เรามีคนๆนั้น อยู่ในชีวิต แต่ ได้อยู่ด้วยกันเพียงแปบเดียวเท่านั้น
แล้วต่างคนก็ต่างต้องแยกย้าย กลับไปสู่โลกแห่งความจริง
ของตัวเอง เราบันทึกเรื่องราวของเราที่เพิ่งเกิดขึ้นไว้
เรื่องมันมีอยู่ว่า
บันทึกวันที่ 29
น้ำแข็งในใจที่ถูกละลายไปกับน้ำทะเล
มันเป็นดึกวันที่ 28 เดือนธันวาคม
ยาวไปถึงเกือบเช้าของวันที่ 29
อีกสองวันจะสิ้นปี เราและเขานัดเจอกันที่
ม้านั่งตัวเดิมที่เราเคยนั่งกินข้าวด้วยกัน
ในที่ทำงานของเราสองคน
4 เดือนมาแล้ว ที่เราไม่เคยมีโอกาสได้นั่ง
พูดคุยอะไรแบบนี้ เราและเขานั่งใกล้ๆกัน
แต่ต่างฝ่ายต่างระมัดระวังความใกล้ชิด
ไม่กล้าที่จะสัมผัสตัวของอีกฝ่าย
เพราะด้วยความห่างหาย และน้ำแข็งที่
เกาะใจมาตลอด 4เดือนที่เราแยกย้าย
ไปใช้ชีวิตโดยไม่มีอีกฝ่ายอยู่ด้วย
ไม่มีโอกาสได้พูดหรือคุยอะไรกันเลย
ความจริงเราสองคนเจอกันในที่ทำงานเกือบทุกวัน
ห้องทำงานของเขาและเรามีระยะทาง
ห่างกันแค่ไม่กี่ก้าว แต่ระยะในใจห่างไกลกัน
เกินปีแสง ต่างคนต่างแสร้งทำให้
อีกคนเป็นธาตุอากาศ ไร้ซึ่งตัวตน
แต่แล้วความจริงก็ถูกเปิดเผย ว่าการแสร้งทำนั้น
เป็นการเมินเพียงต่อหน้า เท่านั้น
ความจริงต่างคนต่างแอบมอง แอบส่อง
ความเป็นไปของชีวิตของกันและกัน
มาตลอด
พฤติกรรมที่ถูกละลาย ภายในระยะเวลาอันสั้น
ก่อเกิดการพูดคุยที่สนุกสนานจนทำให้เวลา
ผ่านไปอย่างรวดเร็ว จู่ๆเขาก็พูด
ขึ้นมาว่า “ไปทะเลกันไหม” เราก็ตอบรับ
ทันทีแบบที่ไม่ต้องใช้สมองคิด “ไป”
เพราะเราชอบบรรยากาศทะเลตอนกลางคืน
อีกอย่างทะเลก็อยู่ใกล้ที่ทำงานแค่
สองกิโลเมตรเอง ไปสิ รออะไร
สิ้นสุดคำชวนได้ไม่กี่นาที ฝนก็ตกลงมา
อย่างกับรู้เวลา อย่างกับไม่อยากให้เราไป
อย่างกับจะเตือนสติเราว่า ‘เราไม่ควรไป’
เรากับเขาเลิกล้มความตั้งใจที่จะไป แต่
จู่ๆเพียงชั่วครู่ ฝนก็หยุด แน่นอน
เราสองคนไม่รอช้า รีบออกไปกันทันที
เราเลือกที่จะขี่มอเตอร์ไซค์กันไป
ลมเย็นที่ปะทะตัว เย็นยะเยือกไปหมด
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เราคงกอดเขาตัวกลมไปแล้ว
แต่ตอนนี้ทำได้แค่เพียงเอามือกอดอก
ตัวเองเพื่อคลายหนาวเท่านั้น
บรรยากาศทะเลตอนกลางคืนหลังฝนตก
คลื่นก็จะสูงและแรงหน่อย จนเรารู้สึกกลัว
ได้แต่ยืนอยู่ห่างๆริมหาด
เขาจับมือเราเดินเข้าไปใกล้ริมทะเล
เขาถามเราว่า “รู้สึกยังไง กับการออกมา
ข้างนอกด้วยกันครั้งแรก”
เราลืมไปเลยว่า มันคือครั้งแรกของ
เราสองคนจริงๆ เขาจดจำทุกรายละเอียด
ของเราสองคนได้ดี เสมอมา เราแอบอมยิ้ม
เราตอบไปว่า “เออใช่ นี่เป็นครั้งแรก
จริงๆด้วย รู้สึกดีนะ” แล้วก็ยิ้มให้เขา
เราพูดคุยกัน จูงมือกัน เดินเล่นกัน
จนขณะหนึ่งเขาหยุดเดินแล้ว
คว้าตัวเราไปกอด พร้อมกระซิบว่า
‘คิดถึงมากนะ’ เราถึงกับน้ำคลอเบ้าเพราะ
มันเป็นกอดที่เราโหยหา และคิดถึงมากเหลือเกิน
ยิ่งบรรยากาศเป็นใจ มันทำให้เรารู้สึกเหมือน
