้งนึงในชีวิต และพอดีกับมีตั๋วช่วงปีใหม่ไปเยอรมันราคาย่อมเยาว์ (ซึ่งตอนหลังคิดว่าไม่ย่อมเยาว์เท่าไร) ผมจึงเลือกที่เที่ยวที่เยอรมันและเค้าดาวที่เบอร์ลินครับ พอซื้อตั๋วเสร็จวางแผนการเดินทางก็พยายามหารีวิวงานเค้าดาวที่เบอร์ลินอ่าน แต่ปรากฏว่าไม่มีเลยครับ และเมื่อผมได้ไปกลับมาก็เข้าใจในแบบของตัวเองว่ามันยากแบบนี้นี่เอง เลยอยากจะเล่าให้คนอื่นๆฟัง เพื่อมีใครอยากจะไป Countdown แบบผม

ขอออกตัวก่อนว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นความสนุกส่วนตัวล้วนๆนะครับ ผมคิดว่าถ้าคนอื่นมางานนี้แต่ไม่ใช่ผมกับเพื่อนก็คงไม่เจออะไรแบบนี้

เริ่มจากการมา เบอร์ลิน ก่อน เบอร์ลินไม่มีสายการบินตรงมาลงเบอร์ลินจากกรุงเทพนะครับ เท่าที่ผมหาดูคือต้องไป Frankfurt หรือ Munich แล้วค่อยต่อเครื่องหรือรถไฟมาเบอร์ลิน สำหรับรีวิว การเที่ยวเยอรมันหรือแม้แต่เบอร์ลินเอง มีอยู่เยอะพอสมควร ผมขอมาเล่าถึงการ Countdown ก้าวเข้าสู่ปี 2018 ของผมกันเลยนะครับ

เรานอนกันที่โรงแรม MEININGER berlin Central Station (วงกลมสีแดง) ใกลักับสถานีรถไฟ Berlin Hauptbahnhof มากๆ และเดินไปเพียง 1.4 km หรือประมาณ 18 นาทีก็จะถึงจุดที่มีงาน Countdown กันคือบริเวณ Brandenburg Gate (วงกลมสีฟ้า) บ่ายวันที่ 31 เราก็ลองเดินไปผ่านบริเวณนั้นกันดู ก็พบว่าเดินมาได้ใกล้มาก สบายแน่ๆคืนนี้


