คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 35
ปีนี้ ค.ศ 2018 ตามปฏิทินจะเรียกว่าปี "วู้ ซวี 戊戌" ซึ่งเป็นปี จอ หยาง ธาตุดิน
ตามดวงแล้วปีนักษัตรที่จะโชคดีปีนี้ เรียงตามลำดับได้แก่ ขาล เถาะ มะเส็ง และกุน
โดยคนที่เกิดปีขาล พ.ศ 2517 หรือ ค.ศ 1974 จะโชคดีที่สุด เพราะเกิดใน ธาตุไม้ ที่ข่ม ธาตุดินของปีนี้
ส่วนราศรีที่มีเกณฑ์จะได้คู่ครองคือ นักษัตร มะเส็ง
ป.ล ส่วนนักษัตรที่ดวงไม่ค่อยดีคือ ฉลู รองลงมาคือ มะโรง
ป.ล 2 ส่วนตัวเกิดปีฉลู ส่องดูแนวโน้มแล้วมีแวว...555 แต่ทำเหมือนคุณนางฟ้าที่แนะนำ ไปทำบุญบริจาคโลงศพแล้ว
ป.ล 3 ในห้องนี้ใครเกิดปีมะเส็ง แล้วปีนี้ได้แฟน อย่าลืมมาเลี้ยงเราด้วย
ป.ล 4 อย่างที่บอก โหราพยากรณ์ให้ฟังหูไว้หู ดีก็อย่าประมาท ร้ายก็แค่ระวัง ให้คิดแต่สิ่งดีๆ ใครก็ทำอะไรเราไม่ได้
ตามดวงแล้วปีนักษัตรที่จะโชคดีปีนี้ เรียงตามลำดับได้แก่ ขาล เถาะ มะเส็ง และกุน
โดยคนที่เกิดปีขาล พ.ศ 2517 หรือ ค.ศ 1974 จะโชคดีที่สุด เพราะเกิดใน ธาตุไม้ ที่ข่ม ธาตุดินของปีนี้
ส่วนราศรีที่มีเกณฑ์จะได้คู่ครองคือ นักษัตร มะเส็ง
ป.ล ส่วนนักษัตรที่ดวงไม่ค่อยดีคือ ฉลู รองลงมาคือ มะโรง
ป.ล 2 ส่วนตัวเกิดปีฉลู ส่องดูแนวโน้มแล้วมีแวว...555 แต่ทำเหมือนคุณนางฟ้าที่แนะนำ ไปทำบุญบริจาคโลงศพแล้ว
ป.ล 3 ในห้องนี้ใครเกิดปีมะเส็ง แล้วปีนี้ได้แฟน อย่าลืมมาเลี้ยงเราด้วย
ป.ล 4 อย่างที่บอก โหราพยากรณ์ให้ฟังหูไว้หู ดีก็อย่าประมาท ร้ายก็แค่ระวัง ให้คิดแต่สิ่งดีๆ ใครก็ทำอะไรเราไม่ได้

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 23

ตามรูป ปีนี้เป็นปี พ.ศ 2561 ซึ่งน่าจะตรงกับ ร.ศ 237 แต่ทำไมในหนังสือจึงยังลง ร.ศ 236
เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะ การนับขึ้น ร.ศ ใหม่ จะเริ่มนับวันที่ 1 เมษายน
ประเด็นต่อมา ในไฮไลท์สีส้ม เขียนว่า มิ่นก๊ก ปีที่ 107 แปลว่า เป็นปีที่ 107 นับตั้งแต่เปลี่ยนแปลงระบอบจาก
ฮ่องเต้ มาเป็น สาธารณะรัฐ (นับปีค.ศ 1911 ปฏิวัติ ซินไฮ้ เป็นปีที่ 1 )
ป.ล รูป จากหนังสือ ปฏิทิน 100 ปี ถ่ายสดๆจากเตียงนอน

ตามรูป ปีนี้เป็นปี พ.ศ 2561 ซึ่งน่าจะตรงกับ ร.ศ 237 แต่ทำไมในหนังสือจึงยังลง ร.ศ 236
เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะ การนับขึ้น ร.ศ ใหม่ จะเริ่มนับวันที่ 1 เมษายน
ประเด็นต่อมา ในไฮไลท์สีส้ม เขียนว่า มิ่นก๊ก ปีที่ 107 แปลว่า เป็นปีที่ 107 นับตั้งแต่เปลี่ยนแปลงระบอบจาก
ฮ่องเต้ มาเป็น สาธารณะรัฐ (นับปีค.ศ 1911 ปฏิวัติ ซินไฮ้ เป็นปีที่ 1 )
ป.ล รูป จากหนังสือ ปฏิทิน 100 ปี ถ่ายสดๆจากเตียงนอน

ความคิดเห็นที่ 20
https://f.ptcdn.info/522/055/000/p24k9u416Vmk52uF890-o.jpg
ตัวอักษรจีนทั้ง12นักษัตร เขียนดังนี้.
