
เมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว Jumanji (1995) ได้เคยสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับเรา เมื่อบรรดาสัตว์ป่าที่อยู่ในบอร์ดเกมหรือที่เรียกว่าเกมกระดานได้หลุดออกมาสู่โลกจริงๆ คราวนี้จะเป็นการกลับกันคือดึงผู้เล่นที่อยู่ในโลกปัจจุบันไปสู่ในโลกของ Jumanji ซึ่งในภาคนี้เป็นผลงานกำกับของ เจค แคสแดน นำแสดงโดย “เดอะร็อค” ดเวน จอห์สัน , แจ็ค แบล็ค , เควิน ฮาร์ท , แคเรน กิลแลน , นิค โจนาส และ บ๊อบบี้ คานนาวาเล่

หนังบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับกลุ่มวัยรุ่นที่มีความแตกต่างในบุคลิกกันอย่างสุดขั้วทั้งสี่คน ประกอบด้วย สเปนเซอร์(อเล็กซ์ โวล์ฟ) เด็กเนิร์ดผู้กลัวทุกสิ่งอย่าง , ฟริดจ์(เซอร์ดาริอุส เบลน) หนุ่มผิวสีนักกีฬา , เบธานี(เมดิสัน ไอซ์แมน) สาวสุดฮอตผู้ไม่สนใจโลก และ มาร์ธา(มอร์แกน เทอร์เนอร์) สาวผู้ชอบตัดสินผู้คนและขวางโลกตลอดเวลา ที่บังเอิญได้พบเครื่องเล่นเกมคอนโซลรุ่นโบราณแล้วพวกเขาก็เล่นกันโดยแต่ละคนก็ได้เลือกตัวละครที่ตนจะเล่น และเมื่อเริ่มสตาร์ทเกมก็ปรากฏว่าทั้งสี่คนนั้นได้ถูกดูดเข้าไปสู่ในโลกของจูแมนจี้ซึ่งพวกเขาทั้งสี่ก็อยู่ในร่างอวตารของตัวละครที่พวกเขาเลือก ได้แก่ ดร.เบรฟสโตน(เดอะร็อค) ที่มีจุดเด่นคือพละกำลังที่แข็งแกร่ง , เมาส์ ฟินบาร์(ฮาร์ท) นักสัตววิทยาผิวสีตัวจิ๋วที่สามารถแบกของได้ทุกอย่าง , ศ.โอเบรอน (แบล็ค) นักโบราณคดีผู้เชี่ยวชาญแผนที่หุ่นตุ้ยนุ้ย และ รูบี้ ราวน์เฮาส์(กิลแลน) สาวแสบที่มีพิษสงอยู่รอบตัว ซึ่งทั้งสี่ต้องทำภารกิจในการฝ่าฟันอันตรายจากสัตว์ป่านานาชนิดในป่าจูแมนจี้เพื่อนำอัญมณีจากัวร์อายไปคืนยังที่ที่มันเคยอยู่ โดยมีแวนเพลท์(คานนาวาเล่)ศัตรูตัวฉกาจที่จะคอยขัดขวางและหวังจะแย่งชิงอัญมณีไปครอบครอง พวกเขาจึงต้องร่วมมือกันเล่นให้จบเกมเพื่อที่จะกลับไปสู่โลกปัจจุบันอีกครั้งหนึ่ง

สำหรับการดำเนินเรื่องถ้าใครคาดหวังว่าหนังจะบู๊แอคชั่นระห่ำวิ่งไล่ล่าจนป่าราบเพราะมีเดอะร็อคแสดงนำ ต้องบอกก่อนครับว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะว่าหนังเป็นหนังแนวตลกโปกฮาแบบไม่บันยะบันยังเรียกว่าพอกลายร่างเป็นอวตารตัวละครในเกมเท่านั้นล่ะ ความฮาก็บังเกิดตลอดทั้งเรื่องจนจบเลยทีเดียว ดูได้สนุกสนานไม่มีเบื่อ แต่ก็แอบให้ความรู้สึกเหมือนกับเกม Temple Run ที่เราเลือกตัวละครวิ่งๆ ตลุยป่าไปเรื่อยๆ โดยมีคิงคองมาไล่ล่า แม้ว่าจะใส่มุกตลกซะเต็มที่ในเรื่องนี้ก็ใช่ว่าจะทำให้หนังไร้สาระซะทีเดียว หนังยังมีการสะท้อนสังคมในปัจจุบันโดยสอดแทรกสาระและแอบจิกกัดพอสมควรเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเด็กวัยรุ่นในปัจจุบันที่อยากได้อยากได้รับการยอมรับโดยการใช้สังคมออนไลน์และติดโลกโซเชียลจนไม่สนใจคนรอบข้าง หรือการที่เด็กสมัยนี้กล้าที่จะต่อล้อต่อเถียงกับผู้ใหญ่ด้วยเหตุผลที่เราเองก็รู้สึกว่า เออ จริงของมัน เป็นต้น แถมเรื่องสถานที่ถ่ายทำก็ให้ฟีลลิ่งการบุกป่าฝ่าดงที่เต็มไปด้วยอันตรายเสมือนจริงเอามากๆ รวมไปถึงซีจีที่เรื่องนี้ก็ทำได้ค่อนข้างเนียนไม่มีอะไรที่สะดุดตา สัตว์ป่าก็สามารถทำออกมาได้เหมือนกับเอาตัวจริงๆ มาเล่นเรื่องนี้ รวมไปถึงเรื่องคอสตูมที่ก็ทำออกมาได้เหมาะสมกับตัวละครแต่ละตัวได้ดีทีเดียว

สำหรับการแสดง เดอะร็อค ในบทของ ดร.เบรฟสโตน/สเปนเซอร์ ต้องยอมรับว่านับวันการแสดงของเดอะร็อคเล่นดีขึ้นเรื่อยๆ มีพัฒนาการ สามารถสร้างบทบาทในตัวละครที่เขาเล่นได้มีมิติดี ในเรื่องนี้เราจะเห็นเด็กเนิร์ดขี้กลัวในร่างของชายล่ำบึ้กขี้เก๊ก โดยเด็กเนิร์ดคนนั้นก็ใช้มันสมองในการใช้พลังพิเศษของเบรฟสโตนได้อย่างดีแต่ในขณะเดียวกันเมื่อเจออะไรแปลกๆ ก็พร้อมที่จะกลัวได้ทุกอย่าง ดูย้อนแย้งดีครับ ฮาดีสำหรับตัวนี้ ต่อมาไม่พูดถึงไม่ได้คือบทบาทการแสดงของแจ็ค แบล็ค ในบทของ ศ.โอเบรอน/เบธานี เขาแสดงได้เสมือนผู้หญิงที่อยู่ในร่างผู้ชายวัยกลางคนหุ่นตุ้ยนุ้ย คาแรกเตอร์จะคล้ายๆ เบน ชลาทิศ อะไรทำนองนั้นเลยครับ แถมยังแอบมีจริตผู้หญิงที่ดูแล้วฮาเสียมากกว่าด้วยครับ ในเรื่องนี้แบล็คถือว่าเป็นตัวขโมยซีนของแท้เลยทีเดียวครับ เรียกว่ากล้องจับไปที่เขาทีไร ฮาแน่นอน เล่นดีจริงครับหายคิดถึงเลยหลังจากที่ไม่ได้เห็นแกเล่นหนังนานพอสมควร ส่วนอีกคนก็ตลกครับ คือ ฮาร์ท ในบทของ เมาส์ ฟินบาร์/ฟริดจ์ ที่จะเป็นคนขี้เหวี่ยง พูดมาก ชอบขัดคอ และหงุดหงิดไปทุกเรื่องกับการที่ตัวละครที่เขาเลือกไม่ได้ดั่งใจ ฮาร์ทเล่นได้มีเคมีเข้ากันกับเดอะร็อคได้เป็นอย่างดี มีการรับส่งมุกกันตลอด ส่วนในบทของ โจนัส ที่เล่นเป็น ซีเพลน/อเล็กซ์ ก็เล่นได้ดูหล่อ ดูมีเสน่ห์ดีครับ แถมยังแอบมีอารมณ์เด็กวัยรุ่นในยุค 90 ไม่ว่าจะเป็นการใช้สำนวนคำพูดที่ดูย้อนยุค และรสนิยมสาวในยุคนั้น เล่นได้ดูเหมือนคนหลงยุคเลยทีเดียวครับ ส่วนการแสดงของกิลแลน