อยากนำบทเรียนที่ผมกับแฟนเพิ่งประสบมาหมาดๆ ก่อนปีใหม่นี่เองมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังจะได้ไม่พลาดแบบผม เรื่องมีอยู่ว่าผมกับแฟนไปเช่าบ้านแถวสองชั้นที่ อ.ปราณบุรี เพื่อเปิดเป็นร้านแว่นตา เจ้าของบ้านเช่าเป็นอดีตครู สามีเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในโรงพยาบาลประจำอำเภอ สภาพบ้านตอนที่ตกลงเช่าต้องบอกว่าโทรมมาก ไม่มีใครสนใจเช่า โดยตกลงค่าเช่าที่ 10,000 บาทต่อเดือน ถึงกระนั้นเจ้าของก็ไม่อนุญาตให้เราเข้า-ออก ผ่านประตูหลังบ้าน เพราะอ้างว่าเป็นพื้นที่สวน สามีเป็นคนรักต้นไม้มาก ถึงขนาดให้ช่างมากทำรั้วกั้นด้านหลังเลยทีเดียว เดิมทีชั้นบนของบ้านสภาพโทรมมาก ไม่มีฝ้า ผนังก็เป็นฝาไม้ผุๆ พังๆ ตอนขึ้นไปดูครั้งแรกมีแมววิ่งทะลุฝาบ้านกันเลยทีเดียว ผมกับแฟนจึงคิดว่าคงต้องไปเช่าห้องนอนที่อื่นต่างหาก แต่สุดท้ายเราก็ตัดสินใจปรับปรุงชั้นบนให้เป็นห้องนอน หมดเงินไป 13000 บาท พอเจ้าของรู้ว่าเราจะใช้พื้นที่ขชั้นบนก็เลยขอค่าเช่าเพิ่มอีก 1000 บาท รวมเป็น 11000 บาทต่อเดือน (ถึงเราไม่ใช้ชั้นบน เขาก็ไม่สามารถปล่อยให้ใครเช่าได้อยู่แล้ว) ผมกับแฟนใช้เงินปรับปรุงบ้านและร้านไปเยอะมากเพื่อให้ร้านแว่นตาดูดีในสายตาลูกค้า ผมต้องขายรถกระบะสุดรัก และกู้เงินสหกรณ์ เพื่อมาใช้จ่ายในการทำร้าน ผมกับแฟนจ่ายค่าเช่าตรงเวลามาตลอด มีขอลดค่าเช่าบ้างในช่วงที่ อ.ปราณบุรี ขุดท่อปะปาและปรับปรุงถนนหน้าร้าน ทำให้เราเปิดร้านไม่ได้
ก่อนปีใหม่ที่ผ่านมา เจ้าของบ้านมาหาเราที่ร้าน พร้อมทั้งบอกว่าจะครบกำหนดจ่ายค่าเช่าครั้งต่อไปในวันที่ 21 ม.ค.61 ซึ่งเราก็จำได้เพราะจดไว้ในปฏิทิน แต่ที่แปลกคือเจ้าของบ้านถือหนังสือสัญญา “เปล่า” มาด้วย (ทั้งที่แต่ก่อนเราอยากให้ทำสัญญา แต่นางก็ไม่เคยยอมทำ) ผมกับแฟนก็ไม่เซ็นสิครับ มีที่ไหนจะให้เราเซ็นแล้วตัวเองไปกรอกข้อมูลทีหลัง นอกจากนั้นนางก็ยืนยันเสียงแข็งว่า ค่าเช่ารอบหน้าจะขอเป็น 11000 บาทต่อเดือน เท่าตอนแรก และขอให้จ่ายล่วงหน้า 1 ปี (คิดเป็นเงิน 132000 บาท) นางอ้างว่า “ครูเครียด ครูเครียดมาก ไม่เคยเจอใครวุ่นวายเท่าเธอ ขอต่อตลอด ตุกติกตลอด” ผมกับแฟนก็ฉุนเหมือนกันสิ เราขอต่อราคา คุณก็ยินยอมลดให้ มาวันนี้มาบอกว่าเราตุกติกตลอด สุดท้ายวันนั้น นางก็หัวฟัดหัวเหวี่ยงออกจากร้านไป พร้อมยืนยันว่าถ้าไม่จ่าย 132000 บาท ก็เก็บของย้ายออกไป
วันต่อมา นางมาหาเราที่ร้านอีก แต่วันนี้มาบอกว่าถึงเราจะจ่าย 132000 บาท ก็จะไม่ให้เช่าแล้ว เมื่อครบกำหนดเช่า ให้ย้ายออกไปเลย ผมกับแฟนมาทราบในเวลาต่อมาว่านางก็ไปบอกยกเลิกสัญญาร้านขายเสื้อผ้าที่อยู่ติดกับร้านเราด้วย ผมจึงมั่นใจว่าคงมีคนมาขอเช่าสองคูหาติดกันพร้อมทั้งให้ราคาสูงกว่าแน่ และก็เป็นจริงดั่งว่า มีบริษัทที่ดำเนินธุรกิจอาหารรายใหญ่ที่สุดของประเทศ อักษรย่อภาษาอังกฤษสองพยางค์มาขอเช่า นางจึงพยายามเตะเราออกจากบ้านไปเพราะ “เงิน” ที่มากกว่า
