ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เรากับแฟนควงกันไปเที่ยวกระบี่แบบงงๆ ด้วยความเป็นฟรีแลนซ์ทั้งคู่ เพิ่งเคลียร์โปรเจ็กต์จบมีเวลาว่างพอสมควร ประกอบกับได้รับแพ็กเกจเที่ยวกระบี่ 3 วัน 2 คืน จากเกาะพีพีทัวร์มา
แต่รู้สึกว่าน้อยเกินไป อยากเที่ยวชิลล์ๆ หน่อย เลยจองที่พักเพิ่มเองจ่ายเองอีก 3 คืน กลายเป็นทริป 6 วัน 5 คืน ซึ่งแทบไม่ได้แพลนอะไรเลย ทีแรกกะว่าจะเช่ารถยนต์ขับในวันที่ไม่ได้ไปกับทัวร์ (จริงๆ เช่ามอเตอร์ไซค์จะประหยัดและสะดวกกว่า แต่ขี่ไม่เป็นกันทั้งคู่) ไปๆ มาๆ ดันขี้เกียจ เลยจบลงที่การสิงอยู่แถวๆ ตัวเมืองนั่นแหละ แล้วก็แว้บไปอ่าวนางมาแป๊บนึง โดยไม่ได้แตะทะเลสักนิด นี่มันทริปอะไรกั๊นนนน 555
วันแรกออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง ถึงสนามบินกระบี่ประมาณ 9 โมงเช้า บิน Thai Lion Air ขาไปค่าตั๋วคนละ 725 บาท ขากลับคนละ 825 บาท แพ็กเกจเป็นแบบมีรถมารับที่สนามบินด้วย ถึงปุ๊บก็หาของกินก่อนเลยค่ะ ประเดิมมื้อแรกที่โรตีบางนรา กะว่ากินเสร็จจะออกไปเดินเล่นสำรวจเมือง แต่สุดท้ายก็จบลงด้วยการนอนอืด ตื่นมาอีกทีก็เย็นและเริ่มหิวอีกรอบ เลยออกไปเดินหาของกินที่ตลาดนัดปูดำ จบวันแบบงงๆ ถ่อมาไกลถึงกระบี่เพื่อนอนและเดินตลาดนัด
รีวิวร้านต่างๆ ที่กินมาอยู่ในกระทู้นี้นะคะ >> Part 2 ตระเวนกินในตัวเมืองกระบี่
https://pantip.com/topic/37212668
วันที่สองเราเลือกแพ็กเกจ Live life Sunset cruise ไว้ ชื่อดูเก๋ไก๋สดใสเหมาะแก่การเที่ยวแบบคู่รัก เป็นทัวร์ชิลล์ๆ ล่องเรือชมพระอาทิตย์ตกกลางทะเลอันดามัน ราคาคนละ 1,500 บาท รวมอาหารมื้อเย็น รถมารับที่ท่าเรือประมาณบ่ายสอง เริ่มล่องบ่ายสาม จองได้ทุกวันอังคาร พฤหัสบดี เสาร์ หรือถ้าเหมากรุ๊ปก็เลือกวันเองได้ค่ะ
ช่วงสายๆ บ่ายๆ ก็ว่าจะออกไปหาที่เที่ยวละแวกตัวเมือง หรืออย่างน้อยก็นั่งคาเฟ่เก๋ไก๋สักที่ก่อนถึงเวลาเรือมารับ สุดท้ายจบด้วยการเดินออกไปหาขนมจีนร้านใกล้ๆ กิน แล้วก็กลับมานอนอืดรอเวลา ฮ้า...นี่สินะที่เขาเรียกว่าการใช้ชีวิตให้ช้าลง
เรือจะเริ่มล่องจากบริเวณอนุสาวรีย์ปูดำ ซึ่งเป็นปากน้ำกระบี่และป่าชายเลนค่ะ จากบนเรือมองไปจะเห็นเขาขนาบน้ำหนึ่งในสัญลักษณ์ของจังหวัดกระบี่และชุมชนเกาะกลางด้วย

ชมวิวเล็กน้อยพอหอมปากหอมคอ แล้วเราก็เดินไปสำรวจอาหารว่างกันค่ะ มีเบเกอรี่ ขนมไทย ผลไม้ต่างๆ ข้าวเกรียบปากหม้อ อร่อยดีกินไปเยอะเลย กรุ๊ปที่ขึ้นเรือมาพร้อมกันส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติแถบเอเชีย เท่าที่แอบฟังเขาคุยกัน รู้สึกว่าจะเป็นแก๊งชาวเกาหลี