1 子 ชวด. เวลา 23:00-24:59 (ตี1)
2 丑 ฉลู. เวลา ตี1-02:59
3 寅 ขาล. เวลา03:00-04:59
4 卯 เถาะ. เวลา05:00-06:59
5 辰 มะโรง เวลา07:00-08:59
6 巳 มะเส็ง เวลา09:00-10:59
7 午 มะเมีย. เวลา11:00-12:59
8 未 มะแม เวลา13:00-14:59
9 申 วอก. เวลา15:00-16:59
10 酉 ระกา เวลา 17:00-18:59
11 戌 จอ เวลา 19:00-20:59
12 亥 กุน เวลา 21:00-22:59
เวลาที่กำกับเอาไว้ สามารถบ่งบอกด้วยว่า เราเกิดยามชวด ยามฉลู ได้อีก. โดยดูเวลาที่ระบุไว้ให้
ดังนั้น คนที่จะนับว่าเป็นปีชงกันจริงๆ ต้องดูว่าเกิดเดือนใด เวลาใดอีกด้วย เพราะบางทีเป็นปีชง และยามเกิดดี ก็จะไม่ชง เพราะมีดวงยามมาช่วย ไม่ได้ดูแค่ปีเท่านั้น.
นางฟ้าพิมพ์คร่าวๆให้ดู เพื่อที่จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องปีชงให้มากนัก หมั่นทำบุญซื้อโลงศพ ก็สามารถปัดเป่าได้โดยไม่ต้องเป็นเหยื่อของการดูดวงเพื่อ”ฟันกำไร”
ส่วนใครที่เกิดเดือนนี้ ทางโหราศาสตร์จีนยังนับเป็นปีระกาอยู่ ต้องรอให้ถึงวันตรุษจีน(ชิวอิด)ถึงจะนับเป็นปีจออีกด้วย
พิมพ์ให้อ่านกันเล่นๆ พิมพ์มากเดี๋ยวจะเบลอนะฮ้า
ตัวอักษรจีนทั้ง12นักษัตร เขียนดังนี้.
1 子 ชวด. เวลา 23:00-24:59 (ตี1)
2 丑 ฉลู. เวลา ตี1-02:59
3 寅 ขาล. เวลา03:00-04:59
4 卯 เถาะ. เวลา05:00-06:59
5 辰 มะโรง เวลา07:00-08:59
6 巳 มะเส็ง เวลา09:00-10:59
7 午 มะเมีย. เวลา11:00-12:59
8 未 มะแม เวลา13:00-14:59
9 申 วอก. เวลา15:00-16:59
10 酉 ระกา เวลา 17:00-18:59
11 戌 จอ เวลา 19:00-20:59
12 亥 กุน เวลา 21:00-22:59
เวลาที่กำกับเอาไว้ สามารถบ่งบอกด้วยว่า เราเกิดยามชวด ยามฉลู ได้อีก. โดยดูเวลาที่ระบุไว้ให้
ดังนั้น คนที่จะนับว่าเป็นปีชงกันจริงๆ ต้องดูว่าเกิดเดือนใด เวลาใดอีกด้วย เพราะบางทีเป็นปีชง และยามเกิดดี ก็จะไม่ชง เพราะมีดวงยามมาช่วย ไม่ได้ดูแค่ปีเท่านั้น.
