เรามาอยุ่ต่างประเทศกับที่บ้านของสามี (กรุณาอย่าถามว่าประเทศไหน รู้แต่ในเอเชียพอนะจ๊ะ) ตกกระไดพลอยโจน ทำให้ได้แต่งงานกัน สามีรักเรานะ เวลาทะเลาะกันเราไม่เคยต้องง้อก่อนเลย สองคนต้องปากกัดตีนถีบ ด้วยความที่สามีไม่รวยมาก มีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ส่วนเราน่ะเหรอ เรียกได้ว่าชีวิตช้ำชอก 10 กว่าปีที่จากบ้านนามาอยู่ กทม. มีแฟนคบกัน 10 ปี เขาก็ไม่เคยบอกว่าคบกับเรา ทำงานออฟฟิศเดือนชนเดือน เก็บเงินไม่เคยอยู่ แถมยังมีหนี้สินกองพะเนิน ทั้งหนี้บัตร หนี้ กยศ. แล้วยังหนี้ที่หยิบยืมคนรู้จักอีก
หลังแต่งงาน เราขายของโดยฝากเพื่อนหิ้วของกลับไปส่งที่ไทย บางทีก็มีรายได้เล็กๆน้อยๆจากการนวดให้ลุงๆป้าๆแถวบ้าน แต่สามีเรายึดเอทีเอ็มหมดทุกใบ รวมทั้งเงินรายได้เล็กน้อยนั่นด้วย โดยที่ไม่บอกไม่กล่าว ยึดไปดื้อๆ เข้าใจกันโดยพฤตินัยว่า เขาจะดูแลเงินร้านและค่าใช้จ่ายทั้งหมดคนเดียว (มีการทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายนะ สามีจดเอาไว้ทุกวัน แต่ไม่ยอมบอกเวลาเราถามว่า ตอนนี้ยอดคงเหลือ อยุ่ที่เท่าไร มีแต่บอกให้รีบขายๆ ไม่ต้องมาถาม เราไม่พอใจมากๆ เพราะสามีชอบเอาเงินร้านไปหมุนก่อน โดยเฉพาะกับสินค้าที่ซื้อกับร้านค้าที่รู้จักกันดี พอใกล้กำหนดส่งของลูกค้าค่อยเอาเงินไปจ่าย)
แรกๆเราอดทน ถือว่าเป็นช่วงสร้างเนื้อสร้างตัว ปกติเราอยุ่ไทยเพื่อนๆล้อว่าเรานี่ช่างขี้เหนียว แต่ขอโทษนะ เทียบไม่ติดกับสามี ชนิดไม่เห็นฝุ่น อาหารประจำคือมาม่า กับข้าวผัดเศษผัก สามีบอกคนเรากินเพื่ออยู่ ไม่ได้อยุ่เพื่อกิน เราเลยรู้สึกผิดถ้าจะต้องทำอาหารไทย แล้วใช้ผักและเครื่องปรุงมากมาย (เราเรื่องมากกับการกิน น้ำปลา ซีอิ้วขาว ซีอิ๊วดำ น้ำตาลทราย น้ำตาลปี๊บ ใช้แทนกันไม่ได้ วันไหนกินมาม่าแล้วตอนกลางวัน ตอนเย็นเราอยากกินข้าว ก็ถูกญาติสามีมองว่าเรื่องมาก ) แต่ระยะหลังๆขายของไม่ได้ ลูกค้าประจำห่างหาย มีแต่ยอดไลค์ ไม่มียอดขาย งานเลยเข้า เราเครียดนะ ขนาดว่าช่วงยอดขายดีๆ เราจะขอซื้ออะไรยังต้องคิดแล้วคิดอีก แล้วนี่ธุรกิจมันขาลงวูบขนาดนี้ เราจะทำยังไงต่อไป การที่สามีเก็บเงินไว้ทั้งหมด หนี้สินทางไทยเราไม่ได้ตัดยอดเลยมาจะ 3-4 ปีแล้ว ทุกวันนี้แม่จ่ายหนี้ กยศ.ตามคำสั่งศาลให้ เราทุกเดือน
