⚡️💦⚡️ หลงกาล Episode-14 "JFK-5 THE END" ⚡️💦⚡️

กระทู้คำถาม


4 โมงเย็น...

กัปตันวันชนะและลูกน้องทั้ง 4 อยู่ด้วยกันในห้องพักในโรงแรม  ทุกคนดูข่าวการเสียชีวิตของ JFK ทางทีวีด้วยความรู้สึกผิดหวัง

"โธ่เอ๋ย...จอห์นนะจอห์น!" กัปตันโพล่งออกมา "ทำไมคุณไม่เชื่อผมบ้างเลย! ยังออกมาถึงที่เดิมอีก!"

"คราวนี้เปลี่ยนแค่มือปืนเท่านั้น..." แซมเอ่ยขึ้นมา "ทั้งคนที่ยิงจากตึกชั้น 6 และคนที่ฆ่าปิดปากเขา สองคนนั้น มาแทนที่ ลี ออสวอลด์ และแจ็ค รูบี้"

"แปลว่ามันมีขบวนการที่จัดตั้งมาแน่นอน" เอกกล่าวบ้าง "แพทเทิร์นมันเหมือนกันเลย!"

"แล้วนี่ก็จะส่งผลกระทบต่อไปยังน้องชายของเขา โรเบิร์ต เคนเนดี้ ในอนาคตข้างหน้า!"

"เราจะทำยังไงกันต่อไปดีคะ กัปตัน ?"

"ผมยังมึน...นึกไม่ออกครับ คุณเล็ก" กัปตันส่ายหน้า "ขอเวลาผมคิด แป๊บนึงนะ"

ทันใดนั้นก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

"กริ๊งงงงงงงงงง.......กริ๊งงงงงงงงง"

กัปตันหันไปมองหน้าลูกน้องคนโน้นทีคนนี้ที

"เล็กรับเองค่ะ!"

สาวหมอดูรับอาสา แล้วเข้าไปหาโทรศัพท์ ยกหูขึ้น

"ฮัลโหล ?"

แล้วเล็กก็ขมวดคิ้ว มองมาทางกัปตัน พลางตอบ "คุณ รู้ได้ยังไง ?"

ครู่หนึ่งเธอพยักหน้า แล้วบอกกับเจ้านาย "ของกัปตันค่ะ"

กัปตันพยักหน้าแล้วลุกขึ้น เดินไปรับสาย

"ฮัลโหล ?"

เสียงจากปลายสายตอบมาทันที และเจ้าของเสียง คือผู้ชายวัยกลางคน คนเดิม!

"ไงล่ะ ไอ้หนู! ร้องห่มร้องไห้ไปมากพอหรือยัง ?"

"ไอ้..." กัปตันเผลอหลุดปากเป็นภาษาไทยแล้วก็นึกได้ จึงสนทนาต่อ

"พวกแก อำมหิตมาก ชั่วช้าจริงๆ"

มีเสียงหัวเราะหึๆ กลับมา ก่อนจะพูดตอบ

"ฉันบอกนายแล้วไง มันถูกกำหนดไว้แล้ว! นายหรือใคร ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้!"

"ทำไม ต้องเป็นเขา ?"

"เขาต้องชดใช้!"

"ชดใช้อะไรกัน ? นายก็รู้ดี ว่าเขาเป็นคนดีแค่ไหน"

"ดีแค่ไหนก็ต้องตายอยู่ดี!"

"ทำไม ? ไร้เหตุผลสิ้นดี!"

"มันมีเหตุผลเว้ย! เพียงแต่ นายไม่รู้ ถึงรู้ นายก็แก้ไขอะไรไม่ได้! และจะบอกให้ ในอนาคต น้องชายของเขาอีกคน จะโดนแบบเดียวกัน!"

"นี่มันบ้าชัดๆ เหตุผลบ้าอะไรกัน ถึงต้องมาฆ่ากันแบบนี้ ?"

"มันเป็น กรรม! (karma)"

กัปตันประหลาดใจที่ได้ยินคำนั้น

"กรรม ? หมายความว่าไง ?"

