กระทู้นี้เน้นรีวิวเรื่องกินในตัวเมืองกระบี่นะคะ ถ้าสนใจข้อมูลเกี่ยวกับแพ็กเกจทัวร์และที่พัก
ตามไปอ่านกระทู้แรกได้ที่ลิงก์นี้ค่ะ
https://pantip.com/topic/37212573
เที่ยวกระบี่แบบคู่รักไร้สติ 6 วัน 5 คืน [Part 1 ทัวร์ชมพระอาทิตย์ตกและดำน้ำเกาะรอก]
โรตีบางนรา
เป็นร้านที่ได้รับความนิยมทั้งในหมู่คนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว เมนูเด็ดคือ ‘โรตีตบ’ แป้งเหนียวนุ่ม หลังจากทอดเสร็จก่อนเสิร์ฟเขาจะเอาไปตบแรงๆ ให้ฟูก่อน เมื่อเทียบกับเจ้าดังอย่าง โรตีหน้าโวค แป้งของบางนราจะออกแห้งๆ อมน้ำมันน้อยกว่า ใช้มือฉีกกินจิ้มแกงหรือนมข้น หรอยอย่างแรงค่ะ ชาชักก็อร่อย ปกติเราชอบกินชาอยู่แล้ว แต่ร้านในกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่จะหวานอย่างเดียวไม่ค่อยหอมกลิ่นชา พอมากินที่กระบี่ฟินมาก ชาดีทุกร้านที่ได้ชิมค่ะ

ร้านนี้อยู่ไม่ไกลจากลานปูดำ เปิดตั้งแต่ 06.00 - 14.00 น. เหมาะจะมากินเป็นมื้อเช้าหรือมื้อกลางวัน เพราะเขามีข้าวราดแกง ข้าวยำ และโรตีแกงด้วย อร่อยถูกปากทุกเมนูที่ชิมไปค่ะ
ราคาประมาณนี้ค่ะ ไม่แพงเลย
ชาชักเย็น 25 บาท
โรตีตบนมน้ำตาล 20 บาท
โรตีน้ำแกงเนื้อ - ไก่ 30 บาท
ข้าวยำ 35 บาท
ข้าวราดกับสองอย่าง 60-80 บาท
โรตีหน้าโวค
ถ้าอยากได้ของหวานกระแทกปากยามดึก ต้องนี่เลยค่ะ โรตีหน้าห้างโวค แถวๆ สี่แยกมนุษย์โบราณ เริ่มขายประมาณ 6 โมงเย็นเป็นต้นไป สามารถเลือกได้ว่าชอบแบบกรอบ แบบนิ่ม ใส่กล้วย ใส่ไข่ สำหรับร้านนี้เราชอบแบบกรอบค่ะ 30 บาท แบ่งกันกินสองคนกำลังพอดี ถ้าเป็นแบบนิ่มชอบของบางนรามากกว่า

เราไปกินมาสองรอบ รอบสองไปกินคืนสุดท้าย ทีแรกสั่งไข่ + กล้วย แต่รู้สึกข้องใจว่าแบบนิ่มเพียวๆ จะเป็นยังไงกันนะ เลยสั่งมาเพิ่มตอนเวลาประมาณเกือบ 4-5 ทุ่ม ซึ่งจริงๆ อิ่มแล้ว แต่ไม่อยากกลับกรุงเทพฯ ไปแบบค้างคาใจ สรุปคืนนั้นนอนปวดท้องเพราะกินเยอะเกิน 555 โดนแฟนสมน้ำหน้าไปตามระเบียบ
โตเกียวท่าเรือเจ้าฟ้า
แถมให้อีกหนึ่งร้าน สำหรับคนที่ชอบหาขนมกินดึกๆ ตรงตลาดโต้รุ่งท่าเรือเจ้าฟ้ามีแผงลอยเก่าแก่อยู่ร้านหนึ่ง ขายคู่กันค่ะ คุณป้าขายขนมเบื้อง คุณลุงขายโตเกียว 5 ชิ้น 20 บาท มีสองไส้คือไส้สังขยากับไส้เผือก แป้งนุ่มๆ ไส้เนื้อเนียนละเอียดหอมอร่อย ถ้าคิวยาวก็จะได้ช้าหน่อยนะคะ คุณลุงละเมียดละไมทำเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน อยากกินของอร่อยต้องใจเย็นนิดนึง

