มาราธอนแรก ซ้อมตามแผน วิ่งตามแผน จบสวยๆ

มาราธอนแรก 42.195 กิโลเมตร


มารับบิบ งานเมืองไทยเชียงใหม่มาราธอน

คนเยอะมากมาย บ้านช่องไม่มีอยู่กันหรือไง มาวิ่งทำไมกันเยอะแยะ

ก่อนหน้านี้ไม่ชอบวิ่งเลย ดูแล้วไม่น่าจะสนุก วิ่งในสวนก็วนไปวนมา วิ่งข้างนอกตามถนน หมาก็ไล่

แต่แล้ว ก็เริ่มมาจาก การพาคุณแม่ไปเดินออกกำลังที่สวน เราก็วิ่งรอ วิ่งๆ เดินๆ แรกๆได้ 3 รอบ
นี่คือ วิ่ง 1 เดิน 1 วิ่งอีก 1 ไม่ได้วิ่งตลอดนะ รอบละ 750 เมตร ก็ 2 กิโลเมตร มีเจ็บเข่าเล็กๆ ไม่น่าคิดไปเอง ไปอยู่ราวๆ 2 เดือน ก็วิ่งๆเดินๆแบบนี้แหละวนไป

หลังจากนั้น เพื่อนชวนงานวิ่ง มินิ-มาราธอน ใจคิดว่าจะไหวรึเปล่า ตั้ง 10 กิโลเมตร ด้วยความที่อยากเจอเพื่อนๆ เพราะเพื่อนๆไปกันเยอะ ไปก็ไปวะ เริ่มซ้อมวิ่งต่อเนื่อง แต่ก็ได้ไม่เยอะ สรุปก่อนลงสนาม ซ้อมไปได้ 4 กิโลเมตร คิดว่าไม่น่าจะเท่าไหร่ ได้แค่ไหนก็แค่นั้น เดี๋ยวค่อยไปประคองเอา ก็วิ่งได้แค่ 4 กิโลเมตร ตามซ้อมจริงๆ ที่เหลือ 6 กิโลเมตร ก็วิ่งๆเดินๆ จนจบ 10 กิโลเมตร กลับบ้านมาทะเลาะกะบันได ตะเตือนไต

แล้วอะไรคือวิ่งมาราธอน

วิ่งมาราธอน คือ โคตรไกล วิ่งได้ไงวะ ทำไม่ได้หรอก เข่าไม่ดี น้ำหนักก็เยอะ

แต่......จุดเริ่มต้นของมาราธอน ก็เริ่มมาจากมินิมาราธอน 10 กิโลเมตร ครั้งแรกนี่เอง

อวดเก่ง ง่อยแดรก เข่าเสีย 2 ข้าง นอนเป็นผักเบยยย ฯลฯ

ผมจะวิ่งมาราธอนให้ได้ซักครั้ง

นี่คือสิ่งที่ผมคิดในตอนนั้น ถึงเวลาต้องวางแผนแล้ว สุขภาพจะได้ดีขึ้น

แต่ผมก็ใช้เวลากับมาราธอนแรกนานมาก รวมๆแล้ว 4 ปี โอ้โห!!! ซ้อมเพื่อมาราธอนตั้ง 4 ปี เจ๋งว่ะ เวลาคงจะสุดยอด แต่.........ผิดแล้วครับ!!!

จังหวะก็พอดิบพอดีเปลี่ยนสายงาน เลยไม่ค่อยสะดวก ได้แต่อาศัยหาเวลาว่าง ถ้าไม่เหนื่อยเกินไป จริงๆก็แทบไม่ได้วิ่งเลย เพราะออกทำงานเป็นทีม ทำงานเสร็จก็มืดทุกวัน จะต้องแวะทานข้าวก่อนเข้าที่พัก พอเข้าที่พักก็อิ่มมาแล้ว ใครจะวิ่งละ นอนสิครับ

และ 3 ปีแรกนี่เรียกได้ว่าแทบจะไม่ได้ซ้อมเลย เป็นที่มาว่าต้องใช้เวลา 4 ปี (แหะๆ) พอเข้าปีที่ 4 เอาวะ ต้องปีนี้แล้วแหละ ถึงเวลาวางแผนจริงจังได้แล้วสินะ เราจะวิ่งยังไงให้ ไม่ทรมานตัวเอง ไม่ฝืนร่างกาย เริ่มอ่านข้อมูลของผู้ที่ผ่านมาแล้ว ถ้าจะวิ่งมาราธอน อาศัยการทำการบ้าน ต้องมีวินัย การซ้อมสำคัญมาก เริ่มซุ่มซ้อมเยอะตั้งแต่ต้นปี

