คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 11
เมื่อเป็นเรื่องประวัติศาสตร์เยอรมันก็ควรจะรู้ข้อเท็จจริงให้เต็มรูปแบบ
1) ทำความเข้าใจก่อนว่า เมืองเบอร์ลินที่ถูกแยกเป็นออกกับตกนั้นอยู่ในส่วนการยึดครองของโซเวียตทั้งหมด นั่นหมายถึงว่าเบอร์ลินเป็นเมืองที่เสมือนหนึ่งเป็นเกาะที่ถูกล้อมรอบโดยเยอรมนีตะวันออก และถูกตัดขาดออกจากเยอรมนีตะวันตก
สรุปสั้นๆ ว่า เยอรมนีตะวันตก และ เบอร์ลินตะวันตก เป็นคนละส่วนกัน
ดูจากรูปข้างล่าง
2) การเดินทางเข้าสู่เบอร์ลินตะวันตกของชาวเยอรมันตะวันตกจึงต้องผ่านเยอรมนีตะวันออก โดยมีการเดินทางได้ 3 ทางคือ
A - เครื่องบินซึ่งมีอยู่ 3 corridors ตามรูปแรกที่ จขกท โพสต์ไว้ข้างบน
B- ทางรถยนต์โดยใช้ Autobahn 4 เส้นทาง ได้แก่ A2, A4, A9, และ A24 ตามรูปข้างล่างสีเขียว
C - ทางรถไฟ
สำหรับทางเรือนั้นเป็นการใช้เส้นทางเดินเรือระหว่างแม่น้ำหรือคลอง (ได้แก่ Spree, Havel, Teltow Canal)
แต่เป็นการเดินทางภายในเบอร์ลินเอง ไม่เกี่ยวกับการเดินทางจากเยอรมนีตะวันตกไปเยอรมนีตะวันออกอย่างที่ คห 1 เข้าใจ
ซึ่งเส้นทางการติดต่อทั้ง 3 ระบบถูกตัดขาดทั้งหมดเมื่อรัสเซียปิดล้อมเบอร์ลินในช่วงปี 1948-1949
การเดินทางโดยเรือนั้นอนุญาตเฉพาะการขนส่งสินค้า , เรือที่ต้องการใช้เป็นเส้นทางผ่าน transit, เรือที่มีการมอบหมายให้ปฏิบัติการพิเศษ, หรือ เรือที่ใช้สำหรับการฝึกกีฬาเท่านั้น
ไม่ได้ใช้เพื่อการเดินทางสำหรับผู้โดยสารทั่วไป
เส้นทาง Autobahn 4 เส้นทางคือสัญลักษณ์ 3 ขีด

3) การหยุดการเดินทางโดยรถยนต์อันเนื่องจากการเจ็บป้วยกระทันหันและจากการเกิดอุบัติเหตุนั้นจะไม่ถูกดำเนินการทางกฏหมาย หรือ ไม่ต้องเสียค่าปรับ ถือเป็นเรื่องฉุกเฉิน การหยุดการเดินทางกระทันหันในเขตเยอรมนีตะวันออกจะถูกเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบและนำตัวไปยังเยอรมนีตะวันออกเพื่อดำเนินการต่อไป
4) การเดินทางด้วย U-Bahn (Untergrundbahn) ซึ่งเป็นระบบขนส่งทางรถไฟใต้ดินซึ่งมีบริการแต่เฉพาะในเมืองเท่านั้น เช่นเดียวกับ S-Bahn (Stadtbahn) ฉะนั้นที่ คห 3 #3211910 กล่าวถึงนั้นจึงเป็นระบบรถไฟใต้ดินที่วิ่งในเฉพาะเมืองเบอร์ลินเท่านั้น ซึ่งเมื่อต้องวิ่งผ่านในส่วนของเบอร์บินตะวันออก จึงถูกทางตะวันออกห้ามไม่ให้หยุดยกเว้นสถานีเดียวคือ Friedrichstraße ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นจุดเปลี่ยนรถเพื่อเดินทางไปยังเส้นทางอื่น