มีไอติมเจ๊ไหมอีกร้านที่อยากชิม อยู่ตรงท่าเรือเจ้าฟ้าเหมือนกัน แต่เราเดินมาทีไรเขาไม่ขายเลยค่ะ เป็นร้านที่มีความอินดี้ อยากกินต้องลุ้นเอาว่าเจ๊จะขายไหม

ตลาดโต้รุ่งท่าเรือเจ้าฟ้ามีอาหารให้เลือกกินหลายอย่าง ส่วนใหญ่เป็นร้านขายอาหารตามสั่ง อาหารมุสลิม ของกินเล่น ลองชิมซุปเนื้อไปเจ้าหนึ่งก็อร่อยดีค่ะ วันไหนอากาศดีผู้คนจะคึกคักมากทีเดียว เป็นอีกจุดหนึ่งในตัวเมืองกระบี่ที่สามารถแวะมาฝากท้องยามค่ำคืนได้
ขนมจีนปักษ์ใต้ พี่อ้อย นครศรี
มาเยือนถิ่นปักษ์ใต้ทั้งที ก็ต้องโดนขนมจีนกันหน่อยค่ะ ทีแรกเราตามหาร้านโกจ้อย สาขา 2 หน้าบริษัทกระบี่รวมทุน แต่เดินมาเจอร้าน ‘ขนมจีนปักษ์ใต้ พี่อ้อย นครศรี’ ไม่แน่ใจว่าเป็นร้านเดียวกันที่เปลี่ยนชื่อ หรือเจ้าของเดิมย้ายไปแล้วร้านใหม่มาขายแทน แต่ก็อร่อยดีค่ะ ตอนสั่งห่วงเรื่องความเผ็ดเล็กน้อย เพราะแฟนกินเผ็ดไม่ค่อยได้ ปรากฏว่ารสชาติกำลังพอดีเลย เครื่องแกงเข้มข้นและไม่เผ็ดจัดจนเกินไป แฟนเราสั่งน้ำยากะทิ ส่วนของเราเป็นน้ำยาป่าผสมกะทิ กินกับไก่ทอดเข้ากันดีมากๆ

พอกินคนละจานหมดก็สั่งขนมจีนแกงเขียวหวานมาเพิ่ม แต่เขียวหวานเฉยๆ ค่ะ รสชาติยังไม่ค่อยโดนเท่าไหร่
สุชัญญาแต่เตี้ยม
ชื่อเดิมคือกระบี่ติ่มซำ ตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็นสุชัญญาแต่เตี้ยม ขายตั้งแต่ตีห้าถึงประมาณ 11.30 น. เหมาะจะมากินเป็นมื้อเช้า มื้อสาย เปิดทุกวัน รสชาติราคาไม่แรง ติ่มซำจะใส่ไว้ในตู้เย็นที่วางเรียงกันอยู่ ลูกค้าไปเดินเลือกเองได้ตามใจชอบ ลองไป 8 เข่ง ชอบก๋วยเตี๋ยวหลอดมากที่สุด ชอบน้อยสุดคือเส้นผัดซอสสีส้มๆ บักกุ๊ดเต๋ก็อร่อยดี

