คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
ข้อ1. ผมเห็นด้วยกับ1-1ครับ
ข้อ2. ผมว่าต้องขอความยินยอมเฉพาะเมื่อยังเป็นผู้เยาว์หรือยังอยู่ในความดูแลผู้ปกครองนะ.
ข้อ3. ผิดศีลต้องมีเจตนา. คุณเชื่อสนิทใจว่าอีกฝั่งไม่มีแฟน. อย่างนี้ผมว่าคุณไม่ผิด. แต่คู่ของคุณตั้งใจโกหก. เขาผิดศีลครับ
ข้อ4. เรื่องการยอมรับเป็นเรื่องทางสังคม. บางประเทศเขาให้เพศเดียวกันจดทะเบียนสมรสได้แล้วด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม. ถ้ายังอยู่ในวัยต้องพึ่งพาพ่อแม่ต้องแบมือขอเงิน. ทำอะไรก็คิดถึงความรู้สึกเขาบ้าง(ที่แสดงความเห็นอย่างนี้เพราะไม่ทราบว่าเจ้าของกระทู้อายุเท่าไหร่แล้ว. ถ้าอยู่ในวัยทำงานแล้วก็ขออภัยด้วยครับ)
ข้อ2. ผมว่าต้องขอความยินยอมเฉพาะเมื่อยังเป็นผู้เยาว์หรือยังอยู่ในความดูแลผู้ปกครองนะ.
ข้อ3. ผิดศีลต้องมีเจตนา. คุณเชื่อสนิทใจว่าอีกฝั่งไม่มีแฟน. อย่างนี้ผมว่าคุณไม่ผิด. แต่คู่ของคุณตั้งใจโกหก. เขาผิดศีลครับ
ข้อ4. เรื่องการยอมรับเป็นเรื่องทางสังคม. บางประเทศเขาให้เพศเดียวกันจดทะเบียนสมรสได้แล้วด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม. ถ้ายังอยู่ในวัยต้องพึ่งพาพ่อแม่ต้องแบมือขอเงิน. ทำอะไรก็คิดถึงความรู้สึกเขาบ้าง(ที่แสดงความเห็นอย่างนี้เพราะไม่ทราบว่าเจ้าของกระทู้อายุเท่าไหร่แล้ว. ถ้าอยู่ในวัยทำงานแล้วก็ขออภัยด้วยครับ)
แสดงความคิดเห็น
ขอถามศีลข้อ 3 กับคนชอบเพศเดียวกัน (เกย์) หน่อยครับ
1. ในกรณีกอดจูบลูบคลำ ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ลึกซึ้ง ก็มีผิดศีลข้อที่3 แต่เบากว่าแบบสอดใส่ใช่ไหมครับ
2. ในกรณีที่ต่างฝ่าย ไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่ยินยอม ก็ยังผิดศีลข้อที่ 3 อยู่ใช่ไหมครับ เพราะไม่ได้รับความยินยอม
จากผู้ปกครอง (พ่อแม่) ใช่ไหมครับ
3. ในกรณีที่อีกฝ่ายโกหกเราว่ายังโสด (ไม่มีแฟน) แล้วมีสัมพันธ์กับเรา อย่างนี้ตัวเราจะผิดศีลในส่วนของแฟนที่เป็นเจ้าของปัจจุบันไหมครับ
(เราไม่รู้ในกรณีอีกฝ่ายพูดโกหก)
4. แล้วจะเป็นไปได้ยังไงให้พ่อแม่อีกฝ่ายยอมรับครับ ในความเป็นจริงชายหญิงเป็นที่ยอมรับกันได้
มีการแต่งงานกันได้ แล้วถ้าเป็นเกย์หล่ะครับ ถ้าพ่อแม่ไม่ยอมรับ ยินยอม อนุญาต ก็ไม่มีสิทธิ์มีสัมพันธ์กันเลยใช่ไหมครับ
ปล. เกย์ (ชายรักชาย) กว่าจะเจอความรักก็ยากแล้ว จะได้รับการยินยอมอีกก็ยากยิ่งกว่า
แล้วในกรณีเหตุการณ์ข้างบนผิดละเมิดศีล งั้นเกย์ส่วนใหญ่ ของประเทศก็คงผิดศีลกันระนาวเลยสึครับ
ปล.2 ช่วยตอบหน่อยนะครับ อยากรู้ทั้ง 4 ข้อเลยครับ
ขอบคุณมากเลยครับ ที่ช่วยตอบเป็นธรรมทาน