หนี้ส่วนบุคคลไม่ต้องพูดถึง ไม่มีจะให้ เพื่อนบางคนก็เอาเราไปประจานกับบรรดาลูกค้า แต่บางคนก็ดีใจหาย ขนาดค้างมาเป็นปีๆ ก็ไม่ทวง สามีอ้างว่า อันนั้นมันหนี้สินก่อนสมรส อ้าว ก็คุณพี่เล่นยึดบัตรหมดทุกใบ เราจะเอาเงินที่ไหนมาจัดการหนี้ เราเครียดมาก เก็บเรื่องนี้มาคิดตลอดเวลา เวลาทะเลาะกัน เราขึ้นเสียง ก็จะถูกสามีตอกย้ำว่า ทำไมเราถึงได้กล้าเถียง ถ้าเป็นคนอื่น ชีวิตล้มเหลวมาขนาดนี้ มีคนมายื่นมือเข้ามาช่วย ยอมแต่งงานให้เกียรติเราออกหน้าออกตา (ต่างกับแฟนเก่าที่คบมา 10 ปี ที่ไม่เคยบอกใครว่าคบกับเรา) แบบนี้ทำไมเราถึงกล้าเถียงกับเขาอีก
เราสับสนมาก แล้วก็เครียดด้วย เมื่อก่อนเราใสๆ อารมณ์ดี ไม่คิดร้ายกับใคร ตอนนี้เปลี่ยนเป็นคนละคน กลายเป็นคนอารมณ์ขึ้นๆลงๆ ขี้หงุดหงิดโมโหง่าย เราเริ่มไม่พูดกับแม่และน้องสาวของสามีเพราะแม่สามีรักลูกชายมาก และจะไม่ชอบให้เราขึ้นเสียงกับลูกชาย บรรยากาศในบ้าน เรียกได้ว่า มาคุ มากๆ ส่วนนึงเราเดาว่า สามีเราไปพูดว่าเรามาจากครอบครัวยากจน เวลาไปกินข้าวนอกบ้านหรือออกไปเที่ยว เราไม่เคยควักเงิน (ก็จะเอามาจากไหได้ล่ะคะ ทุกบาททุกสตางค์อยุ่กับสามีเกลี้ยง) แม่สามีอาจคิดไปว่าเรามาเกาะลูกชาย และยังจะปีกกล้าขาแข็ง เถียงเขาฉอดๆๆ รึเปล่า
บางทีเราก็ไม่เข้าใจว่าทำไมสามีมาเลือกเรา เราผู้หญิงธรรมดาๆ หน้าตาธรรมดา ฐานะธรรมดา ไม่เก่ง ไม่รวย ไม่ได้ฉลาดปราดเปรียว ไม่มีอำนาจ ไม่มีอิทธิพล ปัจจุบันไม่มีแม้แต่กำลังใจจะประคับประคองชีวิตคู่ เราคิดอยุ่เสมอว่า ถ้าสามีแต่งงานใหม่กับคนที่ฐานะดี สวย รวย เก่ง ฉลาด และเติบโตมาจากสังคมที่ใกล้เคียงกัน ชีวิตคู่คงไม่น่าจะมีปัญหาเหมือนอยู่กับเรา เราน่ะนอกจากไม่เก่ง และยากจนแล้ว โชคยังไม่ค่อยเข้าข้างอีก อยู่กับเราก็รังแต่จะลำบากกันทั้งคู่ เราคิดจะหนีกลับไทยหลายครั้ง แต่ก็ได้แต่คิด เพราะไม่มีเงินติดตัวเลยสักบาท ต่อให้ขอความช่วยเหลือจากสถานทูต แต่หลังจากนั้นจะเอาเงินจากไหนกลับมาคืน เรื่องจะเริ่มลงทุนทำอะไรยิ่งแล้วใหญ่ ครั้นจะกลับไปเป็นลูกจ้างกินเงินเดือนก็หมดไฟแล้ว เราไม่ชอบงานออฟฟิศเอาเสียเลย (เห็นคนอื่นเขาแฮปปี้เราดีใจด้วยนะ แต่ตัวเราเอง เราทำแล้วฝืนตัวเองมากๆ)