อีกจานที่ลองคือซาลาเปาหมูแดงทอด กรอบนอก นุ่มใน ไส้เยอะ อร่อยอีกแล้ว

ร้านนี้ต้องเดินมาจากที่พักกิโลกว่า ได้เดินออกกำลังกายยามเช้ามากินของอร่อยถือว่าคุ้มค่า ช่วงเช้าในตัวเมืองอากาศดีมากเลย ค่าเสียหายมื้อนี้รวมเครื่องดื่มอยู่ที่ 300 บาทค่ะ
มาดูหมวดร้านอาหารท้องถิ่นกันบ้างค่ะ ลองไปสามร้านคือใบเตย บ้านมะหญิง และเรือนไม้
ใบเตย
ร้านนี้ตั้งอยู่โซนเดียวกับตลาดโต้รุ่งท่าเรือเจ้าฟ้า ต้องเดินขึ้นเนินไปนิดนึง ที่นี่มีวิวริมแม่น้ำกระบี่เป็นจุดขายด้วย เรากับแฟนสั่งมาสามเมนู
แกงส้มกุ้งดอกแค (180 บาท)
แกงส้มของทางใต้จะใส่ขมิ้นทำให้มีสีออกเหลืองๆ คนภาคอื่นส่วนใหญ่จึงเรียกว่าแกงเหลือง จุดเด่นคือความเข้มข้นร้อนแรงของเครื่องเทศ เปรี้ยว เค็ม เผ็ดถึงใจ ชามนี้ให้กุ้งเนื้อดึ๋งๆ มาเยอะดีค่ะ แต่ดอกแคน้อยไปหน่อย ถ้ากินเผ็ดไม่เก่งกันทั้งโต๊ะอาจจะต้องขอให้เขาลดเผ็ดลงนิดนึงนะคะ

หมูฮ้อง (165 บาท)
หมูฮ้องหรือหมูสามชั้นต้มซีอิ๊ว เมนูเด็ดที่คนใต้บ้านเรารับอิทธิพลมาจากชาวจีนฮกเกี้ยน รสชาติออกหวานๆ เค็มๆ จานนี้ให้คะแนนปานกลางค่ะ รู้สึกว่าเขายังต้มไม่ค่อยเปื่อยเท่าไหร่ และออกแห้งๆ ไม่ชุ่มฉ่ำเท่าที่ควร

ยำสาหร่ายขนนก (165 บาท)
สาหร่ายขนนกกินเปล่าๆ ช่วยแก้เผ็ดได้ดีมาก กินกับน้ำยำก็อร่อย ตอนยกมาเสิร์ฟเขาจะแนะนำว่าให้ค่อยๆ ตักกินทีละคำ อย่าราดน้ำยำลงไป ตัวสาหร่ายมีความเค็มและอบอวลไปด้วยกลิ่นทะเล กัดแล้วแตกโป๊ะๆ ในปาก กินเพลินดีค่ะ น้ำยำรสไม่จัดมาก เมนูนี้ไม่ค่อยเจอในกรุงเทพฯ ถ้ามากระบี่อย่าลืมลองชิมดูนะคะ

รวมเครื่องดื่มและข้าวเปล่าสองจาน จ่ายไป 585 บาท
บ้านมะหญิง
ร้านนี้อยู่ในชุมชนเกาะกลาง ซึ่งต้องเหมาเรือจากท่าเรือเจ้าฟ้า ราคาไป-กลับ 200 บาท มาส่งแล้วเขาจะจอดรอรับเรากลับด้วย เรือนั่งได้เป็นสิบคนเลยค่ะ ถ้าไปกันหลายคนก็จะคุ้มหน่อย โซนนี้มีอีกร้านที่ดังไม่แพ้กันคือกระชังขนาบน้ำ

ทีแรกคิดว่าจะชมวิวพระอาทิตย์ตกเพลินๆ นั่งดื่มด่ำบรรยากาศริมน้ำยามค่ำคืน เรากับแฟนเลยเลือกมาตอนเย็น ปรากฏว่าพลาดจ้ะ ...ยุงเยอะมากถึงมากที่สุด กินไปเกาไป หงุดหงิดจนตึงใส่กันไปอีก 5555 สั่งปูก็ไม่ได้ เพราะพนักงานบอกว่าถ้ากินปู ยุงจะบุกแบบถล่มทลาย แนะนำว่ามาช่วงมื้อกลางวันน่าจะดีกว่าค่ะ
เมนูของทางร้านราคาค่อนข้างสูงนะคะ พวกอาหารทะเลส่วนใหญ่ขายตามน้ำหนัก ซึ่งเราสามารถสอบถามราคาและปริมาณคร่าวๆ จากพนักงานเสิร์ฟก่อนได้
วัตถุดิบแรกเราเลือกเป็นกุ้งลายเสือ ครึ่งโล 700 บาท มี 7 ตัว ขอให้เขาแบ่งทำสองเมนูคือย่างเนยกระเทียมกับราดซอสมะขาม กุ้งสดมากกก เนื้อเด้งดึ๋งดั๋ง และปรุงมาได้สุกกำลังดีเลยค่ะ ขอน้ำจิ้มซีฟู้ดมาจิ้มเพิ่มแซ่บสะเด็ด

