** คำเตือน **
#กระทู้มีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมต่อหัวหน้างานของผู้รับชม
#อย่าลืมกดซ่อนหัวหน้าก่อนแชร์กระทู้
#แล้วเราจะเนียนตกเครื่องไปด้วยกัน
555+ ล้อเล่นนะครับ

----------------------------------------------

สวัสดีครับ
กลับมาอีกครั้งนึงแล้ว พอดีว่าเพิ่งกลับมาจากเมืองจีน จริงๆรอบนี้ไม่คิดว่าจะกลับมารีวิวหรือทำกระทู้อะไร
เพราะว่าไปจีนรอบนี้เราไม่ได้ไปเที่ยวเหมือนรอบก่อนๆที่มาทำรีวิว พอดีรอบนี้ไปหาเพื่อนเฉยๆ อีกอย่างเมืองที่ไปนี่ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวอะไร
แต่สุดท้าย ก็ได้มาตั้งกระทู้จนได้ 555
ตามหัวกระทู้เลยครับ “HOW TO ต ก เ ค รื่ อ ง บิ น !!” หรืออะพูดง่ายๆว่า ทำยังไงให้ตกเครื่องบิน
ทีแรกก็ไม่ได้กะจะตั้งชื่อกระทู้แบบนี้ แต่เพื่อนๆหลายๆคนแอบคิดว่า เราตั้งใจป่าว ไม่อยากกลับมารึเปล่า เพราะเราชอบพูดเล่นทุกรอบที่ไปเที่ยว หรือไปหาเพื่อน เรื่องทำ passport หาย หรือเรื่องไปขึ้นเครื่องไม่ทัน น้องที่ทำงานเลยบอกว่าไปทำกระทู้รีวิวสิ How to ตกเครื่อง งี้!!
----------------------------------------------
**ก่อนอื่นรบกวนชาวเน็ตใจเย็นๆ อย่าเพิ่งเตรียมจวกเรานะฮะ**
จุดประสงค์ที่เราตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา เราไม่ได้ทำขึ้นเพื่อต่อว่าทางสายการบิน หรือต่อว่าทางบริษัทประกันที่เราทำ Travel Insurance ไป
อย่างแรกที่ตั้งใจทำกระทู้นี้ขึ้นมา คือ ให้ดูการซื้อตั๋วแบบสุ่มเสี่ยงที่อาจทำให้ตกเครื่อง เพื่อแชร์ให้คนอื่นๆ อย่าเอาเป็นตัวอย่าง
อย่างที่ 2 คือ ถ้าตกเครื่องเราจะต้องทำยังไงกับ Travel Insurance ที่ถืออยู่ คุ้มครองอะไรบ้าง อย่างไร
อย่างที่ 3 สำหรับมนุษย์เงินเดือนคนไหนที่ลางานได้จำกัด ลานานไม่ได้ แต่อยากหาวิธีอยู่เที่ยวต่อแบบเนียนๆ อันนี้เวิร์ค 555+ ล้อเล่นนนน


----------------------------------------------
ก่อนอื่นนนน มาดูกันว่าทำไมตกเครื่อง
เราซื้อตั๋วเครื่องบินเพื่อจะบินไปที่ Hefei ประเทศจีน ซึ่งปกติไปหลายรอบแล้ว รวมๆก็ 6 ครั้งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งถ้าจะไปเมืองนี้มันไม่มี direct flight วิธีที่จะไปทำได้หลายแบบมาก ถ้าเอาที่เคยไปมาก็จะมีประมาณนี้
- บิน AirAsia ลง Wuhan แล้วนั่งรถไฟความเร็วสูงต่อไป 3 ชั่วโมง
- บินเซี่ยงไฮ้แล้วนั่งรถไฟความเร็วสูงต่อไปอีก 3 ชั่วโมง
- บินลงนานจิงแล้วนั่งรถไฟความเร็วสูงต่อ 1 ชั่วโมง
- ซื้อตั๋ว Transit flight เช่น BKK-Shenzhen-Hefei จาก Shenzhen Airlines
คือมันมีวิธีเยอะมาก และด้วยรอบนี้ที่เราไป เราก็เริ่มชำนาญ (หรออออ ชำนาญจนตกเครื่อง

) เราเลยซื้อตั๋ว Transit flight แบบแยกสายการบิน คือ
ขาไป
- กรุงเทพ-ฉงชิ่ง จาก Thai Lion Air
- ฉงชิ่ง-เหอเฟย จาก China Eastern
ขากลับ
- เหอเฟย-ฉงชิ่ง จาก Tianjin Airlines
- ฉงชิ่ง-กรุงเทพ จาก Thai Lion Air
คือกว่าจะหาตั๋วได้แบบนี้นี่นั่งเช็คอยู่ 3 วัน จะได้ราคาถูกสุด และเวลาดีที่สุด เพราะด้วยความที่เรามีวันหยุดแค่ 4 วัน เราเลยอยากจะใช้เวลาให้คุ้มสุดๆ
----------------------------------------------
มีแววตกเครื่องบิน...