"ก็เหมือน 'คำสาป' ไงล่ะ! นายเชื่อเรื่องกรรมไหม ไอ้หนุ่ม ?"

"ฉันเชื่อ" กัปตันพยักหน้าขณะตอบ

"ไม่มีใครหนีพ้น ผลของกรรมได้ ถูกไหม ?"

"ก็...ใช่!"

"JFK ก็เหมือนกัน"

"แต่ เขาไม่ได้ทำชั่วอะไรนี่นา ?"

"ช่วยไม่ได้! เขาต้องรับกรรม มันเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดไว้แล้ว ฉันบอกนายแล้ว"

"แล้วพวกนาย ยังจะฆ่าน้องชายเขาอีกคน มันไม่มากเกินไปหรือ ?"

"น้อยไปด้วยซ้ำ! กับกรรมที่พวกเคนเนดี้เคยทำ!!" ชายลึกลับตะโกนเสียงดัง ก่อนจะลดระดับเสียงลงมาพูดประโยคสุดท้าย

"ฉันขอเตือนนาย อย่าเข้ามายุ่งกับงานของพวกฉันอีก ไม่เช่นนั้น ฉันจะส่งคนมาจัดการนายกับเด็กๆของนายแน่!"

ครั้นพูดจบ เขากก็วางสายลงทันที

กัปตันวางหูโทรศัพท์ลง สะบัดหน้าสองสามที แล้วหันมามองลูกน้องแต่ละคน

"เขาว่า มันเป็น กรรม คุณเล็ก" กัปตันหันมาทางสาวแม่หมอ "คุณ...พอจะเข้าใจอะไรจากคำนี้ไหม ?"

"อืม..." หล่อนทำท่าครุ่นคิด แล้วหยิบคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตขึ้นมาเปิด

"เราคงต้องตรวจสอบ ประวัติของคนในตระกูลเคนเนดี้กันแล้วละค่ะ! อาจจะเข้าใจคำว่า 'กรรม' ที่เขาพูด ดีนะที่ยังมีไฟล์ข้อมูลประวัติตระกูลดังๆในโลกที่ผ่านมาในอดีตเก็บไว้อยู่ แป๊บนึงนะคะ"

เล็กใช้เวลาครู่หนึ่งค้นหาข้อมูล แล้วก็ได้เจอประวัติของตระกูลเคนเนดี้ ย้อนหลังไปอีก 2 เจเนเรชั่น

สาวหมอดูและจิตรกร อ่านอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็เงยหน้าขึ้นมาถามเจ้านาย

"ดูเหมือนจะได้เรื่องแล้วค่ะกัปตัน ว่าแต่ว่า...กัปตัน เชื่อเรื่องเกี่ยวกับ อาถรรพ์ หรือ คำสาปแช่ง อะไรพวกนี้บ้างไหมคะ ?"

"หืมม..." กัปตันเลิกคิ้ว ทำตาโต "มีเรื่องพวกนี้เกี่ยวกับเคนเนดี้ด้วยหรือ ?"

"มีค่ะ"

ไหนอ่านดังๆสิครับ"

"โอเคค่ะ แอ้มม..."

แล้วสาวเล็กก็เริ่มอ่านตั้งแต่หัวข้อเรื่อง

"คำสาปครอบครัวเคนเนดี้ ที่เชื่อกันว่าพวกเขาต้องพบกับหายนะด้วยคำสาปแช่งของอินเดียนแดง"

ปีค.ศ. 1849 แพทริก เคนเนดี พ่อค้าชาวไอริชคาทอลิก ได้อพยพมาตั้งรกรากในเมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา แพทริกเป็นคนมีความสามารถ ใช้เวลาไม่นานก็สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวจากพ่อค้าธรรมดาๆ ขึ้นไปเป็นนักการเมืองชื่อดังแห่งยุคได้

นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ตระกูลเคนเนดี้ ก็กลายเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่และร่ำรวยที่สุดตระกูลหนึ่งบนผืนแผ่นดินอเมริกา