หมีกผัดดำ 240 บาท เป็นเมนูประจำท้องถิ่นค่ะ ปรุงโดยนำหมึกไปผัดกับน้ำหมึกสีดำ เพิ่มกลิ่นหอมด้วยตะไคร้ รสชาติออกหวานนำชัดเจน ถ้าชอบแนวซีฟู้ดแซ่บๆ ไม่ค่อยกินหวาน ไม่แนะนำให้สั่งนะคะ
หอยหวานต้มตะไคร้ ครึ่งโล 190 บาท หอยหวานที่กระบี่หน้าตาจะมาเป็นตลับนะคะ คนละพันธุ์กับหอยหวานกรุงเทพฯ ที่เป็นขดๆ รสชาติดีค่ะ ประทับใจในความสดของวัตถุดิบ

ค่าเสียหายรวมน้ำอัดลมขวดใหญ่ น้ำแข็ง ข้าวเปล่าหนึ่งจาน อยู่ที่ 1,240 บาท กินสองคนเกือบไม่หมด ถ้าอยากมาลอง ชวนกันมาหลายๆ คนหน่อยก็ดีค่ะ จะได้สั่งเมนูหลากหลาย เพราะเมนูอาหารทะเลส่วนใหญ่ขั้นต่ำต้องเริ่มที่ครึ่งโล ถ้าเป็นปลาก็ต้องเหมาทั้งตัว
เรือนไม้
อีกหนึ่งร้านอาหารขึ้นชื่อของกระบี่ที่โดดเด่นทั้งเรื่องรสชาติและบรรยากาศร่มรื่นเป็นเอกลักษณ์ เดินเข้ามาปุ๊บสะดุดตากับตัวร้านที่เป็นโครงสร้างไม้ไผ่ก่อนเลยค่ะ ตกแต่งดูดีมีรสนิยมและกลมกลืนไปกับธรรมชาติ เหมาะกับการพาผู้ใหญ่หรือแขกต่างชาติมาเลี้ยง

ร้านนี้อยู่ห่างจากบริเวณจุดศูนย์กลางของเมืองที่เราพักประมาณ 7 กิโล แต่พอดีมีเจ้าภาพเลี้ยงและขับรถมารับเลยได้มาชิม อ้อ ร้านอยู่ใกล้ๆ กับ ‘จี้ออ’ ที่เป็นร้านขายของฝากชื่อดังของกระบี่ด้วยค่ะ ถ้ามากินก็แวะซื้อก่อนขึ้นเครื่องกลับได้เลย
สองเมนูที่เรากับแฟนโหวตกันว่าอร่อยถูกปากที่สุดคือ สะตอผัดกุ้ง และ น้ำพริกกุ้งเสียบ รสชาติเข้มข้นกลมกล่อม กินกับข้าวสวยร้อนฟินอย่าบอกใคร

เมนูอื่นๆ ที่ได้ลองคือ ปลาทรายทอดขมิ้น รสชาติโอเคอยู่ในมาตรฐาน ทอดมากรอบเกรียวเคี้ยวเพลิน

ผักเหมียงต้มกะทิ สั่งมาลองเพราะไม่เคยชิม ปกติกินแต่ใบเหมียงผัดไข่ ชามนี้รสชาติอ่อนไปหน่อยค่ะ คิดว่าครั้งหน้าคงกลับไปซบอกผัดไข่เหมือนเดิม

ปิดท้ายด้วยของหวาน ลูกชกในน้ำเชื่อม รสชาติคล้ายๆ ลูกชิดแต่เม็ดเล็กและนุ่มกว่า ว่ากันว่าต้นชกต้นหนึ่งจะออกลูกได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น จึงถือเป็นของอร่อยที่หากินยากพอสมควร เราเองก็เพิ่งเคยเห็นที่นี่เป็นที่แรก ถ้าแวะมาที่เรือนไม้อย่าลืมสั่งมาชิมกันนะคะ