...คือเราเริ่มมีแววตั้งแต่ตอนที่เราบินจากกรุงเทพไปถึงฉงชิ่ง ไฟลท์ลงตอน ตี1.40 เราได้กระเป๋าตอน ตี2.40 เป๊ะ กระเป๋าช้ามากกกกกกกก เหมือนข้างล่างมีคนยกคนเดียว แต่ไม่เป็นไร เพราะไฟลท์ไปเหอเฟยออกตอน 7 โมงเช้า
แต่คือพอดูเวลาจากเครื่องลงจนได้กระเป๋า 1 ชั่วโมงเต็ม ลางเริ่มมา เพราะอะไร....เพราะไฟลท์ขากลับ เวลาเปลี่ยนเครื่อง คือ 2 ชั่วโมงเป๊ะ !! ถ้าขากลับรอกระเป๋า 1 ชั่วโมงเหมือนขามา นั่นคือมีแววจะไปเช็คอินไฟลท์กลับกรุงเทพไม่ทัน หึหึหึ

มีแววตกเครื่องบิน...#2
…หลังจากเดินทางมาถึงจีนเข้าวันที่ 2
...อะ ขอเช็ค status ย้อนหลังของไฟลท์จากเหอเฟยไปฉงชิ่งหน่อยละกัน คือ โดยประสบการณ์เนี่ยไฟลท์ domestic จีน การ delay เป็นเรื่องปกติมากกกกก
...พอเช็ค เอื้อออออ เท่านั้นแหละ ไม่มีวันไหนออกตรงเล้ยยยยย


----------------------------------------------
เข้าสู่วันเดินทาง
ตอนเย็นก่อนไปสนามบิน เราก็เช็คตลอดๆ ว่ามันขึ้น delay มั้ย เพราะคิดแล้วว่า ถ้า delay แม้แต่ครึ่งชั่วโมงคือไปเช็คอินไฟลท์กลับกรุงเทพไม่ทันชัวร์
เราก็เช็คๆๆ มันก็ on schedule ตลอด
จนกระทั่ง . . . . มาถึงสนามบิน เราก็เช็คอินตามปกติ ไปถึงหน้า gate เวลา boarding คือ 21.40
พอถึง 21.40 คนก็เริ่มไปต่อคิว (แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ประกาศเรียก board) เราก็เดินวนไปมาอยู่หน้าเกท จนสักพัก คนที่ต่อคิวอยู่ประมาณ 10 กว่าคน สลายตัว กลับไปนั่ง !!! เรานี่เดินเข้าไปที่หน้าเกทเลย แล้วก็พบว่าหน้าจอโชว์ว่า “DELAY”


ตอนนั้นก็ถามพนักงานว่าแล้วจะออกตอนกี่โมง พนักงานแจ้งว่า ตอนนี้เราก็ยังไม่รู้
จนรอสักพัก มีการอัพเดทว่า delay 30 นาที เราเลยโทรหาเพื่อนให้ช่วยพูดกะเค้าเพื่อขอเอกสาร delay และขอกระเป๋าคืน และให้เพื่อนกลับมารับที่สนามบิน
คือจริงๆถามว่าทำไมไม่ลองบินไปดู อาจจะทัน แต่คือ แล้วถ้าไม่ทันหละ ?
