จากกรณีที่ พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีคำสั่งที่ 53/2560 แก้ไขพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองเพื่อคลายล็อกทางการเมืองให้พรรคการเมืองสามารถทำธุรการทางการเมือง เตรียมการเลือกตั้งที่รัฐบาลประกาศจะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2561
แต่เสียงตอบรับจากคำสั่งดังกล่าว ปรากฏว่ามีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากพรรคการเมืองอย่างหนักช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งจากฝั่งเพื่อไทยและประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะประเด็นการตรวจสอบสมาชิกพรรคและสมาชิกต้องจ่ายค่าบำรุงพรรคภายใน 30 วัน ถ้าไม่เข้าเกณฑ์ดังกล่าวถือว่าพ้นสมาชิกพรรค ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์และเพื่อไทย ที่มีสมาชิกจำนวนมากอยู่ทั่วประเทศก็อาจจะเกิดความยากลำบาก ตามมาด้วย ความเคลื่อนไหวเพื่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ตีความ รวมถึงยกเลิกคำสั่งมาตรา 44 ดังกล่าว
นิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความแสดงความเห็นระบุว่า คำสั่งคสช.ที่53/2560 อ้างอำนาจตาม ม.44 ของรัฐธรรมนูญ(ฉบับชั่วคราว) ปี 2557 จะออกมาขัดหรือแย้งกับมาตรา 26 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 ได้หรือไม่ ผมว่ารธน.ปี2560 มีศักดิ์สูงกว่า รธน.(ชั่วคราว)ปี 2557 หากคำสั่งคสช.ที่อ้างม.44 ออกมากระทบหรือขัด กับสิทธิของประชาชนตามรธน.ปี2560 ศาลรัฐธรรมนูญ จะคุ้มครองคำสั่งคสช.หรือจะคุ้มครองสิทธิของประชาชน น่าคิดครับ เรื่องนี้นักวิชาการทางกฎหมาย รวมทั้งนักกฎหมายมหาชน ควรออกมาแสดงความเห็น แต่น่าเสียดายในเมืองไทย นักวิชาการ นักกฎหมาย ปากดีกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเท่านั้น ควรยุบคณะนิติศาสตร์ กับคณะรัฐศาสตร์ในเมืองไทย ให้นักศึกษาไปเรียนในประเทศลาวน่าจะประเทืองปัญญากว่า
ด้าน
จาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) ระบุว่า
1.คำสั่งนี้ไม่ใช่คำสั่งปลดล็อกพรรคการเมือง คำสั่งนี้อาจมีวัตุประสงค์อย่างหนึ่ง คือ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่พรรคการเมืองที่ตั้งใหม่ แต่วัตถุประสงค์หลักและผลที่จะตามมา คือ การทำลายพรรคการเมืองทั้งหลายให้อ่อนแอ การกำหนดให้สมาชิกพรรคยืนยันการเป็นสมาชิกพรรคพร้อมแสดงหลักฐานยืนยันคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามใน 30 วัน คือ การทำลายฐานสมาชิกพรรคให้เหลือน้อยที่สุดนั่นเอง นอกจากนี้ การเลื่อนการประชุมใหญ่เพื่อเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค การประกาศอุดมการณ์ทางการเมืองและนโยบายพรรคการเมืองออกไปอย่างไม่มีกำหนด ย่อมเป็นอุปสรรคต่อการหาสมาชิก และที่สำคัญจะเป็นปัญหาต่อการจัดทำนโยบายที่จะเสนอในการเลือกตั้งให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน
นาย
จาตุรนต์กล่าวว่า
2.คำสั่งนี้ จะทำให้เกิดความไม่แน่นอนว่าจะมีการเลือกตั้งตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ เนื่องจากความลักลั่นของกฎหมาย ที่อาจทำให้พรรคการเมืองต่างๆ ไม่มีคุณสมบัติที่จะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งและถูกใช้เป็นข้ออ้างในการเลื่อนการเลือกตั้งออกไป
3.การออกคำสั่งนี้ ยืนยันว่า คสช.มีอำนาจเหนือรัฐธรรมนูญ ขัดเจตนารัฐธรรมนูญทั้งโดยกระบวนการออกคำสั่งและเนื้อหาของคำสั่ง กล่าวคือ การออก พ.ร.ป.มาใช้นั้น เมื่อ สนช.พิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว ต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระและกรธ.พิจารณาว่าเป็นไปตามเจตนาของรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งพ.ร.ป.พรรคการเมืองได้ผ่านกระบวนการนี้มาแล้ว แต่กลับมาแก้โดยคำสั่ง คสช.ตามอำเภอใจโดยไม่ได้ให้ศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระหรือ กรธ.ได้พิจารณาอีกเลย
นาย
จาตุรนต์กล่าวว่า ในส่วนของเนื้อหาก็ขัดเจตนาของรัฐธรรมนูญอย่างชัดแจ้ง เนื่องจากรัฐธรรมนูญกำหนดให้ กกต.ซึ่งเป็นองค์กรอิสระดูแลให้พรรคการเมืองทำตามกฎหมาย และกกต.ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งและให้เป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด แต่ คสช.กลับออกคำสั่งให้ คสช.ใช้อำนาจเหล่านั้นแทน กกต.เสียเอง
4.การออกคำสั่งนี้ ทำให้เห็นเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า การเลือกตั้งที่ไม่ทราบว่าจะมีขึ้นเมื่อใดนี้ เป็นการเลือกตั้งภายใต้การกำกับแทรกแซงโดย คสช.ตั้งแต่ต้นและไม่มีหลักประกันใดๆ ว่า คสช.จะไม่แทรกแซงมากกว่าที่ได้ทำไปแล้ว
นาย
จาตุรนต์กล่าวอีกว่า
5.การออกคำสั่งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของแผนสมคบคิดเพื่อให้คสช.ครองอำนาจต่อเนื่อง จะเห็นได้ว่า การเสนอรีเซตสมาชิกพรรคการเมือง รีเซตพรรคการเมือง การตั้งพรรคการเมืองใหม่ๆ และการเสนอหรือสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯหลังการเลือกตั้ง ล้วนมาจากกลุ่มคนกลุ่มเดียวกันกับที่เคยสมคบกันเสนอให้ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง จนทำให้เกิดการรัฐประหารในเวลาต่อมา ดังนั้น จึงน่าเชื่อได้ว่าคนกลุ่มเดียวกันนี้ กำลังสมคบคิดกันเพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามแผนการและจุดมุ่งหมายที่มีมาแต่ต้น คือ ให้ผู้มีอำนาจที่ไม่ได้มาจากประชาชนครองอำนาจให้นานที่สุด
ขณะที่ รศ.ดร.
พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความทางเฟสบุ๊ก “
พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์” มองการใช้ม.44 ขยายเวลาให้เพรรคการเมืองทำธุรการเรื่องสมาชืกพรรค แต่ไม่ปลดล็อกทางการเมือง โดยวิเคราะห์กรณีดังกล่าวว่า
เซ็ตซีโร่พรรคการเมือง! ให้พรรคใหม่ขออนุญาตคสช.เพื่อเตรียมตั้งพรรคได้ตั้งแต่ 1 มี.ค.61 ส่วนพรรคเก่า ให้สมาชิกปัจจุบันต้องยืนยันสมาชิกภาพเป็นลายลักษณ์อักษรและจ่ายเงินบำรุงพรรคในช่วง 1-30 เม.ย.61 พ้นจากนี้ให้ขาดสมาชิกภาพ! กิจกรรมต่าง ๆ ยังต้องขออนุญาตจากคสช.เป็นครั้ง ๆ
คนที่เดือดร้อนที่สุดคือ พรรคประชาธิปัตย์! ตามที่อภิสิทธิ์ตั้งคำถามว่า นี่เป็นการเอื้อกลุ่มคนที่จะตั้งพรรคใหม่หรือไม่?
พรรคเพื่อไทยจะได้รับผลกระทบจากพรรคทหารน้อยมาก เพราะคะแนนนิยมทักษิณในภาคเหนือ-อีสานยังเข้มแข็งไม่เสื่อมคลาย สส.คนใดไปเข้าพรรคทหาร ก็จะสอบตก
พรรคทหารจะเป็นภัยต่อปชป.มากที่สุด เพราะมุ่งไปที่ฐานเสียงเดียวกันคือ กทม.และภาคใต้ โดยมี “
สายลับหน้าดำ” เป็นหัวหอก ในภาคใต้จะเป็นศึก “
ตัวแทน” ระหว่างนายหัวกับกำนัน ว่าใครจะมีบารมียึดกุมหัวใจสส.และมวลชนคนใต้ได้มากกว่ากัน!
แกนนำปชป.บางคนถึงได้เจ็บปวดรวดร้าวนักหนา ไม่นึกว่า จะโดนแบบนี้ในวันนี้ และมีแนวโน้มจะโดนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไปจนถึงวันประกาศเลือกตั้ง (ถ้ามี?)