ในบทของ รูบี้ ราวน์เฮาส์ ที่จริงๆ เธอดูเพอเฟกต์มากๆ แต่ก็สามารถเล่นเป็นคนที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเซ็กซี่หรือสวย แถมยังอึดอัดกับการที่อยู่ในร่างนี้ เสมือนว่าถูกบังคับให้เป็นตัวละครนี้ และคานนาวาเล่ ในบทของ แวนเพลท์ตัวร้ายของเรื่อง ก็เล่นได้แลดูมีออร่าของคนชั่วร้ายได้เนียนตาเหมือนกัน ดูน่ากลัวใช้ได้ครับ เหมือนว่าชาตินี้แกไม่เคยเป็นคนดีสักครั้งนึงในชีวิต

สำหรับเรื่องนี้ผมมองว่าเป็นหนังเบาสมองดูสนุกสนานดีครับ แม้จะไม่ได้มีมุกแบบฮาท้องคัดท้องแข็งมากสักเท่าไหร่นัก แต่เมื่อนำมุกทั้งหมดมารวมๆ กันแล้วถือว่าไม่เลวสำหรับเรื่องนี้ ดูจบแล้วก็คิดถึงเกมคอนโซลสมัยเก่าประมาณยุคเครื่องซูเปอร์เลย ว่าจะต้องมีการเล่นผ่านด่านโดยมีชีวิตจำกัด ใครที่เกิดทันน่าจะอินและเข้าใจมุกได้พอสมควรเลยครับ ส่วนถ้าถามว่า ไม่ได้ดูภาคแรกเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนจะรู้เรื่องไหม รู้เรื่องครับ เพราะเนื้อเรื่องมันไม่ได้ต่อเนื่องกัน แต่ถ้าเพื่อความสมบูรณ์ในการเข้าใจจูแมนจี้ ต้องย้อนกลับไปดูภาคแรกจะช่วยเติมเต็มได้ ให้ 9 เต็ม 10 ครับ หักนิดหน่อยตรงที่มันสามารถเดาเนื้อเรื่องได้ง่ายไปหน่อย ถ้าให้ดีหักมุมนิดนึงจะแจ่มมากครับ แล้วตัวร้ายของเรื่องบทบาทน้อยไปหน่อย น่าจะเพิ่มให้อีกสักนิดเพื่อความอรรถรสในการลุ้นระทึกครับ อย่างไรก็ตามหนังก็ได้ฝากข้อคิดสำหรับเราว่า เราไม่ได้อยู่คนเดียวในโลกนี้ การช่วยเหลือซึ่งกันและกันจะนำเราไปสู่ความสำเร็จได้ และชีวิตจริงไม่ใช่ชีวิตในเกม เรามีเพียงชีวิตเดียวเรารู้ดีอยู่แล้วว่าตอนนี้เราเป็นอย่างไร และในอนาคตเราก็สามารถเลือกได้ว่าเราจะเป็นคนแบบไหน ขอให้สนุกกับการดูหนังครับ

การดูหนังก็เปรียบเสมือนกับการเก็บผลไม้ที่อยู่เต็มต้น ที่บางครั้งเราก็อาจจะเก็บผลไม้ได้ไม่หมด แต่ก็เลือกเก็บมาเฉพาะที่เราเก็บได้หรือเลือกเก็บในผลที่เราชื่นชอบ เช่นเดียวกันกับข้อคิดในหนังครับ เรื่องเดียวกันคนดูอาจเก็บข้อคิดจากหนังได้ไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน ใครเก็บอะไรได้บ้างก็สามารถร่วมแชร์ได้ที่เพจผมครับ หรือถ้าสนใจดูรีวิวหนังเรื่องอื่นเพิ่มเติม ให้คำติชมแนะนำ หรือถ้าอยากให้รีวิวหนังเรื่องไหน มาพูดคุยกันได้ที่
https://www.facebook.com/cineman95/ ขอให้สนุกกับการดูหนัง ขอบคุณครับ