จากนั้นเรือก็จะล่องผ่านเกาะนู้นเกาะนี้มากมาย มีการจอดให้ถ่ายรูปตรงจุดไฮไลต์ อย่างเกาะปอดะ เกาะไก่ เกาะทับ เกาะหม้อ ผ่านทะเลแหวกซึ่งไม่แหวกแล้วเพราะช่วงเย็นน้ำขึ้น

ปกติไม่ค่อยถ่ายหนังหน้าตัวเอง แต่ไหนๆ มาแล้วก็ให้แฟนกดสักรูปนึงละกัน

จุดที่เรือจอดนานหน่อยคือบริเวณ ‘อ่าวผีหลอก’ เกาะปอเดาะ สามารถแยกย้ายกันไปทำกิจกรรมทางน้ำได้ตามใจชอบค่ะ เขามีอุปกรณ์ดำน้ำแบบสน็อกเกิล เรือคายัก และห่วงยางหงส์ให้ถ่ายรูปเล่น เรากับแฟนขี้เกียจเปียกน้ำเลยเลือกเป็นพายคายัก ซึ่งเราพายไม่ค่อยเป็น อิแฟนก็บ่นๆ อยู่นั่นแหละ เดี๋ยวสั่งไปซ้ายไปขวา ก็บอกแล้วไงว่าพายไม่เป็นว้อยยย

มีรูปจากใต้น้ำนิดหน่อยค่ะ แคปมาจากไฟล์วิดีโอที่ฝากโกโปรให้ไกด์ถ่ายให้

น้องที่เป็นพนักงานบนเรือให้ข้อมูลมาว่า อ่าวผีหลอกเป็นจุดที่เงียบสงบ นักท่องเที่ยวไม่พลุกพล่าน ช่วงกลางวันบางทีก็มีฝรั่งที่อยากพักผ่อนชิลล์ๆ เหมาเรือมานอนเล่น แล้วก็เป็นสถานที่ที่คนนิยมมาขอแต่งงานกันด้วยเด้อ

น้องเขาดูชงๆ นิดนึง เหมือนจะให้พายเรือไปขอแต่งงานกันบนเกาะ โทษทีค่ะปี 2018 พี่ยังไม่ว่าง ต้องตามติ่ง Wanna One อย่างทุ่มเท 555
เรื่องอาหารการกินไม่มีขาดตกบกพร่องค่ะ หลังจากขนมหมดก็มีผลไม้มาเสิร์ฟ ระหว่างรอบาร์บีคิวสุก เครื่องดื่มพวกน้ำเปล่า น้ำอัดลม รวมอยู่ในแพ็กเกจแล้ว แต่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต้องซื้อเพิ่มเอาเอง

มีห้องแอร์ให้นั่งพักด้วย แต่ข้างนอกอากาศดี แดดไม่แรง ลมกำลังเย็นสบาย ทุกคนเลยไปอยู่บนดาดฟ้าเรือกันหมดเลยค่ะ

มื้อเย็นประกอบไปด้วยบาร์บีคิวไก่ บาร์บีคิวกุ้ง ปลาหมึกย่าง ไส้กรอกย่าง และข้าวผัด ทีแรกเขาตักให้คนละจานก่อน แต่ถ้ากินไม่อิ่มก็มาขอเติมได้ วันที่เราไปอาหารเหลือตรึม ไม่ค่อยมีคนเติมด้วยค่ะ เรากับแฟนเลยจกกุ้งมาซัดกันอย่างเมามัน

ระหว่างกินเรือก็แล่นกลับเข้าฝั่งไปเรื่อยๆ พร้อมกับแสงอาทิตย์ที่ค่อยๆ ลาลับขอบฟ้า แต่วันนี้เมฆแอบครึ้ม แสงเลยไม่สวยพีคเท่าไหร่ ไม่เป็นไรค่ะแค่มีของกินคู่รักสาย-อย่างเราก็สุขใจแล้ว 555