JJNY : บนภูดี๊ดี...ซี้จุกสูญ นักวิชาการ ชี้ พรรคทหารเป็นภัยต่อปชป.มากสุด เพราะมุ่งไปที่ฐานเสียงเดียวกัน
แต่เสียงตอบรับจากคำสั่งดังกล่าว ปรากฏว่ามีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากพรรคการเมืองอย่างหนักช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งจากฝั่งเพื่อไทยและประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะประเด็นการตรวจสอบสมาชิกพรรคและสมาชิกต้องจ่ายค่าบำรุงพรรคภายใน 30 วัน ถ้าไม่เข้าเกณฑ์ดังกล่าวถือว่าพ้นสมาชิกพรรค ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์และเพื่อไทย ที่มีสมาชิกจำนวนมากอยู่ทั่วประเทศก็อาจจะเกิดความยากลำบาก ตามมาด้วย ความเคลื่อนไหวเพื่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ตีความ รวมถึงยกเลิกคำสั่งมาตรา 44 ดังกล่าว
นิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความแสดงความเห็นระบุว่า คำสั่งคสช.ที่53/2560 อ้างอำนาจตาม ม.44 ของรัฐธรรมนูญ(ฉบับชั่วคราว) ปี 2557 จะออกมาขัดหรือแย้งกับมาตรา 26 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 ได้หรือไม่ ผมว่ารธน.ปี2560 มีศักดิ์สูงกว่า รธน.(ชั่วคราว)ปี 2557 หากคำสั่งคสช.ที่อ้างม.44 ออกมากระทบหรือขัด กับสิทธิของประชาชนตามรธน.ปี2560 ศาลรัฐธรรมนูญ จะคุ้มครองคำสั่งคสช.หรือจะคุ้มครองสิทธิของประชาชน น่าคิดครับ เรื่องนี้นักวิชาการทางกฎหมาย รวมทั้งนักกฎหมายมหาชน ควรออกมาแสดงความเห็น แต่น่าเสียดายในเมืองไทย นักวิชาการ นักกฎหมาย ปากดีกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเท่านั้น ควรยุบคณะนิติศาสตร์ กับคณะรัฐศาสตร์ในเมืองไทย ให้นักศึกษาไปเรียนในประเทศลาวน่าจะประเทืองปัญญากว่า
ด้าน จาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) ระบุว่า
1.คำสั่งนี้ไม่ใช่คำสั่งปลดล็อกพรรคการเมือง คำสั่งนี้อาจมีวัตุประสงค์อย่างหนึ่ง คือ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่พรรคการเมืองที่ตั้งใหม่ แต่วัตถุประสงค์หลักและผลที่จะตามมา คือ การทำลายพรรคการเมืองทั้งหลายให้อ่อนแอ การกำหนดให้สมาชิกพรรคยืนยันการเป็นสมาชิกพรรคพร้อมแสดงหลักฐานยืนยันคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามใน 30 วัน คือ การทำลายฐานสมาชิกพรรคให้เหลือน้อยที่สุดนั่นเอง นอกจากนี้ การเลื่อนการประชุมใหญ่เพื่อเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค การประกาศอุดมการณ์ทางการเมืองและนโยบายพรรคการเมืองออกไปอย่างไม่มีกำหนด ย่อมเป็นอุปสรรคต่อการหาสมาชิก และที่สำคัญจะเป็นปัญหาต่อการจัดทำนโยบายที่จะเสนอในการเลือกตั้งให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน
นายจาตุรนต์กล่าวว่า
2.คำสั่งนี้ จะทำให้เกิดความไม่แน่นอนว่าจะมีการเลือกตั้งตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ เนื่องจากความลักลั่นของกฎหมาย ที่อาจทำให้พรรคการเมืองต่างๆ ไม่มีคุณสมบัติที่จะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งและถูกใช้เป็นข้ออ้างในการเลื่อนการเลือกตั้งออกไป