[CR] [Review] Jumanji : Welcome to the Jungle (2017) เกมดูดโลก บุกป่ามหัศจรรย์
เมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว Jumanji (1995) ได้เคยสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับเรา เมื่อบรรดาสัตว์ป่าที่อยู่ในบอร์ดเกมหรือที่เรียกว่าเกมกระดานได้หลุดออกมาสู่โลกจริงๆ คราวนี้จะเป็นการกลับกันคือดึงผู้เล่นที่อยู่ในโลกปัจจุบันไปสู่ในโลกของ Jumanji ซึ่งในภาคนี้เป็นผลงานกำกับของ เจค แคสแดน นำแสดงโดย “เดอะร็อค” ดเวน จอห์สัน , แจ็ค แบล็ค , เควิน ฮาร์ท , แคเรน กิลแลน , นิค โจนาส และ บ๊อบบี้ คานนาวาเล่
หนังบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับกลุ่มวัยรุ่นที่มีความแตกต่างในบุคลิกกันอย่างสุดขั้วทั้งสี่คน ประกอบด้วย สเปนเซอร์(อเล็กซ์ โวล์ฟ) เด็กเนิร์ดผู้กลัวทุกสิ่งอย่าง , ฟริดจ์(เซอร์ดาริอุส เบลน) หนุ่มผิวสีนักกีฬา , เบธานี(เมดิสัน ไอซ์แมน) สาวสุดฮอตผู้ไม่สนใจโลก และ มาร์ธา(มอร์แกน เทอร์เนอร์) สาวผู้ชอบตัดสินผู้คนและขวางโลกตลอดเวลา ที่บังเอิญได้พบเครื่องเล่นเกมคอนโซลรุ่นโบราณแล้วพวกเขาก็เล่นกันโดยแต่ละคนก็ได้เลือกตัวละครที่ตนจะเล่น และเมื่อเริ่มสตาร์ทเกมก็ปรากฏว่าทั้งสี่คนนั้นได้ถูกดูดเข้าไปสู่ในโลกของจูแมนจี้ซึ่งพวกเขาทั้งสี่ก็อยู่ในร่างอวตารของตัวละครที่พวกเขาเลือก ได้แก่ ดร.เบรฟสโตน(เดอะร็อค) ที่มีจุดเด่นคือพละกำลังที่แข็งแกร่ง , เมาส์ ฟินบาร์(ฮาร์ท) นักสัตววิทยาผิวสีตัวจิ๋วที่สามารถแบกของได้ทุกอย่าง , ศ.โอเบรอน (แบล็ค) นักโบราณคดีผู้เชี่ยวชาญแผนที่หุ่นตุ้ยนุ้ย และ รูบี้ ราวน์เฮาส์(กิลแลน) สาวแสบที่มีพิษสงอยู่รอบตัว ซึ่งทั้งสี่ต้องทำภารกิจในการฝ่าฟันอันตรายจากสัตว์ป่านานาชนิดในป่าจูแมนจี้เพื่อนำอัญมณีจากัวร์อายไปคืนยังที่ที่มันเคยอยู่ โดยมีแวนเพลท์(คานนาวาเล่)ศัตรูตัวฉกาจที่จะคอยขัดขวางและหวังจะแย่งชิงอัญมณีไปครอบครอง พวกเขาจึงต้องร่วมมือกันเล่นให้จบเกมเพื่อที่จะกลับไปสู่โลกปัจจุบันอีกครั้งหนึ่ง
สำหรับการดำเนินเรื่องถ้าใครคาดหวังว่าหนังจะบู๊แอคชั่นระห่ำวิ่งไล่ล่าจนป่าราบเพราะมีเดอะร็อคแสดงนำ ต้องบอกก่อนครับว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะว่าหนังเป็นหนังแนวตลกโปกฮาแบบไม่บันยะบันยังเรียกว่าพอกลายร่างเป็นอวตารตัวละครในเกมเท่านั้นล่ะ ความฮาก็บังเกิดตลอดทั้งเรื่องจนจบเลยทีเดียว ดูได้สนุกสนานไม่มีเบื่อ แต่ก็แอบให้ความรู้สึกเหมือนกับเกม