สามีเราเวลาดีก็ดีใจหาย แต่ข้อเสียคือขี้โมโห แล้วยังชอบกดว่า เราล้มเหลวมาขนาดนี้ ยังมีหน้ามาเถียงอีก เราดื้อมาก เราไม่ฟังเล บางทีเดินหนีทั้งที่เขาพูดยังไม่จบ ยิ่งคิดยิ่งเครียด ปล่อยไปแบบนี้ เราจะบ้าเข้าสักวัน มีใครเคยเจอปัญหาแบบเราบ้าง แล้วแก้ไขยังไงบ้างคะ
อึดอัดมากสามียึดเอทีเอ็มหมดทุกใบ อยากได้อะไรให้ขอ แล้วรออนุมัติ
หลังแต่งงาน เราขายของโดยฝากเพื่อนหิ้วของกลับไปส่งที่ไทย บางทีก็มีรายได้เล็กๆน้อยๆจากการนวดให้ลุงๆป้าๆแถวบ้าน แต่สามีเรายึดเอทีเอ็มหมดทุกใบ รวมทั้งเงินรายได้เล็กน้อยนั่นด้วย โดยที่ไม่บอกไม่กล่าว ยึดไปดื้อๆ เข้าใจกันโดยพฤตินัยว่า เขาจะดูแลเงินร้านและค่าใช้จ่ายทั้งหมดคนเดียว (มีการทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายนะ สามีจดเอาไว้ทุกวัน แต่ไม่ยอมบอกเวลาเราถามว่า ตอนนี้ยอดคงเหลือ อยุ่ที่เท่าไร มีแต่บอกให้รีบขายๆ ไม่ต้องมาถาม เราไม่พอใจมากๆ เพราะสามีชอบเอาเงินร้านไปหมุนก่อน โดยเฉพาะกับสินค้าที่ซื้อกับร้านค้าที่รู้จักกันดี พอใกล้กำหนดส่งของลูกค้าค่อยเอาเงินไปจ่าย)
แรกๆเราอดทน ถือว่าเป็นช่วงสร้างเนื้อสร้างตัว ปกติเราอยุ่ไทยเพื่อนๆล้อว่าเรานี่ช่างขี้เหนียว แต่ขอโทษนะ เทียบไม่ติดกับสามี ชนิดไม่เห็นฝุ่น อาหารประจำคือมาม่า กับข้าวผัดเศษผัก สามีบอกคนเรากินเพื่ออยู่ ไม่ได้อยุ่เพื่อกิน เราเลยรู้สึกผิดถ้าจะต้องทำอาหารไทย แล้วใช้ผักและเครื่องปรุงมากมาย (เราเรื่องมากกับการกิน น้ำปลา ซีอิ้วขาว ซีอิ๊วดำ น้ำตาลทราย น้ำตาลปี๊บ ใช้แทนกันไม่ได้ วันไหนกินมาม่าแล้วตอนกลางวัน ตอนเย็นเราอยากกินข้าว ก็ถูกญาติสามีมองว่าเรื่องมาก ) แต่ระยะหลังๆขายของไม่ได้ ลูกค้าประจำห่างหาย มีแต่ยอดไลค์ ไม่มียอดขาย งานเลยเข้า เราเครียดนะ ขนาดว่าช่วงยอดขายดีๆ เราจะขอซื้ออะไรยังต้องคิดแล้วคิดอีก แล้วนี่ธุรกิจมันขาลงวูบขนาดนี้ เราจะทำยังไงต่อไป การที่สามีเก็บเงินไว้ทั้งหมด หนี้สินทางไทยเราไม่ได้ตัดยอดเลยมาจะ 3-4 ปีแล้ว ทุกวันนี้แม่จ่ายหนี้ กยศ.ตามคำสั่งศาลให้ เราทุกเดือน