ดูจากเวลาที่เราจะไปถึงที่นั่นคือตี 1 กว่า ถ้าไม่ทันนี่ก็ไม่รู้ว่าจะยังไง ออกจากสนามบินเอย หาไฟลท์ใหม่ หาโรงแรม เราคิดว่าต้องลำบาก เอาชัวร์ๆ เรียกเพื่อนกลับมารับแล้วไปนอนบ้านเพื่อนดีกว่า
ดังนั้นนนนน ถ้าซื้อตั๋วที่ต้อง transit ในประเทศ แล้วแยกสายการบินกัน ต้องมาโหลดกระเป๋าใหม่ อย่าทำกันนะฮะ 555
----------------------------------------------
ว่าด้วย Travel Insurance
เราเป็นคนนึงที่ถือว่าเที่ยวพอสมควร ปีนึงก็ 3-4 ทริปได้ ทุกครั้งต้องซื้อ Travel Insurance ด้วยความที่ไม่อยากให้แม่ลำบาก 555+
เหมือนครั้งนี้ เราก็ซื้อ
แต่แบบ เอาจริงๆนะ มีกี่เปอร์เซ็นต์ของคนที่เดินทางเที่ยวต่างประเทศ เข้าใจการคุ้มครองของ Travel Insurance บ้าง (หรือมีแค่เรา ?? 555+)
อย่างเราก็เดินทางพอสมควร ซื้อทุกรอบ แต่ไม่รู้หรอก เอาแค่ว่าถ้าตาย หรือกระเป๋าหาย/มาช้า หรือป่วยก็ได้สิทธิ์คุ้มครอง
จนรอบนี้ (ไม่รู้เอ่ยชื่อบริษัทที่เราซื้อประกันได้มั้ย แต่ไม่บอกดีกว่า ถึงแม้ว่าเราไม่ได้โทษเค้าก็ตาม) ในกรมธรรม์ที่ส่งให้ทาง email คือในใบกรมธรรม์ เท่าที่เราเข้าใจถูก ตรงด้านล่างมันไม่ได้ลงรายละเอียดในแต่ละหัวข้อนะ โดยถ้าพูดในส่วนของการตกเครื่อง เราเห็นสิทธิ์คุ้มครองเมื่อพลาดต่อเที่ยวบินคือ 40,000 บาท (จ่ายตามจริง)
จนกลับมาถึงไทย เราโทรไปที่ Call center เพื่อเคลม เค้าถึงแจ้งเราว่า
“ถ้าพลาดต่อเที่ยวบิน (โดยมีเอกสารออกจากทางสายการบิน) และทางสายการบินไม่ได้ชดเชยใดๆให้ ทางบริษัทประกันจะคุ้มครอง โดยการคุ้มครองจะจ่ายในส่วนของโรงแรม ในกรณีที่ไฟลท์ต่อไปต้องรอนาน และค่าอาหาร โดยใช้ใบเสร็จตัวจริง”
...จริงๆตอนที่เรารู้ว่า Delay เราได้โทรไปหา Call center ตั้งแต่อยู่ที่หน้าเกทที่สนามบินแล้วว่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เราต้องทำยังไง เค้าก็บอกว่าให้ขอเอกสาร และหาไฟลท์ที่ถัดไปที่ถูกที่สุด และสำรองจ่ายไปก่อน แต่เบอร์ที่โทรไปตอนอยู่สนามบิน เป็นเบอร์ที่ทางบริษัทประกันส่ง sms มาให้หลังจากซื้อประกัน ว่าในระหว่างการเดินทางหากต้องการความช่วยเหลือ ให้โทรที่เบอร์นี้ ซึ่งเป็นคนละเบอร์กับเบอร์สำหรับโทรไปเคลม
เท่ากับว่าเคสนี้ เราไม่ได้ชดเชยอะไร ตั๋วใหม่เราจ่ายเอง ค่าโรงแรมไม่ได้จ่าย เพราะนอนบ้านเพื่อน ใบเสร็จค่าข้าวไม่มี เพราะเพื่อนเลี้ยงและจ่ายเงินผ่าน App มีแค่ใบเสร็จซิงเกอร์เบอร์เกอร์ที่สนามบิน ราคา 19.5 หยวน