แพ็กเกจนี้เหมาะกับคนขี้เกียจเป็นที่สุดค่ะ ชิลล์มากกก บรรยากาศดี ล่องเรือตอนเย็นแดดไม่ร้อน นั่งฟังเพลงรับลมทะเล แล้วก็กินๆๆ บ้านไหนพาผู้สูงอายุหรือเด็กมาเที่ยว เลือกทัวร์แบบนี้ก็เหมาะดี เที่ยวสบายๆ ไม่เหนื่อยล้า
---
อีกทัวร์หนึ่งที่เราไปกับเกาะพีพีทัวร์คือแพ็กเกจเกาะรอก-เกาะห้า ราคาคนละ 1,999 บาท เพราะอยากไปดำน้ำดูปลานีโม่ แล้วก็พบกับความช็อกคือ แฟนเราไม่รู้จักปลานีโม่ เฮ้ยยยยย นายไม่รู้จักได้ไงอ่ะ ต้องมานั่งบรีฟนั่งเปิดรูปให้ดู เนี่ยๆ ปลานีโม่คือปลาการ์ตูน ถ้าเจอแกก็เรียกฉันไปดูด้วยนะเฟ่ย
วันเดินทางจะมีรถตู้มารับจากโรงแรมตั้งแต่ 7 โมงเช้า เพราะต้องเดินทางไกลพอสมควร เรือจะออกจากจุดเช็กอิน 8 โมง บริเวณนี้มีของว่างและเครื่องดื่มให้กินก่อนขึ้นเรือด้วย ใช้เวลาอยู่บนสปีดโบ๊ตประมาณสองชั่วโมง ก็จะถึงจุดดำน้ำแรก แต่วันนี้ไกด์แจ้งว่าเราไม่สามารถแวะเกาะห้าได้ เนื่องจากสภาพอากาศแปรปรวน คลื่นลมแรง อาจเกิดอันตรายกับนักท่องเที่ยวที่ว่ายน้ำไม่แข็งได้ เลยเปลี่ยนแผนเป็นพาแวะดำน้ำที่เกาะรอกในแทน

เราได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างมาว่า เกาะรอกเป็นจุดดำน้ำตื้นที่สวยมากกก มีปลามีปะการังให้ดูเยอะ เรากับแฟนเลยไปซื้อฟิลเตอร์แดงโกโปรสำหรับถ่ายใต้น้ำมาค่ะ ตอนไปซื้อร้านที่ขายของแท้ไม่มีสินค้า แต่เขาแนะนำร้านของเทียบ (หรือของปลอมจากจีนนั่นเอง) มาให้ จัดมาราคา 500 บาท ก่อนใช้ไม่ได้เทสต์ โกโปรเราเป็นรุ่นที่ไม่มีจอด้วย พอถ่ายเสร็จกลับมาเปิดรูปดูในคอม โอ้โห จะเป็นลม ภาพแบบ...แดงแจ๋ สรุปคือไฟล์ที่ถ่ายใต้น้ำเสียหมดเลยจ้า น้ำตาจะไหลลลลล ช้ำใจสุดๆ

ขอเอารูปที่ไกด์ส่งให้ในไลน์มาลงแทนนะคะ T T

ถ้าจะถ่ายให้ได้ภาพแบบนี้ต้องลงไปลึกและใช้ความเชี่ยวชาญนิดนึงค่ะ แต่สามารถฝากกล้องให้ไกด์ดำลงไปถ่ายได้ นักท่องเที่ยวจีนฝากกันหลายคนเลย โซนเกาะรอก น้ำใสมากจริงๆ อันที่จริงไม่จำเป็นต้องติดฟิลเตอร์เลยด้วยซ้ำ อยากได้ภาพสวยดันกลายเป็นซวยซะงั้น ยังเจ็บปวดกับภาพใต้น้ำแดงๆ ไม่หาย

ช่วงเที่ยงทัวร์จะพาไปพักกินข้าวที่ชายหาดเกาะรอกนอก เป็นอาหารตักแบบบุฟเฟ่ต์ แล้วก็มีของว่าง น้ำผลไม้จัดไว้เป็นซุ้ม ระหว่างที่พักผ่อนอยู่บนเกาะหิวเมื่อไหร่ก็แวะมากินได้