เราจึงวางแผนออกจากโรงแรม สามทุ่มครึ่งครับ แวะกินข้าว แล้วไป Countdown กัน เราก็เดินไปยังสะพานที่ 1 ตามแผนที่ พอเราไปถึงปรากฏว่าสะพานที่หนึ่งปิดครับ จากการถามเจ้าหน้าที่ตำรวจตรงนั้น บอกเราว่าสะพานนี้ปิดเข้าไม่ได้ ให้เราเดินถัดไปสะพานถัดไปสิ ยังเข้าได้อยู่ เราก็ยังคิดว่าไม่มีอะไร เดินไปคงเข้าได้ พอถึงสะพานที่ 2 ปิดอีกครับ คราวนี้เริ่มใจเสียเล็กๆ เลยตัดสินใจถามคนแถวนั้นที่ถามตำรวจมาแล้ว เพื่อจะได้อะไรชัดเจนขึ้น ผู้หญิงใจดีคนนึงบอกเราว่า ประตูนี้ปิดแล้วเพราะข้างในมีคนเยอะให้เราเดินไปเรื่อยๆจะมีสะพานข้ามแม่น้ำไปเข้างาน ซึ่งสะพานนั้นไม่มีตำรวจเฝ้าน่าจะเข้าได้ แต่ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่จะลองไปดู "We will try" จากประโยคนี้แหละ ผมเลยรีบวิ่งเลยครับ คืออุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลมาไกลมาก  ถ้าไม่ได้เข้าไปข้างในจะยังไงดีนะ ตอนนั้นก็น่าจะ 22.20 น. แล้ว ผมกับเพื่อนวิ่งไปจนถึงสะพานที่ 3 เป็นสะพานคนข้ามเล็กๆ ข้างซ้ายของเลข 3 ในแผนที่ อาจจะต้องลอง Google map ดูจะเห็นเป็นสะพานเล็กๆนะครับ ซึ่งแน่นอนไม่มีตำรวจแล้วครับ เราเลยข้ามฝั่งไปได้ แต่ตอนนี้ก็ยัง งงๆ อยู่ว่าแล้วเราจะเข้าไปตรงกลางได้ยังไง เพราะนี้วิ่งมาไกลจากงานมากแล้ว ประมาณ 2.5 km ผมก็เลยคิดว่าจะเดินเลาะไปตามแม่น้ำจะได้ไปถึงงานตามที่คิดไว้ แต่มันไม่เป็นอย่างนั้นละสิครับ มีตำรวจยืนเฝ้าอยู่ ปิดไม่ได้เดินไปอีก ผมกับเพื่อนเลยเดินเลาะสวน ที่มืดมากๆ เพื่อหาทางออกไปในงาน ตอนเดินในสวนก็มีความน่ากลัวมีคนกลุ่มนึง 3 คน พยายามหาทางเข้างานเหมือนกัน แล้วก็พูดกับพวกเราเป็นภาษาเยอรมัน งง ไปอีก แต่สรุปผมก็เดินลัดสนามไปมาจนออกมาจากสวนได้ ยังบริเวณวงเวียน Tiergarten (วงกลมสีเขียว) ซึ่งจุดที่ตัดไปถนนสายที่ 2 นี่แหละครับ คือทางเข้างาน มีจุดตรวจอาวุธ บลาๆ ตอนนั้นเรารู้สึก มาถึงแล้ว เย่ พวกเราก็เดินผ่านด่านตรวจมาอย่างสบายๆ คนไม่แน่นมาก เบียดนิดหน่อย แต่หลังจากนี้สิครับคือของจริง


พอผ่านด่านตรวจที่หนึ่ง เราก็เดินมาตามถนนหมายเลข 2 สักพักเจอด่านที่สอง อันนี้เริ่มงง เพราะเริ่มคนเยอะและเบียดกันแล้ว คนที่นี่คือเบียดแบบจริงจังมาก ตอนแรกเราไม่รู้ว่ามีด่าน เลยเดินไปทางฝั่งขวาของถนน แล้วพอเห็นแล้วว่าเข้าไปต่อไม่ได้เราเลยต่อแถวทางด้านขวานี้เลย เพราะคิดว่าอีกสักพักคงได้เข้าแต่พอเราเริ่มต่อแถว (ซึ่งเรียกได้ว่าเบียดกันมาตลอด) จนจะถึงรั้วที่เข้าไปด่านที่ 2 คนตรงรั้วดันกันเยอะมากจนตำรวจมาบอกว่าประตูฝั่งนี้ไม่เปิดแล้วให้ไปเข้าตรงกลางที่เดียวเท่านั้น จากการไหวตัวของเพื่อนเรา เราเลยตรงฝ่าคนมากมายเพื่อกลับไปต่อแถวตรงกลางของถนน ซึ่งกว่าจะผ่านไปได้ก็เกือบเป็นลมแระ มีรถเข็นเด็กข้างหน้าซึ่งโชคดีมากๆเพราะทำให้คนไม่ค่อยมาชนเท่าไร เราต้องเดินผ่านตรงกลางที่จะเปิดแค่ประมาณ 3 เมตร เพื่อให้เข้าไปต่อแถวตรวจอาวุธอีกครั้งจึงจะผ่านมาได้ ตอนที่เราผ่านด่านที่สองน่าจะประมาณ 23.15 น. แระครับ พอผ่านได้เราก็รีบวิ่งกันเลย แต่ความสนุกยังไม่จบแต่เพียงเท่านี้