เมื่อมีอำนาจและเงินตราอยู่ในมือเช่นนี้แล้ว แพทริกก็เริ่มมองหาที่ดินผืนใหม่ เพื่อใช้ในการสร้างคฤหาสน์สำหรับตระกูลของตน แพทริกถูกใจที่ดินผืนหนึ่งเข้า แต่ทว่าที่ดินผืนนั้นเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของชนพื้นเมืองชาวอินเดียนแดง แต่แพทริกก็หาได้สนใจไม่ ด้วยอำนาจที่มีอยู่ในมือทำให้แพทริกสามารถขับไล่พวกอินเดียนแดงเจ้าของที่ดินออกไปจนหมด จากเหตุการณ์นี้เองที่ทำให้ชาวอินเดียนแดงผู้มาก่อนโกรธเคืองและอาฆาตแค้นแพทริกและตระกูลเคนเนดี้อย่างหนัก จนถึงขั้นได้สาปแช่งเอาไว้ว่า

‘ข้าขอสาปแช่งให้ตระกูลของพวกเจ้าไม่มีวันสงบสุข คนในครอบครัวของพวกเจ้าทุกคนจะต้องมีอันเป็นไปก่อนวัยอันควร แม้แต่ทรัพย์สินหรืออำนาจอันล้นมือที่เจ้ามี ก็มิอาจช่วยลูกหลานของเจ้าได้ ตราบชั่วฟ้าดินสลาย!’

และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาคนในตระกูลเคนเนดีต่างก็ต้องประสบเคราะห์กรรมอันถึงแก่ชีวิตเรื่อยมา เช่น

ค.ศ. 1858   ‘แพทริก เคนเนดี’ เสียชีวิตลง ในวัยเพียง 35 ปีเท่านั้น ด้วยอหิวาตกโรค

ค.ศ.1944 ‘โจเซฟ เคนเนดี จูเนียร์’ ลูกชายคนโตของตระกูล เสียชีวิตด้วยวัยเพียง 29 ปี จากอุบัติเหตุเครื่องบินตก

ค.ศ.1948 ‘แคธลีน เคนเนดี คาเวนดิช’ ลูกสาวคนที่ 4 ของตระกูล เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตก ขณะมีอายุเพียง 28 ปีเท่านั้น

ค.ศ.1963 ‘ประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี’ ประธานาธิบดีคนที่ 35 ของสหรัฐอเมริกา ถูกลอบยิงเสียชีวิตขณะมีอายุได้เพียง 46 ปี น่าสังเกตว่า เลข 35 ซึ่งเป็นเลขดำดับที่ของประธานาธิบดีนั้น ตรงกับเลขอายุของ แพทริก เคเนดี้ ตอนที่เสียชีวิตด้วย!

ค.ศ.1964 ‘วุฒิสมาชิกเอ็ดเวิร์ด เคนเนดี’ ประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตก ได้รับบาดเจ็บสาหัสต้องเข้ารับการรักษานานกว่าครึ่งปี โดยมีอาการปวดหลังตามหลอกหลอนเขาไปตลอดชีวิต จนเสียชีวิตลงเมื่อปีค.ศ. 2009

ค.ศ.1968 ‘วุฒิสมาชิกโรเบิร์ต เคนเนดี’ ถูกลอบสังหาร ในขณะที่มีอายุ 42 ปี"


"เฮ้ยย!!" แซมอุทาน ทำท่าขนลุก

"น่ากลัวจัง" สาวจอยห่อตัว

"จะว่าเรื่องบังเอิญ มันก็ไม่น่าจะต่อเนื่องเยอะขนาดนี้!" เอกออกความเห็นพลางกัดเล็บ

"ยังมีต่ออีกนะคะ ไม่ใช่จบแค่น้องชาย JFK นะคะ"

"อ่านต่อซิ คุณเล็ก"

"ค่ะ! กัปตัน...

