
สวัสดีครับ ผมแอบรักเพื่อนคนหนึ่งครับ
เรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ จะพูดว่าเป็นจุดเริ่มต้นก็ได้
เราได้มาเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งเดียวกันครับ แล้วก็บังเอิญได้เข้ามาเป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกัน (ในกลุ่มมี 10 คนครับ) ในตอนแรกผมก็ไม่ได้ชอบเธอคนนี้ เรียกว่าเฉย ๆ หรือไปในทางไม่ถูกสเปคเลย (ผมก็ไม่ได้หน้าตาดีอะไรนะครับ แบบว่าหน้าบ้าน ๆ หาได้ทั่วไปในโลกา) แรก ๆ ที่ยังไม่รู้จักกันดีก็ไม่ชอบเขาตรงนู้นบ้างหละ ไม่ชอบที่เป็นแบบนี้บ้างหละ แต่ก็จะมีใครละครับที่ดีเพอร์เฟคไปเสียทุกอย่าง และตอนนั้นผมก็ชอบเพื่อนอีกคนหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มอยู่ด้วย แต่รู้ว่ายังไง ๆ ก็ไม่มีทางเป็นไปได้แล้วก็เริ่มกลายเป็นความห่วงใยเหมือนเพื่อนกับเพื่อน พี่กับน้องเสียมากกว่า ผมก็เลยอยู่เป็นโสดมานานมาก ๆ ในรอบปี 2017 นี้ ผมอกหักจนเฉยชา ไม่รู้สึกเจ็บแต่อย่างใด
จนได้มาใกล้ชิดกับเธอคนนี้ที่ผม กำลังแอบชอบเธออยู่ เพราะเราออกมาอยู่หอนอกกันแล้ว และมีเพื่อนในกลุ่มจำนวนหนึ่งยังอยู่หอใน ส่วนที่เหลือก็บ้านใกล้ สาเหตุเหล่านี้ทำให้เราได้มาใกล้ชิดกัน เวลาที่เธอจะไปกินข้าว หรือผมที่จะไป เราก็จะถามกันและกันว่า " กินข้าวยัง ไปกินข้าวกัน ^^" เป็นอย่างนี้อยู่ตลอดหลายเดือน ไปเที่ยวก็ชวนไปด้วยกัน ไปซื้อของก็ไปด้วยกัน ได้ใช้เวลาทำให้เราได้รู้จักสิ่งที่เธอเป็น เสน่ห์ที่หาไม่ได้จากผู้หญิงคนไหน โดยเฉพาะในเวลากิน (ผมชอบเวลาที่ไปกินข้าวด้วยกันแล้วได้เห็นความสุขเวลาเธอกิน ที่มันทำให้อาหารมื้อนั้น ๆ อร่อยขึ้นอีก) ชอบเวลาที่เธอหัวเราะ ชอบเวลาที่เราได้ใช้ร่วมกัน ชอบเวลาที่เธอออดอ้อนขอกินโรตี หรือของหวาน หลังจากที่กินข้าวพึ่งจะเสร็จ ทั้ง ๆ ที่ปากก็บ่นว่าอ้วนแล้วต้องลดน้ำหนัก 5555 ชอบที่เธอเป็นห่วงเป็นใย ห้ามผมกินสิ่งที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ทั้ง ๆ ที่ให้ผมกินก็กินได้(เช่นตับ เพราะผมเป็นธาลัสซีเมียและมีภาวะเหล็กเกิน แต่ก็สามารถกินตับได้นะครับ หมูสามชั้นย่างกรอบ ๆ เธอก็ห้าม ถ้าห้ามลำบากก็จัดการจำกัดการกิน เหมือนมีแม่อีกคนเลยครับ แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกดี ^^) พาผมไปโรงพยาบาลและนอนเฝ้าทั้ง ๆ ที่ไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้ ซึ่งเธอไม่ทำแบบนี้กับเพื่อนคนอื่น ๆ แม้จะสนิทมากกว่ากับผม มันทำให้รู้สึกหวั่นไหว เริ่มชอบ และเริ่มรักเธอเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ...