และแล้ว...........มันเริ่มตั้งแต่ 15 วินาที ตอนตื่นในทุกๆวัน ว่าจะลุก หรือ จะนอนต่อ ช่วงเวลานี้จะมีข้อแม้เยอะแยะ

15 วินาที แค่ตัดสินใจลุกจากที่นอน เพื่อเดินไปฉี่ แล้วก็นอนต่อ เอ้ยยย!!!!!ไม่ใช่

ลุกจากที่นอน แล้วไปซ้อมวิ่งนะครับ
ที่เค้าพูดกันว่าชีวิตเปลี่ยนแน่นอน คือเปลี่ยนจริงๆ เปลี่ยนจากชีวิตเดิมๆ โดยโจทย์คือ ผมจะวิ่งยังไงก็ได้ แต่ต้องให้จบก่อน 7 โมงเช้า จึงเริ่มตั้งแต่ ตื่นตี 5 ครึ่ง และตื่นเร็วขึ้นเรื่อยๆ สุดท้าย ตื่นตี 2 วิ่งช้าๆ ใช้เวลาให้นานๆ เพื่อฝึกความอดทน ความทนทาน ออกทุกวัน ว่างเช้าออกเช้า ว่างเย็นออกเย็น ว่างเช้าเย็น ก็ออกทั้งเช้าทั้งเย็นเลย ระยะค่อยๆดีขึ้น เข่าค่อยๆดีขึ้น วิ่งเอาระยะอย่างเดียว ไม่ดูเวลา ไม่เอารอบขา และเพิ่มระยะขึ้นเดือนละ 2-5 กิโลเมตร ด้วยความที่คิดว่าตัวเองเข่าไม่ดี เลยวิ่งเซฟๆ ฟรุ้งฟริ้งกระดิ่งแมว ไปเรื่อยๆ ตั้งใจไว้ว่าจะไม่ลงรายการ ซ้อมไปเรื่อยๆแบบนี้แหละ แต่เพื่อนๆชวนก็อดไม่ได้ ไปซะหน่อย

หลังจากนั้นเริ่มก็มีเก็บ มินิ-มาราธอน ได้โดยไม่ต้องเดินเลย และแล้วต่อมา เพื่อนๆก็เริ่มห่างหาย เพื่อนเริ่มไม่ไป มินิ กันแล้ว เอาไงดีฟะ ก็ซ้อมต่อ ยังทำไรไม่ได้ ไม่กล้ามีปากเสียง เรายังอ่อนด้อย อาศัย เช้าเย็น เช้าเช้าเย็นเย็น ว่างตอนไหนก็ออกตอนนั้นเลย

มีเสียงเพื่อนเรียกร้อง ป่ะ เดี๋ยวมี ฮาร์ฟ-มาราธอน ไปไหม เอ้า ก็จัดดิ กลัวอะไร ซ้อมไม่ถึงหรอก แต่ก็อยากไปนะ ก่อนไปฮาร์ฟ 2 อาทิตย์ที่เพื่อนชวน ซัดไปเต็มที่ก็ 18 กิโล เหลืออีก 3 กิโล กะไปวัดเอา แหม่..เพื่อนไปซะเร็ว เร็วกว่าเราซ้อมอี๊ก เราก็ดันไปตามสเต็ปเพื่อน หมดสิครับ(นี่วิ่งกันเพื่อรอเราแล้วนะ) ซึ่งมันไม่ใช่ที่ตัวเองเคยวิ่ง ตามเพื่อนไปได้ 18 โล อีก 3 โล บอกเพื่อน ล่วงหน้าไปก่อนเลย แล้วก็จ๊อกอย่างเดียวเข้าเส้น รอดมาได้อีกงาน งานนี้สอนให้รู้ว่าซ้อมยังไง ให้วิ่งอย่างนั้น

เอาล่ะซิ ผ่านมินิ กับ ฮาร์ฟ แล้ว ต่อไปก็ มาราธอน รออะไร จัดซิครับ เล่นตามตาราง ซ้อมต่อ วิ่งยาวอาทิตย์ละครั้ง มีหนักบ้าง เบาบ้าง บวกลบ ตามสถานการณ์ ท่องไว้ ช้าๆ อึดๆ ตั้งใจจะเล่นโซน 2 แต่ไม่ทันแล้ว ไม่ได้ซ้อมมาแบบนี้เลย ขอเอาเฉพาะกิจไปก่อนละกัน สองสัปดาห์ก่อนมาราธอน ก็ซ้อมเบาๆ

ผลประกอบการโดยประมาณ ก่อนลง มาราธอน รวมๆแล้วน่าจะซ้อมมาเกิน 80 ครั้ง และก่อนลงสนาม 2 สัปดาห์ ได้ระยะซ้อมสุดท้ายที่ 32 กิโลเมตร