ค.ศ.1984 ‘เดวิด เคนเนดี’ ลูกชายของอดีตวุฒิสมาชิกโรเบิร์ต เคนเนดี ก็เสียชีวิตลงในวัยเพียง 28 ปี จากการใช้ยาเกินขนาด

ค.ศ.1997 ‘ไมเคิล เคนเนดี’ ลูกชายอีกคนหนึ่งของอดีตวุฒิสมาชิกโรเบิร์ต เคนเนดีเสียชีวิตลงในวัยเพียง 39 ปี จากอุบัติเหตุขณะเล่นสกีที่รัฐโคโลราโด

ค.ศ.1999 ‘จอห์น เคนเนดี จูเนียร์’ บุตรชายของอดีตประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี รวมทั้งภรรยาและพี่สะใภ้ เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินส่วนตัวตกในขณะกำลังบินไปพักผ่อนที่เกาะมาร์ธาสวินยาร์ด (Martha’s Vineyard) ในรัฐแมสซาชูเซตส์

ค.ศ. 2012 มีผู้พบศพของ ‘แมรี เคนเนดี’ ภรรยาของโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ ลูกชายของอดีตวุฒิสมาชิก โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี ที่บ้านพักในเมืองเวสต์เชสเตอร์ รัฐนิวยอร์ก ผลการชันสูตรออกมาว่าเธอฆ่าตัวตาย


หมดแล้วค่ะ"

ทุกคน เงียบกันไปชั่วขณะ...แล้วกัปตันซึ่งเอาคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตของเล็กไปอ่านซ้ำ ก็พูดออกมา

"นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ!"

"เล็กก็ว่างั้นแหละค่ะ"

"จอยก็ว่าไม่บังเอิญค่ะ มันเยอะเกินไป จนเปอร์เซ็นต์ของ Probability น้อยเกินกว่าจะเกิดขึ้นมาได้!"

"มันเกิดซ้ำแล้ว ซ้ำอีก ซ้ำแล้ว ซ้ำอีก เจาะจงลงที่ตระกูลเคนเนดี้ตระกูลเดียว อายุสั้นกันทุกคนเลย นายว่าไงเอก ?"

"เหลือเชื่อนะ ว่าจะบังเอิญได้ขนาดนี้"

"มันเลยขีด ข้ามเส้นของความบังเอิญไปแล้ว คุณเอก" กัปตันหันมาทางเขา แล้วหันไปหาเล็กอีกครั้ง ยื่นคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตคืนให้ แล้วนึกอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันมาถามลูกน้องสาวอีกครั้ง

"แพ็ตทริก เคนเนดี้ เริ่มเข้าตั้งรกรากในบอสตั้น ปีไหนนะ คุณเล็ก ?"

"1849 ค่ะ"

"1849..." เขาทวนซ้ำแล้วพูดต่อ "และเป็นอหิวาต์ตาย ปี 1858 แค่ 9 ปีเองหลังจากตั้งรกราก สร้างคฤหาสน์เสร็จ"

"ใช่ค่ะ"

"โอเค!" เขาตัดสินใจ "ทุกคน เก็บของ เราจะเช็คเอาท์กันละ"

"ตอนนี้เลยหรือคะ ?" สาวจอยถาม

"ครับ คุณจอย"

"เราจะไปไหนกันคะ ?"

กัปตันหันมามองหน้าสาวเล็ก ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆแต่หนักแน่น และทำให้ทุกคนแน่ใจว่าเขาตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว

"บอสตั้น ปี 1853!"

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



เมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา 31 ธันวาคม ปี ค.ศ.1853

กัปตันวันชนะ และลูกทีม ข้ามมิติแห่งกาลเวลามาถึงเมืองนี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พวกเขาหาบ้านเช่าได้หลังหนึ่งใกล้ๆกับท่าเรือ และหลังจากนั้นก็พยายามสืบหาข่าวของ แพทริก เคนเนดี้ และได้ข่าวภายในวันเดียวไม่ต้องรอนาน