สรุปคืออออ ....พวกสิทธิ์พวกนี้ ศึกษากันไว้ดีดีนะ เกิดขึ้นกับเราจริงๆจะได้รู้ว่า แต่ละสิทธิ์คุ้มครองได้แค่ไหนยังไง ถ้าใครสงสัยพวกนี้ เราว่าโทรไปถามรายละเอียกที่ Call center จากบริษัทที่เราจะซื้อประกันก่อน เค้าน่าจะยินดีให้คำตอบนะ
วันนี้ฝากเอาไว้แค่นี้สำหรับประสบการณ์ตกเครื่องครั้งแรก
บายยยย
----------------------------------------------
แต่ก่อนไป ฝากติดตามเพจท่องเที่ยวที่มีคนติดตามอันดับท้ายๆของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ที่
https://www.facebook.com/journeyofpp ด้วยน้าาา
สำหรับ ig ฝาก Follow @journey.of.pp ด้วยนะครับ

----------------------------------------------
สุดท้ายนี้เพื่อไม่ให้เสียเปล่ากับคนที่เข้ามาอ่านกัน
เอารูปจากทริปจีนนี้มาฝากให้ดูกันหน่อย ซึ่งมีแต่รูปของกิน 555
เพราะอย่างที่บอก ไม่ได้เที่ยวไหนเลย กินอย่างเดียว
หรือกลับไปย้อนดูรีวิวเก่าๆได้นะ
แต่ก่อนจะไปที่รูปของกิน อันนี้เป็นตู้ locker หน้า Supermarket
เทคโนโลยีเดียวกับ iPhone X นาจาาา แสกนหน้าจ้า กุญแจไม่ต้อง เงินไม่ต้อง


ส่วนอันนี้ มื้อแรก มื้อใหญ่
ทีแรกก็จะนึกว่ามีแค่มื้อแรกที่ใหญ่ สรุป ใหญ่เกือบทุกมื้อ อร่อยมากกกกก


รูปสุดท้าย ถ่ายที่สนามบินนานจิง สรุปว่าเรานั่งรถไฟความเร็วสูงจากเหอเฟยมาขึ้นเครื่องที่นานจิงแทน
ก่อนกลับออกมารับอากาศหนาวก่อนกลับเมืองไทยหน่อย
2 องศา ก่อนกลับ
วันนี้ขอจบรีวิวเท่านี้นะ
วันหน้าเจอกันใหม่ครับ





[CR] [Journey of PP] HOW TO ต ก เ ค รื่ อ ง บิ น !!
#กระทู้มีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมต่อหัวหน้างานของผู้รับชม
#อย่าลืมกดซ่อนหัวหน้าก่อนแชร์กระทู้
#แล้วเราจะเนียนตกเครื่องไปด้วยกัน
555+ ล้อเล่นนะครับ
----------------------------------------------
สวัสดีครับ
กลับมาอีกครั้งนึงแล้ว พอดีว่าเพิ่งกลับมาจากเมืองจีน จริงๆรอบนี้ไม่คิดว่าจะกลับมารีวิวหรือทำกระทู้อะไร
เพราะว่าไปจีนรอบนี้เราไม่ได้ไปเที่ยวเหมือนรอบก่อนๆที่มาทำรีวิว พอดีรอบนี้ไปหาเพื่อนเฉยๆ อีกอย่างเมืองที่ไปนี่ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวอะไร
แต่สุดท้าย ก็ได้มาตั้งกระทู้จนได้ 555
ตามหัวกระทู้เลยครับ “HOW TO ต ก เ ค รื่ อ ง บิ น !!” หรืออะพูดง่ายๆว่า ทำยังไงให้ตกเครื่องบิน
ทีแรกก็ไม่ได้กะจะตั้งชื่อกระทู้แบบนี้ แต่เพื่อนๆหลายๆคนแอบคิดว่า เราตั้งใจป่าว ไม่อยากกลับมารึเปล่า เพราะเราชอบพูดเล่นทุกรอบที่ไปเที่ยว หรือไปหาเพื่อน เรื่องทำ passport หาย หรือเรื่องไปขึ้นเครื่องไม่ทัน น้องที่ทำงานเลยบอกว่าไปทำกระทู้รีวิวสิ How to ตกเครื่อง งี้!!