และด้วยสาเหตุที่เป็นระบบรถไฟใต้ดินซึ่งเส้นทางจะมืดสนิท สถานีรถไฟในเยอรมนีตะวันออกที่ไม่ให้หยุดจอดและไม่ได้ทำการจึงเปิดไฟไว้น้อยที่สุดทำให้มืดทึมมองไม่เห็นชัดเจน นอกจากนั้นแล้วยังมีทหารพร้อมด้วยอาวุธครบมือยืนประจำการอยู่ตลอดระยะ แต่ด้วยเหตุผลทางเทคนิคทำให้รถไฟจำต้องชะลอความเร็วลงทุกครั้งที่ผ่านสถานีเหล่านี้ เมื่อผู้โดยสารมองออกนอกหน้าต่างไปจึงเห็นภาพที่ดูแล้วน่าสะพึงกลัว
สถานีรถไฟเหล่านี้จึงถูกสมญานามโดยผู้คนทั่วไปว่า Geisterbahnhof หรือในภาษาอังกฤษว่า Ghost station ถูกนำไปใช้เรียกสถานีรถไฟ (ใต้ดิน) ที่ไม่ใช้งานในประเทศอื่นๆ ในเวลาต่อมา
1) ทำความเข้าใจก่อนว่า เมืองเบอร์ลินที่ถูกแยกเป็นออกกับตกนั้นอยู่ในส่วนการยึดครองของโซเวียตทั้งหมด นั่นหมายถึงว่าเบอร์ลินเป็นเมืองที่เสมือนหนึ่งเป็นเกาะที่ถูกล้อมรอบโดยเยอรมนีตะวันออก และถูกตัดขาดออกจากเยอรมนีตะวันตก
สรุปสั้นๆ ว่า เยอรมนีตะวันตก และ เบอร์ลินตะวันตก เป็นคนละส่วนกัน
ดูจากรูปข้างล่าง
2) การเดินทางเข้าสู่เบอร์ลินตะวันตกของชาวเยอรมันตะวันตกจึงต้องผ่านเยอรมนีตะวันออก โดยมีการเดินทางได้ 3 ทางคือ
A - เครื่องบินซึ่งมีอยู่ 3 corridors ตามรูปแรกที่ จขกท โพสต์ไว้ข้างบน
B- ทางรถยนต์โดยใช้ Autobahn 4 เส้นทาง ได้แก่ A2, A4, A9, และ A24 ตามรูปข้างล่างสีเขียว
C - ทางรถไฟ
สำหรับทางเรือนั้นเป็นการใช้เส้นทางเดินเรือระหว่างแม่น้ำหรือคลอง (ได้แก่ Spree, Havel, Teltow Canal)
แต่เป็นการเดินทางภายในเบอร์ลินเอง ไม่เกี่ยวกับการเดินทางจากเยอรมนีตะวันตกไปเยอรมนีตะวันออกอย่างที่ คห 1 เข้าใจ
ซึ่งเส้นทางการติดต่อทั้ง 3 ระบบถูกตัดขาดทั้งหมดเมื่อรัสเซียปิดล้อมเบอร์ลินในช่วงปี 1948-1949
การเดินทางโดยเรือนั้นอนุญาตเฉพาะการขนส่งสินค้า , เรือที่ต้องการใช้เป็นเส้นทางผ่าน transit, เรือที่มีการมอบหมายให้ปฏิบัติการพิเศษ, หรือ เรือที่ใช้สำหรับการฝึกกีฬาเท่านั้น
ไม่ได้ใช้เพื่อการเดินทางสำหรับผู้โดยสารทั่วไป
เส้นทาง Autobahn 4 เส้นทางคือสัญลักษณ์ 3 ขีด

3) การหยุดการเดินทางโดยรถยนต์อันเนื่องจากการเจ็บป้วยกระทันหันและจากการเกิดอุบัติเหตุนั้นจะไม่ถูกดำเนินการทางกฏหมาย หรือ ไม่ต้องเสียค่าปรับ ถือเป็นเรื่องฉุกเฉิน การหยุดการเดินทางกระทันหันในเขตเยอรมนีตะวันออกจะถูกเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบและนำตัวไปยังเยอรมนีตะวันออกเพื่อดำเนินการต่อไป