บนเกาะน้ำใสมากกกและแดดก็แรงมากเช่นกัน ถ้าลงน้ำก็ไม่รู้สึกร้อนนะคะ แต่เดินเล่นริมหาดนี่ไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ แก่แล้วเดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งไปซะก่อน เราเลยเล่นน้ำนิดหน่อย กินๆๆ เดินเลาะหามุมร่มๆ นั่งหลบแดด แม้เป็นวันที่ตั้งใจออกมาผจญภัย แต่เราก็ยังทำตัวขี้เกียจได้ รู้สึกยอมใจในความสโลว์ไลฟ์ของตัวเองมาก

ขากลับคลื่นลมค่อนข้างแรง เปียกชุ่มกันเกือบทั้งเรือ ซึ่งถามไถ่จากไกด์เขาบอกว่า ถ้าเป็นวันปกติที่ไม่มีมรสุมก็ไม่ได้เปียกขนาดนี้ แต่เวลาท่องเที่ยวธรรมชาติ เราคาดการณ์อะไรไม่ค่อยได้ เตรียมพร้อมไว้ดีที่สุด ฉะนั้น ถ้าใครจะซื้อแพ็กเกจทัวร์เกาะ อย่าลืมพกกระเป๋ากันน้ำติดตัวมาด้วยนะคะ