----------------------------------------------
**ก่อนอื่นรบกวนชาวเน็ตใจเย็นๆ อย่าเพิ่งเตรียมจวกเรานะฮะ**
จุดประสงค์ที่เราตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา เราไม่ได้ทำขึ้นเพื่อต่อว่าทางสายการบิน หรือต่อว่าทางบริษัทประกันที่เราทำ Travel Insurance ไป
อย่างแรกที่ตั้งใจทำกระทู้นี้ขึ้นมา คือ ให้ดูการซื้อตั๋วแบบสุ่มเสี่ยงที่อาจทำให้ตกเครื่อง เพื่อแชร์ให้คนอื่นๆ อย่าเอาเป็นตัวอย่าง
อย่างที่ 2 คือ ถ้าตกเครื่องเราจะต้องทำยังไงกับ Travel Insurance ที่ถืออยู่ คุ้มครองอะไรบ้าง อย่างไร
อย่างที่ 3 สำหรับมนุษย์เงินเดือนคนไหนที่ลางานได้จำกัด ลานานไม่ได้ แต่อยากหาวิธีอยู่เที่ยวต่อแบบเนียนๆ อันนี้เวิร์ค 555+ ล้อเล่นนนน
----------------------------------------------
ก่อนอื่นนนน มาดูกันว่าทำไมตกเครื่อง
เราซื้อตั๋วเครื่องบินเพื่อจะบินไปที่ Hefei ประเทศจีน ซึ่งปกติไปหลายรอบแล้ว รวมๆก็ 6 ครั้งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งถ้าจะไปเมืองนี้มันไม่มี direct flight วิธีที่จะไปทำได้หลายแบบมาก ถ้าเอาที่เคยไปมาก็จะมีประมาณนี้
- บิน AirAsia ลง Wuhan แล้วนั่งรถไฟความเร็วสูงต่อไป 3 ชั่วโมง
- บินเซี่ยงไฮ้แล้วนั่งรถไฟความเร็วสูงต่อไปอีก 3 ชั่วโมง
- บินลงนานจิงแล้วนั่งรถไฟความเร็วสูงต่อ 1 ชั่วโมง
- ซื้อตั๋ว Transit flight เช่น BKK-Shenzhen-Hefei จาก Shenzhen Airlines
คือมันมีวิธีเยอะมาก และด้วยรอบนี้ที่เราไป เราก็เริ่มชำนาญ (หรออออ ชำนาญจนตกเครื่อง
ขาไป
- กรุงเทพ-ฉงชิ่ง จาก Thai Lion Air
- ฉงชิ่ง-เหอเฟย จาก China Eastern
ขากลับ
- เหอเฟย-ฉงชิ่ง จาก Tianjin Airlines
- ฉงชิ่ง-กรุงเทพ จาก Thai Lion Air
คือกว่าจะหาตั๋วได้แบบนี้นี่นั่งเช็คอยู่ 3 วัน จะได้ราคาถูกสุด และเวลาดีที่สุด เพราะด้วยความที่เรามีวันหยุดแค่ 4 วัน เราเลยอยากจะใช้เวลาให้คุ้มสุดๆ
----------------------------------------------
มีแววตกเครื่องบิน...
...คือเราเริ่มมีแววตั้งแต่ตอนที่เราบินจากกรุงเทพไปถึงฉงชิ่ง ไฟลท์ลงตอน ตี1.40 เราได้กระเป๋าตอน ตี2.40 เป๊ะ กระเป๋าช้ามากกกกกกกก เหมือนข้างล่างมีคนยกคนเดียว แต่ไม่เป็นไร เพราะไฟลท์ไปเหอเฟยออกตอน 7 โมงเช้า
แต่คือพอดูเวลาจากเครื่องลงจนได้กระเป๋า 1 ชั่วโมงเต็ม ลางเริ่มมา เพราะอะไร....เพราะไฟลท์ขากลับ เวลาเปลี่ยนเครื่อง คือ 2 ชั่วโมงเป๊ะ !! ถ้าขากลับรอกระเป๋า 1 ชั่วโมงเหมือนขามา นั่นคือมีแววจะไปเช็คอินไฟลท์กลับกรุงเทพไม่ทัน หึหึหึ
มีแววตกเครื่องบิน...#2
…หลังจากเดินทางมาถึงจีนเข้าวันที่ 2