เหตุผลที่กัปตันเลือกปี 1853 นี้คือ เขาเห็นว่าน่าจะเป็นช่วงเวลาที่แพทริก เป็นนักการเมืองที่มีอำนาจแล้ว หากจะย้อนไปช่วงต้นๆ ในตอนที่เขาเพิ่งเข้ามาตั้งรกรากในบอสตัน ก็จะเป็นการเสียเวลามากเกินไป เขาต้องการเข้าถึงตัว PK โดยเร็ว เพื่อสกัดกั้นการยึดที่ดินซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของชาวอินเดียนแดง และเป็นดังคาด PK เป็นนักการเมืองที่มีอำนาจและอิทธิพลพอสมควรแล้ว โดยดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าการรัฐ

วันนี้เป็นวันสิ้นปี กำลังจะมีงานปาร์ตี้ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ และจะมีการปราศัยหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐในสมัยหน้า ซึ่งแพทริค เคนเนดี้ จะขึ้นเวทีปราศัยหาเสียงด้วย จึงเป็๋นโอกาสอันดีของกัปตันวันชนะและลูกทีมที่จะได้พบบุคคลสำคัญ

กัปตันและลูกน้องทั้ง 4 แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าตามสมัยนิยม เข้าร่วมในงานปาร์ตี้ เวลา 1 ทุ่ม ผู้คนเริ่มทยอยเข้าไปในงาน รอกำหนดการเริ่มปราศัยหาเสียงในเวลาสองทุ่ม

เมื่อถึงเวลา การปราศัยก็เริ่มขึ้น นโยบายหลายข้อถูกใจผู้ฟัง แต่นโยบายหนึ่งที่ทำให้กัปตันและลูกน้องทั้ง 4 หูผึ่ง และคนเป็นจำนวนมากฮือฮากันไปทั่วก็คือ การจัดการที่ดินซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของอินเดียนแดง

"เราจะจัดการให้พวกเขาโยกย้ายไปอยู่ในเขตกำหนดที่เหมาะสม และผืนแผ่นดินของพวกเขาจะตกเป็นของรัฐ ซึ่งต่อไปประชาชนชาวอเมริกัน โดยเฉพาะชาวเมืองบอสตั้นจะสามารถจับจองเป็นเจ้าของได้"

"แล้วท่านไม่กลัวว่าพวกเขาจะลุกฮือต่อต้านกันหรือ ?" ชายคนหนึ่งตะโกนถาม

"พวกต่อต้านมีไม่มากนักหรอก เมื่อเราจัดสรรค์ที่อยู่ใหม่ให้แก่พวกเขาได้อย่างเหมาะสม พวกเขาก็น่าจะพอใจ ที่สำคัญแหล่งแร่ธาตุมากมาย อยู่ในอาณาบริเวณที่พวกเขาอาศัยอยู่กันในขณะนี้  ถ้าผืนแผ่นดินเหล่านั้นเป็นของรัฐ เศรษฐกิจของเราจะดีขึ้นอีกมากมายหลายเท่าตัว ชาวเมืองบอสตั้นจะไม่มีใครเป็นคนจน อินเดียนแดงพวกนั้นดั้งเดิมเป็นคนต่างถิ่นอพยพเข้ามาที่นี่อยู่แล้ว ดังนั้นแผ่นดินที่พวกเขาอาศัยอยู่ในขณะนี้ จึงเป็นของรัฐโดยชอบธรรม เราคือเจ้าของบ้าน พวกเขาคือผู้มาขออยู่อาศัยชั่วคราว บางคนก็ดุร้าย ต้องให้ไปอยู่ในเขตที่รัฐจะกำหนด จะได้ไม่เป็นภัยต่อประชาชน!"

มีเสียงฮือฮาอื้ออึงดังขึ้นอีกครั้ง

"ไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมอินเดียนแดงจึงสาปแช่งเขา" เล็กเอ่ยขึ้นมาเบาๆ

"คนทำผิดพลาดคนเดียว แต่ส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงไปจนถึงรุ่นลูกหลาน" เอกพูดพลางส่ายหน้า

"แบบนี้ ผมว่า พูดด้วยดีๆ ขอร้องกันดีๆ เขาคงไม่ฟังเราแน่ครับ กัปตัน" แซมกล่าวเหมือนจะขอความเห็นจากเจ้านาย

(มีต่อครับ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่