อยากสนับสนุนหนังไทยนะ แต่ต้องไม่ใช่วงจรแบบนี้ (ของคนที่มีทัศนคติเช่นนี้)

ประเภทแบบหนังตลกที่ได้รอบฉายเยอะมากจนเบียดหนังเรื่องอื่นหมด
ซึ่งถ้ามันมีคุณภาพแบบพี่มากก็โอเค แต่มันก็ไม่ใช่แบบนั้นทุกเรื่อง
เช่นหนังของผกก.ที่กำลังถูกวิจารณ์อยู่ตอนนี้ที่ทำออกมากี่เรื่องก็แทบยึดโรงไปซะ 60% เรื่องของเรื่องคือทางเครือโรงภาพยนต์จะได้กำไรหรือ % จากหนังเหล่านี้เยอะ นายทุนยิ้มแต่คนที่อยากดูเรื่องอื่นที่ถูกลดรอบฉายก็น่าเห็นใจนะ แล้วหนังระยะหลังๆทำออกมาเหมือนส่งๆ ทำไปงั้นยังไงก็ขายได้ หนังเกี่ยวกับตุ๊ด เกี่ยวกับพระ นำหน้าว่าหลวงพี่ เหมือนหมดไอเดียและมักหยิบเอาบุคคลที่เป็นกระแสสังคมช่วงนั้นมาสร้างกระแส เช่นเด็กปั้มที่หน้าตาไม่ดี เน็ตไอดอลที่ยอดวิวสูงๆ คนที่เป็นข่าวดังโดยไม่แคร์ว่าในแง่ใด

.. พอผู้บริโภควิจารณ์ก็พูดทำนองว่า "ทำหนังดีๆแล้วไม่ทำเงิน ขายไม่ได้ จะทำทำไม" ผมคิดว่าความคิดแบบนี้จะทำให้อุตสาหกรรมภาพยนต์ไทยตกต่ำลง ต่อไปคนที่จะทำหนังคุณไม่ต้องเรียนก็ได้ เอกภาพยนต์อะไรอะเพราะตรรกะคนทำหนังเป็นแบบนี้

ล่าสุดคนดูวิจารณ์กรณีที่เอาคนที่มีคดีในความสนใจด่าตำรวจมาแสดงหนังในบทด่าพระ ทำนองล้อเลียนเหตุการณ์ในข่าวดัง คำพูดผกก.ก็ประมาณตอบโต้คนวิจารณ์ว่าอย่ากระแดะ เพราะเจตนาคืออยากให้โอกาสและบอกคนเด็กนี้ไม่ใช่คนเลวสมควรได้รับโอกาสกลับคืนสู่สังคม ,,, แต่ดูเหมือนเขาจะหลงประเด็นเอามากๆ คือถ้าเอาเด็กนี่มาแสดงหนังในบทดีๆที่สร้างสรรค์กระแสคงไม่แรงขนาดนี้ แต่นี่บทคือด่าพระโดยจำลองเหตุการณ์คล้ายกับที่ด่าตำรวจ ตรงนี้ที่คนวิจารณ์หนักว่าใช้อะไรคิด เห็นเป็นเรื่องตลกหรือ ต่อไปใครทำเวรทำกรรมอะไรก็เอามาเป็นตลกโปกฮากันหมดหรือไง สะท้อนว่าผกก.ดังคนนี้ขาดการไตร่ตรองและตอบคำถามสังคมได้ไม่สมกับที่อยู่ในวงการมานาน

ทำหนังโดยไม่แคร์เสียงคนดู เพราะแบ็คดี ทำอะไรออกมาก็กำไรเพราะต้นทุนต่ำรอบฉายเยอะ(บางเรื่องขายให้ประเทศเพื่อนบ้านได้เงินมากกว่าอีก) คือมันไม่ได้ส่งผลแค่หนังเรื่องเดียวแล้วจบไป แต่นานวันเข้ามันจะเป็นเหมือนโลโก้ติดตัว แค่เห็นชื่อก็ยี๊แล้ว

เครดิตรูป: เพจผู้ชายใส่แว่น
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่