[มีต่อที่คอมเมนต์ 1]
[CR] เที่ยวกระบี่แบบคู่รักไร้สติ 6 วัน 5 คืน [Part 2 ตระเวนกินในตัวเมืองกระบี่]
ตามไปอ่านกระทู้แรกได้ที่ลิงก์นี้ค่ะ https://pantip.com/topic/37212573
เที่ยวกระบี่แบบคู่รักไร้สติ 6 วัน 5 คืน [Part 1 ทัวร์ชมพระอาทิตย์ตกและดำน้ำเกาะรอก]
โรตีบางนรา
เป็นร้านที่ได้รับความนิยมทั้งในหมู่คนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว เมนูเด็ดคือ ‘โรตีตบ’ แป้งเหนียวนุ่ม หลังจากทอดเสร็จก่อนเสิร์ฟเขาจะเอาไปตบแรงๆ ให้ฟูก่อน เมื่อเทียบกับเจ้าดังอย่าง โรตีหน้าโวค แป้งของบางนราจะออกแห้งๆ อมน้ำมันน้อยกว่า ใช้มือฉีกกินจิ้มแกงหรือนมข้น หรอยอย่างแรงค่ะ ชาชักก็อร่อย ปกติเราชอบกินชาอยู่แล้ว แต่ร้านในกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่จะหวานอย่างเดียวไม่ค่อยหอมกลิ่นชา พอมากินที่กระบี่ฟินมาก ชาดีทุกร้านที่ได้ชิมค่ะ
ร้านนี้อยู่ไม่ไกลจากลานปูดำ เปิดตั้งแต่ 06.00 - 14.00 น. เหมาะจะมากินเป็นมื้อเช้าหรือมื้อกลางวัน เพราะเขามีข้าวราดแกง ข้าวยำ และโรตีแกงด้วย อร่อยถูกปากทุกเมนูที่ชิมไปค่ะ
ราคาประมาณนี้ค่ะ ไม่แพงเลย
ชาชักเย็น 25 บาท
โรตีตบนมน้ำตาล 20 บาท
โรตีน้ำแกงเนื้อ - ไก่ 30 บาท
ข้าวยำ 35 บาท
ข้าวราดกับสองอย่าง 60-80 บาท
โรตีหน้าโวค
ถ้าอยากได้ของหวานกระแทกปากยามดึก ต้องนี่เลยค่ะ โรตีหน้าห้างโวค แถวๆ สี่แยกมนุษย์โบราณ เริ่มขายประมาณ 6 โมงเย็นเป็นต้นไป สามารถเลือกได้ว่าชอบแบบกรอบ แบบนิ่ม ใส่กล้วย ใส่ไข่ สำหรับร้านนี้เราชอบแบบกรอบค่ะ 30 บาท แบ่งกันกินสองคนกำลังพอดี ถ้าเป็นแบบนิ่มชอบของบางนรามากกว่า
เราไปกินมาสองรอบ รอบสองไปกินคืนสุดท้าย ทีแรกสั่งไข่ + กล้วย แต่รู้สึกข้องใจว่าแบบนิ่มเพียวๆ จะเป็นยังไงกันนะ เลยสั่งมาเพิ่มตอนเวลาประมาณเกือบ 4-5 ทุ่ม ซึ่งจริงๆ อิ่มแล้ว แต่ไม่อยากกลับกรุงเทพฯ ไปแบบค้างคาใจ สรุปคืนนั้นนอนปวดท้องเพราะกินเยอะเกิน 555 โดนแฟนสมน้ำหน้าไปตามระเบียบ
โตเกียวท่าเรือเจ้าฟ้า