บทเรียนที่แสนแพงของผมกับแฟนคือเราเชื่อใจนางมากเกินไปเพราะเห็นเป็นถึงครูอาจารย์ สามีก็เป็นที่นับหน้าถือตา สร้างบ้านตึกราคา 50 ล้านบ้าน คงไม่โกงคนจนๆอย่างเรามั้ง จึงไม่ได้เคี่ยวเข็ญให้นางทำหนังสือสัญญาเป็นหลักฐาน เมื่อนางมาขับไล่เรา นางก็ไม่คิดจะรับผิดชอบเงินที่เราจ่ายไปในการทำบ้านให้นาง เงินค่ารื้อถอน ขนย้าย และค่าขาดรายได้ในช่วงที่เราไม่มีร้านขายของ นางบอกอยากได้ก็ไปฟ้องเอา ผมจึงอยากเตือนทุกๆคนว่า เช่าบ้านใคร ทำสัญญาให้ชัดเจน จะได้ไม่เป็นอย่างผม
บทเรียนราคาแพงจากการเช่าบ้าน โดยไม่มีหนังสือสัญญา
ก่อนปีใหม่ที่ผ่านมา เจ้าของบ้านมาหาเราที่ร้าน พร้อมทั้งบอกว่าจะครบกำหนดจ่ายค่าเช่าครั้งต่อไปในวันที่ 21 ม.ค.61 ซึ่งเราก็จำได้เพราะจดไว้ในปฏิทิน แต่ที่แปลกคือเจ้าของบ้านถือหนังสือสัญญา “เปล่า” มาด้วย (ทั้งที่แต่ก่อนเราอยากให้ทำสัญญา แต่นางก็ไม่เคยยอมทำ) ผมกับแฟนก็ไม่เซ็นสิครับ มีที่ไหนจะให้เราเซ็นแล้วตัวเองไปกรอกข้อมูลทีหลัง นอกจากนั้นนางก็ยืนยันเสียงแข็งว่า ค่าเช่ารอบหน้าจะขอเป็น 11000 บาทต่อเดือน เท่าตอนแรก และขอให้จ่ายล่วงหน้า 1 ปี (คิดเป็นเงิน 132000 บาท) นางอ้างว่า “ครูเครียด ครูเครียดมาก ไม่เคยเจอใครวุ่นวายเท่าเธอ ขอต่อตลอด ตุกติกตลอด” ผมกับแฟนก็ฉุนเหมือนกันสิ เราขอต่อราคา คุณก็ยินยอมลดให้ มาวันนี้มาบอกว่าเราตุกติกตลอด สุดท้ายวันนั้น นางก็หัวฟัดหัวเหวี่ยงออกจากร้านไป พร้อมยืนยันว่าถ้าไม่จ่าย 132000 บาท ก็เก็บของย้ายออกไป
วันต่อมา นางมาหาเราที่ร้านอีก แต่วันนี้มาบอกว่าถึงเราจะจ่าย 132000 บาท ก็จะไม่ให้เช่าแล้ว เมื่อครบกำหนดเช่า ให้ย้ายออกไปเลย ผมกับแฟนมาทราบในเวลาต่อมาว่านางก็ไปบอกยกเลิกสัญญาร้านขายเสื้อผ้าที่อยู่ติดกับร้านเราด้วย ผมจึงมั่นใจว่าคงมีคนมาขอเช่าสองคูหาติดกันพร้อมทั้งให้ราคาสูงกว่าแน่ และก็เป็นจริงดั่งว่า มีบริษัทที่ดำเนินธุรกิจอาหารรายใหญ่ที่สุดของประเทศ อักษรย่อภาษาอังกฤษสองพยางค์มาขอเช่า นางจึงพยายามเตะเราออกจากบ้านไปเพราะ “เงิน” ที่มากกว่า
บทเรียนที่แสนแพงของผมกับแฟนคือเราเชื่อใจนางมากเกินไปเพราะเห็นเป็นถึงครูอาจารย์ สามีก็เป็นที่นับหน้าถือตา สร้างบ้านตึกราคา 50 ล้านบ้าน คงไม่โกงคนจนๆอย่างเรามั้ง จึงไม่ได้เคี่ยวเข็ญให้นางทำหนังสือสัญญาเป็นหลักฐาน เมื่อนางมาขับไล่เรา นางก็ไม่คิดจะรับผิดชอบเงินที่เราจ่ายไปในการทำบ้านให้นาง เงินค่ารื้อถอน ขนย้าย และค่าขาดรายได้ในช่วงที่เราไม่มีร้านขายของ นางบอกอยากได้ก็ไปฟ้องเอา ผมจึงอยากเตือนทุกๆคนว่า เช่าบ้านใคร ทำสัญญาให้ชัดเจน จะได้ไม่เป็นอย่างผม