Temple Run ที่เราเลือกตัวละครวิ่งๆ ตลุยป่าไปเรื่อยๆ โดยมีคิงคองมาไล่ล่า แม้ว่าจะใส่มุกตลกซะเต็มที่ในเรื่องนี้ก็ใช่ว่าจะทำให้หนังไร้สาระซะทีเดียว หนังยังมีการสะท้อนสังคมในปัจจุบันโดยสอดแทรกสาระและแอบจิกกัดพอสมควรเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเด็กวัยรุ่นในปัจจุบันที่อยากได้อยากได้รับการยอมรับโดยการใช้สังคมออนไลน์และติดโลกโซเชียลจนไม่สนใจคนรอบข้าง หรือการที่เด็กสมัยนี้กล้าที่จะต่อล้อต่อเถียงกับผู้ใหญ่ด้วยเหตุผลที่เราเองก็รู้สึกว่า เออ จริงของมัน เป็นต้น แถมเรื่องสถานที่ถ่ายทำก็ให้ฟีลลิ่งการบุกป่าฝ่าดงที่เต็มไปด้วยอันตรายเสมือนจริงเอามากๆ รวมไปถึงซีจีที่เรื่องนี้ก็ทำได้ค่อนข้างเนียนไม่มีอะไรที่สะดุดตา สัตว์ป่าก็สามารถทำออกมาได้เหมือนกับเอาตัวจริงๆ มาเล่นเรื่องนี้ รวมไปถึงเรื่องคอสตูมที่ก็ทำออกมาได้เหมาะสมกับตัวละครแต่ละตัวได้ดีทีเดียว
สำหรับการแสดง เดอะร็อค ในบทของ ดร.เบรฟสโตน/สเปนเซอร์ ต้องยอมรับว่านับวันการแสดงของเดอะร็อคเล่นดีขึ้นเรื่อยๆ มีพัฒนาการ สามารถสร้างบทบาทในตัวละครที่เขาเล่นได้มีมิติดี ในเรื่องนี้เราจะเห็นเด็กเนิร์ดขี้กลัวในร่างของชายล่ำบึ้กขี้เก๊ก โดยเด็กเนิร์ดคนนั้นก็ใช้มันสมองในการใช้พลังพิเศษของเบรฟสโตนได้อย่างดีแต่ในขณะเดียวกันเมื่อเจออะไรแปลกๆ ก็พร้อมที่จะกลัวได้ทุกอย่าง ดูย้อนแย้งดีครับ ฮาดีสำหรับตัวนี้ ต่อมาไม่พูดถึงไม่ได้คือบทบาทการแสดงของแจ็ค แบล็ค ในบทของ ศ.โอเบรอน/เบธานี เขาแสดงได้เสมือนผู้หญิงที่อยู่ในร่างผู้ชายวัยกลางคนหุ่นตุ้ยนุ้ย คาแรกเตอร์จะคล้ายๆ เบน ชลาทิศ อะไรทำนองนั้นเลยครับ แถมยังแอบมีจริตผู้หญิงที่ดูแล้วฮาเสียมากกว่าด้วยครับ ในเรื่องนี้แบล็คถือว่าเป็นตัวขโมยซีนของแท้เลยทีเดียวครับ เรียกว่ากล้องจับไปที่เขาทีไร ฮาแน่นอน เล่นดีจริงครับหายคิดถึงเลยหลังจากที่ไม่ได้เห็นแกเล่นหนังนานพอสมควร ส่วนอีกคนก็ตลกครับ คือ ฮาร์ท ในบทของ เมาส์ ฟินบาร์/ฟริดจ์ ที่จะเป็นคนขี้เหวี่ยง พูดมาก ชอบขัดคอ และหงุดหงิดไปทุกเรื่องกับการที่ตัวละครที่เขาเลือกไม่ได้ดั่งใจ ฮาร์ทเล่นได้มีเคมีเข้ากันกับเดอะร็อคได้เป็นอย่างดี มีการรับส่งมุกกันตลอด ส่วนในบทของ โจนัส ที่เล่นเป็น ซีเพลน/อเล็กซ์ ก็เล่นได้ดูหล่อ ดูมีเสน่ห์ดีครับ แถมยังแอบมีอารมณ์เด็กวัยรุ่นในยุค 90 ไม่ว่าจะเป็นการใช้สำนวนคำพูดที่ดูย้อนยุค และรสนิยมสาวในยุคนั้น