แถมให้อีกหนึ่งร้าน สำหรับคนที่ชอบหาขนมกินดึกๆ ตรงตลาดโต้รุ่งท่าเรือเจ้าฟ้ามีแผงลอยเก่าแก่อยู่ร้านหนึ่ง ขายคู่กันค่ะ คุณป้าขายขนมเบื้อง คุณลุงขายโตเกียว 5 ชิ้น 20 บาท มีสองไส้คือไส้สังขยากับไส้เผือก แป้งนุ่มๆ ไส้เนื้อเนียนละเอียดหอมอร่อย ถ้าคิวยาวก็จะได้ช้าหน่อยนะคะ คุณลุงละเมียดละไมทำเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน อยากกินของอร่อยต้องใจเย็นนิดนึง
มีไอติมเจ๊ไหมอีกร้านที่อยากชิม อยู่ตรงท่าเรือเจ้าฟ้าเหมือนกัน แต่เราเดินมาทีไรเขาไม่ขายเลยค่ะ เป็นร้านที่มีความอินดี้ อยากกินต้องลุ้นเอาว่าเจ๊จะขายไหม
ตลาดโต้รุ่งท่าเรือเจ้าฟ้ามีอาหารให้เลือกกินหลายอย่าง ส่วนใหญ่เป็นร้านขายอาหารตามสั่ง อาหารมุสลิม ของกินเล่น ลองชิมซุปเนื้อไปเจ้าหนึ่งก็อร่อยดีค่ะ วันไหนอากาศดีผู้คนจะคึกคักมากทีเดียว เป็นอีกจุดหนึ่งในตัวเมืองกระบี่ที่สามารถแวะมาฝากท้องยามค่ำคืนได้
ขนมจีนปักษ์ใต้ พี่อ้อย นครศรี
มาเยือนถิ่นปักษ์ใต้ทั้งที ก็ต้องโดนขนมจีนกันหน่อยค่ะ ทีแรกเราตามหาร้านโกจ้อย สาขา 2 หน้าบริษัทกระบี่รวมทุน แต่เดินมาเจอร้าน ‘ขนมจีนปักษ์ใต้ พี่อ้อย นครศรี’ ไม่แน่ใจว่าเป็นร้านเดียวกันที่เปลี่ยนชื่อ หรือเจ้าของเดิมย้ายไปแล้วร้านใหม่มาขายแทน แต่ก็อร่อยดีค่ะ ตอนสั่งห่วงเรื่องความเผ็ดเล็กน้อย เพราะแฟนกินเผ็ดไม่ค่อยได้ ปรากฏว่ารสชาติกำลังพอดีเลย เครื่องแกงเข้มข้นและไม่เผ็ดจัดจนเกินไป แฟนเราสั่งน้ำยากะทิ ส่วนของเราเป็นน้ำยาป่าผสมกะทิ กินกับไก่ทอดเข้ากันดีมากๆ
พอกินคนละจานหมดก็สั่งขนมจีนแกงเขียวหวานมาเพิ่ม แต่เขียวหวานเฉยๆ ค่ะ รสชาติยังไม่ค่อยโดนเท่าไหร่
สุชัญญาแต่เตี้ยม
ชื่อเดิมคือกระบี่ติ่มซำ ตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็นสุชัญญาแต่เตี้ยม ขายตั้งแต่ตีห้าถึงประมาณ 11.30 น. เหมาะจะมากินเป็นมื้อเช้า มื้อสาย เปิดทุกวัน รสชาติราคาไม่แรง ติ่มซำจะใส่ไว้ในตู้เย็นที่วางเรียงกันอยู่ ลูกค้าไปเดินเลือกเองได้ตามใจชอบ ลองไป 8 เข่ง ชอบก๋วยเตี๋ยวหลอดมากที่สุด ชอบน้อยสุดคือเส้นผัดซอสสีส้มๆ บักกุ๊ดเต๋ก็อร่อยดี
อีกจานที่ลองคือซาลาเปาหมูแดงทอด กรอบนอก นุ่มใน ไส้เยอะ อร่อยอีกแล้ว
ร้านนี้ต้องเดินมาจากที่พักกิโลกว่า ได้เดินออกกำลังกายยามเช้ามากินของอร่อยถือว่าคุ้มค่า ช่วงเช้าในตัวเมืองอากาศดีมากเลย ค่าเสียหายมื้อนี้รวมเครื่องดื่มอยู่ที่ 300 บาทค่ะ