หนี้ส่วนบุคคลไม่ต้องพูดถึง ไม่มีจะให้ เพื่อนบางคนก็เอาเราไปประจานกับบรรดาลูกค้า แต่บางคนก็ดีใจหาย ขนาดค้างมาเป็นปีๆ ก็ไม่ทวง สามีอ้างว่า อันนั้นมันหนี้สินก่อนสมรส อ้าว ก็คุณพี่เล่นยึดบัตรหมดทุกใบ เราจะเอาเงินที่ไหนมาจัดการหนี้ เราเครียดมาก เก็บเรื่องนี้มาคิดตลอดเวลา เวลาทะเลาะกัน เราขึ้นเสียง ก็จะถูกสามีตอกย้ำว่า ทำไมเราถึงได้กล้าเถียง ถ้าเป็นคนอื่น ชีวิตล้มเหลวมาขนาดนี้ มีคนมายื่นมือเข้ามาช่วย ยอมแต่งงานให้เกียรติเราออกหน้าออกตา (ต่างกับแฟนเก่าที่คบมา 10 ปี ที่ไม่เคยบอกใครว่าคบกับเรา) แบบนี้ทำไมเราถึงกล้าเถียงกับเขาอีก
เราสับสนมาก แล้วก็เครียดด้วย เมื่อก่อนเราใสๆ อารมณ์ดี ไม่คิดร้ายกับใคร ตอนนี้เปลี่ยนเป็นคนละคน กลายเป็นคนอารมณ์ขึ้นๆลงๆ ขี้หงุดหงิดโมโหง่าย เราเริ่มไม่พูดกับแม่และน้องสาวของสามีเพราะแม่สามีรักลูกชายมาก และจะไม่ชอบให้เราขึ้นเสียงกับลูกชาย บรรยากาศในบ้าน เรียกได้ว่า มาคุ มากๆ ส่วนนึงเราเดาว่า สามีเราไปพูดว่าเรามาจากครอบครัวยากจน เวลาไปกินข้าวนอกบ้านหรือออกไปเที่ยว เราไม่เคยควักเงิน (ก็จะเอามาจากไหได้ล่ะคะ ทุกบาททุกสตางค์อยุ่กับสามีเกลี้ยง) แม่สามีอาจคิดไปว่าเรามาเกาะลูกชาย และยังจะปีกกล้าขาแข็ง เถียงเขาฉอดๆๆ รึเปล่า
บางทีเราก็ไม่เข้าใจว่าทำไมสามีมาเลือกเรา เราผู้หญิงธรรมดาๆ หน้าตาธรรมดา ฐานะธรรมดา ไม่เก่ง ไม่รวย ไม่ได้ฉลาดปราดเปรียว ไม่มีอำนาจ ไม่มีอิทธิพล ปัจจุบันไม่มีแม้แต่กำลังใจจะประคับประคองชีวิตคู่ เราคิดอยุ่เสมอว่า ถ้าสามีแต่งงานใหม่กับคนที่ฐานะดี สวย รวย เก่ง ฉลาด และเติบโตมาจากสังคมที่ใกล้เคียงกัน ชีวิตคู่คงไม่น่าจะมีปัญหาเหมือนอยู่กับเรา เราน่ะนอกจากไม่เก่ง และยากจนแล้ว โชคยังไม่ค่อยเข้าข้างอีก อยู่กับเราก็รังแต่จะลำบากกันทั้งคู่ เราคิดจะหนีกลับไทยหลายครั้ง แต่ก็ได้แต่คิด เพราะไม่มีเงินติดตัวเลยสักบาท ต่อให้ขอความช่วยเหลือจากสถานทูต แต่หลังจากนั้นจะเอาเงินจากไหนกลับมาคืน เรื่องจะเริ่มลงทุนทำอะไรยิ่งแล้วใหญ่ ครั้นจะกลับไปเป็นลูกจ้างกินเงินเดือนก็หมดไฟแล้ว เราไม่ชอบงานออฟฟิศเอาเสียเลย (เห็นคนอื่นเขาแฮปปี้เราดีใจด้วยนะ แต่ตัวเราเอง เราทำแล้วฝืนตัวเองมากๆ)
สามีเราเวลาดีก็ดีใจหาย แต่ข้อเสียคือขี้โมโห แล้วยังชอบกดว่า เราล้มเหลวมาขนาดนี้ ยังมีหน้ามาเถียงอีก เราดื้อมาก เราไม่ฟังเล บางทีเดินหนีทั้งที่เขาพูดยังไม่จบ ยิ่งคิดยิ่งเครียด ปล่อยไปแบบนี้ เราจะบ้าเข้าสักวัน มีใครเคยเจอปัญหาแบบเราบ้าง แล้วแก้ไขยังไงบ้างคะ