นางฟ้าพิมพ์คร่าวๆให้ดู เพื่อที่จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องปีชงให้มากนัก หมั่นทำบุญซื้อโลงศพ ก็สามารถปัดเป่าได้โดยไม่ต้องเป็นเหยื่อของการดูดวงเพื่อ”ฟันกำไร”
ส่วนใครที่เกิดเดือนนี้ ทางโหราศาสตร์จีนยังนับเป็นปีระกาอยู่ ต้องรอให้ถึงวันตรุษจีน(ชิวอิด)ถึงจะนับเป็นปีจออีกด้วย
พิมพ์ให้อ่านกันเล่นๆ พิมพ์มากเดี๋ยวจะเบลอนะฮ้า
ความคิดเห็นที่ 18
มีปฏิทินจีนโบราณอีกประเภทหนึ่ง ที่มีความละเอียดมาก ใช้มาหลายพันปีแล้ว
เรียกว่า 天干地支 ซึ่งมีผู้แปลเป็นไทยว่า วัฏจักรฟ้า ราศรีดิน
ซึ่งเป็นการนำเอาอักษร 10 ตัวของวัฏจักรฟ้า ที่มีความหมายธาตุทั้ง 5 คือ
ไม้ ดิน น้ำ ไฟ และทอง ซึ่งธาตุทั้ง 5 มีทั้ง หยิน และ หยาง รวมเป็น 10 ชนิด
มารวมกับ ราศี ดิน ที่แทนที่ด้วยนักษัตร 12 ชนิด คือ หนู วัว เสือ.......หมา หมู
เพราะฉะนั้นในรอบปฏิทินนี้ จะมีรอบเท่ากับ 60 ปี คนจีนเมื่อมีอายุครบ 60 ปี จึงจัดวันเกิดครั้งใหญ่ ซึ่งเรียกว่า"วันแซยิด" นั่นเอง
ป.ล เดี๋ยวเม้นท์ต่อๆมา จะพยากรณ์ว่า คนเกิดปีไหน โชคชะตาจะเป็นยังไง
ป.ล 2 ทำนายคร่าวๆอย่าจริงจังนะ ทำนายว่าดี ก็อย่าประมาท ทำนายว่าร้าย ก็ให้ระวัง
เรียกว่า 天干地支 ซึ่งมีผู้แปลเป็นไทยว่า วัฏจักรฟ้า ราศรีดิน
ซึ่งเป็นการนำเอาอักษร 10 ตัวของวัฏจักรฟ้า ที่มีความหมายธาตุทั้ง 5 คือ
ไม้ ดิน น้ำ ไฟ และทอง ซึ่งธาตุทั้ง 5 มีทั้ง หยิน และ หยาง รวมเป็น 10 ชนิด
มารวมกับ ราศี ดิน ที่แทนที่ด้วยนักษัตร 12 ชนิด คือ หนู วัว เสือ.......หมา หมู
เพราะฉะนั้นในรอบปฏิทินนี้ จะมีรอบเท่ากับ 60 ปี คนจีนเมื่อมีอายุครบ 60 ปี จึงจัดวันเกิดครั้งใหญ่ ซึ่งเรียกว่า"วันแซยิด" นั่นเอง
ป.ล เดี๋ยวเม้นท์ต่อๆมา จะพยากรณ์ว่า คนเกิดปีไหน โชคชะตาจะเป็นยังไง
ป.ล 2 ทำนายคร่าวๆอย่าจริงจังนะ ทำนายว่าดี ก็อย่าประมาท ทำนายว่าร้าย ก็ให้ระวัง
แสดงความคิดเห็น
ห้องเพลง**คนรากหญ้า**พักยกการเมือง มุมเสียงเพลง มุมนี้ไม่มีสีไม่มีกลุ่ม มีแต่เสียง 6/1/2561 - ที่มาของ 12 ปีนักษัตร
สวัสดีปีใหม่ 2561 ครับ
กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกสุด สำหรับปีใหม่ 2561 ของผม ซึ่งปีนี้ จะเปลี่ยนเป็นนักษัตรปีจอ หลังจากวันสงกรานต์ในเดือนเมษายน อาทิตย์ย้ายราศีจากราศีมีนเข้าสู่ราศีเมษ ดังนั้น ในขณะนี้ เรายังอยู่กันในนักษัตรปีระกา (ไก่) กันอยู่นะครับ จอ (หมา) นั้น ต้องรอกันไปก่อน เรื่องปีนักษัตรนี้มีหลายคนมักเข้าใจผิดกัน คือเข้าใจว่าพอขึ้นปีใหม่ 1 มกราคมปั๊บ เปลี่ยนนักษัตรเลย อันนี้เป็นความเข้าใจที่ผิดนะครับ ทำนองเดียวกับคนที่เกิดในเวลากลางคืน หลังเที่ยงคืน ซึ่งในทางสากลเขาให้เข้าวันใหม่ แต่โหราศาสตร์ไทยยังให้เป็นวันเก่าอยู่ ยังไม่ให้ข้าม จนกว่าดวงอาทิตย์จะขึ้นนั่นเอง เช่น สมมติว่าคุณผู้หญิงท่านใด คลอดลูกเมื่อคืนนี้ ในเวลาตีสอง ถามว่า ลูกคุณเกิดวันใด คำตอบคือ เกิดวันศุกร์ครับ ไม่ใช่วันเสาร์!
วันนี้ เอาเรื่องเล่า ตำนานที่มาของปีนักษัตรมาฝากครับ อ่านแล้วก็สนุกดีเหมือนกัน
ตำนานที่มาของปีนักษัตร มีทั้งของไทยใหญ่ ของจีน ของญี่ปุ่น ย้อนไปดูของจีน จะเล่าตั้งแต่แรกเริ่มมีมนุษย์บนโลกเลยทีเดียว ดังนี้
จากพงศาวดารจีนในเรื่อง ไคเภ็ก กล่าวไว้ว่า
"แรกเริ่มการเกิดมนุษย์ ไอฟ้าไอดินทั้งสองกระทบกันแล้วเกิดเป็นศิลากลมก้อนใหญ่ แล้วแตกไปเป็นก้อนเล็กๆ อีก 12 ก้อน เกิดเป็นคน 13 คน ก้อนใหญ่นั้นคือ เทียนอ่องสี ซึ่งแปลว่า พระเจ้าแผ่นดิน มีสีอันขาวบริสุทธิ์ทั้งตัว ตัวสูง 3 ตึ่ง 5 เชียะ คือ 12 ศอกคืบ ใบหน้าสีนวลขาว ปากแดงเหมือนชาด ทั้ง12 คนนับถือเป็นพี่น้องกัน คำนับเทียนอ่องสีเป็นฮ่องเต้ ต่อมาก็มีมนุษย์ผู้หญิงจากไอฟ้าไอดินนั่นแล แล้วจึงมีการสืบพันธ์ุต่อๆกันมา ทั้งมนุษย์และสัตว์เดรัจฉาน
ครั้งนั้นยังไม่มีเดือนมีตะวัน มนุษย์ได้พึ่งแสงสว่างด้วยรัศมีพระและเทวดาช่วยอุปถัมภ์อยู่ ยังไม่มีแซ่และชื่อ ต่างแยกย้ายกันไปอาศัยอยู่ทุกทิศ ต่อมา เทียนอ่องสีฮ่องเต้เรียกน้องชายทั้งสิบสองคนเข้ามาชุมนุมแล้วจึงว่า เราจะตั้งให้มีปี 12 ปี บรรจบเป็นรอบหนึ่ง จะให้ท่านทั้ง 12 คนเป็นชื่อปีกำกับกันทั้ง 12 ปี น้อง 12 คนได้ฟังพี่ชายว่าอย่างนั้นก็มีความยินดียอมรับว่าควรแล้ว ต่างคนต่างไปที่อยู่ของตนตามเดิม"
ตามเรื่องนี้ เพียงแต่ให้น้องทั้ง 12 คน เป็นชื่อปี แต่ก็มิได้มีการเอ่ยถึงชื่อไว้ ต่อมาจึงบังเกิดสัตว์ประหลาดรูปร่างเหมือนม้า มีเกล็ด มีปีกตะพายหีบแดงขึ้นมาจากแม่น้ำเม่งจิ๋น มีอักษรจารึกไว้ว่า ห้อโตลกจือ เป็นตำราโหราศาสตร์ แจ้งวัน เดือนและคืน ตลอดจนมีสิบสองนักษัตร มีศก มีปีสิบสองปีเป็นรอบหนึ่งแต่ยังไม่มีชื่อเรียกปี