ไฮไลต์ของทัวร์เกาะรอก-เกาะห้า คือความสวยงามใต้ท้องทะเล ถือเป็นจุดดำน้ำแบบสน็อกเกิลที่น่ามาเยือนเป็นอันดับต้นๆ ของกระบี่ แต่ใช้เวลาในการเดินทางพอสมควร ถ้านับตั้งแต่รถตู้มารับจากหน้าโรงแรมจนนั่งสปีดโบ๊ตมาถึงจุดดำน้ำ รวมๆ แล้วเดินทางประมาณ 2.30 - 3 ชั่วโมงเลยทีเดียว แพ็กเกจทัวร์นี้จึงเหมาะกับแก๊งที่ตั้งใจมาลงน้ำกันทุกคน เพราะจะมีบางช่วงที่สปีดโบ๊ตจอดกลางทะเลให้คนลงไปดำน้ำ ซึ่งถ้าใครนั่งรออยู่บนเรือ มันจะโคลงเคลงมาก หรือต่อให้ลงน้ำตลอด แต่เมารถเมาเรือง่าย ก็ควรเตรียมตัวมาให้พร้อมนิดนึงค่ะ
[มีต่อในคอมเมนต์ 1]
[SR] เที่ยวกระบี่แบบคู่รักไร้สติ 6 วัน 5 คืน [Part 1 ทัวร์ชมพระอาทิตย์ตกและดำน้ำเกาะรอก]
แต่รู้สึกว่าน้อยเกินไป อยากเที่ยวชิลล์ๆ หน่อย เลยจองที่พักเพิ่มเองจ่ายเองอีก 3 คืน กลายเป็นทริป 6 วัน 5 คืน ซึ่งแทบไม่ได้แพลนอะไรเลย ทีแรกกะว่าจะเช่ารถยนต์ขับในวันที่ไม่ได้ไปกับทัวร์ (จริงๆ เช่ามอเตอร์ไซค์จะประหยัดและสะดวกกว่า แต่ขี่ไม่เป็นกันทั้งคู่) ไปๆ มาๆ ดันขี้เกียจ เลยจบลงที่การสิงอยู่แถวๆ ตัวเมืองนั่นแหละ แล้วก็แว้บไปอ่าวนางมาแป๊บนึง โดยไม่ได้แตะทะเลสักนิด นี่มันทริปอะไรกั๊นนนน 555
วันแรกออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง ถึงสนามบินกระบี่ประมาณ 9 โมงเช้า บิน Thai Lion Air ขาไปค่าตั๋วคนละ 725 บาท ขากลับคนละ 825 บาท แพ็กเกจเป็นแบบมีรถมารับที่สนามบินด้วย ถึงปุ๊บก็หาของกินก่อนเลยค่ะ ประเดิมมื้อแรกที่โรตีบางนรา กะว่ากินเสร็จจะออกไปเดินเล่นสำรวจเมือง แต่สุดท้ายก็จบลงด้วยการนอนอืด ตื่นมาอีกทีก็เย็นและเริ่มหิวอีกรอบ เลยออกไปเดินหาของกินที่ตลาดนัดปูดำ จบวันแบบงงๆ ถ่อมาไกลถึงกระบี่เพื่อนอนและเดินตลาดนัด
รีวิวร้านต่างๆ ที่กินมาอยู่ในกระทู้นี้นะคะ >> Part 2 ตระเวนกินในตัวเมืองกระบี่ https://pantip.com/topic/37212668
วันที่สองเราเลือกแพ็กเกจ Live life Sunset cruise ไว้ ชื่อดูเก๋ไก๋สดใสเหมาะแก่การเที่ยวแบบคู่รัก เป็นทัวร์ชิลล์ๆ ล่องเรือชมพระอาทิตย์ตกกลางทะเลอันดามัน ราคาคนละ 1,500 บาท รวมอาหารมื้อเย็น รถมารับที่ท่าเรือประมาณบ่ายสอง เริ่มล่องบ่ายสาม จองได้ทุกวันอังคาร พฤหัสบดี เสาร์ หรือถ้าเหมากรุ๊ปก็เลือกวันเองได้ค่ะ
ช่วงสายๆ บ่ายๆ ก็ว่าจะออกไปหาที่เที่ยวละแวกตัวเมือง หรืออย่างน้อยก็นั่งคาเฟ่เก๋ไก๋สักที่ก่อนถึงเวลาเรือมารับ สุดท้ายจบด้วยการเดินออกไปหาขนมจีนร้านใกล้ๆ กิน แล้วก็กลับมานอนอืดรอเวลา ฮ้า...นี่สินะที่เขาเรียกว่าการใช้ชีวิตให้ช้าลง
เรือจะเริ่มล่องจากบริเวณอนุสาวรีย์ปูดำ ซึ่งเป็นปากน้ำกระบี่และป่าชายเลนค่ะ จากบนเรือมองไปจะเห็นเขาขนาบน้ำหนึ่งในสัญลักษณ์ของจังหวัดกระบี่และชุมชนเกาะกลางด้วย
ชมวิวเล็กน้อยพอหอมปากหอมคอ แล้วเราก็เดินไปสำรวจอาหารว่างกันค่ะ มีเบเกอรี่ ขนมไทย ผลไม้ต่างๆ ข้าวเกรียบปากหม้อ อร่อยดีกินไปเยอะเลย กรุ๊ปที่ขึ้นเรือมาพร้อมกันส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติแถบเอเชีย เท่าที่แอบฟังเขาคุยกัน รู้สึกว่าจะเป็นแก๊งชาวเกาหลี