โลกนี้เป็นของเราสองคน เหมือนเวลา
หยุดหมุนไปครู่หนึ่งเลยจริงๆ
หลังจากเดินจนเหนื่อย เราก็มานั่งพัก
ตรงเพิงไม้ เรายังคุยกันเจื้อยแจ้วแซมกับ
เสียงหัวเราะที่ดังสนั่น อยู่ดีๆ เขาก็ดึงหน้าเรา
เข้าไปใกล้ แล้วจูบ อย่างอ่อนโยน
ชั่วขณะนั้น เราถามตัวเองว่า นี่ไม่ใช่
‘ความฝัน’ ใช่ไหม เราอยากตบหน้าตัวเอง
สักครั้ง เพื่อจะบอกตัวเองว่า
นี่คือ ‘ความจริง’
ทุกครั้งที่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน
เรามีความสุขมาก ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน
เวลาหลายชั่วโมงผ่านไป
เหมือนใครไปหมุนนาฬิกาให้เดินไวขึ้น
เขา บอกว่า ที่ชวนมาก็เพราะวันนี้ เป็น
วันสุดท้ายของปีนี้ที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน
มันจะเป็นความทรงจำสุดท้ายของปีนี้
มันจะเป็นความทรงจำที่ดีของเราทั้งสองคน
เราอยู่กันจนเกือบเช้า เวลาตี 4 ครึ่ง
ทำไมมันเร็วเหลือเกินในความ
รู้สึกของเรา หมดเวลาของเราแล้วสินะ
เราสองคนใช้มันได้อย่างคุ้มค่าที่สุดจริงๆ
ถึงเวลาที่ต้องกลับสู่โลกความเป็นจริง
ที่เราต้องแยกย้ายไปมีชีวิตของตัวเอง
และไม่รู้ว่า อีกเมื่อไหร่ เราจะได้ไปใช้
เวลาเหมือนความฝันกับเขาอีกครั้ง
น้ำแข็งในใจตลอดเวลา 4เดือน
ถูกพังไปกับน้ำทะเล หมดแล้ว
ก็รู้ว่าอีกนานไหม ที่น้ำแข็งในใจ
จะถูกก่อตัวให้หนาขึ้นได้อีกครั้ง
บันนี่ที่รัก🐰
เช้าวันรุ่งขึ้นก็จะไปทำงานแบบเบลอไปหน่อย
คุณเคยมีใครสักคนที่ใช้เวลาอยู่ด้วยแล้วเหมือนเวลาถูกกลืนหายไปไหม
แล้วต่างคนก็ต่างต้องแยกย้าย กลับไปสู่โลกแห่งความจริง
ของตัวเอง เราบันทึกเรื่องราวของเราที่เพิ่งเกิดขึ้นไว้
เรื่องมันมีอยู่ว่า
บันทึกวันที่ 29
น้ำแข็งในใจที่ถูกละลายไปกับน้ำทะเล
มันเป็นดึกวันที่ 28 เดือนธันวาคม
ยาวไปถึงเกือบเช้าของวันที่ 29
อีกสองวันจะสิ้นปี เราและเขานัดเจอกันที่
ม้านั่งตัวเดิมที่เราเคยนั่งกินข้าวด้วยกัน
ในที่ทำงานของเราสองคน
4 เดือนมาแล้ว ที่เราไม่เคยมีโอกาสได้นั่ง
พูดคุยอะไรแบบนี้ เราและเขานั่งใกล้ๆกัน
แต่ต่างฝ่ายต่างระมัดระวังความใกล้ชิด
ไม่กล้าที่จะสัมผัสตัวของอีกฝ่าย
เพราะด้วยความห่างหาย และน้ำแข็งที่
เกาะใจมาตลอด 4เดือนที่เราแยกย้าย
ไปใช้ชีวิตโดยไม่มีอีกฝ่ายอยู่ด้วย
ไม่มีโอกาสได้พูดหรือคุยอะไรกันเลย
ความจริงเราสองคนเจอกันในที่ทำงานเกือบทุกวัน
ห้องทำงานของเขาและเรามีระยะทาง
ห่างกันแค่ไม่กี่ก้าว แต่ระยะในใจห่างไกลกัน
เกินปีแสง ต่างคนต่างแสร้งทำให้
อีกคนเป็นธาตุอากาศ ไร้ซึ่งตัวตน
แต่แล้วความจริงก็ถูกเปิดเผย ว่าการแสร้งทำนั้น
เป็นการเมินเพียงต่อหน้า เท่านั้น
ความจริงต่างคนต่างแอบมอง แอบส่อง
ความเป็นไปของชีวิตของกันและกัน
มาตลอด
พฤติกรรมที่ถูกละลาย ภายในระยะเวลาอันสั้น
ก่อเกิดการพูดคุยที่สนุกสนานจนทำให้เวลา
ผ่านไปอย่างรวดเร็ว จู่ๆเขาก็พูด
ขึ้นมาว่า “ไปทะเลกันไหม” เราก็ตอบรับ