มาดูหมวดร้านอาหารท้องถิ่นกันบ้างค่ะ ลองไปสามร้านคือใบเตย บ้านมะหญิง และเรือนไม้
ใบเตย
ร้านนี้ตั้งอยู่โซนเดียวกับตลาดโต้รุ่งท่าเรือเจ้าฟ้า ต้องเดินขึ้นเนินไปนิดนึง ที่นี่มีวิวริมแม่น้ำกระบี่เป็นจุดขายด้วย เรากับแฟนสั่งมาสามเมนู
แกงส้มกุ้งดอกแค (180 บาท)
แกงส้มของทางใต้จะใส่ขมิ้นทำให้มีสีออกเหลืองๆ คนภาคอื่นส่วนใหญ่จึงเรียกว่าแกงเหลือง จุดเด่นคือความเข้มข้นร้อนแรงของเครื่องเทศ เปรี้ยว เค็ม เผ็ดถึงใจ ชามนี้ให้กุ้งเนื้อดึ๋งๆ มาเยอะดีค่ะ แต่ดอกแคน้อยไปหน่อย ถ้ากินเผ็ดไม่เก่งกันทั้งโต๊ะอาจจะต้องขอให้เขาลดเผ็ดลงนิดนึงนะคะ
หมูฮ้อง (165 บาท)
หมูฮ้องหรือหมูสามชั้นต้มซีอิ๊ว เมนูเด็ดที่คนใต้บ้านเรารับอิทธิพลมาจากชาวจีนฮกเกี้ยน รสชาติออกหวานๆ เค็มๆ จานนี้ให้คะแนนปานกลางค่ะ รู้สึกว่าเขายังต้มไม่ค่อยเปื่อยเท่าไหร่ และออกแห้งๆ ไม่ชุ่มฉ่ำเท่าที่ควร
ยำสาหร่ายขนนก (165 บาท)
สาหร่ายขนนกกินเปล่าๆ ช่วยแก้เผ็ดได้ดีมาก กินกับน้ำยำก็อร่อย ตอนยกมาเสิร์ฟเขาจะแนะนำว่าให้ค่อยๆ ตักกินทีละคำ อย่าราดน้ำยำลงไป ตัวสาหร่ายมีความเค็มและอบอวลไปด้วยกลิ่นทะเล กัดแล้วแตกโป๊ะๆ ในปาก กินเพลินดีค่ะ น้ำยำรสไม่จัดมาก เมนูนี้ไม่ค่อยเจอในกรุงเทพฯ ถ้ามากระบี่อย่าลืมลองชิมดูนะคะ
รวมเครื่องดื่มและข้าวเปล่าสองจาน จ่ายไป 585 บาท
บ้านมะหญิง
ร้านนี้อยู่ในชุมชนเกาะกลาง ซึ่งต้องเหมาเรือจากท่าเรือเจ้าฟ้า ราคาไป-กลับ 200 บาท มาส่งแล้วเขาจะจอดรอรับเรากลับด้วย เรือนั่งได้เป็นสิบคนเลยค่ะ ถ้าไปกันหลายคนก็จะคุ้มหน่อย โซนนี้มีอีกร้านที่ดังไม่แพ้กันคือกระชังขนาบน้ำ
ทีแรกคิดว่าจะชมวิวพระอาทิตย์ตกเพลินๆ นั่งดื่มด่ำบรรยากาศริมน้ำยามค่ำคืน เรากับแฟนเลยเลือกมาตอนเย็น ปรากฏว่าพลาดจ้ะ ...ยุงเยอะมากถึงมากที่สุด กินไปเกาไป หงุดหงิดจนตึงใส่กันไปอีก 5555 สั่งปูก็ไม่ได้ เพราะพนักงานบอกว่าถ้ากินปู ยุงจะบุกแบบถล่มทลาย แนะนำว่ามาช่วงมื้อกลางวันน่าจะดีกว่าค่ะ
เมนูของทางร้านราคาค่อนข้างสูงนะคะ พวกอาหารทะเลส่วนใหญ่ขายตามน้ำหนัก ซึ่งเราสามารถสอบถามราคาและปริมาณคร่าวๆ จากพนักงานเสิร์ฟก่อนได้
วัตถุดิบแรกเราเลือกเป็นกุ้งลายเสือ ครึ่งโล 700 บาท มี 7 ตัว ขอให้เขาแบ่งทำสองเมนูคือย่างเนยกระเทียมกับราดซอสมะขาม กุ้งสดมากกก เนื้อเด้งดึ๋งดั๋ง และปรุงมาได้สุกกำลังดีเลยค่ะ ขอน้ำจิ้มซีฟู้ดมาจิ้มเพิ่มแซ่บสะเด็ด