จากนั้นเรือก็จะล่องผ่านเกาะนู้นเกาะนี้มากมาย มีการจอดให้ถ่ายรูปตรงจุดไฮไลต์ อย่างเกาะปอดะ เกาะไก่ เกาะทับ เกาะหม้อ ผ่านทะเลแหวกซึ่งไม่แหวกแล้วเพราะช่วงเย็นน้ำขึ้น
ปกติไม่ค่อยถ่ายหนังหน้าตัวเอง แต่ไหนๆ มาแล้วก็ให้แฟนกดสักรูปนึงละกัน
จุดที่เรือจอดนานหน่อยคือบริเวณ ‘อ่าวผีหลอก’ เกาะปอเดาะ สามารถแยกย้ายกันไปทำกิจกรรมทางน้ำได้ตามใจชอบค่ะ เขามีอุปกรณ์ดำน้ำแบบสน็อกเกิล เรือคายัก และห่วงยางหงส์ให้ถ่ายรูปเล่น เรากับแฟนขี้เกียจเปียกน้ำเลยเลือกเป็นพายคายัก ซึ่งเราพายไม่ค่อยเป็น อิแฟนก็บ่นๆ อยู่นั่นแหละ เดี๋ยวสั่งไปซ้ายไปขวา ก็บอกแล้วไงว่าพายไม่เป็นว้อยยย
มีรูปจากใต้น้ำนิดหน่อยค่ะ แคปมาจากไฟล์วิดีโอที่ฝากโกโปรให้ไกด์ถ่ายให้
น้องที่เป็นพนักงานบนเรือให้ข้อมูลมาว่า อ่าวผีหลอกเป็นจุดที่เงียบสงบ นักท่องเที่ยวไม่พลุกพล่าน ช่วงกลางวันบางทีก็มีฝรั่งที่อยากพักผ่อนชิลล์ๆ เหมาเรือมานอนเล่น แล้วก็เป็นสถานที่ที่คนนิยมมาขอแต่งงานกันด้วยเด้อ
น้องเขาดูชงๆ นิดนึง เหมือนจะให้พายเรือไปขอแต่งงานกันบนเกาะ โทษทีค่ะปี 2018 พี่ยังไม่ว่าง ต้องตามติ่ง Wanna One อย่างทุ่มเท 555
เรื่องอาหารการกินไม่มีขาดตกบกพร่องค่ะ หลังจากขนมหมดก็มีผลไม้มาเสิร์ฟ ระหว่างรอบาร์บีคิวสุก เครื่องดื่มพวกน้ำเปล่า น้ำอัดลม รวมอยู่ในแพ็กเกจแล้ว แต่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต้องซื้อเพิ่มเอาเอง
มีห้องแอร์ให้นั่งพักด้วย แต่ข้างนอกอากาศดี แดดไม่แรง ลมกำลังเย็นสบาย ทุกคนเลยไปอยู่บนดาดฟ้าเรือกันหมดเลยค่ะ
มื้อเย็นประกอบไปด้วยบาร์บีคิวไก่ บาร์บีคิวกุ้ง ปลาหมึกย่าง ไส้กรอกย่าง และข้าวผัด ทีแรกเขาตักให้คนละจานก่อน แต่ถ้ากินไม่อิ่มก็มาขอเติมได้ วันที่เราไปอาหารเหลือตรึม ไม่ค่อยมีคนเติมด้วยค่ะ เรากับแฟนเลยจกกุ้งมาซัดกันอย่างเมามัน
ระหว่างกินเรือก็แล่นกลับเข้าฝั่งไปเรื่อยๆ พร้อมกับแสงอาทิตย์ที่ค่อยๆ ลาลับขอบฟ้า แต่วันนี้เมฆแอบครึ้ม แสงเลยไม่สวยพีคเท่าไหร่ ไม่เป็นไรค่ะแค่มีของกินคู่รักสาย-อย่างเราก็สุขใจแล้ว 555
แพ็กเกจนี้เหมาะกับคนขี้เกียจเป็นที่สุดค่ะ ชิลล์มากกก บรรยากาศดี ล่องเรือตอนเย็นแดดไม่ร้อน นั่งฟังเพลงรับลมทะเล แล้วก็กินๆๆ บ้านไหนพาผู้สูงอายุหรือเด็กมาเที่ยว เลือกทัวร์แบบนี้ก็เหมาะดี เที่ยวสบายๆ ไม่เหนื่อยล้า
---
อีกทัวร์หนึ่งที่เราไปกับเกาะพีพีทัวร์คือแพ็กเกจเกาะรอก-เกาะห้า ราคาคนละ 1,999 บาท เพราะอยากไปดำน้ำดูปลานีโม่ แล้วก็พบกับความช็อกคือ แฟนเราไม่รู้จักปลานีโม่ เฮ้ยยยยย นายไม่รู้จักได้ไงอ่ะ ต้องมานั่งบรีฟนั่งเปิดรูปให้ดู เนี่ยๆ ปลานีโม่คือปลาการ์ตูน ถ้าเจอแกก็เรียกฉันไปดูด้วยนะเฟ่ย