ตั้งใจมาที่นี่เลย เมืองไทยเชียงใหม่มาราธอน

คิดว่าปลายปี อากาศเย็นสบาย น่าจะเป็นข้อดีสำหรับเรา คือวิ่งได้ทนขึ้น ข้อเสีย ซ้อมที่ราบระดับน้ำทะเล วิ่งที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลหลายร้อยเมตร น่าจะมีผลกับการหายใจ

แผนการวิ่งพรุ่งนี้

- อย่างแรกเลยต้องนอนให้พอ
- ตื่นทำกิจกรรมยามเช้าให้เรียบร้อย จะได้ไม่ต้องแวะข้างทาง
- วอร์มให้ถึง ยืดเยอะๆ นานๆ
- วิ่งเหมือนซ้อม ไปช้าๆก่อน เก็บแรงไว้ตอนปลาย
- วิ่ง 2 ใน 3 ใช้แรงแค่ครึ่งเดียว
- เพื่อนที่คอยแนะนำ และให้ความช่วยเหลือในหลายๆเรื่อง วิ่งจบมาราธอนที่สถิติ 2 ชั่วโมง 59 นาที เราจะต้องวิ่งไม่ให้เวลาต่ำกว่า เดี๋ยวเพื่อนจะว่าเราได้

คนเดียวที่เราต้องเอาชนะให้ได้ คือ ตัวเราเอง

ได้ Guest House แค่ 300 เมตร
ตื่นเต้นไปนิด หลับได้ไม่เต็มที่เท่าไหร่

ถึงหน้างานตี 3 ครึ่ง น้ำมันมวยไม่มีให้เลย ดีนะซื้อติดมาด้วย นวดเข้าไป อบอุ่นร่างกาย จ๊อกเบาๆ ยืดกล้ามเนื้อตามที่ศึกษามา เยอะๆ นานๆ

ปู้นๆๆ.......4:00 น. ออกตัวแล้ว

กิโลเมตรที่ 1-10

ยังยืนซอยเท้า ขยับไป ขยับมา ต้องวิ่งให้ได้อย่างแผนที่วางไว้
ออกตัวแบบระมัดระวัง วิ่งไม่ให้เหยียบเท้าใคร ไม่ให้ใครมาเหยียบก็พอละ ท่องไว้ในใจ เราจะต้องไม่วิ่งนำใคร วิ่งให้เหมือนซ้อม นิ้งหน่อง นิ้งหน่อง ไม่มีอวดเก่ง มองใกล้ๆ มองไกลก็ไม่เห็นอะไร ยังมืดอยู่ ให้ผ่านไปทีละ 2 กิโลเมตร ไปเรื่อยๆ แวะจิบน้ำทุกจุด เฮ้ย!!! ทำไมโดนแซงเยอะจังวะ ด๊อกแด๊ก ด๊อกแด๊ก กิโลเมตรที่ 7 กินเจลไปซองนึง และก็ไปต่อ ไปจนจบกิโลเมตรที่ 10 ไม่เหนื่อยเลยแห๊ะ น่าจะเป็นเพราะอากาศที่เย็น

กิโลเมตรที่ 11-20

กว่าจะมาถึงระยะนี้ถูกแซงไปเป็นร้อยคน พูดลอยๆ สู้ๆนะครับ แวะจิบน้ำทุกจุด มองไกลๆ หายใจลึกๆบ้าง กระดึ๊บ กระดึ๊บ!!! ก่อนเข้ากิโลเมตรที่ 14 กินเจลไปอีกซอง และก็ผ่าน 20 กิโลเมตรซะที จะครึ่งทางแล้วสินะ ยังแซงใครไม่ได้เลย สงสัยซ้อมกันมาดี ไอ้เราตอนนี้ก็มีอาการข้อเท้าขัดอยู่นิดๆ แต่ไม่ได้เป็นไรมาก ไปเรื่อยๆๆๆๆ เริ่มจะสว่างแล้วว อากาศสดชื่นมากมาย ออกจะเย็นไปซะด้วยซ้ำ หายใจเป็นไอเลย

กิโลเมตรที่ 21-30

มีอาการแปลกๆ สงสัยนอนน้อยไป วางแผนผ่อนหนักเบาในทันที เดี๋ยวจะเดี้ยงซะก่อน อยากแวะ 7 ซะเหลือเกิน แต่ถ้าแวะนี่มีจุกแน่นอน ตัดใจ ไปต่อ ไปต่อ กินเจลไปซองนึง ร่างกายพอไปได้อยู่ นิ้งหน่อง นิ้งหน่อง ไปเรื่อยๆ พอจบ 30 กิโลเมตรแล้ว รู้สึกว่าจะใช้กำลังไปน่าจะเกิน 70% ละ ผิดแผนไปนิดนึง น่อง เข่า ต้นขา มีอาการนิดหน่อย เคยเหมือนกล้ามเนื้อต้นขาจะกระตุก ไม่เสี่ยง ต้องคุมตัวเองให้อยู่ ท่องไว้ ฟูจิ ฟูจิ ฟูจิ เลิกวิ่งแล้วต้องกินให้ได้ หิวๆๆ แต่ตอนนี้ ถ้าได้แป๊บซี่เย็นๆ ซักขวดก็ดีไม่น้อยนะ กินเจลไปอีกซองนึงที่กิโลเมตรที่ 28