3.การออกคำสั่งนี้ ยืนยันว่า คสช.มีอำนาจเหนือรัฐธรรมนูญ ขัดเจตนารัฐธรรมนูญทั้งโดยกระบวนการออกคำสั่งและเนื้อหาของคำสั่ง กล่าวคือ การออก พ.ร.ป.มาใช้นั้น เมื่อ สนช.พิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว ต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระและกรธ.พิจารณาว่าเป็นไปตามเจตนาของรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งพ.ร.ป.พรรคการเมืองได้ผ่านกระบวนการนี้มาแล้ว แต่กลับมาแก้โดยคำสั่ง คสช.ตามอำเภอใจโดยไม่ได้ให้ศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระหรือ กรธ.ได้พิจารณาอีกเลย
นายจาตุรนต์กล่าวว่า ในส่วนของเนื้อหาก็ขัดเจตนาของรัฐธรรมนูญอย่างชัดแจ้ง เนื่องจากรัฐธรรมนูญกำหนดให้ กกต.ซึ่งเป็นองค์กรอิสระดูแลให้พรรคการเมืองทำตามกฎหมาย และกกต.ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งและให้เป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด แต่ คสช.กลับออกคำสั่งให้ คสช.ใช้อำนาจเหล่านั้นแทน กกต.เสียเอง
4.การออกคำสั่งนี้ ทำให้เห็นเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า การเลือกตั้งที่ไม่ทราบว่าจะมีขึ้นเมื่อใดนี้ เป็นการเลือกตั้งภายใต้การกำกับแทรกแซงโดย คสช.ตั้งแต่ต้นและไม่มีหลักประกันใดๆ ว่า คสช.จะไม่แทรกแซงมากกว่าที่ได้ทำไปแล้ว
นายจาตุรนต์กล่าวอีกว่า
5.การออกคำสั่งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของแผนสมคบคิดเพื่อให้คสช.ครองอำนาจต่อเนื่อง จะเห็นได้ว่า การเสนอรีเซตสมาชิกพรรคการเมือง รีเซตพรรคการเมือง การตั้งพรรคการเมืองใหม่ๆ และการเสนอหรือสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯหลังการเลือกตั้ง ล้วนมาจากกลุ่มคนกลุ่มเดียวกันกับที่เคยสมคบกันเสนอให้ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง จนทำให้เกิดการรัฐประหารในเวลาต่อมา ดังนั้น จึงน่าเชื่อได้ว่าคนกลุ่มเดียวกันนี้ กำลังสมคบคิดกันเพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามแผนการและจุดมุ่งหมายที่มีมาแต่ต้น คือ ให้ผู้มีอำนาจที่ไม่ได้มาจากประชาชนครองอำนาจให้นานที่สุด
ขณะที่ รศ.ดร.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความทางเฟสบุ๊ก “พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์” มองการใช้ม.44 ขยายเวลาให้เพรรคการเมืองทำธุรการเรื่องสมาชืกพรรค แต่ไม่ปลดล็อกทางการเมือง โดยวิเคราะห์กรณีดังกล่าวว่า
เซ็ตซีโร่พรรคการเมือง! ให้พรรคใหม่ขออนุญาตคสช.เพื่อเตรียมตั้งพรรคได้ตั้งแต่ 1 มี.ค.61 ส่วนพรรคเก่า ให้สมาชิกปัจจุบันต้องยืนยันสมาชิกภาพเป็นลายลักษณ์อักษรและจ่ายเงินบำรุงพรรคในช่วง 1-30 เม.ย.61 พ้นจากนี้ให้ขาดสมาชิกภาพ! กิจกรรมต่าง ๆ ยังต้องขออนุญาตจากคสช.เป็นครั้ง ๆ
คนที่เดือดร้อนที่สุดคือ พรรคประชาธิปัตย์! ตามที่อภิสิทธิ์ตั้งคำถามว่า นี่เป็นการเอื้อกลุ่มคนที่จะตั้งพรรคใหม่หรือไม่?
พรรคเพื่อไทยจะได้รับผลกระทบจากพรรคทหารน้อยมาก เพราะคะแนนนิยมทักษิณในภาคเหนือ-อีสานยังเข้มแข็งไม่เสื่อมคลาย สส.คนใดไปเข้าพรรคทหาร ก็จะสอบตก
พรรคทหารจะเป็นภัยต่อปชป.มากที่สุด เพราะมุ่งไปที่ฐานเสียงเดียวกันคือ กทม.และภาคใต้ โดยมี “สายลับหน้าดำ” เป็นหัวหอก ในภาคใต้จะเป็นศึก “ตัวแทน” ระหว่างนายหัวกับกำนัน ว่าใครจะมีบารมียึดกุมหัวใจสส.และมวลชนคนใต้ได้มากกว่ากัน!
แกนนำปชป.บางคนถึงได้เจ็บปวดรวดร้าวนักหนา ไม่นึกว่า จะโดนแบบนี้ในวันนี้ และมีแนวโน้มจะโดนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไปจนถึงวันประกาศเลือกตั้ง (ถ้ามี?)