ที่กล่าวมาเป็นตำนานหรือเกร็ดพงศาวดารจีนเรื่องไคเภ็ก แต่บางฉบับก็ว่า ฮี่หัว ขุนนางจีนสมัยพระเจ้าอึ้งเต้ เป็นผู้แรกติดชื่อปีกับอักษรประกอบชื่อปีทำปูมขึ้นก่อน และ สังข์ พัฒโนทัย ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “จีนสมัยก่อนพุทธกาล”ว่า “น่าเชื่อว่านักปราชญ์ของหวงตี้เป็นผู้ประดิษฐ์ชื่อปีนักษัตรขึ้นตามชื่อสัตว์ต่างๆ อย่างที่เราเรียกว่า ชวด ฉลู ขาล เถาะ มะโรง มะเส็ง มะเมีย มะแม วอก ระกา จอ และกุน การที่เอาปีชวดเป็นปีแรกก็เพราะปีนั้นเป็นปีที่หวงตี้เสด็จขึ้นเสวยราชสมบัติ” ถ้าว่ากันตามที่กล่าวมานี้ การเรียกปีนักษัตรก็ต้องมีอยู่ก่อนแล้ว จึงรับเอาปีชวดมาเป็นปีแรกได้
มีเรื่องกล่าวต่อไปว่า ครั้นถึงราชวงศ์ตั้งฮั่น ตรงกับ พ.ศ.568-763 ระหว่างนั้นมีนักปราชญ์คนหนึ่งชื่อ เฮ่งชงแต่งหนังสือชื่อ ลุ่นหวง ขึ้นเรื่องหนึ่ง ในหนังสือนั้นตอนหนึ่งว่าด้วย 12 นักษัตร เอาชื่อปีทั้ง 12 ปีว่าเป็นชาติสัตว์ 12 ชาติ ดังนี้
นี่เป็นตำนานที่กล่าวว่าได้เริ่มมีการใช้ 12 นักษัตรในเมืองจีน ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่นเมื่อเกือบสองพันปีมาแล้ว แต่ไม่ได้กล่าวถึงต้นเรื่องว่าทำไมจึงได้เอาสัตว์เหล่านี้มาใช้เป็นชื่อปี เมื่อไม่มีตำนานต้นเรื่อง ก็ต้องไปหามาจากที่อื่น และพบ ๒ เรื่อง คือ
เรื่องแรก เป็นตำนานของชาวไทยลื้อ เล่าว่า ครั้งหนึ่งพระพรหมถูกตัดเศียร (เรื่องเดียวกับประวัตินางสงกรานต์) ลูกสาวทั้ง ๑๒ นางของพระพรหมนี้มีหน้าที่เชิญพานที่รองรับเศียรพระพรหมออกแห่ทุกปีในวันสงกรานต์ โดยผลัดกันปีละนาง แต่ละนางขี่พาหนะต่างกันคือ หนู วัว เสือ กระต่าย พญานาค งู ม้า แพะ ลิง ไก่ สุนัข และหมู ตามลำดับ พวกไทยลื้อได้เอาพาหนะที่ 12 นางขี่มาใช้เรียกเป็นชื่อปี แต่ก็มีคำถามว่า ทำไมจึงเอาปีชวดหรือหนูขึ้นต้น หนูเป็นสัตว์เล็กกว่าเพื่อน ทำไมจึงได้เกียรติให้อยู่เป็นปีแรกของรอบนักษัตร ? ปรากฏว่า มีตำนานของญี่ปุ่นและจีนช่วยอธิบายไว้ ดังนี้
ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้า ทรงเชิญสัตว์ต่างๆ มาร่วมงานเลี้ยง ก่อนที่พระองค์จะละสังขารไปจากโลกนี้ และหากสัตว์ใดมาถึงงานเลี้ยงได้ ๑๒ ตัวแรก ก็จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสัญลักษณ์ของปีนักษัตรทั้ง ๑๒ปี บรรดาสัตว์ทั้งหลายต่างพากันยินดีเป็นอย่างยิ่งและต้องการจะเป็นสัญลักษณ์ประจำปีด้วยกันทั้งนั้น ต่างเร่งฝีเท้ากันอย่างเต็มเหยียดเพื่อไปให้ถึงงานเลี้ยงเป็นตัวแรก
ในบรรดาสัตว์เหล่านั้น มีเจ้าหนูตัวกระจ้อยร่อยรวมอยู่ด้วย แม้มันจะเป็นแค่สัตว์เล็กๆ แต่มันก็มีความใฝ่ฝันทะเยอทะยานอันสูงส่งที่จะมีชื่อเริ่มต้นของปีนักษัตรเลยทีเดียว แต่มันก็รู้ตัวดีว่า หากตนวิ่งแข่งกับสัตว์อื่นๆ ซึ่งตัวใหญ่และมีพละกำลังมากกว่า มันก็คงจะต้องกินฝุ่นจนเต็มพุงและคงจะต้องนอนแอ้งแม้งเพราะถูกสัตว์ใหญ่เหยียบเอาเป็นแน่ มันจึงใช้สมองอัจฉริยะคิดแผนการสู่ชัยชนะ
เจ้าหนูได้กระโดดเกาะหางวัวใหญ่ที่กำลังวิ่งอย่างเต็มฝีเท้าผ่านหน้ามันไป และแซงหน้าสัตว์อื่นๆไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งใกล้ถึงเส้นชัย วัวหนุ่มนึกกระหยิ่มยิ้มย่องว่าชัยชนะครั้งนี้จะต้องเป็นของมันอย่างแน่นอน แต่แล้วทันใดนั้นเอง เจ้าหนูน้อยกลับกระโดดแผล็ววิ่งไปบนหลังวัวหนุ่มและถีบตัวเองลอยละลิ่วเข้าสู่เส้นชัยเป็นตัวแรกได้สำเร็จ ท่ามกลางความงงงวยของสัตว์ทั้งหลายเป็นอย่างยิ่ง
ดังนั้น ปีนักษัตรจึงมีชื่อตามสัตว์ที่มาถึงงานเลี้ยงเรียงลำดับก่อนหลัง ดังนี้ หนู วัว เสือ กระต่าย มังกร(งูใหญ่) งู ม้า แพะ ลิง ไก่ สุนัข และสัตว์ตัวสุดท้ายที่วิ่งเข้าเส้นชัยก็คือ หมู นั่นเอง
อีกตำนานหนึ่ง นอกจากกล่าวถึงที่มาของ 12 ปีนักษัตรแล้ว ยังแถม ตำนานแมวเกลียดหนู มาอีกด้วย ดังนี้
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว โลกนี้ยังไม่มีวิธีนับวันเดือนปี คนในโลกก็ยังไม่มีใครรู้จักอายุกัน เง็กเซียนฮ่องเต้บนสวรรค์มีดำริว่า ชีวิตคนเกี่ยวข้องผูกพันกับสัตว์มากมาย ถ้าใช้ชื่อสัตว์มาเป็นชื่อนับปีก็จะจำง่าย จึงคิดคัดเลือกสัตว์ชนิดต่างๆมาตั้งชื่อปีอย่างยุติธรรม จึงประกาศว่าจะมีการแข่งขันว่ายน้ำ เพื่อคัดเลือกสัตว์มาเป็นชื่อของปี จำนวน 12 ชื่อ โดยจะตั้งชื่อตามลำดับ สัตว์ต่างๆ ก็พากันเตรียมตัวลงแข่งกันเต็มที่