หมีกผัดดำ 240 บาท เป็นเมนูประจำท้องถิ่นค่ะ ปรุงโดยนำหมึกไปผัดกับน้ำหมึกสีดำ เพิ่มกลิ่นหอมด้วยตะไคร้ รสชาติออกหวานนำชัดเจน ถ้าชอบแนวซีฟู้ดแซ่บๆ ไม่ค่อยกินหวาน ไม่แนะนำให้สั่งนะคะ
หอยหวานต้มตะไคร้ ครึ่งโล 190 บาท หอยหวานที่กระบี่หน้าตาจะมาเป็นตลับนะคะ คนละพันธุ์กับหอยหวานกรุงเทพฯ ที่เป็นขดๆ รสชาติดีค่ะ ประทับใจในความสดของวัตถุดิบ
ค่าเสียหายรวมน้ำอัดลมขวดใหญ่ น้ำแข็ง ข้าวเปล่าหนึ่งจาน อยู่ที่ 1,240 บาท กินสองคนเกือบไม่หมด ถ้าอยากมาลอง ชวนกันมาหลายๆ คนหน่อยก็ดีค่ะ จะได้สั่งเมนูหลากหลาย เพราะเมนูอาหารทะเลส่วนใหญ่ขั้นต่ำต้องเริ่มที่ครึ่งโล ถ้าเป็นปลาก็ต้องเหมาทั้งตัว
เรือนไม้
อีกหนึ่งร้านอาหารขึ้นชื่อของกระบี่ที่โดดเด่นทั้งเรื่องรสชาติและบรรยากาศร่มรื่นเป็นเอกลักษณ์ เดินเข้ามาปุ๊บสะดุดตากับตัวร้านที่เป็นโครงสร้างไม้ไผ่ก่อนเลยค่ะ ตกแต่งดูดีมีรสนิยมและกลมกลืนไปกับธรรมชาติ เหมาะกับการพาผู้ใหญ่หรือแขกต่างชาติมาเลี้ยง
ร้านนี้อยู่ห่างจากบริเวณจุดศูนย์กลางของเมืองที่เราพักประมาณ 7 กิโล แต่พอดีมีเจ้าภาพเลี้ยงและขับรถมารับเลยได้มาชิม อ้อ ร้านอยู่ใกล้ๆ กับ ‘จี้ออ’ ที่เป็นร้านขายของฝากชื่อดังของกระบี่ด้วยค่ะ ถ้ามากินก็แวะซื้อก่อนขึ้นเครื่องกลับได้เลย
สองเมนูที่เรากับแฟนโหวตกันว่าอร่อยถูกปากที่สุดคือ สะตอผัดกุ้ง และ น้ำพริกกุ้งเสียบ รสชาติเข้มข้นกลมกล่อม กินกับข้าวสวยร้อนฟินอย่าบอกใคร
เมนูอื่นๆ ที่ได้ลองคือ ปลาทรายทอดขมิ้น รสชาติโอเคอยู่ในมาตรฐาน ทอดมากรอบเกรียวเคี้ยวเพลิน
ผักเหมียงต้มกะทิ สั่งมาลองเพราะไม่เคยชิม ปกติกินแต่ใบเหมียงผัดไข่ ชามนี้รสชาติอ่อนไปหน่อยค่ะ คิดว่าครั้งหน้าคงกลับไปซบอกผัดไข่เหมือนเดิม
ปิดท้ายด้วยของหวาน ลูกชกในน้ำเชื่อม รสชาติคล้ายๆ ลูกชิดแต่เม็ดเล็กและนุ่มกว่า ว่ากันว่าต้นชกต้นหนึ่งจะออกลูกได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น จึงถือเป็นของอร่อยที่หากินยากพอสมควร เราเองก็เพิ่งเคยเห็นที่นี่เป็นที่แรก ถ้าแวะมาที่เรือนไม้อย่าลืมสั่งมาชิมกันนะคะ
[มีต่อที่คอมเมนต์ 1]