เราวิ่งมากันสักพัก เจอด่านตรวจที่สาม ซึ่งพอมาถึงตรงรั้ว จอโปรเจคเตอร์ด้านหน้าขึ้นประกาศปิดทางเข้าเพราะข้างในเริ่มแน่น แล้วคือเราถึงรั้วที่สามพอดี ณ ตอนที่จอมอนิเตอร์ขึ้นประกาศ ตำรวจยกรั้วมากั้นด้านข้างพอดีแบบสุดๆ ตอนนั้นเริ่มเวิ่นกับเพื่อน นี่นั่งเครื่องมาเกือบ 24 ชม.นะ อยู่ตรงรั้วสักพัก ก็มีคนโวยวายจะเข้า เถียงกันสักพักเค้าก็ปล่อย เนื่องจากเรายังอยู่หน้ารั้วนั้นพอดี เลยวิ่งผ่านมาพร้อมผู้คนที่เบียดเรามากมาย แต่เราก็ยังรีบวิ่งตรงไปข้างหน้า ตอนนั้นเราเปิด Google Map ไปด้วย เลยรู้ว่าเพิ่งมาถึงแค่ครึ่งทางจากทางเข้าแรกไป Brandenburg Gate (เวทีที่มีการ Countdown) เพราะคิดว่าประตูข้างหน้าอาจจะยังไม่ปิด

แต่แล้วเราก็เจอด่านสี่ซึ่งอันนี้เราวิ่งมาทางฝั่งซ้าย คร่าวนี่รู้ทางแระยืนติดรั้วเลย สักพักมีคนวิ่งเข้าแทรกตัวไปตรงระหว่างรั้วแต่โดนพากลับมาสักพักเหมือนด้านข้างฝั่งขวาเค้าปล่อยให้เข้าไปได้ ตำรวจฝั่งเราเลยบอกให้เดินไปเข้าอีกฝั่งสิ เรากับเพื่อนก็กำลังจะเดินไป แต่เห็นคนไม่ยอม โวยวายให้เปิด และอ้อกันต่อไป อีกไม่กี่นาทีก็มีคนกระโดดข้ามรั้วไปสี่ห้าคน ซึ่งตำรวจตรงนี้มีแค่ 2 คนก็จับไม่ทัน เราเลยเอาบ้างกระโดดข้ามรั้ว ตรงจุดนี้เพื่อนเรากระโดดไม่ทันด้วยนะ ตำรวจมาขวางไว้ก่อน แต่อีกสักพักคนก็กระโดดกัน เยอะมากจนเพื่อนเรากระโดดข้ามมาเหมือนกัน ฉากนี้คือเหมือน บอลลูนคู่ที่มีตำรวจ 2 คน จับมือกันกั้นไม่ให้คนกระโดดข้ามมา และก็ค่อยๆมีคนแทรกตัวข้ามมาเรื่อย ลองคิดย้อนกลับไปคือก็สนุกดีนะ แต่ตอนนั้นคือทำไมกล้ากระโดดละเรา เสี่ยงไปไหม พอเพื่อนเราข้ามมาได้ก็รีบวิ่งไปข้างหน้าเลย

ด่านห้าโชคดีคือยังเปิด แล้วเราเริ่มรู้ทางแระ มันจะมีช่องที่เข้าได้แค่ 1-2 ช่อง เท่านั้น ต้องวิ่งไปหาให้เจอ ซึ่งอันนี้ผ่านมาได้ไม่ยากนัก มีตรวจอาวุธแบบด่านแรก แค่แยกชาย หญิงคนละโซน