ตอนนั้นหนูซึ่งเป็นเพื่อนกับแมว รู้ว่าแมวจะไปแข่งขันด้วยก็วางแผนหลอกแมวว่า วันแข่งพรุ่งนี้พี่แมวไม่ต้องห่วง นอนรออยู่ที่บ้านเถอะ หนูจะมาปลุกเอง แล้วเราจะเดินทางไปด้วยกันและจะเข้ารอบพร้อมกัน แมวชะล่าใจคิดว่าหนูเป็นเพื่อนที่ดี เห็นตนชอบนอนหลับ กลัวจะไปแข่งไม่ทันเลยจะมาปลุก หารู้ไม่ว่าถูกหนูหักหลังซะแล้ว พอถึงวันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันแข่ง หนูไม่มาปลุก แมวจึงไม่ได้ไปร่วมแข่งด้วยเพราะมัวแต่นอนเพลิน หนูหลอกแมวแล้วก็รอจนฟ้าสางไม่ยอมนอน พอถึงวันแข่งขันซึ่งเง็กเซียนฮ่องเต้ให้สัญญาณ หนูก็รีบออกวิ่งทันที แต่มาจนแต้มเมื่อมาถึงริมฝั่งแม่น้ำ เพราะมันว่ายน้ำไม่เก่ง น้ำไหลเชี่ยวด้วย ไม่รู้จะทำยังไง เห็นวัวมาถึงจึงบอกวัวว่า ให้ช่วยพาข้ามน้ำไปที ถ้าถึงเส้นชัยแล้วจะสละตำแหน่งให้วัว วัวสงสารหนู ก็เลยให้หนูขี่หัวข้ามแม่น้ำไปด้วยกัน ครั้นพอไปถึงอีกฝั่งหนึ่ง หนูก็ลงจากหัววัววิ่งพรวดพราดถึงเส้นชัยก่อนวัว เง็กเซียนฮ่องเต้จำต้องตัดสินให้หนูเป็นผู้ชนะเพราะมันมาถึงก่อนตามกติกา ปีแรกนี้จึงเป็นปีชวด (หนู)
วัว มาถึงเป็นอันดับที่ 2 เราจึงเรียกปีที่ 2 ว่า ปีฉลู
ส่วนเสือ แม้จะได้เปรียบสัตว์อื่นเพราะเป็นเจ้าป่า มีกำลังแข็งแรง ฝีเท้าดี แต่วิ่งมาถึงเป็นที่สามเพราะมัวแต่รังแกข่มเหงและจับสัตว์เล็กๆ กินตามทางเรื่อยมา เราจึงเรียกปีเสือว่าปีขาล
กระต่าย แม้จะกระโดดได้คล่องแคล่วว่องไว แต่ที่มาช้าเพราะกลัวเสือจะจับกิน ก็เลยต้องหลบไปหลบมาอยู่หลังเสืออย่างระมัดระวัง จึงมาถึงเป็นอันดับที่สี่ เราเรียกปีกระต่ายว่า ปีเถาะ
ต่อไปมังกรหรืองูใหญ่ เป็นสัตว์ที่เก่งสุด เผ่นโผนโจนทะยานในเมฆหมอก ว่ายน้ำก็เก่ง เง็กเซียนฮ่องเต้เห็นมันได้เปรียบสัตว์อื่น เกรงว่าจะไม่ยุติธรรม จึงมีคำสั่งให้มังกรหรืองูใหญ่ไปทำหน้าที่โปรยฝนที่มณฑลเจียงตงก่อน แล้วจึงมาแข่งขัน จึงทำให้มังกรมาถึงล่าช้าเล็กน้อยได้เป็นอันดับที่ห้า เราเรียกปีงูใหญ่ว่าปีมะโรง
ถัดไป งูเล็กนั้น ทีแรกว่าจะไม่ลงแข่ง แต่ถูกเย้ยหยันจากลิงว่าต่อให้เลื้อยจนสันหลังหัก ก็สู้ใครไม่ได้หรอก รอให้มีขางอกก่อนแล้วค่อยไปแข่งดีกว่า เมื่อได้ฟังดังนั้นจึงโมโหและเกิดฮึดสู้เลื้อยอย่างรวดเร็วจนนำหน้าลิงไป เข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่หก เราเรียกปีงูเล็กว่าปีมะเส็ง