เล่นได้ดูเหมือนคนหลงยุคเลยทีเดียวครับ ส่วนการแสดงของกิลแลน ในบทของ รูบี้ ราวน์เฮาส์ ที่จริงๆ เธอดูเพอเฟกต์มากๆ แต่ก็สามารถเล่นเป็นคนที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเซ็กซี่หรือสวย แถมยังอึดอัดกับการที่อยู่ในร่างนี้ เสมือนว่าถูกบังคับให้เป็นตัวละครนี้ และคานนาวาเล่ ในบทของ แวนเพลท์ตัวร้ายของเรื่อง ก็เล่นได้แลดูมีออร่าของคนชั่วร้ายได้เนียนตาเหมือนกัน ดูน่ากลัวใช้ได้ครับ เหมือนว่าชาตินี้แกไม่เคยเป็นคนดีสักครั้งนึงในชีวิต
สำหรับเรื่องนี้ผมมองว่าเป็นหนังเบาสมองดูสนุกสนานดีครับ แม้จะไม่ได้มีมุกแบบฮาท้องคัดท้องแข็งมากสักเท่าไหร่นัก แต่เมื่อนำมุกทั้งหมดมารวมๆ กันแล้วถือว่าไม่เลวสำหรับเรื่องนี้ ดูจบแล้วก็คิดถึงเกมคอนโซลสมัยเก่าประมาณยุคเครื่องซูเปอร์เลย ว่าจะต้องมีการเล่นผ่านด่านโดยมีชีวิตจำกัด ใครที่เกิดทันน่าจะอินและเข้าใจมุกได้พอสมควรเลยครับ ส่วนถ้าถามว่า ไม่ได้ดูภาคแรกเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนจะรู้เรื่องไหม รู้เรื่องครับ เพราะเนื้อเรื่องมันไม่ได้ต่อเนื่องกัน แต่ถ้าเพื่อความสมบูรณ์ในการเข้าใจจูแมนจี้ ต้องย้อนกลับไปดูภาคแรกจะช่วยเติมเต็มได้ ให้ 9 เต็ม 10 ครับ หักนิดหน่อยตรงที่มันสามารถเดาเนื้อเรื่องได้ง่ายไปหน่อย ถ้าให้ดีหักมุมนิดนึงจะแจ่มมากครับ แล้วตัวร้ายของเรื่องบทบาทน้อยไปหน่อย น่าจะเพิ่มให้อีกสักนิดเพื่อความอรรถรสในการลุ้นระทึกครับ อย่างไรก็ตามหนังก็ได้ฝากข้อคิดสำหรับเราว่า เราไม่ได้อยู่คนเดียวในโลกนี้ การช่วยเหลือซึ่งกันและกันจะนำเราไปสู่ความสำเร็จได้ และชีวิตจริงไม่ใช่ชีวิตในเกม เรามีเพียงชีวิตเดียวเรารู้ดีอยู่แล้วว่าตอนนี้เราเป็นอย่างไร และในอนาคตเราก็สามารถเลือกได้ว่าเราจะเป็นคนแบบไหน ขอให้สนุกกับการดูหนังครับ
การดูหนังก็เปรียบเสมือนกับการเก็บผลไม้ที่อยู่เต็มต้น ที่บางครั้งเราก็อาจจะเก็บผลไม้ได้ไม่หมด แต่ก็เลือกเก็บมาเฉพาะที่เราเก็บได้หรือเลือกเก็บในผลที่เราชื่นชอบ เช่นเดียวกันกับข้อคิดในหนังครับ เรื่องเดียวกันคนดูอาจเก็บข้อคิดจากหนังได้ไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน ใครเก็บอะไรได้บ้างก็สามารถร่วมแชร์ได้ที่เพจผมครับ หรือถ้าสนใจดูรีวิวหนังเรื่องอื่นเพิ่มเติม ให้คำติชมแนะนำ หรือถ้าอยากให้รีวิวหนังเรื่องไหน มาพูดคุยกันได้ที่ https://www.facebook.com/cineman95/ ขอให้สนุกกับการดูหนัง ขอบคุณครับ