จนถึงตอนนี้ ในระยะหลังเพื่อน ๆ ในกลุ่มเองก็สังเกตุเห็นว่าเรา 2 คนไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อย และก็มีบางคนที่รู้ว่าสายตาของผมที่มองเธอคนนั้นมันเริ่มเปลี่ยนไป (เป็นพวกที่ซี้กันมาก ๆ นะครับแบบว่าแค่มองตาก็อ่านเป็นคำพูดได้เลยว่า "กูรู้นะว่าคิดอะไรอยู่") พวกนี้เองก็ช่วยสังเกตุ ช่วยแซว หลอกถาม สารพัดวิธี เพื่อให้รู้ว่าเธอชอบผมเหมือนกันหรือเปล่า และก็พยายามเชียร์ แต่ถึงกระนั้น ผมก็ไม่มีความกล้าทีจะพูดตรง ๆ ออกไป ทีทำได้ก็เพียงโทรปลุกเธอในตอนเช้าในวันที่มีเรียนหรือสอบ ไปกินข้าวด้วยกัน ทำงาน เป็นห่วง ห่วงใย ช่วยกันเลี้ยงแมว(แมวของผมแต่เธอตั้งชื่อมันและช่วยกัยดูแล) เล่นกับแมว ดูแลเธอเหมือนทุก ๆ วันที่เป็นอยู่ ให้เธอยิ้มได้ หัวเราะและร่าเริงได้....เท่านี้ก็ทำให้ผมมีความสุขแล้วครับ
ผมแอบรักเพื่อนครับ ^^
เรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ จะพูดว่าเป็นจุดเริ่มต้นก็ได้
เราได้มาเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งเดียวกันครับ แล้วก็บังเอิญได้เข้ามาเป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกัน (ในกลุ่มมี 10 คนครับ) ในตอนแรกผมก็ไม่ได้ชอบเธอคนนี้ เรียกว่าเฉย ๆ หรือไปในทางไม่ถูกสเปคเลย (ผมก็ไม่ได้หน้าตาดีอะไรนะครับ แบบว่าหน้าบ้าน ๆ หาได้ทั่วไปในโลกา) แรก ๆ ที่ยังไม่รู้จักกันดีก็ไม่ชอบเขาตรงนู้นบ้างหละ ไม่ชอบที่เป็นแบบนี้บ้างหละ แต่ก็จะมีใครละครับที่ดีเพอร์เฟคไปเสียทุกอย่าง และตอนนั้นผมก็ชอบเพื่อนอีกคนหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มอยู่ด้วย แต่รู้ว่ายังไง ๆ ก็ไม่มีทางเป็นไปได้แล้วก็เริ่มกลายเป็นความห่วงใยเหมือนเพื่อนกับเพื่อน พี่กับน้องเสียมากกว่า ผมก็เลยอยู่เป็นโสดมานานมาก ๆ ในรอบปี 2017 นี้ ผมอกหักจนเฉยชา ไม่รู้สึกเจ็บแต่อย่างใด
จนได้มาใกล้ชิดกับเธอคนนี้ที่ผม กำลังแอบชอบเธออยู่ เพราะเราออกมาอยู่หอนอกกันแล้ว และมีเพื่อนในกลุ่มจำนวนหนึ่งยังอยู่หอใน ส่วนที่เหลือก็บ้านใกล้ สาเหตุเหล่านี้ทำให้เราได้มาใกล้ชิดกัน เวลาที่เธอจะไปกินข้าว หรือผมที่จะไป เราก็จะถามกันและกันว่า " กินข้าวยัง ไปกินข้าวกัน ^^" เป็นอย่างนี้อยู่ตลอดหลายเดือน ไปเที่ยวก็ชวนไปด้วยกัน ไปซื้อของก็ไปด้วยกัน ได้ใช้เวลาทำให้เราได้รู้จักสิ่งที่เธอเป็น เสน่ห์ที่หาไม่ได้จากผู้หญิงคนไหน โดยเฉพาะในเวลากิน (ผมชอบเวลาที่ไปกินข้าวด้วยกันแล้วได้เห็นความสุขเวลาเธอกิน ที่มันทำให้อาหารมื้อนั้น ๆ อร่อยขึ้นอีก) ชอบเวลาที่เธอหัวเราะ ชอบเวลาที่เราได้ใช้ร่วมกัน ชอบเวลาที่เธอออดอ้อนขอกินโรตี หรือของหวาน หลังจากที่กินข้าวพึ่งจะเสร็จ ทั้ง ๆ ที่ปากก็บ่นว่าอ้วนแล้วต้องลดน้ำหนัก 5555 ชอบที่เธอเป็นห่วงเป็นใย ห้ามผมกินสิ่งที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ทั้ง ๆ ที่ให้ผมกินก็กินได้(เช่นตับ เพราะผมเป็นธาลัสซีเมียและมีภาวะเหล็กเกิน แต่ก็สามารถกินตับได้นะครับ หมูสามชั้นย่างกรอบ ๆ เธอก็ห้าม ถ้าห้ามลำบากก็จัดการจำกัดการกิน เหมือนมีแม่อีกคนเลยครับ แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกดี ^^) พาผมไปโรงพยาบาลและนอนเฝ้าทั้ง ๆ ที่ไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้ ซึ่งเธอไม่ทำแบบนี้กับเพื่อนคนอื่น ๆ แม้จะสนิทมากกว่ากับผม มันทำให้รู้สึกหวั่นไหว เริ่มชอบ และเริ่มรักเธอเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ...
จนถึงตอนนี้ ในระยะหลังเพื่อน ๆ ในกลุ่มเองก็สังเกตุเห็นว่าเรา 2 คนไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อย และก็มีบางคนที่รู้ว่าสายตาของผมที่มองเธอคนนั้นมันเริ่มเปลี่ยนไป (เป็นพวกที่ซี้กันมาก ๆ นะครับแบบว่าแค่มองตาก็อ่านเป็นคำพูดได้เลยว่า "กูรู้นะว่าคิดอะไรอยู่") พวกนี้เองก็ช่วยสังเกตุ ช่วยแซว หลอกถาม สารพัดวิธี เพื่อให้รู้ว่าเธอชอบผมเหมือนกันหรือเปล่า และก็พยายามเชียร์ แต่ถึงกระนั้น ผมก็ไม่มีความกล้าทีจะพูดตรง ๆ ออกไป ทีทำได้ก็เพียงโทรปลุกเธอในตอนเช้าในวันที่มีเรียนหรือสอบ ไปกินข้าวด้วยกัน ทำงาน เป็นห่วง ห่วงใย ช่วยกันเลี้ยงแมว(แมวของผมแต่เธอตั้งชื่อมันและช่วยกัยดูแล) เล่นกับแมว ดูแลเธอเหมือนทุก ๆ วันที่เป็นอยู่ ให้เธอยิ้มได้ หัวเราะและร่าเริงได้....เท่านี้ก็ทำให้ผมมีความสุขแล้วครับ