ส่วนม้า แม้เป็นสัตว์ที่วิ่งเร็ว แต่ใจร้อน หลับหูหลับตาวิ่งจนหลงทาง กว่าจะเข้ามาตามเส้นทางที่เขากำหนดก็เสียเวลาไปมาก จึงมาถึงเป็นอันดับที่เจ็ด เราเรียกปีม้าว่าปีมะเมีย
แพะ เข้าแข่งขันอย่างซื่อสัตย์จริงจัง ก้มหน้าก้มตาวิ่งเพื่อฝึกฝนความอดทนของตนเอง ไม่ได้คิดแข่งขันกับใครเพื่อเอาชื่อเสียง เวลาวิ่งไปก็ยิ้มไป เข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่แปด เราเรียกปีแพะว่าปีมะแม
เจ้าลิง มัวแต่เยาะเย้ยงูและเล่นซุกซน หยอกล้อ รังแกผู้อื่น วิ่งขวางทางบ้าง มัวแต่เล่นซน จนกวางดาวตัวหนึ่งรำคาญมากถึงกับยอมถอนตัวออกจากการแข่งขัน มันก็ยังซุกซนยุ่งกับสัตว์อื่น ยังเข้ามาติดอันดับที่เก้า เราเรียกปีลิงว่าปีวอก
ส่วนไก่ เป็นสัตว์ปีกซึ่งเข้าแข่งขันกับเขาด้วย มันบินไม่เก่ง ว่ายน้ำก็ไม่ค่อยได้ พอมาถึงแม่น้ำ มันก็อาศัยเกาะขอนไม้ท่อนหนึ่งลอยตามผู้อื่นไป มาถึงเส้นชัยเป็นอันดับที่สิบ เราเรียกปีไก่ว่าปีระกา
สุนัข ชอบเล่นสนุกสนาน ตอนวิ่งมาก็ทำเวลาดี แต่พอมาเห็นน้ำก็มัวเพลินเล่นน้ำ มารู้ตัวอีกทีก็เห็นคู่แข่งเขาวิ่งไปไกลแล้ว จึงมาถึงเส้นชัยเป็นอันดับที่สิบเอ็ด เราเรียกปีหมาว่าปีจอ
และหมู มันเอาแต่กินกับนอนไม่สนใจการแข่งขัน จนเที่ยงแล้วมันยังนอนไม่ลุก พอได้ยินเสียงเขาแข่งขันกันก็ยังทำท่าขี้เกียจ ครั้นพอได้ยินเสียงดังมาก ๆ คล้ายกับกำลังแย่งอาหารกัน เห็นสัตว์วิ่งไล่กันไป เพราะความอยากกินนี่เองมันจึงรีบวิ่งไปอย่างรวดเร็ว ตามสัตว์อื่นๆ ไปถึงเส้นชัยจนได้ คำแรกที่หมูไปถึงเส้นชัยมันถามเพื่อน ๆ ว่ามีอะไรอร่อย ๆ ให้กินไหม เวลานั้นมันจึงได้รู้ว่าที่เขาวิ่งกันมาเพราะเขาแข่งขันกัน มันมาถึงเส้นชัยเป็นอันดับที่ 12 ตัวสุดท้ายพอดี เราเรียกปีหมูว่าปีกุน
ส่วนแมวที่ถูกหนูหลอกก็โมโหที่ถูกหักหลัง ตั้งแต่นั้นมามันจึงตั้งตัวเป็นศัตรูกับหนูมาโดยตลอดเป็นคู่กัดกันมาจนทุกวันนี้
ขอบคุณข้อมูลจาก https://khunatham.wordpress.com/2015/02/04/206/ และ http://blog.rmutp.ac.th/sukumal.w/2011/12/14/%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A3/
พบกันวันพรุ่งนี้ อีก 1 วันครับ