...อะ ขอเช็ค status ย้อนหลังของไฟลท์จากเหอเฟยไปฉงชิ่งหน่อยละกัน คือ โดยประสบการณ์เนี่ยไฟลท์ domestic จีน การ delay เป็นเรื่องปกติมากกกกก
...พอเช็ค เอื้อออออ เท่านั้นแหละ ไม่มีวันไหนออกตรงเล้ยยยยย
----------------------------------------------
เข้าสู่วันเดินทาง
ตอนเย็นก่อนไปสนามบิน เราก็เช็คตลอดๆ ว่ามันขึ้น delay มั้ย เพราะคิดแล้วว่า ถ้า delay แม้แต่ครึ่งชั่วโมงคือไปเช็คอินไฟลท์กลับกรุงเทพไม่ทันชัวร์
เราก็เช็คๆๆ มันก็ on schedule ตลอด
จนกระทั่ง . . . . มาถึงสนามบิน เราก็เช็คอินตามปกติ ไปถึงหน้า gate เวลา boarding คือ 21.40
พอถึง 21.40 คนก็เริ่มไปต่อคิว (แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ประกาศเรียก board) เราก็เดินวนไปมาอยู่หน้าเกท จนสักพัก คนที่ต่อคิวอยู่ประมาณ 10 กว่าคน สลายตัว กลับไปนั่ง !!! เรานี่เดินเข้าไปที่หน้าเกทเลย แล้วก็พบว่าหน้าจอโชว์ว่า “DELAY”
ตอนนั้นก็ถามพนักงานว่าแล้วจะออกตอนกี่โมง พนักงานแจ้งว่า ตอนนี้เราก็ยังไม่รู้
จนรอสักพัก มีการอัพเดทว่า delay 30 นาที เราเลยโทรหาเพื่อนให้ช่วยพูดกะเค้าเพื่อขอเอกสาร delay และขอกระเป๋าคืน และให้เพื่อนกลับมารับที่สนามบิน
คือจริงๆถามว่าทำไมไม่ลองบินไปดู อาจจะทัน แต่คือ แล้วถ้าไม่ทันหละ ?
ดูจากเวลาที่เราจะไปถึงที่นั่นคือตี 1 กว่า ถ้าไม่ทันนี่ก็ไม่รู้ว่าจะยังไง ออกจากสนามบินเอย หาไฟลท์ใหม่ หาโรงแรม เราคิดว่าต้องลำบาก เอาชัวร์ๆ เรียกเพื่อนกลับมารับแล้วไปนอนบ้านเพื่อนดีกว่า
ดังนั้นนนนน ถ้าซื้อตั๋วที่ต้อง transit ในประเทศ แล้วแยกสายการบินกัน ต้องมาโหลดกระเป๋าใหม่ อย่าทำกันนะฮะ 555
----------------------------------------------
ว่าด้วย Travel Insurance
เราเป็นคนนึงที่ถือว่าเที่ยวพอสมควร ปีนึงก็ 3-4 ทริปได้ ทุกครั้งต้องซื้อ Travel Insurance ด้วยความที่ไม่อยากให้แม่ลำบาก 555+
เหมือนครั้งนี้ เราก็ซื้อ
แต่แบบ เอาจริงๆนะ มีกี่เปอร์เซ็นต์ของคนที่เดินทางเที่ยวต่างประเทศ เข้าใจการคุ้มครองของ Travel Insurance บ้าง (หรือมีแค่เรา ?? 555+)
อย่างเราก็เดินทางพอสมควร ซื้อทุกรอบ แต่ไม่รู้หรอก เอาแค่ว่าถ้าตาย หรือกระเป๋าหาย/มาช้า หรือป่วยก็ได้สิทธิ์คุ้มครอง
จนรอบนี้ (ไม่รู้เอ่ยชื่อบริษัทที่เราซื้อประกันได้มั้ย แต่ไม่บอกดีกว่า ถึงแม้ว่าเราไม่ได้โทษเค้าก็ตาม) ในกรมธรรม์ที่ส่งให้ทาง email คือในใบกรมธรรม์ เท่าที่เราเข้าใจถูก ตรงด้านล่างมันไม่ได้ลงรายละเอียดในแต่ละหัวข้อนะ โดยถ้าพูดในส่วนของการตกเครื่อง เราเห็นสิทธิ์คุ้มครองเมื่อพลาดต่อเที่ยวบินคือ 40,000 บาท (จ่ายตามจริง)