4) การเดินทางด้วย U-Bahn (Untergrundbahn) ซึ่งเป็นระบบขนส่งทางรถไฟใต้ดินซึ่งมีบริการแต่เฉพาะในเมืองเท่านั้น เช่นเดียวกับ S-Bahn (Stadtbahn) ฉะนั้นที่ คห 3 #3211910 กล่าวถึงนั้นจึงเป็นระบบรถไฟใต้ดินที่วิ่งในเฉพาะเมืองเบอร์ลินเท่านั้น ซึ่งเมื่อต้องวิ่งผ่านในส่วนของเบอร์บินตะวันออก จึงถูกทางตะวันออกห้ามไม่ให้หยุดยกเว้นสถานีเดียวคือ Friedrichstraße ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นจุดเปลี่ยนรถเพื่อเดินทางไปยังเส้นทางอื่น
และด้วยสาเหตุที่เป็นระบบรถไฟใต้ดินซึ่งเส้นทางจะมืดสนิท สถานีรถไฟในเยอรมนีตะวันออกที่ไม่ให้หยุดจอดและไม่ได้ทำการจึงเปิดไฟไว้น้อยที่สุดทำให้มืดทึมมองไม่เห็นชัดเจน นอกจากนั้นแล้วยังมีทหารพร้อมด้วยอาวุธครบมือยืนประจำการอยู่ตลอดระยะ แต่ด้วยเหตุผลทางเทคนิคทำให้รถไฟจำต้องชะลอความเร็วลงทุกครั้งที่ผ่านสถานีเหล่านี้ เมื่อผู้โดยสารมองออกนอกหน้าต่างไปจึงเห็นภาพที่ดูแล้วน่าสะพึงกลัว
สถานีรถไฟเหล่านี้จึงถูกสมญานามโดยผู้คนทั่วไปว่า Geisterbahnhof หรือในภาษาอังกฤษว่า Ghost station ถูกนำไปใช้เรียกสถานีรถไฟ (ใต้ดิน) ที่ไม่ใช้งานในประเทศอื่นๆ ในเวลาต่อมา

แสดงความคิดเห็น
ในสมัยก่อนถ้าผมอยู่เยอรมนีตะวันตก จะไปหาญาติที่เบอร์ลินตะวันตกผมจะไปได้อย่างไรครับ มีถนนไปถึงไหม
ส่วนเขตอ็อคคูพายของโซเวียตเป็นเยอรมนีตะวันออก
ซึ่งเบอร์ลินอยู่ในเขตอ็อคคูพายของโซเวียต
อย่างไรก็ดีตามข้อตกลงดังกล่าวต้องแบ่งเบอร์ลินเป็นสี่เขตอ็อคคูพายด้วยเช่นกัน ทำให้เบอร์ลินก็ต้องแบ่งเป็นเบอร์ลินตะวันตกและเบอร์ลินตะวันออกเช่นเดียวกัน และตามข้อตกลงแล้วมีเส้นทางการบินสามเส้นทางจากเขตอ็อคคูพายต่างๆ เขตละเส้นทางที่สามารถเข้าเบอร์ลินตะวันตกได้ (ซึ่งเป็นเส้นทางของ Berlin Airlift ในช่วงวิกฤตการณ์)
ผมเลยสงสัยว่าในระหว่างนี้ถ้าคนในเยอรมนีตะวันตกจะไปติดต่อธุระที่เบอร์ลินตะวันตกและในทางกลับกัน โดยไม่ได้ใช้ทางการบิน
เค้าจะไปมาหาสู่กันอย่างไรครับ มีเส้นทางรถพิเศษไหมครับ
และหากคนเยอรมันตะวันตกจะไปทำธุระในเบอร์ลินตะวันออกโดยผ่านด่านชาร์ลีสามารถกระทำได้ไหมครับ หรือว่าห้ามข้ามไป (แต่ว่าก้อมีป้ายเตือน แสดงว่าน่าจะข้ามได้)
//เพิ่มภาพประกอบครับ
ภาพจากวิกิครับ