วันเดินทางจะมีรถตู้มารับจากโรงแรมตั้งแต่ 7 โมงเช้า เพราะต้องเดินทางไกลพอสมควร เรือจะออกจากจุดเช็กอิน 8 โมง บริเวณนี้มีของว่างและเครื่องดื่มให้กินก่อนขึ้นเรือด้วย ใช้เวลาอยู่บนสปีดโบ๊ตประมาณสองชั่วโมง ก็จะถึงจุดดำน้ำแรก แต่วันนี้ไกด์แจ้งว่าเราไม่สามารถแวะเกาะห้าได้ เนื่องจากสภาพอากาศแปรปรวน คลื่นลมแรง อาจเกิดอันตรายกับนักท่องเที่ยวที่ว่ายน้ำไม่แข็งได้ เลยเปลี่ยนแผนเป็นพาแวะดำน้ำที่เกาะรอกในแทน
เราได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างมาว่า เกาะรอกเป็นจุดดำน้ำตื้นที่สวยมากกก มีปลามีปะการังให้ดูเยอะ เรากับแฟนเลยไปซื้อฟิลเตอร์แดงโกโปรสำหรับถ่ายใต้น้ำมาค่ะ ตอนไปซื้อร้านที่ขายของแท้ไม่มีสินค้า แต่เขาแนะนำร้านของเทียบ (หรือของปลอมจากจีนนั่นเอง) มาให้ จัดมาราคา 500 บาท ก่อนใช้ไม่ได้เทสต์ โกโปรเราเป็นรุ่นที่ไม่มีจอด้วย พอถ่ายเสร็จกลับมาเปิดรูปดูในคอม โอ้โห จะเป็นลม ภาพแบบ...แดงแจ๋ สรุปคือไฟล์ที่ถ่ายใต้น้ำเสียหมดเลยจ้า น้ำตาจะไหลลลลล ช้ำใจสุดๆ
ขอเอารูปที่ไกด์ส่งให้ในไลน์มาลงแทนนะคะ T T
ถ้าจะถ่ายให้ได้ภาพแบบนี้ต้องลงไปลึกและใช้ความเชี่ยวชาญนิดนึงค่ะ แต่สามารถฝากกล้องให้ไกด์ดำลงไปถ่ายได้ นักท่องเที่ยวจีนฝากกันหลายคนเลย โซนเกาะรอก น้ำใสมากจริงๆ อันที่จริงไม่จำเป็นต้องติดฟิลเตอร์เลยด้วยซ้ำ อยากได้ภาพสวยดันกลายเป็นซวยซะงั้น ยังเจ็บปวดกับภาพใต้น้ำแดงๆ ไม่หาย
ช่วงเที่ยงทัวร์จะพาไปพักกินข้าวที่ชายหาดเกาะรอกนอก เป็นอาหารตักแบบบุฟเฟ่ต์ แล้วก็มีของว่าง น้ำผลไม้จัดไว้เป็นซุ้ม ระหว่างที่พักผ่อนอยู่บนเกาะหิวเมื่อไหร่ก็แวะมากินได้
บนเกาะน้ำใสมากกกและแดดก็แรงมากเช่นกัน ถ้าลงน้ำก็ไม่รู้สึกร้อนนะคะ แต่เดินเล่นริมหาดนี่ไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ แก่แล้วเดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งไปซะก่อน เราเลยเล่นน้ำนิดหน่อย กินๆๆ เดินเลาะหามุมร่มๆ นั่งหลบแดด แม้เป็นวันที่ตั้งใจออกมาผจญภัย แต่เราก็ยังทำตัวขี้เกียจได้ รู้สึกยอมใจในความสโลว์ไลฟ์ของตัวเองมาก
ขากลับคลื่นลมค่อนข้างแรง เปียกชุ่มกันเกือบทั้งเรือ ซึ่งถามไถ่จากไกด์เขาบอกว่า ถ้าเป็นวันปกติที่ไม่มีมรสุมก็ไม่ได้เปียกขนาดนี้ แต่เวลาท่องเที่ยวธรรมชาติ เราคาดการณ์อะไรไม่ค่อยได้ เตรียมพร้อมไว้ดีที่สุด ฉะนั้น ถ้าใครจะซื้อแพ็กเกจทัวร์เกาะ อย่าลืมพกกระเป๋ากันน้ำติดตัวมาด้วยนะคะ
ไฮไลต์ของทัวร์เกาะรอก-เกาะห้า คือความสวยงามใต้ท้องทะเล ถือเป็นจุดดำน้ำแบบสน็อกเกิลที่น่ามาเยือนเป็นอันดับต้นๆ ของกระบี่ แต่ใช้เวลาในการเดินทางพอสมควร ถ้านับตั้งแต่รถตู้มารับจากหน้าโรงแรมจนนั่งสปีดโบ๊ตมาถึงจุดดำน้ำ รวมๆ แล้วเดินทางประมาณ 2.30 - 3 ชั่วโมงเลยทีเดียว แพ็กเกจทัวร์นี้จึงเหมาะกับแก๊งที่ตั้งใจมาลงน้ำกันทุกคน เพราะจะมีบางช่วงที่สปีดโบ๊ตจอดกลางทะเลให้คนลงไปดำน้ำ ซึ่งถ้าใครนั่งรออยู่บนเรือ มันจะโคลงเคลงมาก หรือต่อให้ลงน้ำตลอด แต่เมารถเมาเรือง่าย ก็ควรเตรียมตัวมาให้พร้อมนิดนึงค่ะ
[มีต่อในคอมเมนต์ 1]