จนกลับมาถึงไทย เราโทรไปที่ Call center เพื่อเคลม เค้าถึงแจ้งเราว่า “ถ้าพลาดต่อเที่ยวบิน (โดยมีเอกสารออกจากทางสายการบิน) และทางสายการบินไม่ได้ชดเชยใดๆให้ ทางบริษัทประกันจะคุ้มครอง โดยการคุ้มครองจะจ่ายในส่วนของโรงแรม ในกรณีที่ไฟลท์ต่อไปต้องรอนาน และค่าอาหาร โดยใช้ใบเสร็จตัวจริง”
...จริงๆตอนที่เรารู้ว่า Delay เราได้โทรไปหา Call center ตั้งแต่อยู่ที่หน้าเกทที่สนามบินแล้วว่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เราต้องทำยังไง เค้าก็บอกว่าให้ขอเอกสาร และหาไฟลท์ที่ถัดไปที่ถูกที่สุด และสำรองจ่ายไปก่อน แต่เบอร์ที่โทรไปตอนอยู่สนามบิน เป็นเบอร์ที่ทางบริษัทประกันส่ง sms มาให้หลังจากซื้อประกัน ว่าในระหว่างการเดินทางหากต้องการความช่วยเหลือ ให้โทรที่เบอร์นี้ ซึ่งเป็นคนละเบอร์กับเบอร์สำหรับโทรไปเคลม
เท่ากับว่าเคสนี้ เราไม่ได้ชดเชยอะไร ตั๋วใหม่เราจ่ายเอง ค่าโรงแรมไม่ได้จ่าย เพราะนอนบ้านเพื่อน ใบเสร็จค่าข้าวไม่มี เพราะเพื่อนเลี้ยงและจ่ายเงินผ่าน App มีแค่ใบเสร็จซิงเกอร์เบอร์เกอร์ที่สนามบิน ราคา 19.5 หยวน
สรุปคืออออ ....พวกสิทธิ์พวกนี้ ศึกษากันไว้ดีดีนะ เกิดขึ้นกับเราจริงๆจะได้รู้ว่า แต่ละสิทธิ์คุ้มครองได้แค่ไหนยังไง ถ้าใครสงสัยพวกนี้ เราว่าโทรไปถามรายละเอียกที่ Call center จากบริษัทที่เราจะซื้อประกันก่อน เค้าน่าจะยินดีให้คำตอบนะ
วันนี้ฝากเอาไว้แค่นี้สำหรับประสบการณ์ตกเครื่องครั้งแรก
บายยยย
----------------------------------------------
แต่ก่อนไป ฝากติดตามเพจท่องเที่ยวที่มีคนติดตามอันดับท้ายๆของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ที่
https://www.facebook.com/journeyofpp ด้วยน้าาา
สำหรับ ig ฝาก Follow @journey.of.pp ด้วยนะครับ
----------------------------------------------
สุดท้ายนี้เพื่อไม่ให้เสียเปล่ากับคนที่เข้ามาอ่านกัน
เอารูปจากทริปจีนนี้มาฝากให้ดูกันหน่อย ซึ่งมีแต่รูปของกิน 555
เพราะอย่างที่บอก ไม่ได้เที่ยวไหนเลย กินอย่างเดียว
หรือกลับไปย้อนดูรีวิวเก่าๆได้นะ
แต่ก่อนจะไปที่รูปของกิน อันนี้เป็นตู้ locker หน้า Supermarket
เทคโนโลยีเดียวกับ iPhone X นาจาาา แสกนหน้าจ้า กุญแจไม่ต้อง เงินไม่ต้อง
ส่วนอันนี้ มื้อแรก มื้อใหญ่
ทีแรกก็จะนึกว่ามีแค่มื้อแรกที่ใหญ่ สรุป ใหญ่เกือบทุกมื้อ อร่อยมากกกกก
รูปสุดท้าย ถ่ายที่สนามบินนานจิง สรุปว่าเรานั่งรถไฟความเร็วสูงจากเหอเฟยมาขึ้นเครื่องที่นานจิงแทน
ก่อนกลับออกมารับอากาศหนาวก่อนกลับเมืองไทยหน่อย
2 องศา ก่อนกลับ
วันนี้ขอจบรีวิวเท่านี้นะ
วันหน้าเจอกันใหม่ครับ