กิโลเมตรที่ 31-35

เข้ากิโลเมตรที่ 31 เริ่มเปลี่ยนแผนจากมองใกล้ๆ เป็นมองไกลๆ 1 2 1 2 1 2 หายใจเข้าจมูก 2 ที หายใจออกปาก 2 ที รักษาความสโลว์ไลฟ์ นึกถึง มินิแรกที่เคยวิ่ง ท่องไว้ อวดเก่ง ง่อย- อวดเก่ง ง่อย- แรงฮึดมาอีกเพียบ ไปเรื่อยๆ แค่คิดซะว่าวิ่งเหมือนซ้อมยาวที่ผ่านมา เพิ่มระยะอีกนิด อีกนิด แล้วก็จบ กิโลเมตรที่ 35 ไปด้วยดี ถึงจะมีอาการมากวนใจบ้าง แต่ก็ยังไปไหว

กิโลเมตรที่ 35-40

กินเจลไปซองสุดท้าย พกมา 5 หมดซะที ไม่รู้สึกเหนื่อยเลย แต่เมื่อยๆ ล้าๆ แต่อย่าให้ผ่านกล้อง ต้องยิ้มแย้มแถมต้องรีบแขม่วพุงอีกด้วย ตะคริวจะขึ้นท้องไหม 555 ช่วงนี้ช่วงชิวละ วิ่งช้าๆหากล้องอย่างเดียว แต่งานนี้กล้องน้อยมากมาย วิ่งต่อไปแหม่...ไปๆมาๆ เราก็แซงกลับมาได้เยอะเหมือนกัน แวะจิบน้ำอีก 2 จุดสบายๆ เย่ๆๆๆ จบ 40 กิโลเมตรแล้ว

กิโลเมตรที่ 41-42.195

จิตใจด้านมืด กับสว่าง กำลังสู้กัน

- กำลังยังมี จะอัดซะหน่อยดีไหม เอาเวลาอีกซักนิดอีกแค่ 2.195 กิโลเมตรเอง น่านนนน...อวดเก่งอีก เดี๋ยวก็ง่อย-อีกหรอก
- อย่าเลย สงสารขาตัวเองเถอะ ไปแบบนี้อ่ะ ดีแล้ว
ทันใดนั้น ปิ้งงงง...กรูจ๊อกเข้าเส้นดีกว่า คูลดาวน์ไปในตัว ท่องไว้ ง่อยแดรก อวดเก่ง เข่าเสีย

42.195 กิโลเมตร ถึงแล้ว!! เส้นชัย...............ผมวิ่งจบมาราธอนแล้วครับ

เข้าเส้นชัยตามแผน

- ไม่มีอวดเก่ง ไม่มีง่อย- เข่าไม่เสีย
- วิ่งเหมือนซ้อม แค่เพิ่มระยะ
- ใช้เวลาวิ่งเกิน 2 ชั่วโมง 59 นาที (เกินเวลาสถิติของเพื่อนได้ เพื่อนไม่เคือง)

บทสรุป สำหรับตัวผมเอง เพราะขีดจำกัดร่างกายผมแค่นี้

- 1 ปี ถ้ามีวินัยเพียงพอ มันจะพอเพียงสำหรับ มาราธอน
ที่ผ่านมาซ้อมมากกว่า 80 ครั้ง
- แบ่งกำลังให้ดี วิ่ง 2 ใน 3 ของระยะทาง ใช้กำลังครึ่งเดียว
- เสื้อผ้า รองเท้า อุปกรณ์ต่างๆ ใช้ของที่เคยใช้ซ้อม ไม่ใช้ของใหม่
- วิ่งแบบมีแผน วิ่งให้สนุก และวิ่งให้มีความสุข มีสมาธิเวลาวิ่ง

ก็เพื่อนทำได้ และผมเริ่มซ้อมอย่างมีวินัย ผมก็ทำได้
แล้วถ้าผมทำได้ ผมเชื่อว่าคุณก็ทำได้ ขอเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆที่คิดจะวิ่งมาราธอนแรกนะครับ เพราะ.............................

"มาราธอนแรก มันมีครั้งเดียว"
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่