ด่านสุดท้ายอันนี้โหดจริง คือ เค้าปิดจริงแระ แต่คนก็ยังหยุดอยู่ที่รั้ว ยืนดันรั้วอยู่ เราใช้กลยุทธ์ เดิมเชื่อสิ มันต้องเปิด สักพักคนพังด่านเลยครับ ดันๆกันไปจนด่านล้ม แล้วตำรวจจำนวนมากมาดันด่านกลับขึ้นมา และแทรกไปในคนมากมายเพื่อกันคนออกจากด่าน ตอนนั้นคิดแระ ต้องตาย เพราะแบบ ถูกดันมาเป็นคนสุดท้ายก่อนผ่านรั้ว แบบด่านพังแต่ตำรวจผลักไว้ และก็ผลักเราไว้ด้วย สักพักหน้าเพื่อนเหมือนจะเป็นลม ตำรวจเลยดึงเพื่อนออกไปอีกฝั่ง ผ่านไปง่ายๆเลย และอีกไม่นานเค้าก็ให้เราผ่านมาได้ ผ่านจุดนี้ไปเป็นจุดที่มีถนนอีกเส้นตัดผ่าน เริ่มมีของขายเยอะขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีด่านอีกแล้ว แต่เราและเพื่อนก็ยังวิ่งไปยังหน้าเวทีอยู่ดี ด้วยความสติหลุดสุดๆ เพื่อนพาเราวิ่งมาจนหน้าเวทีมากๆ แล้วยังจะแทรกตัวต่อไปอีก จนเราบอกว่า นี่ๆ มองขวาสิ หน้ากว่านี้ก็หน้ากว่ากล้องแล้ว 5555 เราเลยหยุดกันตรงนั้น ที่ตอนอีก 10 นาที เทียงคืน ได้ Countdown หน้าเวทีตามที่คิดไว้ แล้วคือจริงๆข้างในไม่ได้แน่นขนาดนั้น แต่เค้าคงไม่อยากให้แน่นมากเกินไป เลยค่อยๆทยอยปิดทีละประตูก่อนที่คนจะเยอะเกินไป การมีด่านแต่ละด่านเยอะๆก็ทำให้คนส่วนนึงยอมแพ้แล้วหยุดอยู่แถวนั้น ก็เป็นกลยุทธ์หนึ่งที่ดีนะครับ จะจริงๆแล้ว

และนี่แหละครับประสบการณ์ Countdown ที่น่าตื่นเต้นของผมในปีที่ผ่านมา (คือนี่ก้อวิ่งตามเค้าไม่กลัวตายไปอีก ไปจนถึงใน10นาทีสุดท้าย 😂😂😂) ต้องขอบคุณคุณป้า ที่บอกว่า "We will try" ที่ทำให้เราวิ่งมาชนถึงหน้าเวทีในที่สุด

สำหรับคนที่อยากไป Countdown ที่ Berlin อย่างผม
- ผมขอแนะนำให้คุณไปตั้งแต่ 20.00 และเข้าทางประตูตรงกลาง บริเวณวงเวียน Tiergarten ระหว่างทางมีของให้ซื้อกิน แวะชม ถ่ายรูปมากมาย เพื่อที่คุณจะได้ทำอะไรไปพลางๆก่อน เพื่อที่จะให้คุณเดินมาถึงเวทีตอนเที่ยงคืนพอดี
- ถ้าคุณชอบ EDM หลังจากเที่ยงคืนที่นี่สนุกมาก ผมอ่านมาเขาว่างานมีถึงเช้า แต่เนื่องจากผมต้องขึ้นเครื่องกลับไทย เราเลยอยู่กันถึงแค่ประมาณ ตี 2

อื่นๆที่อยากบอก
- ถ้าคุณไป Neuschwanstein เพื่อเวลาขึ้นรถม้าเยอะๆ ไปถึงก่อนรอบเข้าปราสาทนานๆ อาจจะไปถ่ายรูปรอบๆนั้นก่อนก็ได้ เพราะผมรอรถม้านานมาก สรุปไม่ทันต้องวิ่งท่ามกลางอากาศหนาว
- ร้านขายของฝากใน Neuschwanstein จะมีอีกร้านนึง ถัดจากร้านใหญ่ๆ เขียนว่าร้าน Original ราคาถูกที่สุด ทำ Tax refund ไม่ได้ และมีของไม่ครบทุกแบบเหมือนร้านข้างในแต่ราคาถูกกว่าจริงๆ
- ช่วงคริสมาส ที่นี่หยุด 24-26 นะครับ แต่มาช่วงนี้ก็จะดีที่มี Christmas market ก็สนุกดี
ชื่อสินค้า:   Berlin
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่