ทันทีแบบที่ไม่ต้องใช้สมองคิด “ไป”
เพราะเราชอบบรรยากาศทะเลตอนกลางคืน
อีกอย่างทะเลก็อยู่ใกล้ที่ทำงานแค่
สองกิโลเมตรเอง ไปสิ รออะไร
สิ้นสุดคำชวนได้ไม่กี่นาที ฝนก็ตกลงมา
อย่างกับรู้เวลา อย่างกับไม่อยากให้เราไป
อย่างกับจะเตือนสติเราว่า ‘เราไม่ควรไป’
เรากับเขาเลิกล้มความตั้งใจที่จะไป แต่
จู่ๆเพียงชั่วครู่ ฝนก็หยุด แน่นอน
เราสองคนไม่รอช้า รีบออกไปกันทันที
เราเลือกที่จะขี่มอเตอร์ไซค์กันไป
ลมเย็นที่ปะทะตัว เย็นยะเยือกไปหมด
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เราคงกอดเขาตัวกลมไปแล้ว
แต่ตอนนี้ทำได้แค่เพียงเอามือกอดอก
ตัวเองเพื่อคลายหนาวเท่านั้น
บรรยากาศทะเลตอนกลางคืนหลังฝนตก
คลื่นก็จะสูงและแรงหน่อย จนเรารู้สึกกลัว
ได้แต่ยืนอยู่ห่างๆริมหาด
เขาจับมือเราเดินเข้าไปใกล้ริมทะเล
เขาถามเราว่า “รู้สึกยังไง กับการออกมา
ข้างนอกด้วยกันครั้งแรก”
เราลืมไปเลยว่า มันคือครั้งแรกของ
เราสองคนจริงๆ เขาจดจำทุกรายละเอียด
ของเราสองคนได้ดี เสมอมา เราแอบอมยิ้ม
เราตอบไปว่า “เออใช่ นี่เป็นครั้งแรก
จริงๆด้วย รู้สึกดีนะ” แล้วก็ยิ้มให้เขา
เราพูดคุยกัน จูงมือกัน เดินเล่นกัน
จนขณะหนึ่งเขาหยุดเดินแล้ว
คว้าตัวเราไปกอด พร้อมกระซิบว่า
‘คิดถึงมากนะ’ เราถึงกับน้ำคลอเบ้าเพราะ
มันเป็นกอดที่เราโหยหา และคิดถึงมากเหลือเกิน
ยิ่งบรรยากาศเป็นใจ มันทำให้เรารู้สึกเหมือน
โลกนี้เป็นของเราสองคน เหมือนเวลา
หยุดหมุนไปครู่หนึ่งเลยจริงๆ
หลังจากเดินจนเหนื่อย เราก็มานั่งพัก
ตรงเพิงไม้ เรายังคุยกันเจื้อยแจ้วแซมกับ
เสียงหัวเราะที่ดังสนั่น อยู่ดีๆ เขาก็ดึงหน้าเรา
เข้าไปใกล้ แล้วจูบ อย่างอ่อนโยน
ชั่วขณะนั้น เราถามตัวเองว่า นี่ไม่ใช่
‘ความฝัน’ ใช่ไหม เราอยากตบหน้าตัวเอง
สักครั้ง เพื่อจะบอกตัวเองว่า
นี่คือ ‘ความจริง’
ทุกครั้งที่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน
เรามีความสุขมาก ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน
เวลาหลายชั่วโมงผ่านไป
เหมือนใครไปหมุนนาฬิกาให้เดินไวขึ้น
เขา บอกว่า ที่ชวนมาก็เพราะวันนี้ เป็น
วันสุดท้ายของปีนี้ที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน
มันจะเป็นความทรงจำสุดท้ายของปีนี้
มันจะเป็นความทรงจำที่ดีของเราทั้งสองคน
เราอยู่กันจนเกือบเช้า เวลาตี 4 ครึ่ง
ทำไมมันเร็วเหลือเกินในความ
รู้สึกของเรา หมดเวลาของเราแล้วสินะ
เราสองคนใช้มันได้อย่างคุ้มค่าที่สุดจริงๆ
ถึงเวลาที่ต้องกลับสู่โลกความเป็นจริง
ที่เราต้องแยกย้ายไปมีชีวิตของตัวเอง
และไม่รู้ว่า อีกเมื่อไหร่ เราจะได้ไปใช้
เวลาเหมือนความฝันกับเขาอีกครั้ง
น้ำแข็งในใจตลอดเวลา 4เดือน
ถูกพังไปกับน้ำทะเล หมดแล้ว
ก็รู้ว่าอีกนานไหม ที่น้ำแข็งในใจ
จะถูกก่อตัวให้หนาขึ้นได้อีกครั้ง
บันนี่ที่รัก🐰
เช้าวันรุ่งขึ้นก็จะไปทำงานแบบเบลอไปหน่อย